ออกตัวก่อนนะครับที่ผมตั้งกระทู้นี้ ผมไม่ได้มีความรู้เรื่องการผลิตไฟฟ้า ในประเทศมาก่อนนะครับ ว่าผลิตเองหรือซื้อมาจากไหนครับ

จากที่ผมดูข่าวมาได้สักพักแล้วครับ เกี่ยวกับเรื่องภายในเดิอน เมษายน นี้ ว่าไฟฟ้าในประเทศจะไม่พอใช้ เนื่องจาก ทางพม่าจะหยุดซ่อมบำรุงสถานีผลิตไฟฟ้าที่ส่งมายังประเทศไทยครับ  ดูแล้วรู้สึกกังวลว่า อนาคตมันจะเกิดอย่างนี้อีกไหม และเราน่าจะมีวิธี แก้ไขระยะยาวได้อย่างไร
หรือจะหาทางผลิตเองได้ไหม  พี่ๆน้องเห็นแล้วมีความคิดเห็นอย่างไรครับ มาแชร์ความคิดกันนิดครับ

ช่วยกันประหยัดได้แล้วครับ! แอร์นี่ผมไม่เคยเปิดเลยครับ. เพราะที่บ้านไม่มีแอร์

ผมว่าประเทศไทยโรงไฟฟ้าน้อยจริงๆ ซื้อเค้าก็เอาแน่นอนไม่ได้ก็ต้องทำใจ ngv ก็เป็นมาแล้วอยู่พักนึง
แต่พอจะสร้างเขื่อน คนที่โดนน้ำท่วมจะประท้วงหัวชนฝา ยังไงก็ไม่ยอม หรือรัฐชดเชยน้อยก็ไม่รู้
คงถึงเวลาคิดทบทวนแล้ว แต่ส่วนตัวเป็นคนประหยัดอยู่แล้ว อย่ามาหาเรื่องขึ้นค่าไฟกันก็พอ

มาติดตามข่าวสารครับ

ประเทศไทยเป็นลูกค้าใหญ่ของเขา  เขาก็ควรจะต้องหาแหล่งพลังงานที่อื่นมาป้อนให้เพียงพอ  อย่างกรณีนี้มันก็เกินไปและรู้สึกว่าจะมีการปิดซ่อมบำรุงอีกครั้งในเดือนพฤษภาคม  2557 ก็คือปีหน้าอีก 9 วัน ตอนนี้มีกระแสว่าพวกร้านแก็สเริ่มกักตุนไว้แล้ว ทั้งๆที่แก็สพม่าส่งมาให้ใช้ในการผลิตไฟฟ้าไม่เกี่ยวกับก๊าซหุงตัม  ถ้าเจอที่ไหนแจ้งความได้เลยครับ

สำหรับแหล่งพลังงานอื่นที่ทางรัฐบาลไทย ควรให้การสนับสนุุนคือแหล่งพลังงานลม  เพราะเมืองไทยติดทะเลตั้งแต่ตราดลงไปยันนราธิวาส ไม่รวมฝั่งทะเลอันดามันอีก   ไหนทางภาคอีสานก็มีแหล่งสำหรับพลังงานแสงอาทิตย์อีกต่างหาก  กับงบประมาณที่กู้ไปกีล้านล้านบาทเจียดมาพัฒนาและวิจัยทางด้านนี้อย่างจริงจังรับรองเราสบาย    

นักศึกษาและอาจารย์ไทยเก่งๆระดับนานาชาติก็หลายท่าน  ไหนจะมีเด็กกลุ่มเหรียญทองโอลิมปิกที่เราได้รับรางวัลมาตลอดอีกเป็นสิบเป็นร้อย
ถ้าทำจริงจังชาติไทยก็ไม่ด้อยไปกว่าใคร  เสียดายว่ามีบางกลุ่มพยายามจะทำเกิดการแบ่งแยกและรักสบายเกินไป อยากได้แต่ของฟรี ไม่ทำมาหากินเอง  เมืองไทยเป็นประเทศที่ตั้งในตำแหน่งที่ดีที่สุด อุดมสมบูรณ์โดยข้าว น้ำ และทรัพยากรอื่นอีกมากมาย 

ผมยึดมั่นในคำสอนของพ่อหลวง "เมื่อไม่มีใครเกิดมาแล้ววิ่งได้ จึงควรทำสิ่งต่างๆอย่างค่อยเป็นค่อยไป"

มัวแต่เอาเวลาไปจ้องจับผิดซึ่งกันและกันอยู่อะ ทั้งรัฐ ทั้งฝ่ายค้าน...แทนที่จะมาช่วยกันคิด ช่วยกันพัฒนา...

