เปลี่ยนกรองเบนซินมาเลยถ่ายรูปมาให้ดูว่าหลังจากเติม E85 มา 10 กว่าถัง แต่เริ่มตั้งแต่ไมล์เท่าไหร่ไม่ทราบ
เปลี่ยนกรองเมื่อล่าสุด 1 แสนโล ตอนนี้เลขไมล์ 148,xxx

ไม่รู้ว่าตอนแรกสีมันขาวหรือว่าสีอะไร อยากเห็นเปรียบเทียบเหมือนกัน

Attached File :

กรองตัวเท่าไหร่ครับ

เพิ่มเติม...

เคยอ่านจากกระทู้แรกๆถึงวิธีดูสีเขม่าหัวเทียนว่าน้ำมันบางหรือไม่ เลยถ่ายรูปล่าสุดที่เปลี่ยนมาให้ดูครับ

มันคือสีอะไรครับ...

artoasis พิมพ์ว่า:

ครับ ออกเทน 105 ไม่ชิงจุดระเบิดครับ ถ้าส่วนผสมมันไม่บางจนผิดปกติครับมากๆครับ และ ECU (Close Loop) รถเดิมที่ไม่ปรับแต่ง ยังไงมันก็พยายามวิ่งหาค่า 14.7:1 ครับ ยังไงมันก็แสดงผลว่า ปกติ แต่สัดส่วนของ E85 ต้องการที่ 9:1 ครับ เบื้องต้นยังไง ECUเดิม ก็ไม่รู้ครับ มันรู้แต่ว่าต้องสั่งน้ำมันให้ฉีดที่ 14.7:1 ครับ ส่วนรถที่ติดแก็สแล้วไฟ Engineโชว์ ไม่ใช่สัดส่วน A/F ผิดครับ แต่เป็น Timing ที่ผิดจากการหลอกสัญญาณครับ (สัญญาณสั่งให้หัวฉีด ฉีดน้ำมัน แต่ความเป็นจริงหัวฉีดน้ำมันปิดอยู่ แล้วสั่งให้หัวฉีดแก๊สฉีด แต่ดันเจาะรูไม่เหมาะสมทำให้ระยะเวลายกหัวฉีดไม่สัมพันธ์กัน ECUหลัก เลยงง ครับ) อยากรู้ว่าช่างเก่งไหม ลองถามดูครับว่า ค่า A/F ของ E85 เท่าไหร่? ลองภูมิช่างดู ซึ่งนี่แหล่ะครับที่เป็นเหตุผลที่ว่าบางจังหวะรถจะอืดๆครับ เพราะรถมันรู่จักแต่ค่า 14.7:1 (ลองถอดหัวเทียนออกมาดูสีเขม่าก็รู้แล้วครับว่าบางหรือไม่บาง สีเทา=บาง สีน้ำตาล=แจ่มสุดๆ สีดำ=หนา) ใช้ไปเถอะครับ ใช้งานทั่วไป ยังไงก็ใช้ได้ครับ (ลองไปดู EG3D club สิครับ จูนใช้ E20 E85 ตรึมเลยครับ แรงด้วยครับ) ยุคนี้ถ้าไม่หาหนทางใหม่ๆ จนตายลูกเดียว

Attached File :

วิธีการสังเกตสีของหัวเทียน ก็ไม่ยากครับ ดังต่อไปนี้ (หลายๆท่านอาจจะทราบแล้ว)

ให้สังเกตสีที่หัวเซรามิกของหัวเทียนครับ

สีเทา = อัตราส่วนผสมน้ำมันต่ออากาศ บาง (น้ำมันน้อยเกิน)
สีน้ำตาล (ออกสีสนิม) = อัตราส่วนผสมน้ำมันต่ออากาศพอดี (สมบูรณ์ที่สุด)
สีดำ = อัตราส่วนผสมน้ำมันต่ออากาศ หนา (น้ำมันมากเกิน)



และยังมีกรณีอื่นๆอีกครับ ลองดูตามรูปนี้ละกัน








สำหรับท่านที่ทดลองเติมน้ำมัน E85 จะเติมเพียวๆ หรือ ผสมเป็นสัดส่วน ก็ลองถอดหัวเทียนมาตรวจสอบดูครับ ว่าการเผาไหม้เป็นอย่างไร



ส่วนกระทู้แรกๆที่ผมอ้างอิงค่า A/F = 14.7:1 สำหรับน้ำมันเบนซินทั่วไป และ A/F สำหรับ E85 = 9:1 (14.7:1 และ 9:1 มาจากการดุลสมการเคมี) คือการที่ ECU จะพยายามปรับให้เข้าค่าเป็น Lambda =1 ครับ


