วิธีวัดระดับน้ำมันเกียร์ที่ถูกต้องคือ
1 จอดรถในระนาบปกติ ไม่ลาดเอียง
2 สตาร์ทเครื่องยนต์ จนเข็มความร้อนของน้ำหล่อเย็นขึ้นอยู่กึ่งกลาง ระดับปกติ หรือขับรถปกติสักระยะหนึ่ง
3 เข้าเกียร์ ทุกเกียร์อยู่กับที่ ทีละเกียร์ ช้าช้า โดยเหยียบเบรคไว้ตลอด แล้วเข้าเกียร์ N ดึงเบรกมือ หรือเข้าเกียร์ P
4 เช็คระดับน้ำมันเกียร์ โดยที่เครื่องยนต์ยังสตาร์ทอยู่ ห้ามดับเครื่อง

น้ำมันเกียร์ ต้องไม่เกินขีด MAX ของก้านวัดฝั่ง HOT

อย่าวัดตอนเครื่องเย็น และเครื่องไม่ได้สตาร์ท

ถ้ายังเกินอยู่ รถจะวิ่งได้ไม่เกิน 140 กม./ชม. และมีน้ำมันเกียร์ดันออกครับ

ส่วนใหญ่ลูกค้าผมเกียร์พัง เพราะวัดผิดวิธี คือวัดตอนเย็นดับเครื่องแล้วพอดี แต่เวลาวิ่ง น้ำมันเกียร์จะไม่พอและครัชไหม้ทุกราย

และวิธีเช็คระดับน้ำมันเกียร์ จะแตกต่างจากการเช็คระดับน้ำมันเครื่องอย่างสิ้นเชิงคือ

การเช็คน้ำมันเครื่อง ประจำวัน
ให้เช็คเมื่อเครื่องยังไม่ถูกสตาร์ท เครื่องยนต์เย็น น้ำมันเครื่องนอนอยู่ก้นอ่าง หรือหากรถเพิ่งผ่านการใช้งานมา ให้ดับเครื่องรอสักห้านาที เพื่อให้น้ำมันไหลลงก้นอ่างก่อน จึงค่อยวัดระดับน้ำมันเครื่องตามปกติ

การเช็คเมื่อเติมน้ำมันเครื่องใหม่ และมีการเปลี่ยนกรองน้ำมันเครื่อง
1 หลังถ่ายน้ำมันออกหมดแล้ว ในครั้งแรกให้เติมน้ำมันเครื่อง ตามจำนวนต่ำกว่าที่คู่มือระบุไว้นิดหน่อย เช่นเติมไป 5 ลิตร จากที่ระบุไว้ 5.8 ลิตร
2 ปิดฝาเติม สตาร์ทเครื่องให้น้ำมันวนเข้ากรองน้ำมันเครื่องสัก 1 นาที
3 ดับเครื่องรอ สองสามนาที แล้ววัดใหม่อีกรอบ
4 ค่อยๆเติมน้ำมันเครื่องเพิ่ม และวัดระดับทีละนิด จนพอดี ห้ามเกินเช่นกันครับ

การวัดน้ำมันใหม่ที่ไม่ผ่านกรอง หลังเติมแล้ว อีกไม่นานเราจะรู้สึกว่าน้ำมันเครื่องเราหายไปเป็นลิตร
และเราก็ชอบโทษกันว่า น้ำมันเครื่องไม่ดีพอ ระเหยเป็นไอมากเกินกว่าที่ควร

จริงเท็จัยงไงช่วยบอกที่ครับ

ถูกต้องครับ น้ำมันเกีรย์ต้องสตารต์เครื่องแล้วดู  แต่ถ้าน้ำมันเครื่อง ต้องดับเครื่องแล้วดู

ก้านวัดระดับเค้าไม่เผื่อระดับน้ำมันไว้ก่อนสตาทเครื่องเลยเหรอครับ! ?

ส่วนใหญ่เพื่อนที่ทำงานบอกว่าเช็คเหมือนน้ำมันเครื่อง  ถึงกับ งงงงง เลยครับ

Manual 2003 ให้เดินถึงอุณหภูมิทำงานปกติ แล้วดับเครื่องวัดอ่ะ งงล่ะทีนี้

ในคู่มือบอกให้ดับเครื่องก่อนครับ

มารอเก็บขอมูล ครับ