ผมคิดเอาเองว่่า ประเทศเราไม่มียฟฟ้าสำรองที่ดี (หรือยอมทำไม่ดี)และรัฐ ปู ก็จะเอาเงื่อนไขไปเพิ่มจุดแข็งของการสร้าง โรงไฟฟ้านิวเครียร์ที่เป็นเรื่องถกเถียงกันมานาน พร้อมงบประมาณก้อนเค้กมหาศาล แต่จะลงบ้านใครก็สุดแท้แต่ เพราะปีที่แล้วประมาณการใช้ไฟเพิ่มขึ้นประมาณ 12.5%

เอาใจช่วยทุกฝ่ายครับ ขอให้ทำเพื่อประเทศจริงๆ ไม่ใช่ทำเพื่อตัวเองอย่างเดียว
เรื่องการเมืองสำหรับผมเบื่อแล้วครับ คอยแต่ชิงดีชิงเด่นกัน...ถ้าช่วยกันพัฒนาป่านนี้
ประเทศไทยเจริญไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

ขอให้ทุกคนช่วยกันใช้พลังงานทุกประเภทอย่างประหยัด ไม่กักตุน
มันก็น่าจะพอครับ

w,

เอาเป็นว่า 

ถ้าไม่มีการพึ่งพาแก๊สจากพม่า  และไฟฟ้าจากเขื่อนลาว  ไฟฟ้าไทยไม่พอใช้ครับ

อาจารย์สอนมา

พลังงานลมประเทศไทยทำไม่คุ้มครับระยะเวลาที่มีลมและความเร็วลมไม่เพียงพอกับการผลิต กังหันใหญ่ต้องใช้ลมที่แรงพอควร

สร้างความตระหนก ให้ประชาชนตกใจเสียก่อน  แล้วจะได้โกงกินประเทศชาติได้อย่างแนบเนียน

ผมว่าเีราอย่ามาคุยเีรื่องการเมืองเลยดีกว่านะครับ ทะเลาะกันเพราะเีืรื่้องการเมืองนี้ เห็นมาเยอะแล้วครับ

Attached File :

Attached File :

ทำได้ทำเลยครับ เพื่ออนาคตลูกๆหลานๆเราครับ

ถ้าแก้สขั้นราคา ผมว่ามันไม่ลดแน่นอน

เขาประกาศแผนฉุกเฉินค่ะ ไม่ใช่ภาวะฉุกเฉิน
แผนฉุกเฉินหมายถึง หากเกิดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นผิดไปจากเหตุการณืปกติ
เช่นเมื่อหยุดผลิตไฟฟ้าจากก้าซ จะมีแผนรองรับอย่างไร
แผนนี้ปกติจะเป็นการดำเนินการภายในองค์กร เช่นการย้ายจุดเชื่อมต่อกระแสไฟฟ้าจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง
แต่ กฟผ.ต้องประกาศให้ประชาชนทราบเพราะมีผลกระทบกับประชาชนโดยตรง
ตลอดจนรณรงค์ให้ประชาชนลดการใช้กระแสไฟฟ้าลง
เพื่อจะได้ไม่ต้องดับไฟฟ้าในบางจุดเรื่องข่าวก็ยอมรับว่า คงเล่นข่าวเพื่อหวังผล โรงไฟฟ้าจริงๆ
แต่ปัญหาก็คือ เขาเตือนว่า พลังงานเรากำลังจะไม่พอ ถ้า
เกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นมาก็ตามก็อาจจะ มีปัญหาได้  ซึ่งนี่ไม่
ใช่เรื่องที่พึ่งเตือน แต่เตือนมาเป็น 10 ปีแล้ว

