red_faster พิมพ์ว่า: |
ลองแล้วครับ ตอนนี้สตาร์ทไม่ติดเลย
ไม่รุ้ว่าแบตหมดไปเลยรึป่าว รึว่ามันเสื่อมไปเลย คงต้องลองซื้อแบตลูกใหม่มาเปลี่ยนอย่างเดียวเลยถึงจุะรู้ได้ |
Tod_Kurono พิมพ์ว่า: |
ไดร์ชาร์จแน่นอนครับมันกำลังจะไปผมเคยเป็น ไฟหน้าปัดแย่งกันขึ้น![]() ที่ไฟขึ้นมั่วไปหมดน่าจะมาจากไฟแบตไม่ค่อยพอ แล้วไดร์ชาร์จจ่ายไฟผิดปรกติ |
srithanon พิมพ์ว่า: |
อาการที่เล่ามา น่าจะมาจากสาเหตุระบบไดน์ชาร์จ ไม่ทำงาน หรือเสีย ในระบบไดน์ชาร์จหากชุด IC เร็คกูเลเตอร์เสีย มันก็ไม่สามารถชาร์จไฟได้ เนื่องจากวงจรของ IC regulator จะทำงานต่อไฟจากแบ็ตไปจ่ายให้ขดลวดโรเตอร์สร้างสนามแม่เหล็กให้กับขดลวดสเตเตอร์ มีแรงเคลื่อนโวลเต็จเกิดขึ้น เพื่อนำโวลเต็จที่ได้ไปทำการ Rectifier ให้เป็นกระแสไฟ DC ไปชาร์จแบ็ต
ในสภาวะปกติเมื่อบิดสวิชท์กุญยยแจรถไปที่ตำหน่ง ON จะมีไฟบอกสถานะไฟชาร์จติด และระบบไฟอื่นๆที่ใช้ระบบกราวด์ร่วมในวงจรของไฟชาร์จ เช่นไฟรูปเครื่องยนต์ ไฟน้ำมัน... ก็จะต้องติดโชว์ เพื่อแสดงการทำงานของระบบไฟการแจ้งเตือนให้ทราบว่าทำงานปกติ ต่อเมื่อบิดสวัช์ทกุญแจไปที่ตำแกหน่งสตาร์ท์และเครื่องยนต์ติด ระบบกราวด์ร่วมก็จะถูกตัดออกไป ทำให้ระบบไฟแจ้งเตือนดับ แต่เมื่อใดก็ตามที่ไฟแสดงสถานะระบบชาร์จยังคงติดตลอดเวลา นั้นแสดงให้ทราบว่ามีปัญหากับระบบไดน์ชาร์จแล้ว ซึ่งวิธีการตรวจสอบระบบไฟชาร์จก็ง่ายๆธรรมดา เพียงแต่หาตัว DC Amp meter ขนาด 50 Amp หรือที่ตามร้านแบ็ตใช้ มาต่ออันดับกับระหว่างสายไฟที่เป็นเส้นไฟชาร์จ ที่ +B จากตัวไดน์ไปยังแบ็ตเตอรี่ แล้วสจาร์ทเครื่องยนต์( ในกรณีที่ไฟแบ็ตไม่พอสตาร์ทก็ต่อแบ้ตพ่วงให้เครื่องยนต์ติดก่อน แล้วเอาแบ็ตพ่วงออก) หากระบบไฟชาร์จเสียจะไม่มีกระแสไฟจ่ายให้กับแบ็ตเตอรี่ หากดีจะเห็นกระแสไฟวัดได้ในรอบเดินเบาประมาณ 10 Amp หากเร่งรอบเครื่องยนต์ไปที่ประมาณสามพันรอบ จะมีกระแสไฟมากประมาณ 30 Amp ขึ้นไปแล้วแต่ขนาดของตัวไดน์ชาร์จ กับกรณีที่ตัว Diode rectifier เกิดการช๊อร์ท จะทำให้ไฟในแบ็ตเตอรี่ไหลผ่านวงจรของไดน์ชาร์จลงกราวด์ ทำให้ไฟในแบ็ตไม่มี วิธีการตรวจสอบเรื่องไฟรั่วลงกราวด์ในกรณีไดโอดเร็คติไฟร์ชอร์ท ก็ง่ายๆอีกเช่นกัน นำเอา DC Amp meter มาต่ออันดับกับขั่วบวก + ของแบ็ตเตอรี่ กับ ขั่ว + B ที่ตัวไดน์ชาร์จ (ไม่ต้องสตาร์ทเครื่องยนต์) จะพบว่ามีกระแสไฟอ่านได้มากกว่าสามแอมป์ขึ้นไป