การประมวลผลสำหรับ ECU รถรุ่นใหม่ๆที่สามารถใช้เชื้อเพลิงได้หลายๆชนิดนั้น
ทำการประมาณผลแบบเข้าค่า Lambda=1 ครับ เพราะเชื้อเพลิงแต่ละชนิดจะมีอัตราส่วนผสมอากาศต่อน้ำมัน (A/F Ratio) ที่ไม่เท่ากันครับ ดังนั้นถ้าเราเปลี่ยนชนิดน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่บ่อยๆ ECU ก็จะทำการตรวจสอบและประมวลผลให้เข้าค่า Lambda=1 ใหม่ครับ

Lambda =1  หมายถึง ส่วนผสมพอดี
Lambda >1  หมายถึง ส่วนผสมบาง
Lambda <1  หมายถึง ส่วนผสมหนา

ซึ่งน้ำมันแต่ละชนิดจะมีอัตราส่วนผสมโดยประมาณดังนี้ครับ

เบนซิน 91,95,E10 ค่า Lambda=1 จะมีค่า A/F ที่ 14:1
E20                   ค่า Lambda=1 จะมีค่า A/F ที่ 12:1
E85                   ค่า Lambda=1 จะมีค่า A/F ที่   9:1
LPG                   ค่า Lambda=1 จะมีค่า A/F ที่  15:1

ดังนั้นถ้า ECU ไม่สามารถดึงค่า Lambda ให้อยู่ตามที่กำหนดได้ ไฟ Engine ก็จะโชว์
เป็นการเตือนถึงสถานะการเผาไหม้ที่ผิดปกติ

อันนี้เป็นตารางอัตราส่วนผสมเปรียบเทียบเชื้อเพลิงแต่ละชนิด






จะสังเกตได้ว่าน้ำมัน E85 ต้องการปริมาณน้ำมันที่หนากว่าเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ
ในกรณีที่ท่านเติม E85 ผสมกับน้ำมันชนิดอื่นที่มีอัตราส่วน A/F บางกว่า E85 จึงทำให้สามารถใช้งานได้เพราะ ECU และระบบหัวฉีด ยังเพียงพอที่จะควบคุมให้ค่า Lambda=1 ได้   แต่พอเติม E85 เพียวๆ ECU จะทำการประมวลผลใหม่เพื่อดึงค่า Lambda ให้เท่ากับ 1 จึงสั่งให้หัวฉีดยกมากขึ้น มากขึ้นเท่าที่จะทำได้ จนสุดท้ายเมื่อทำไม่ได้ก็จะทำการแจ้งเตือนเป็นไฟ Engine โชว์

ส่วนท่านที่ใช้ LPG แล้วไฟไม่โชว์ ก็เพราะโดยลักษณะของ LPG มีอัตราส่วนผสมพอดีที่บางกว่าน้ำมันครับ  แต่การที่หลายๆท่านบอกว่าใช้แก๊สแล้วเครื่องร้อน สาเหตุหลักมาจากการลามไฟที่ช้าของ LPG แล้วไม่ทำการปรับองศาไฟให้แก่ขึ้น จึงทำให้การสันดาปอยู่ในสถานะไฟอ่อน (จุดระเบิดล้าช้า) เกิดเป็นความร้อนที่ไม่เกิดงานสะสมในห้องเผาไหม้ ทำให้ลูกสูบละลายได้นะครับ ซึ่ง E85 ก็มีลักษณะการลามไฟล้าช้าเหมือน LPG ครับ
ถ้าใครรู้จุดการปรับจูน LPG จริงๆบอกได้เลยว่าแรงมากครับ แต่เท่าที่จูนมายังไงก็ยังสู้ E85 ไม่ได้ครับ

ส่วนเรื่ององศาไฟจะมีการปรับชดเชยให้อัตโนมัติครับ เพราะเครื่อง D17A จะมี knock sensor ควบคุมอยู่ ก็พอที่จะชดเชยองศาไฟได้แต่ไม่ใช่องศาไฟที่ดีที่สุด

ดังนั้นสำหรับท่านที่จะใช้ E85 เป็นหลัก และมีงบประมาณจำกัด ไม่อยากยุ่งยาก ก็ให้หาหัวฉีดของ K20 มาใส่ครับ Reset ECU ใช้ได้เลยครับ
ปัญหา start ลากยาวและไฟ Engine โชว์ก็จะไม่เกิด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องตรวจสอบการทำงานของ O2 Sensor ด้วยครับว่ายังใช้การปกติหรือปล่าวเพราะเป็น Sensor หลักที่ทำให้ ECU ประมวล ค่า Lambda ได้ถูกต้อง
แต่ถ้ายังอยากสลับใช้เชื้อเพลิงไปมา เอาแน่เอานอนไม่ได้ก็หา E85kitมาติดเอาครับ ก็พอได้ในระดับนึง

ของผม สงสัยจะประมาณ รูปที่ 20-24....

2-3 วันมานี้ ตอนเช้า สตาร์ท วอร์มสักพัก ไฟเอ็นจิ้น โชว์ ทุกครั้ง ต้องดับเครื่อง สตาร์ทใหม่ 2-3 รอบ ถึงจะหาย สงสัยเครื่องเย็น ใครเป็นบ้างเอ่ย พอเครื่องร้อน ก็หาย จะเกี่ยวกับหัวเทียนไหม คิดจะเปลี่ยนอยู่เหมือนกัน รถผมเดิม ๆ exi 02 auto

ในที่สุด...ลูกชายพ่อก็มีวันนี้


"E85 เต็มถังน้อง..."