ปัญหาที่เกิดก็อาจะมีตั้งแค่ ไฟตกเป้นช่วงๆ หรือ Black out กันทั้งเมืองแบบที่นิวยอร์คเคยเจอมาแล้ว
แต่คนไทยฟังข่างแล้วก็เอาแต่โวยวายโทษคนอื่นจริงๆ เขาเตือนมาเป็น 10 ปีแล้ว
แต่ไม่เคยมีใครฟังเอาแต่พูดแบบสะใจเข้าว่า

กฟผ เขาก็บอกมาหลายปีแล้ว ว่าพลังงานไฟฟ้าที่ดีมันต้องมี ช่องว่างระหว่างการใช้ไฟฟ้าสูงสุด ที่เรียกว่า
พีคโหลด กับ กำลังไฟฟ้าที่ผลิตได้ขณะหนึ่งๆ ซึ่งในระบบไฟฟ้าก็ประกอบไปด้วย โรงไฟฟ้าหลายแบบ

เช่นโรงไฟฟ้าลมกับแสงอาทิตย์ ที่ให้พลังงานไม่สม่ำเสมอ ไว้ใจไม่ได้ เช่นช่วงพึคโหลดของไทย
แต่ไม่มีลม ไม่มีแดดโรงไฟฟ้าพวกนี้ ก็ไม่มีประโยชน์ที่จะหวังพึ่งพาได้เท่าไหร่

โรงไฟฟ้า พลังงานน้ำ ที่เปิดปุ๊บติดปั๊บ แต่ต้องมีน้ำสะสมไว้พอประมาณ
และต้องคิดเรื่องน้ำท่วมภัยแล้งและอื่นอีกสารพัด อย่างตอน เกิดอุบัติเหตุ
หลายปีก่อน ที่ เราไปด่ารัฐบาลพม่าเรื่องอองซาน อยู่ๆแก๊สจากพม่าก็หายไปดื้อๆแบบไม่บอกล่วงหน้า
จนเราต้อง เปิดเขื่อนเพื่อผลิตไฟฉุกเฉินจนเกิดน้ำท่วมใหญ่ ตามแม่น้ำริมฝั่งเมืองกาญจไงจำได้ไหม
และอนาคต พม่าจะลดปริมาณการส่งก๊าซมาไทย เพื่อพัฒนาประเทศแน่นอน

โรงไฟฟ้า พลังงานความร้อน เช่น นิวเคลียร์ ถ่านหิน แก๊ส ซึ่งพวกนี้ให้พลังงานเยอะสม่ำเสมอ แต่
เปิดปิดทีกินเวลานาน ต้องวางแผนกันยาว

ซึ่งโรงไฟฟ้าทุกแบบ ส่งพลังงานเข้าระบบสายส่งที่กระจายกันอยู่ทั่งประเทศ และโรงไฟฟ้าพวกนี้ ก็ต้อง
กระจายกันไปทั่วประเทศด้วย เพือให้ได้ไฟฟ้าเสม่ำเสมอในทุกภาค

ทีนี้ประเทศไทยเราเผอิญโชคดีเจอ แก๊สในอ่าวไทย พลังงานของเรา ก็เลยพึ่งพาแก๊สธรรมชาติเป็นจำนวนมาก
ทีนี้ ใช้ไปนานๆ แก๊สมันก็หมด เขาก็บอกว่าเราต้องลดการใช้แก๊ส ซึ่งก็กลายมาเป็น โรงไฟฟ้านิวเคลียร์กับถ่าน
หินตามแผน งานของการไฟฟ้า แต่ แผนงานก็เลื่อนแล้วเลื่อนอีก

จนเป็นที่มาของต้นเหตุ ความเปราะบางทางพลังงานไฟฟ้าของไทยในปัจจุบัน เมื่อเกิดเหตุ แก๊สจากพม่าหยุคส่ง
ท่อส่งก๊าซมาเลย์ เกิดอุบัติเหตุ ในช่วงที่เรากำลังจะเข้าพีคโหลดการใช้ไฟฟ้าพอดี พลังงานไฟฟ้าไทยก็เลยมาอยู่
ที่จุดวิกฤต

