คำเตือน เรื่องนี้เป็นประสบการณ์ตรง เจอจริงกับตัว ไม่มีนักแสดงแทน 
คำเตือน เรื่องนี้ไม่มีความต้องการให้เกิดความเสื่อมเสียต่อบุคคลอื่นๆ ที่กล่าวถึง



** ต้นเรื่องที่ทำให้ขึ้น สน. อยู่ด้านล่างนะครับ **

ณ สำนักงานตำรวจ 24:00 โดยประมาณ [เขต...]

โต๊ะร้อยเวร
ตัวผม : สวัสดีครับพี่ครับพอดีผมมีเรื่องอยากปรึกษานะครับ
ร้อยเวร : ปรึกษาหรอ ? ข้างในเลยๆ ยินดีให้คำปรึกษา

โต๊ะถัดไป
ตัวผม : [เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ฟัง]
ตร : ไหนๆ ขอไปดูที่รถหน่อย (จากนั้นก็พาไปที่รถ)
ตัวผม : รอยหายหมดแล้วครับ เหลือแค่ลักยิ้มเล็กๆ (ที่ดังในใจๆ)
ตร : ไม่เป็นไรนี่... อ่อจริงด้วยๆ เออ ยิ้มเล็กๆ เบาๆ :)
ตัวผม : ครับพี่ อย่างนี้ผมควรทำอย่างไรดีครับ
ตร : แล้วแต่เราเลย แจ้งก็ได้ ไม่แจ้งก็ได้ ลงบันทึกประจำวันไว้ก็ได้
ตัวผม : โอเค อย่างนั้นก็ได้ครับ ลงบันทึกประจำวันไว้ เผื่อมีอะไรในอนาคต จะได้ไม่ยุ่งยากอะไรครับ
ตร : โอเคงั้นเดี๋ยวไปแจ้งที่โต๊ะแรกเลย !!! ร้อยเวร!!!! รับลงบันทึกหน่อย

... ผมเดินกลับไปโต๊ะแรก โต๊ะเดิม ... 

ร้อยเวร : เอาเรื่องราวเป็นไง !!!
ตัวผม : เอิ่ม... - -' (นี่ต้องเล่ารอบที่ 3 อีกแล้วหรอ แต่ก็เล่าไป)
ร้อยเวร : รถปีไหน ?!?!
ตัวผม : 2003 ครับ (เกี่ยวไรว้า)
ร้อยเวร : 2003 มีสีขาวด้วยเหรอ !?!
ตัวผม : !!!??! อ่อครับ ผมทำสีมานะครับ
ร้อยเวร : ฝนตกมั้ย
ตัวผม : ตกครับ... ตอนนั้นตกและมืดๆ ครับ
ร้อยเวร : ตอนนี้อะน่ะ
ตัวผม : เอิ่ม... หยุดแล้วนะครับ ตอนผมมาถึง สน. ทำไมหรอครับพี่
ร้อยเวร : ถ้าหยุดแล้ว จะได้ออกไปลุย !!!
ตัวผม : !!! (นั่นแน่ๆ) ฮ่าๆๆ (หัวเราะแหะ ให้แกไป)


... ร้อยเวรให้ผมเซ็นเอกสารรับลงบันทึกประจำวัน ผมก็เซ็นเรียบร้อยและส่งคืน
ร้อยเวรทำหน้าเครียดๆ ถอนหายใจ ...

ตัวผม : พี่ครับมีอะไรหรือเปล่าครับ
ร้อยเวร : คือ... ผมขับตัวใหม่กว่าคุณน่ะ ไฟท้ายโดนัท ปี 2006 
ตัวผม : ครับ... เอิ่ม... แล้ว...
ร้อยเวร : เนี่ย... มันมีปัญหาช่วงล่าง ผมหาที่ทำอยู่ ทำมาเท่าไหร่ก็ไม่หาย นี่พอถึงระยะสับยาง
            สับยางแล้วก็ไม่หาย เครื่องตั้งศูนย์ดันเสียอีก เปลี่ยนโช็คก็แล้ว ก็ไม่หาย เข้าศูนย์ก็เช็คเปลี่ยนนั่น โน่น นี่
            ก็ไม่หาย ขับก็เมื่อย ต้องประคองตลอด รถมันกินซ้าย พอบอกเมีย เมียก็ให้เข้าศูนย์ ไม่ยอมให้ลองซ่อมข้างนอก
            ไม่รู้จะทำไงแล้ว จะขายก็เสียดาย สภาพยังสอยอยู่เลย ยังชอบมันอยู่เลย รถรุ่นของน้องเป็นไงบ้าง กินน้ำมันมั้ย...
ตัวผม : ผมเติม E85 ครับ
ร้อยเวร : โห รถพี่เติมโซฮอล เต็มถัง 1700 แน่ะ รถน้องวิ่งได้เท่าไหร่ถังนึง
ตัวผม : ก็ ตจว. ราวๆ 480 โล ครับ
ร้อยเวร : หรอๆ ดีๆ รถพี่ถ้าจะเติมไม่ได้ น้ำมันมันก็พอไปได้นะ แต่ไอเรื่องช่วงล่างนี่แหละ ที่ปวดหัว...