แสดงว่าไดโอดช๊อรท์ สำหรับการตรวจสอบระบบไฟในรถรั่วลงกราวด์ อันมาจากหลายสาเหตุ เช่นสายไฟบวกช๊อร์ทกับกราวด์ หรือในระบบเครื่องเสียงในรถมีวงจรเพาเวอร์ซัพพลายชอร์ท พวก c Fillter หรือขั่วหลอดไฟชอร์ทถึงกัน ก็สามารถตรวจสอบง่ายๆตามนี้ ให้ถอดเอาขั่วสวมแบ็ตที่เป็นขั่วบวกที่มีสายไฟเมนและสายไฟบวกอื่นๆที่ต่อรวมกันที่จุดนี้ออก จากนั้นก็ให้เอา DC Amp meter ต่ออันดับกับขั่วบวกของแบ็ตกับขั่วที่สวมแบํ็ตที่ถอดออก(ไม่ต้องสตาร์ทเครื่องยนต์) หากพบว่ามีการอ่านค่ากระแสไฟได้ตั้งแต่ 1Amp ขึ้นไป จนถึงประมาณสามสี่แอมป์ ให้ทราบว่ามีกระแสไฟรั่ว หากอ่านค่ากระแสไฟได้ประมาณสองสามร้อยมิลลิแอมป์ ถือว่าปกติ ที่วัดได้สามสี่ร้อนมิลลิแอมป์เพราะว่าจะมีกระแสไฟส่วนหนึ่งที่จะต้องต่อใช้งานตลอดเวลาก็คือ พวกเอาไฟไปเลี้ยงภาคเมมโมรี่ของเครื่องวิทยุและเครื่องเสียง หรือมีการใช้กระแสไฟในระบบเครื่องป้องขโมย ก็จะขึ้นอยู่กับว่านำไปใช้อะไรตลอดเวลา สำหรับการตรวจสอบว่ารั่วที่ส่วนไหนอย่างไร ก็ง่ายๆอีกเช่นกัน สมมุติว่าที่แอมป์มิเตอร์อ่านค่ากระแสไฟรั่วได้ประมาณ 3-5 Amp ก็ให้ดึงสายไฟที่ขั่วสวมแบ็ตขั่วบวกที่เอามาต่ออันดับกับแอมป์มิเตอร์ ออกทีละเส้นซึ่งแต่ละเส้นก็หมายถึงวงจรของการใช้กระแสไฟแต่ละชนิด เช่นเครื่องเสียง ระบบไฟหน้า ไฟเบรค ปถอยหลัง สมมุติว่าดึงสายไฟเส้นไหนออกแล้วทำให้กระแสไฟที่อ่านได้ที่แอมป์มิเตอร์ลดลงเหลือสองสามร้อยมิลลิแอมป์ แสดงว่าสายไฟเส้นนั้นมีไฟรั่ว รั่วตรงไหนก็ให้ตรวจตามสายไฟเส้นนั้นไปว่าเอาไปใช้กับอะไรบ้าง สงสัยจุดไหนก็ให้เอาจุดต่อสายไฟที่เขข้าอุปกรณืนั้นออก ไล่ไปทุกจุดที่เอากระแสไฟจากสายไฟเส้นนั้น ก็จะพบเองว่าเป็นที่จุดใด ผมสรุปย่อๆพอให้เข้าใจ คิดว่าคงต่อยอดในการวิเคราะห์ได้ ขี้เกียจพิมพ์ครับ สำหรับปัญหาของเจ้าของกระู้ ขอแนะนำว่าให้นำไดน์ชาร์จไปที่ร้านซ่อม และทำตามที่ผมแนะนำก็จะทราบปัญหาที่เกิดจึ้นครับ ขอให้โชคดีครับ .......srithanon |
srithanon พิมพ์ว่า: |
ร้านพวกนี้ต้องการให้เปลี่ยนไดน์ชาร์จที่บิ้วมา แล้วเอาตัวที่เราบอกว่าเสีย เอาไปเปลี่ยนอุปกรณ์เล็กน้อยไม่กี่สิบบาท แล้วเอาขาขายต่อ แบบที่เขาจะขายให้คุณนั่นแหละ เป็นวิธีการหากินของเขา หมูเข้าปากหมา อยู่ใกล้ๆจะซ่อมให้ฟรีซื้ออาไหล่มาก็แล้วกัน แต่มันไกลเกินไป ทางร้านแบ็ตหรือร้านไดน์ชาร์จก็ใจดำเกินไป ทดสอบตรวจว่าไดน์ชาร์จเสียจริงให้เจ้าของรถดูก่อนก็ไม่ได้ หรือไม่เข้าใจหรือรู้อยู่แก่ใจว่าเสียอะไรนิดหน่อย แล้วไม่ต้องการบอกให้รู้ เพราะกลัวหมูเหลือกระดูกติดมัน