จริงๆ ทางแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้ามันง่ายและก็มีทางเลือกมากมาย แต่เราจะให้ความมั่นคงทางพลังงานของไทย
ฝากไว้ กับโชคชะตาต่อไปหรือไง

จะถ่านหินหรือนิวเคลียร์ ก็เลือกมาซักอย่างเถอะ แล้วก็ไม่ต้องพูดเรื่อง ใครๆก็ไม่อยากให้ตั้งหลังบ้าน ด้วย
เอาไว้ มันตั้งหลังบ้านคุณแล้วค่อยมาพูด ตอนนี้ เรายอมเอานิวเคลียร์มาตั้งหลังบ้านเราแล้ว เพราะมันซีเรียสจริงๆแล้ว

อย่างญี่ปุ่น ปัจจุบัน อาเบะสั่งคำเดียวว่า ญี่ปุ่นต้องใช้นิวเคลียร์ โรงไฟฟ้าทุกโรงก็กลับมาเดินเครื่องเหมือนเดิม
คำถามก็คือ มันจำเป็นต้องใช้ ก็ต้องใช้แล้ว

มีคนพูด ไว้ดีว่า "เพราะรถยนต์อันตราย คุณจะไม่ใช่รถเหรอ" อย่างเมื่อวันก่อนมีข่าวแม่พาเด็กอ่อนขึ้นมอเตอร์ไซค์หัวหักตาย
วันนี้ตามถนนเราก็ยังเห็น แม่ลูกอ่อนพาลูกขึ้นมอเตอร์ไซค์แบบที่เป็นข่าวอยู่ดี

ไฟไม่ดับแน่นอน เพราะประเทศเรายังมีระบบสำรองไฟฟ้าแบบ น้ำมัน และถ่านหินอยู่
และการหยุดจ่ายก๊าซของพม่า มันเป็นแผนล่วงหน้า ดังนั้นเดินเครื่องสำรองทันแน่นอน

แต่ปัญหาที่ว่าค่าเดินระบบสำรอง มันแพงมาก ใครจะจ่าย?? คร่าวๆก็แพงกว่าระบบปกติประมาณ 3-4 เท่า
รับรองว่าถ้าภาคประชาชนเงียบๆกันไป ค่าเดินระบบสำรองก็มาลงที่ค่า FT แน่นอน ดังนั้นจึงอย่าแปลกใจว่าทำไม
เดือน มีนา-เมษา ค่าไฟแพงทั้งๆที่ใช้ไฟเท่าเดิม

ไฟไม่ดับหมดแน่ๆ แต่อาจจะมีไม่ทั่ว 30-40%ยังอยู่

โรงไฟฟ้าที่ใช้แก๊สธรรมชาติ หลายๆโรงมีดีเซลสำรอง Full load อยู่ได้ประมาณ2วัน ถ้าไม่ใส่เพิ่ม

สถานที่สำคัญ คงไม่ดับครับ แต่บ้านคุณ บ้านเรา ก็ไม่แน่เหมือนกัน ถ้าจะต้องดับไฟจริงๆ

คุยตรงๆกับ รัตนชัย นามวงศ์ "จะเอาไฟดับหรือเอาไฟแพง" เอาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์?

บทความทั้งหมดนี้ copy มาจาก http://www.prachachat.net/news_detail.php?newsid=1361338433&grpid=&catid=04&subcatid=0401

สถานการณ์ทางด้านพลังงานของประเทศกำลังเกิดความตึงเครียดขึ้นมาทันที เมื่อก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นเชื้อเพลิงสำคัญของโรงไฟฟ้าที่มาจากแหล่งผลิตในเมียนมาร์ 2 แหล่ง คือแหล่งยาดานา กับแหล่งเยตากุน ถึงกำหนดที่จะต้องปิดซ่อมแท่นขุดเจาะ ส่งผลให้กำลังผลิตไฟฟ้าในระบบของประเทศหายไปทันทีถึง 6,000 MW โดยที่ไม่มีแหล่งเชื้อเพลิงภายในประเทศแหล่งใดที่มีต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าเทียบเท่ากับก๊าซธรรมชาติที่สามารถนำมาทดแทนได้

วิกฤตการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนเมษายนนี้ทำให้ผู้คนในประเทศเริ่มย้อนกลับมาถามหาความมั่นคงทางด้านระบบไฟฟ้าที่ว่า ประเทศไทยควรจะมีโรงไฟฟ้าประเภทใดในอนาคตระหว่างโรงไฟฟ้าชีวมวล โรงไฟฟ้าถ่านหิน โรงไฟฟ้าก๊าซ และโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ท่ามกลางข้อถกเถียงระหว่าง "ความกลัว" ผลกระทบสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยของประชาชน กับราคาค่าไฟฟ้าที่เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่กำลังเติบโตขึ้นในอีก 10-20 ปีข้างหน้า

"ประชาชาติธุรกิจ" สัมภาษณ์ นายรัตนชัย นามวงศ์ ผู้ช่วยผู้ว่าการวิศวกรรมโรงไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ถึงอนาคตของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในประเทศไทย

- ความคืบหน้าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์

ก่อนเกิดเหตุการณ์โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมาระเบิดในเดือนมีนาคม2554กฟผ.ได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมที่จะมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มาพักหนึ่งแล้ว โดยให้ IEA มาสัมภาษณ์ว่า ประเทศไทยเหมาะสม

อะไร ตอนนั้นพบว่ามีอยู่หลายเรื่องที่ต้องดำเนินการ ทั้งการศึกษาความเหมาะสมในการมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ รวมไปถึงความไม่เรียบร้อยทางด้านกฎหมายภายในประเทศ ต้องแก้ไขปรับปรุงกฎหมายใหม่ ซึ่งสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ กำลังดำเนินการปรับปรุงกฎหมายและอนุสัญญาหรือการเป็นภาคีกับต่างประเทศให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ตอนนี้กฎหมายอยู่ในขั้นตอนของกฤษฎีกา ทาง กฟผ.และกระทรวงพลังงานได้เข้าไปช่วยให้ความเห็นด้วย

การมีหรือไม่มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ตอนนี้ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ใช่จู่ ๆ จะสร้างขึ้นมาเลย มันไม่ได้ ต้องผ่านการประเมินของ IEA ว่า ประเทศไทยมีความพร้อมมีศักยภาพหรือไม่ ถ้ารัฐบาลมีนโยบายให้ทำต่อ กฟผ.ก็พร้อมดำเนินการ แต่ว่าจะถึงขั้นให้เดินหน้าเป็นโรงไฟฟ้านิวเคลียร์คงต้องฟังเสียงประชาชนทั้งหมด ต้องใช้เวลา

- โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในแผน PDP

โรงแรก 2026 โรงถัดมา 2027 รวมกัน 2,000 เมกะวัตต์ โรงละ 1,000 เมกะวัตต์ แผน PDP ไปหยุดอยู่แค่นั้น เท่ากับเรามีเวลาอีก 13 ปี การแบ่งตามขั้นตอนประเมินของ IEA มี 4 ขั้น คือ ขั้นแรก เตรียมการและปรับปรุงกฎหมาย ขั้นที่ 2 สำรวจและเตรียมความพร้อมทุกอย่าง ขั้นที่ 3 ประมูล ขั้นที่ 4 ก่อสร้าง ตอนนี้เราอยู่ในปลายขั้นที่ 1 ถ้าเราผ่านเรื่องกฎหมายก็ผ่านไปขั้นที่ 2 ได้ ทุกขั้นตอนต้องผ่านการตรวจสอบของ IEA ทั้งหมด

- IEA ประเมินครั้งหนึ่งแล้วไม่ผ่าน

เราไม่ชัดเจน ความปลอดภัยในแง่ของ กฟผ.เราผ่านหมดแล้ว ในแง่ของกฎหมายที่สำนักปรมาณูเพื่อสันติรับผิดชอบก็ติดอยู่ เขายังไม่ได้เขียนเรื่องความปลอดภัยให้ชัดเจน เรื่องอนุสัญญาตอนนี้แค่ไม่ได้

