สวดยอดด

ยกใส่รถแล้ว เหลือต่อสายไฟต่างๆกลับให้ครบ และ เก็บงานอีกเล็กน้อย ก็พร้อมจูน

ที่แรงดันน้ำมันตกนี่ทำท่อไหลกลับถังแล้วยังคับ

ตอนนี้วางเครื่องลง + เดินสายไฟกลับคืนหมดแล้ว พร้อมออกมาวิ่ง Run-in

รูปห้องเครื่อง


เรกูเรเตอร์ ปรับที่ 3.5 bar


ปรับแก้รางหัวฉีดบริเวณหัวราง และ เปลี่ยนสายน้ำมันใหม่


มาดูเฟืองแคมด้านข้างเครื่อง


มาจอดรอ จูน Run-in ตั้งตัดรอบไว้ 6000 ให้เอาไปวิ่งเล่นก่อนจูน Dyno คันสีฟ้าข้างๆ 350Z เซ็ตโบ ทำจากอู่อื่นเอามาแก้งาน


Credit by Bom Racing


เด๋วคลิปขอ upload ลง youtube แปป เดี๋ยวลงให้ช่วงบ่ายครับ

หลังติดเบาะ

รอชมคลิปครับบบบ 

สุดยอดจริงๆครับคันนี้ เสร็จแล้วขอลองนั่งหน่อยนะน้อง

ลองสตาร์ทเครื่อง รอบเดินเบาค่อนข้างสูง เพราะ ยังไม่ได้จูน เผื่อไว้ก่อน



Test วิ่งถนน ตั้งตัดรอบไว้แค่ 6000 rpm รถค่อนข้างเยอะ เลยได้แค่ 3 เกียร์ รอจูน dyno วันเสาร์นี้

รอจูนใหม่ จัดกว่านี้แน่นอนครับ
คุณท๊อป เฟืองท้าย 4.4 ใช่ไหมครับ

ผมอ่ะโชคดีมาก เกียร B20สายของ ออเทีย นับได้ 4.6 ได้ต้นมาเต็มๆ ยิ่งผ่าใส่เต็ดเข้าไปออกไปแน่นๆๆ

รอชมหลังจูนต่อนะครับ กราฟมาชมกันบ้าง

รอติดตามชมคับ

รอชมตอนจูนคับ

หลังจากเมื่อวาน ขึ้น  Dyno จูนก็มา update ผลว่าเป็นยังไงบ้าง
ก่อนจูนจัดการเปลี่ยนลิ้น 70 ม.ม. ซะก่อนเลย


เตรียมเอาขึ้น Dyno โดยใช้บริการที่ 1000speed 24 racing แถวๆเส้นราชพฤกษ์


หลังจากเอาลงหลุม ก้อพบปัญหา รถเตี้ยเกินคานล่างนั่งแท่นบนลูกกลิ้งเลย เลยต้องทำการปรับโช้คขึ้นอีก 2 นิ้ว (Tein flex ช่วยไว้)




มาดูกราฟแรงที่ไม่ได้จูนปรับอะไรเลย วิ่งเพื่อดูว่าต้องแก้ตรงไหนบ้าง
สังเกตได้ว่า แรงบิดเริ่มตกหลัง 4700 rpm แต่พอเทคเปิดแรงม้ากระโดดไปอีก 50 ตัว ทอร์ค 50 N-m กราฟนี้ถ้าเน้นมัน ไม่เน้นม้า จัดไป ดึงหนักสุดๆ หน้าหงายกันไป


ต่อมาก็ปรับแก้ ตามกราฟก่อนหน้า โดยปรับวีเทคมาเปิดที่ 4600 rpm และปรับส่วนผสมนิดหน่อย ก็ได้ดังรูป
สังเกต power band กว้างมาก มาเต้มตั้งแต่ 5000 rpm จนไปถึง 7600 rpm 


หน้าตาจูนเนอร์ พี่นา Madmonkey


จูนอีก 5 run ดันยังไงแรงม้าก็ไม่ขึ้น ใส่น้ำมันไปรอบสูงๆ 7600rpm ขึ้นไป จุดไม่ติดเลย A.F. ฟ้องว่าหนามาก
สาเหตุมาจากกำลังอัดสูงมากๆ(ปาดฝาและทำหัวลูกสูบ เพื่อใส่แคม Pro2 ในอนาคต) แต่แคมเดิมเปิดเอาอากาศเข้าออกได้ไม่ทัน ไฟจึงจุดไม่ติด สังเกตแรงม้าสูงสุดไปตันเป็นก้อนๆ แถวๆ 6500rpm จนถึง 7200rpm กราฟแรงม้าปรกติต้องเป็นยอดแหลมๆวิ่งไปจนถึงรอบสูงสุด