. . . ผ ม นิ่ ง ไ ป แ ป๊ บ นึง  แ ล้ ว ตั ด สิ น ใ จ บ อ ก ว่ า ...

ตัวผม : เอาอย่างนี้นะครับพี่ พี่ขับรถมุ่งหน้าอุดมสุขนะครับ พี่รู้จักซอยที่จะทะลุไป เซ็นทรัลบางนามั้ยครับ
          ที่หน้าซอย เป็นร้านอาหารสมบูรณ์อะครับ พี่มองฝั่งตรงข้ามนะครับ จะมีร้านทำช่วงล่างอยู่ร้านหนึ่ง
          ชื่อ "พรเทพโชคอัพ" นะครับ ลองไปปรึกษาพี่ใหม่ดูนะครับ แกให้คำแนะนำได้ครับ บางอย่างเสียก็ซ่อมเป็นส่วนๆ ไป
          มีการทดลองรถให้ลูกค้าด้วยนะครับพี่ ...
ร้อยเวร : จริงเหรอๆ ดีๆ เดี๋ยวพี่จะไปลอง

.....................................................................................................................................

ส่วนนี้เป็นต้นเรื่องที่ทำให้ผมต้องไป สน. นะครับ (อาจจะไม่ต้องอ่านก็ได้)

... เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อวาน [2 ต.ค. 56]
ผมใช้ถนนเส้นเฉลิมพระเกียรติ มุ่งหน้าอุดมสุข ผมเจอ ES GROUP คันนึงด้วยครับ บีบแตกทักทายไป ขอบคุณที่ทักทายตอบนะครับ
ผมกำลังจะไปห้าง พาราไดซ์ ปาร์ค ครับ ขณะนั้นเวลาประมาณ 19:30 น. ผมกำลังเลี้ยวเข้าซอยทางลัด เฉลิมพระเกียรติ​ซอย 9 
ขณะเลี้ยวเข้าซอย รถสองเลนจอดให้ แต่มอเตอร์ไซต์ เลาะข้างทางซ้ายสุดมาวิ่งมาเต็มที่ เบรคสุดตัวเข้า ด้านท้ายรถผม
เลยประตูหลังฝั่งซ้ายมาเล็กน้อย พอผมเข้าซอยไปแล้ว ผมเลยหาที่จอดที่ไม่ขวางทาง และไม่ไกลจากจุดชนจนเกินไป
เพื่อลงไปพูดคุยกัน...

... พอลงไปคู่กรณี รู้สึกไม่พอใจ ผมก็ถามเช็คอาการทั้งหมด ทั้งคนและรถว่า "เป็นอะไรมั้ยครับ"
รถเขากระจกมองข้างหลุดลงกับพื้น แล้วโดนรถเหยียบซ้ำ ผมจึงถามว่า "แล้วตัวพี่ละครับเป็นอะไรมั้ย"
เขาบอกว่า "ตัวผมไม่เป็นอะไร" 

... ผมไปดูที่รถผมเห็นรอยเส้นดำๆ ยาว กันชนหลังแง้มออกมา เลยลองกดเข้าไป ก็เข้าที่ ไม่มีอะไร
เหลือรอย ที่ผมยังไม่ชัวร์ว่าลึกแค่ไหน เพราะตอนนั้นฝนตกและ ค่อนข้างมืด