ลงนามก็เท่านั้นเอง ถ้าชัดเจนก็ดำเนินการลงนามได้ ไม่น่าเป็นปัญหา เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงการต่างประเทศ กฎหมายก็ยังอยู่ในขั้นกฤษฎีกา ทั้งหมดรวมทั้งกฎหมายจะจบภายในปีนี้ กฤษฎีกาเขาช่วยดูก็เป็นเรื่องที่ดีทำให้รัดกุม

- ใครเป็นคนบอกว่าเราจะไปขั้นที่ 2

รัฐบาลต้องสั่งมาให้ดำเนินการ ตอนนี้กระทรวงพลังงานเป็นคนดูเพราะแผน PDP ปรับปรุงทุกปี เรื่องอยู่ที่กระทรวงพลังงานมีทีมงานดูอยู่ เนื่องจากว่าโครงการนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจ

- แล้วจะทันตามแผน PDP หรือไม่

โรงไฟฟ้านิวเคลียร์จะต้องใช้เวลาการก่อสร้าง 12 ปี ตึง ๆ มือปัจจุบันนี้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ก่อสร้างแบบใหม่เอี่ยมน่าจะประมาน 5 ปีอย่างต่ำ ประมูลหรือเจรจาอีกประมาณ 3 ปี สำรวจและทำความเข้าใจกับประชาชนก็น่าจะประมาณไม่ต่ำกว่า 3 ปี รวมทั้งหมดก็ 11 ปี แต่อย่างที่บอกประเทศไทยตัดสินใจยากเพราะมีรายละเอียดเยอะ คือต้องเรียนว่าโรงไฟฟ้าโรงหนึ่ง ไม่ใช่ว่าพอเห็นด้วยแล้วอีก 1 เดือนทำได้ ต้องอีก 5 ปีอย่างต่ำกว่าจะทำเรื่องความเข้าใจชุมชน กว่าจะทำ IEA ได้

- เรื่องเงินลงทุนต้องประเมินใหม่

แผนการลงทุนที่เคยประเมินไว้ก็ใช้ไม่ได้แล้วเพราะเวลามันเลื่อนออกไปทุกปี ถ้าทำขึ้นมาจริง ๆ ก็ต้องมาปรับปรุงอีกทีว่าจะเป็นอย่างไร ต้องมาดูอีกทีว่าเหมาะสมเป็นเท่าไร ถ้าประเมินอีกก็ต้องทำให้รอบคอบว่า แพงเกินไปหรือเปล่า ถ้าแพงเกินไปทำอย่างไรถึงจะเหมาะสม ถ้าจำเป็นต้องสร้างจะสร้างอย่างไร ต่อให้เทคโนโลยีเหมาะสมแต่พอกลับไปดูแล้วแพงมหาศาล บางทีมันก็จ่ายไม่ไหว มูลค่าตอนนั้นประมาณ 85,000 ล้านบาทต่อ 1,000 เมกะวัตต์ถือว่าถูก ตอนนี้ไม่ได้แล้ว

- เทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อยู่ขั้นไหน

ปัจจุบันอยู่ที่ขั้น 3.5 ถ้าเทียบกับโรงไฟฟ้าฟูกูชิมาอยู่ระดับ 1.5 ที่เราวางแผนจะก่อสร้างอยู่ขั้น 3.5 แม้ตอนนี้กำลังมีการพัฒนาเป็นขั้นที่ 4 แล้ว แต่ว่าเทคโนโลยีของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ต้องให้ Regulator เป็นคนให้คำรับรองก่อนว่าผ่านหรือเปล่าเพื่อจะขายต่อ ระดับรุ่นที่ 4 กำลังพัฒนาอยู่แต่ยังไม่ได้รับการรับรอง

- สถานที่ตั้งยังเป็น 5 แห่งใช่หรือไม่ (กาฬสินธุ์-นครสวรรค์-ตราด-ชุมพร-นครศรีธรรมราช)