จาก 1,400 กลายมาเป็น 840 น้ำตาจะไหล

เติมปุ๊ป เลี้ยวรถไปเช็คลมยาง

Reset ECU

และ Mini Trip วิ่งรอบเกาะภูเก็ต

ผลที่ได้รับ...กำลังขับลดลงในช่วงต้นๆ แต่สำหรับผมชอบมากๆ แต่เมื่อหลังจากนั้นมันก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเติมน้ำมันอื่นๆ เลย (รู้งี้เติมตั้งนานละ)

ลูกชายผม ไม่โม ไม่แต่งเติมอะไรทั้งนั้น

เกี่ยวกับปัญหาตอนสตาร์ทเวลาเครื่องเย็น(ตอนเช้าๆ) สำหรับลูกชายผมไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

จากเดิมบิดกุญแจประมาณ 0.5-1 วินาที กลายเป็นต้องบิดนานกว่าปกตินิดนึงประมาณ 1-2 วินาที
อาจจะเพราะผมเพิ่งเปลี่ยนแบตฯ ใหม่หรือเปล่า ไม่แน่ใจ ไว้ว่างๆ จะถอดหัวเทียนมาเช็คดู มี Money เมื่อไหร่ ค่อยเปลี่ยนท่อยางน้ำมันครับ

Update ณ บัด Now : น้ำมันลดลงเหลือเกือบครึ่งถังแล้ว จับระยะทางจากได้เกือบ 200 km แล้วครับ

หนาวนี้ขอตัวไปเล่น E20 แทนก่อนดีกว่า
E85 โดนอากาศเย็นๆติดยาก
อุณหภูมิเป็นสาเหตุที่ทำให้ E85 ติดยาก

วันนี้ผมก็ไปเติมมาแล้วคับถังที่ 5  เปลี่ยนท่อเเช่ เองเลยคับ

Attached File :

รถผมปกตินะแค่บิดนานหน่อยเอง

หวัดดีครับ
เพิ่งเป็นสมาชิกใหม่ ได้รถมาประมาณสามเดือน
มีคำถามจะถามครับ

ผมเติม E85 ได้ประมาณจะ 5 ถังแล้ว
ช่วงสองถังแรก สตาร์ทเครื่องครั้งเดียวติด
แต่หลังจากถังที่สามถึงถังล่าสุดต้องสตาร์ทสองครั้ง
หรือไม่บ้างทีสตาร์ทครั้งเดียวติดแล้วครั้งดับ
รถผมเดิมๆ เลยครับยังไม่ได้ทำอะไร
จะถามว่าผมต้องเอารถไปเปลี่ยนหัวเทียนหรือว่าอะไหล่อย่างอื่นหรือเปล่า

รบกวนด้วยนะครับ

05 EXI Auto พึ่งเติมเมือ่วานเย็น 500 ครับ
สตาทหน่วงกว่าเดิม ประมาณ 0.5 วิ
เครื่องเรียบ เงียบกว่าเดิม
แรงเครื่องตก ไปนิดๆ ไม่มากแต่ รู้สึกได้นิดๆ

แต่เหยียบหนักขึ้น เพราะ 500 ก้ เกินครึ่งถังละครับ 

ถ้าจะเพิ่มปริมาณน้ำมันเข้าห้องเผาไหม้
ทำอย่างไหนเห็นผลมากที่สุดครับ

1.เปลี่ยนหัวฉีดให้จ่ายมากขึ้นกว่าเดิม...โดยที่ไม่เปลี่ยน regulator และปั้มติ๊ก
2.เปลี่ยน regulator ให้จ่ายน้ำมันเยอะกว่าเดิม....โดยไม่เปลี่ยนหัวฉีด(จริงก็น่าจะเปลี่ยนตามไปด้วยกัน)และไม่เปลี่ยนปั้มติ๊ก
3.เปลี่ยนปั้มติ๊กให้แรงขึ้น...แต่ไม่เปลี่ยนหัวฉีดและ regulator

หรือว่าจริงๆแล้วควรเปลี่ยนพร้อมๆกัน เพราะเปลี่ยนอย่างใดอย่างหนึ่ง มันก็จะไปเกิดอาการคอขวดกับอุปกรณ์อย่างอื่น ทำให้ได้ผลไม่เต็มที่?

ผมพึ่งหยอดไปเมื่อเช้า 300 ได้ 14 ลิตร นิด ๆ มีของเดิมอยู่ประมาณ 1/4 ถัง (ของเดิมเป็น E20) รถผม ES 2.0 ปี 2004 ครับ
รอดูอาการว่าพรุ่งนี้จะสตาร์ตติดยากป่าว ถ้าโอเคจะสลับกับ E20 ครับ