แถมยังเจอปัญหาอีก คือ สายน้ำมันไหลกลับรั่วจนนองอีกบริเวณใต้ถังน้ำมันอีก กลิ่นลึ่มๆเลย รั่วจนสตาร์ทไม่ติดเลย เลยยุติจูนก่อน หมดเวลาพอดีด้วย รออัพแคมก่อนค่อยมาจูนใหม่

สุดท้ายได้กราฟดังรูป ตาม spec โรงงานเลย 168 WHP ทอร์ค 203 N-m แอบเศร้านิดๆ


Clip บน Dyno เดี๋ยวลงให้ครับ Upload ลง Youtube อยู่ครับ



 

Clip-1



Clip-2



Clip-3

คุณท๊อป กำลังอัดเท่าไรคับ

ลิ้น 70 อากาศมาเยอะ แคมองศาไม่สูงดูดกับคลาย ไม่ทันหนา
งานนี้ต้องโดน แคมแล้วไม่แบบนั้น รถไม่เดิน ม้าไม่มาแรงบิดตก
ลุ้นสเตปต่อไปคับ

เสียง เร้าใจ จริงๆ ตครับ ><" 

สุดยอดเลยครับ

...

... สุดครัช

หลังจากไปลองวิ่งสนาม Bira circuit มา และ ขับใช้งานมาประมาณ 2 เดือน เริ่มชินความแรงจากเครื่องเดิมเลยขอ up step หน่อย

โดยการทำครั้งนี้ได้เปลี่ยนอู่มาทำใกล้ๆบ้าน คือ อู่พี่เอก V-pro ทำการประกอบเครื่องให้

อู่เป็นบ้าน อยู่ในหมู่บ้านดีพร้อมดิไพร์มารี่ เทพารักษ์-แพรกษา ใกล้ๆซอยมังกร สมุทรปราการ

Concept : ต้องขับใช้งานในชีวิตประจำวันได้ และ สามารถซ่าบนถนนได้ในระดับนึง เดินเบาติ๋มๆแบบรถโรงงาน

ว่าแล้วเลยลองหาข้อมูลตามเว็ปไทย และ ต่างประเทศ ว่าจะใช้แคมอะไรดี 

สุดท้ายเลือกแคม Skunk2 Tuner stage 2 (Spec ID:Lift 12.3 m.m. EX:11.8 m.m.) พอดีกับจังหวะไปเจอแคมตัวนี้พอดี สภาพใหม่มากถอดจากรถพอดี และ ราคาไม่แพง



รหัส H08 ตรงรุ่น




โดยปรึกษากับทางพี่เอก ว่าใช้สปริงวาล์วอะไร รีเทนเนอร์อะไรดี ได้คำตอบมาว่าฝาแดงก็อพอตัวนี้ แต่เอารีเทนเนอร์ของซิ่งละกัน ใช่ว่าสปริงวาล์วแข็งจะดีเสมอไป ยิ่งแข็งยิ่งเพิ่มภาระเครื่อง แถมแคมสึกเร็วอีกต่างหาก (พี่เอก ให้คำแนะนำดีมาก ไม่ยุให้ใส่ของแต่งถมๆ เข้าไป อันไหนใช้ได้ก็ใช้บ้านเรา เพราะ เครื่องไม่ได้ใช้กำลังอัดท่วมๆ เลยคุยกันถูกคอเลยแบบนี้ 55+)
ได้แต่รีเทนเนอร์ supertech มา ส่วนสปริงวาล์วยังหาไม่ได้ คือ สปริงวาล์วฝาแดงหายากมาก ส่วนมากขายพร้อมแคม



ไหนๆก้อไหนๆ ลิ้นมี 70 มิล อยู่แล้ว แต่คอไอดียังเป็น b16 เดิม ก็เปลี่ยนมันซะเลย เห็นเค้าว่ากันว่า Edrelbrock vixtor X ดี ผมไม่เชื่อ ก็เลยเบิกมาลองซะหน่อย แต่ไม่รู้จะติดผนังห้องเครื่องป่าวไม่รู้ ถ้าติดก้อถอดมอเตอร์เดินเบาออก อุดรู ใส่ Vaccum Toyota แทนละกัน มาดูขนาดกัน (ตอนไปเอา ใหญ่จนตกใจ) ตัวนี้จะซ่อนสาย Vaccum ต่างๆไว้ใต้คอหมด ได้โล่งเพิ่มมาอีกนิด





ส่วนน็อตฝาใช้ของ K24 เนื่องจากมันมีความเจ๋งแอบแฝงอยู่ในตัว ก็เรามัน OTOP style ในรูปเทียบให้ดูระหว่าง ARP(บน) กับ K24(ล่าง) ขนาดต่างกัน และเกลียวล่าง ของ K24a มีเยอะกว่า (รูปแทนนะครับ)



เดี๋ยวเปิดฝาเครื่องออกมา มาต่อกันอีกทีครับ ตอนนี้กลับไปตาหาสปริงฝาแดงก่อน