อ้างอิงจาก: |
ข้อเสียของ Camry Hybrid ที่คุณควรรู้ก่อนตัดสินใจซื้อ !!!!กระทู้สนทนา
รถยนต์Toyotaรถยนต์ไฮบริดToyota Camry การจะซื้อรถสักคัน โดยอ่านแค่โบรชัวร์ที่เขียนแต่ข้อดี หรือเพียงแค่ทดลองขับ30นาที ไม่เพียงพอแน่นอนครับ สิ่งที่ผมจะเขียนต่อไปนี้ คือข้อเสียที่ค้นพบจากการใช้งานจริง ซื้อจริง เจ็บจริง และจะเป็นข้อมูลอีกด้านก่อนที่ท่านจะตัดสินใจซื้อ ว่าท่านรับข้อเสียเหล่านี้ได้รึไม่ (ส่วนข้อดีผมคงจะไม่พูด เพราะว่าท่านสามารถหาอ่านจากที่อื่นได้) 1.คัมรี่ไฮบริดรุ่นใหม่นี้ระบบแอร์จะมีกลิ่นเหม็นแทบทุกคัน ของผมก็เป็น สามารถค้นหาข้อมูลเพิ่มเติมได้จาก คลับแคมรี่2012 ปัจจุบันนี้ปัญหานี้ยังไม่สามารถแก้ไขได้ http://camry2012club.com/webboard/index.php/board,18.0.html เข้าไปในคลับที่ช่องค้นหา แล้วพิมพ์คำว่า แอร์เหม็น จะพบว่าเจอกันแทบทุกราย แก้ไม่ได้ 2.แอร์จะปล่อยลมร้อนออกมาเป็นช่วงๆให้รำคาญเล่น เพราะระบบแอร์ของคัมรี่ไฮบริดจะใช้การทำงานผสมกันระหว่างแอร์เย็นและฮีตเตอร์ ปล่อยลมเย็นและร้อนผสมกันออกมาให้ได้อุณหภูมิตามที่เราต้องการ ข้อเสียของระบบแบบนี้คือ บางช่วงจะมีลมร้อนออกมาให้เราได้สัมผัส แรกๆจะตกใจ แต่ต่อไปจะชิน ข้อนี้อาจจะเรียกว่าไม่ใช่ปัญหาก็ได้ เพราะระบบการทำงานของมันเป็นแบบนี้ แต่สำหรับบางคนสิ่งจุกจิกแบบนี้อาจจะถือว่าเป็นปัญหา 3.เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังจะมีไอร้อนที่ระเหยออกมาจากแบตเตอรี่ ให้คนนั่งรู้สึกอุ่นๆ ซึ่งไม่สามารถแก้ไขได้ เป็นระบบการทำงานปกติ แต่สำหรับผมข้อนี้คือข้อเสียที่โตโยต้าไม่ได้บอกไว้ในโบรชัวร์ แต่บอกเอาไว้ในคู่มือการใช้งานรถหน้าXXX(ผมจำไม่ได้ต้องไปเปิดคู่มือดูเอง) ส่วนตัวคิดว่าข้อนี้เป็นข้อเสียอย่างร้ายแรง เพราะรถขนาด D-segment ใครๆก็รู้ว่ามันเป็นรถครอบครัว คนส่วนใหญ่ก็ซื้อมาเพื่อนั่งกัน4-5คน และการที่เบาะหลังมีไอร้อนออกมา มันจะนั่งได้อย่างไร ก่อนซื้อขอเซลล์ดูหนังสือคู่มือรถเลย จะพบว่านี่เป็นข้อมูลที่แอบเอาไว้ ไม่ได้ให้ลูกค้ารู้ก่อนซื้อรถ แต่จะรู้หลังจากซื้อไปแล้ว ซึ่งถึงตอนนั้นก็เจ๊กอั๊กแก้ไขอะไรไม่ได้ 4.ข้างเบาะนั่งหลังฝั่งซ้าย จะมีช่องดูดอากาศที่เอาไว้ดูดลมในห้องโดยสารเพื่อไปเป่าใส่แบตเตอรี่ที่อยู่ท้ายรถเพื่อลดอุณหภูมิของแบต คนนั่งหลังฝั่งซ้ายจะรำคาญมาก เพราะมันจะมีลมดูดอยู่ข้างๆแขนตลอดเวลา และช่องนี้เองที่เชื่อมต่อเอากลิ่นอาหาร และสิ่งของต่างๆที่เราเก็บไว้ท้ายรถเข้ามาในห้องโดยสาร และถึงแม้จะรำคาญยังไงก็ห้ามเอาอะไรไปปิดช่องนี้เด็ดขาด ไม่งั้นแบตร้อนจนไหม้แน่ 5.