ใช่ครับ บริเวณริมทะเลกับตัวแผ่นดิน ความจริงต้องอยู่ริมทะเล แต่เลือกไม่ได้ เมืองไทยจะว่าโชคดีก็โชคดี โชคไม่ดีคือ พื้นที่สร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ลำบาก ไม่ใช่จะหากันง่าย ๆ อย่างฝั่งอันดามันเป็นแหล่งท่องเที่ยวสร้างไม่ได้ ขณะที่เรามีที่น้อย โอกาสไม่ง่ายนัก โรงไฟฟ้าโรงหนึ่งต้องใช้พื้นที่ประมาน 600-700 ไร่ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจเลือกว่าจะก่อสร้างที่ไหน

- ถ้าไม่มีนิวเคลียร์

ต้องหาโรงไฟฟ้าอื่นเข้ามาแทน แต่ไม่ว่าจะเป็นโรงไฟฟ้าประเภทใดไม่ง่าย เพราะกว่าจะเปลี่ยนจากทุ่งนาเป็นโรงไฟฟ้า
โรงหนึ่งต้องใช้เวลา โรงไฟฟ้าในอนาคตจะต้องเป็นโรงไฟฟ้าที่ใช้ก๊าซ แต่ปัญหาคือ ก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยกำลังจะหมดไปอีก 10 ปี เหลือก๊าซ LNG ซึ่งต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมีราคาแพงกว่าก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยเป็น 2 เท่าหมายถึง ต้นทุนในการผลิตไฟฟ้าต่อหน่วยจะแพงขึ้นต้องเลือกว่า ตกลงจะเอาไฟดับหรือจะเอาไฟแพง ตรงนี้จะกลายเป็นวิกฤตพลังงานของประเทศไทย เราจึงต้องนำเสนอนิวเคลียร์เพราะเราไม่มีพลังงานใช้ในอนาคต

ทุกวันนี้ไทยเราต้องพึ่งพาพลังงานจากเพื่อนบ้านมาปั่นไฟเป็นหลัก อย่างที่เรารู้เราต้องซื้อก๊าซจากพม่า เพราะในไทยเองนั้นพลังงานที่หามาได้เป็นส่วนน้อยมากเมื่อเทียบกับการใช้ อย่างเช่นการสร้างแท่นเจาะขึ้นมาหนึ่งแท่นจะเพียงพอกับโรงไฟฟ้าได้ประมาณ 1 plant เท่านั้น จะกี่ MW อันนี้ผมไม่ทราบเพราะแล้วแต่ทางโรงงานจะเลือกเครื่องจักรขนาดไหนลง และในส่วนการเติบโตของประเทศเมื่อหลายปีก่อนถ้าคนอยู่ในวงการพลังงานจะทราบว่าทางหน่วยงานที่รับผิดชอบจะให้สร้างโรงไฟฟ้าหลายแห่งมากไม่ว่าจะเป็น IPP หรือ SPP มีการรับคนงานเข้าไปสำรองเพื่อขึ้นโรงไฟฟ้าในอนาคต แต่ก็ไม่สามารถสร้างได้จริงเพราะการประท้วงของคนในพื้นที่ คนงานที่เข้าไปต้องหางานใหม่เพื่อความอยู่รอด หลังจากนั้นไม่นานเท่าที่รู้ เราจึงไปหาพลังงานจากเพื่อนบ้านแทนได้แก่เขื่อนที่ลาวมาใช้ แล้วลองคิดดูแล้วกันว่าถ้าไทยเกิด Back out ไฟดับทั้งประเทศจะเกิดอะไรขึ้น โรงที่ปั่นขึ้นมาเพื่อกู้ระบบมีกี่แห่ง อันนี้น่าคิดมากๆ
 ผมรู้คร่าวๆเท่านั้น เพราะเมื่อก่อนเคยปั่นไฟขาย แต่เดี๋ยวนี้หันมาขุดก๊าซขายเลยพอรู้บ้าง

ขอบคุณ คุณสมจี๊ดครับที่เอาข้อมูลดีๆมาฝาก

.....