thehunter พิมพ์ว่า: |
ถกประเด็นกันได้สนุกมากอ่านแล้วได้ความรู้ไม่เครียดเลยชอบมากต่างจากกระทู้อื่นที่ถกกันนอกประเด็นเอาแต่ความรู้สึกส่วนตัวมาพูดกันอ่านแล้วเครียดขอบคุณท่านเจ้าของกระทู้มากครับอ่านแล้วรู้สึกว่าอยากหยิบฟิสิกส์มานั่งคำนวณเลยครับชอบครับกระทู้ดีได้ความรู้มีสาระครับ ![]() |
ค้าอะไหล่โคตรเก่า พิมพ์ว่า: |
กระทู้นี้คงไม่ยาว ถ้าวันนั้นไอสไตร์ไปนอนใต้ต้นทุเรียน ![]() |
lordpark พิมพ์ว่า: |
ยิ่งอ่านนิ่งปวดหัว ![]() ![]() ![]() ![]() |
tum911 พิมพ์ว่า: |
ท่านทั้งหลายถกแล้ว มาสรุปให้ด้วยนะ ผมอ่านแล้ว โคตะระ งง เลย สรุปใหด้วยนะ จารย์ |
OMO-knight พิมพ์ว่า: |
สรุปถ้าทำตามที่แนะนำต้องจ่ายเท่าไรคับ![]() |
summary พิมพ์ว่า: |
ขอบคุณทั้ง 2 ท่านมากครับ ได้ความรู้มากเลย ผมลองคิดตามแล้ว ส่วนตัวผมคิดว่า ค่า k มันคงที่ ส่วน F มันจะแปรผันตาม x
ส่วนการเลื่ยนสปริงให้ x เปลี่ยน (มากขึ้น) ค่า F มันก็ต้องเปลี่ยนด้วย คือ F ลดลง เมื่อ F ลดลง แรงที่จะไปต้านน้ำหนักรถ ก็น้อยลงด้วย รถจึงต่ำลง มาอยู่ในระยะที่สมดุล ไม่แน่ใจว่าถูกไหม ขอบคุณครับ |
Ton- พิมพ์ว่า: |
(F1+F2+F3) = kx
F1 น้ำหนักรถ F2 preload ที่เกิดจากการกดสปริงโดยเบ้า F3 แรงอื่นๆตอนรถวิ่ง K เท่าเดิม X เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตาม F3 ที่เปลี่ยนไปในขณะรถวิ่ง ถ้ามีการเลื่อนเบ้าลง F2 จะลดลงตาม x ที่ลดลง (ตรงนี้อย่า งง เลื่อนเบ้าทำให้ค่า x ลดลงเพราะมันคืนตัวไปสู่สภาพใกล้ระยะฟรีโหลด เพราะ x คือระยะที่สปริงยืดหรือหดจากสภาพฟรีโหลด ไม่ใช่ความยาวสปริง คหแรกๆของผมผิดไปหน่อย) k ยังคงเท่าเดิมเสมอตามทฤษฏี เมื่อมีการเลื่อนเบ้า F2 ที่ลดลงทำให้สามารถเพิ่ม F3 ได้อีกรถจึงดูรับแรงได้มากขึ้นกว่าจะเกิน usable stroke เมื่อไรที่ F1+F2+F3 ทำให้สปริงเคลื่อนที่ไปเกินระยะ usable stroke ตอนนั้น ค่า k จะเริ่มเปลี่ยน แต่คงหลายนิ้วอยู่ ขึ้นกับยี่ห้อด้วย อย่าเชื่อผมมาก นี่เรียนมาเกือบ 20 ปีละ |
Ton- พิมพ์ว่า: |
ไม่ต้องซีเรียสหรอกครับ จุดสุดท้ายมันเหมือนกันคือเลื่อนแล้วรู้สึกนิ่มขึ้น อธิบายมากๆมันยิ่งงง ใครสนใจจริงจังก็ให้ไล่อ่านเอาละกัน ผมเองอาจจะเข้าใจผิดก็ได้ ![]() |
ไปที่: |