ทุกครั้งที่เหยียบเบรก จะมีเสียง”ติ๊ก” ให้รำคาญทุกครั้ง สมาชิกในคลับแคมรี่หลายคนขายรถทิ้งเพราะสาเหตุนี้ และมีสมาชิกท่านหนึ่งถึงกับทนไม่ไหวโมโหที่รถคันละล้านกว่าบาทดันมีเสียงบ้าๆบอๆแบบนี้ จึงได้อัพคลิปลงยูทูป http://www.youtube.com/watch?v=iqFXleBhk9Yเข้าไปดูกันได้ครับ 6.เวลาเร่งเครื่องทุกครั้งจะมีเสียง “วี๊ๆๆๆๆ” อธิบายให้เห็นภาพเหมือนเราได้ยินเสียงคลื่นความถี่อะไรสักอย่างที่มันดังวี้ๆๆๆอยู่ตลอดทุกครั้งที่เร่งเครื่อง มันคือเสียงของระบบการทำงานของมอเตอร์และเจเนอเรเตอร์ไฟฟ้า หาข้อมูลเพิ่มได้ในคลับแคมรี่ หลายคนก็รับมันไม่ค่อยได้ ส่วนตัวผมแรกๆก็รับไม่ได้ แต่จะให้ทำอย่างไร ซื้อมาแล้ว มันก็จะเจ็บแล้วชินไปเอง 7.พื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถ มีน้อยมาก น้อยยิ่งกว่าวีออส เพราะพื้นที่ครึ่งหนึ่งเสียไป เพราะต้องเอาไปใช้วางแบตเตอรี่ เรียกว่าถ้าต้องเดินทางไปเที่ยวกันทั้งครอบครัว4-5คน ใส่กระเป๋าเดินทางไม่พอแน่นอน ถ้าไปโชว์รูม ลองเปิดท้ายรถเทียบดูกับวีออสก็ได้ครับ จะพบว่าท้ายรถแคมรี่ไฮบริดมันแคบ มันเล็ก เกินกว่าจะบรรทุกสัมภาระกระเป๋าเดินทางไปได้หมดทั้งครอบครัว เว้นแต่ว่าคุณจะมีกัน2คนผัวเมีย ไม่มีลูก ข้อนี้อาจจะไม่เป็นปัญหา 8.อัตราสิ้นเปลืองในเมืองได้ 13 กม/ลิตร นอกเมืองได้ 16-17กม/ลิตรจริง เหมือนจะประหยัด แต่...... มันเติมได้แค่โซฮอลล์95 ตามสเปค91เติมได้แต่ช่างไม่แนะนำด้วยซ้ำ ในขณะที่คู่แข่งสามารถเติม E85ได้ ซึ่งราคาน้ำมัน E85 อยู่ที่ลิตรละ23บาท แต่ โซฮอล95อยู่ที่ลิตรละ46บาท ราคาต่างกันถึง2เท่า โดยรวมแล้วการเติมE85ได้ คือหนทางที่ประหยัดกว่า ผมคำนวณให้ดู สมมติ ขับแคมรี่ไฮบริดจากกรุงเทพไปเชียงใหม่ ระยะทางคือ 700กม แคมรี่ไฮบริดจะใช้น้ำมัน 700/16 = 44 ลิตร คูณด้วย 46 ค่าน้ำมันเท่ากับ 2024 บาท ในขณะที่คู่แข่ง จะใช้น้ำมัน 700/13.5 =52ลิตร คูณด้วย23 ค่าน้ำมันเท่ากับ 1196 บาท จะเห็นว่าค่าใช้จ่ายในการเดินทางของรถที่เติม E85ได้ จะถูกกว่ารถไฮบริดกว่าครึ่ง !!!!! 9.