ถามท่านเจ้าของกระทู้ต่ออีกนิด ในขณะที่เปลี่ยนแบ็ตลูกใหม่แล้ว สตาร์ทเครื่องยนต์ แล้วไฟต่างๆที่โชว์ดับเป็นปกติใช่ไหม หากดับปกติ แสดงว่าระบบรถไฟในรถของคุณรั่วลีคลงกราวด์แน่นอน ไดน์อาจจะไม่เสีย หากกลัวเรื่องโดนหรอก ก็เอาแบ็ตไปชาร์จไฟให้เต็มเอากลับมาใส่ที่รถตามเดิม แล้วต่อสายที่ขั่วแบ็ตอย่างเดิม แต่ให้ถอดสายไฟชาร์จจากตูดไดน์ชาร์จที่ขั่ว +B ออก แล้วปล่อยไว้ทั้งคืน จนถึงเช้า แล้วลองสตาร์ทเครื่องยนต์ดู (ยังไม่ต้องเอาสายไฟชาร์จที่ตูดไดน์ชาร์จต่อกลับที่เดิม) หากสตาร์ทติด แสดงว่าไดน์ชาร์จเสีย แต่ถ้าสตาร์ทไม่ติด แสดงว่ามีไฟรั่วลีคลงกราวด์ หรือชอร์ทที่ไหนสักแห่งแน่นอน เป็นการตรวจสอบที่แยกได้ว่าเป็นที่ตัวไดน์ชาร์จเสีย หรือมีระบบไฟรั่วลงกราวด์ในวงจรไฟในรถ ลองทำเลยนะครับ.....srithanon |
srithanon พิมพ์ว่า: |
ร้านพวกนี้ต้องการให้เปลี่ยนไดน์ชาร์จที่บิ้วมา แล้วเอาตัวที่เราบอกว่าเสีย เอาไปเปลี่ยนอุปกรณ์เล็กน้อยไม่กี่สิบบาท แล้วเอาขาขายต่อ แบบที่เขาจะขายให้คุณนั่นแหละ เป็นวิธีการหากินของเขา หมูเข้าปากหมา อยู่ใกล้ๆจะซ่อมให้ฟรีซื้ออาไหล่มาก็แล้วกัน แต่มันไกลเกินไป ทางร้านแบ็ตหรือร้านไดน์ชาร์จก็ใจดำเกินไป ทดสอบตรวจว่าไดน์ชาร์จเสียจริงให้เจ้าของรถดูก่อนก็ไม่ได้ หรือไม่เข้าใจหรือรู้อยู่แก่ใจว่าเสียอะไรนิดหน่อย แล้วไม่ต้องการบอกให้รู้ เพราะกลัวหมูเหลือกระดูกติดมัน
ถามท่านเจ้าของกระทู้ต่ออีกนิด ในขณะที่เปลี่ยนแบ็ตลูกใหม่แล้ว สตาร์ทเครื่องยนต์ แล้วไฟต่างๆที่โชว์ดับเป็นปกติใช่ไหม หากดับปกติ แสดงว่าระบบรถไฟในรถของคุณรั่วลีคลงกราวด์แน่นอน ไดน์อาจจะไม่เสีย หากกลัวเรื่องโดนหรอก ก็เอาแบ็ตไปชาร์จไฟให้เต็มเอากลับมาใส่ที่รถตามเดิม แล้วต่อสายที่ขั่วแบ็ตอย่างเดิม แต่ให้ถอดสายไฟชาร์จจากตูดไดน์ชาร์จที่ขั่ว +B ออก แล้วปล่อยไว้ทั้งคืน จนถึงเช้า แล้วลองสตาร์ทเครื่องยนต์ดู (ยังไม่ต้องเอาสายไฟชาร์จที่ตูดไดน์ชาร์จต่อกลับที่เดิม) หากสตาร์ทติด แสดงว่าไดน์ชาร์จเสีย แต่ถ้าสตาร์ทไม่ติด แสดงว่ามีไฟรั่วลีคลงกราวด์ หรือชอร์ทที่ไหนสักแห่งแน่นอน เป็นการตรวจสอบที่แยกได้ว่าเป็นที่ตัวไดน์ชาร์จเสีย หรือมีระบบไฟรั่วลงกราวด์ในวงจรไฟในรถ ลองทำเลยนะครับ.....srithanon |
ไปที่: |