... ผมจึงถามว่า "อย่างนี้เอาไงดีครับ" เขาก็ตอบว่า "ผมขอค่าเสียหาย ค่ากระจกมองข้างละกันครับ"
ผมก็ตกใจ... จึงตอบไปว่า "ผมเคยเกิดเหตุแบบนี้ครั้งหนึ่ง ผมว่ากรณีผมเป็นฝ่ายถูกนะครับ ผมคิดว่าถ้าเรียกประกัน ผมน่าจะได้เปรียบนะครับ" พี่รถมอเตอร์ไซต์คันนั้น ก็เหมือนเสียความรู้สึก ผมจึงบอกว่า "เอาแบบนี้ล่ะกันครับ เดี๋ยวผมลองเรียกประกันก็ได้ ให้ประกันเขาบอกว่าแบบนี้ใครได้เปรียบ เสียเปรียบ จะได้ดูไม่เป็นการเอาเปรียบเกินไปเดี๋ยวจะกลายเป็นว่า ผมเข้าข้างตัวเองเกินไป" 
พี่เขาก็บอกว่า "เรียกประกัน ตอนฝนตกเนี่ยน่ะ" แล้วเขาก็สวมหมวกกันน็อค ขับมอเตอร์ไซต์จากผมไกลออกไปในทันใด...


ผมจึงโทรสอบถามประกัน...

ตัวผม : พี่ครับ เหตุการณ์เป็นแบบนี้ครับ ผมควรทำอย่างไรดีครับ
ประกัน : กับเหตุการณ์แบบนี้ รถพี่รถรุ่น... ทะเบียนนี้... นะครับ ชื่อเจ้าของรถ... ถูกต้องนะครับ
ตัวผม : ถูกต้องครับ!!! 
ประกัน : ประกันของคุณเป็น 2+ ครับ เราจะรับผิดชอบก็ต่อเมื่อมีคู่กรณีเท่านั้นครับ เสาไฟฟ้า กระถาง
           หรือมอเตอร์ไซต์ที่เขาวิ่งไปแล้วนี่ ไม่อยู่ในเงือนไขนะครับ ตรงนี้พี่ทราบนะครับ...
ตัวผม : [นิ่งไปสองลมหายใจเข้าออก] อืมครับ... จริงด้วย... แล้วแบบนี้ผมควรทำอย่างไรดีครับ
ประกัน : เอาอย่างนี้แล้วกันครับ มีทะเบียน คู่กรณีใช่มั้ยครับ พี่ไปแจ้งความไว้ก่อนดีกว่าครับ 
           เพื่อความปลอดภัยของตัวพี่เอง เผื่อเขาไปแจ้งความพี่กลับ จะได้มาเจอกันบนโรงพัก ถึงเวลานั้นถ้าคู่กรณีพี่มา
           แล้วเราค่อยมาเคลมกันนะครับ
ตัวผม : โอเคครับ [คงทำได้เท่านั้น] ขอบคุณครับ

... ผมคิดอยู่นานว่าจะเอาอย่างไรดีกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แจ้งดี ไม่แจ้งดีจะมีผลกับคนขับมอเตอร์ไซต์
คันนั้นอย่างไร จะมีผลกับผมแค่ไหน คิดเยอะมาก เมื่อถึงห้างฯ ผมลองเอาผ้ามาเช็ดรอยดำๆ ปรากฏว่าออกครับ แต่ที่เซอร์ไพร์ก็คือ ผมได้ลักยิ้มเล็กๆ เป็นที่ระลึกกลับมาแทน เสร็จธุระผมจึงตัดสินใจว่า "เอาว่ะลองไปปรึกษาพี่ตำรวจดู ถ้ามันไม่ได้เป็นอะไรมาก ผมก็คงไม่แจ้งความ"

เรื่องราวมันก็เป็นแบบนี้ครับบางทีเวลาที่เกิดอะไรแย่ๆ ลงท้าย ตอนท้าย ตอยจบ ผมก็ยิ้มได้ครับ :)


ขอโทษที่เล่ามายาว มากๆ ครับ และขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ 

ปล. ผมไม่ได้หักมุมนะครับ แต่เรื่องมันจบแบบนี้จริงๆ ครับ :)




 

นานๆจะเจอพี่ตั้มเป็นกันเอง น่ารักดีครับ 

ผมภูมิใจนะครับที่ได้ขับ ES ช่วยแนะนำกันดีจริงๆๆ

เรื่องดีๆมันเกิดขึ้นกับคนขับesเสมอๆครับ

เป็นงั้นไป

เยี่ยมไปเลย

..

คอเดียวกัน

..

....

อ่านเพลินเลยครับผม อิอิ