ราคาขายต่อที่ตกมากกว่า ไม่เชื่อวันนี้คุณลองโทรไปถามโตโยต้าชัวร์ ว่าตีราคารับซื้อแคมรี่ไฮบริดที่เท่าไร เขาตีให้ที่ 1ล้านบาท(แม้จะเพิ่งขับออกจากโชว์รูมวันเดียว มันก็กลายเป็นรถมือสองแล้ว) คุณออกรถมาราคา 1.69ล้านบาท มันหายไปทันทีเกือบ7แสนบาท ด้วยความที่ตลาดมือสองไม่นิยมเล่นไฮบริด ราคามันจึงเละเทะแบบนี้ บางคนอาจบอกว่าอั๊วซื้อรถมาใช้ไม่ได้ซื้อมาขาย ผมก็ไม่ได้ว่า แต่ผมแค่คำนวณให้ดูว่า ถ้าคุณคิดจะซื้อไฮบริดด้วยเหตุผลว่ามันประหยัดเงินในกระเป๋ามากกว่ารถทั่วไป ...คุณคิดผิดครับ และผิดอย่างแรงด้วย ทั้งหมดนี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ไฮบริดของโตโยต้าถึงไม่ประสบความสำเร็จในเมืองไทยอย่างที่บริษัทเขาหวังไว้ นั่นก็เพราะว่าในท้ายที่สุดแล้ว มันแพงกว่ารถทั่วไป แพงกว่าตั้งแต่วันแรกที่คุณจ่ายเงิน แพงกว่าทั้งค่าเติมน้ำมัน (เพราะมันเติมE85ไม่ได้) และราคาขายต่อก็เละเทะยิ่งกว่ารถทั่วไป ยังไม่รวมถึงระบบการทำงานของระบบไฮบริดที่สร้างความรำคาญให้กับผู้ใช้งาน ทั้งเรื่องของเสียงเบรค ,เสียงเจเนอเรเตอร์ไฟฟ้า ,ลมร้อนที่ออกมาจากแบตเตอรี่ส่งตรงมายังคนนั่งเบาะหลัง และรวมถึงพื้นที่เก็บสัมภาระท้ายรถที่หายไปครึ่งนึง กลายเป็นว่ารถคันใหญ่ที่หวังเอามาใช้เป็นรถครอบครัว คนนั่งหลังก็รำคาญใจ แถมจะไปเที่ยวด้วยกันก็ขนกระเป๋าไปไม่หมด ยังไม่ต้องพูดถึงความชำนาญของช่าง รถไฮบริดวันนี้เป็นของใหม่ ต่างจากรถเครื่องยนต์ปกติทั่วไป อะไรที่เป็นของใหม่มันจะมีข้อเสียอย่างนึงเป็นเงาตามตัวมาเสมอคือ ช่างจะยังไม่เชี่ยวชาญ ปัญหาที่คุณเจออาจเป็นปัญหาที่ช่างไม่เคยเจอมาก่อน นั่นหมายความว่าช่างจะไม่สามารถแก้ไขให้คุณได้ในทันที ซึ่งทำให้ต้องเสียเวลา ในทางที่แย่ที่สุดคืออาจแก้ปัญหาไม่ได้ ในฐานะที่ผมเป็นผู้ใช้งานจริง ถ้าวันนี้ถามผมว่าผมคิดผิดไหมที่ซื้อคัมรี่ไฮบริด ผมตอบได้เต็มปากและตอบได้ทันทีเลยว่า “คิดผิด” เพราะถ้าก่อนที่ผมจะซื้อมีใครสักคนมาบอกผมในสิ่งที่ผมกำลังบอกพวกคุณ ผมก็คงไม่ต้องตัดสินใจผิดพลาดแบบนี้ ปล.ถ้าเพื่อนๆเห็นว่าข้อมูลเหล่านี้มีประโยชน์ ก็ช่วยโหวตด้วยครับ คนที่กำลังจะซื้อก็จะได้มีข้อมูลอีกด้าน ไม่ใช่รับฟังแต่ข้อดีว่าเครื่องแรง ,รักษ์โลก ,ประหยัด อยู่ด้านเดียว แก้ไขข้อความเมื่อ 11 ชั่วโมงที่แล้ว 259 98 เสี่ยก้อง หลานมนต์ชัย 11 ชั่วโมงที่แล้ว |
Parongong พิมพ์ว่า: |
ดีนะที่เราไม่มีตังไปซื้อ 555 ![]() |
Parongong พิมพ์ว่า: |
ดีนะที่เราไม่มีตังไปซื้อ 555 ![]() |
ไปที่: |