ร้านชลธารแอร์
สถานที่ : ใกล้โรงงานน้ำตาลนิวกรุงไทย ท่ามะกา (ฝั่งขาเข้ากรุงเทพ)
เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน
เรื่องมีอยู่ว่าแอร์รถผมเริ่มไม่ค่อยเย็น (พึ่งเติมน้ำยาแอร์ไปตอน 2 เดือนที่แล้ว) เลยรู้ว่าแอร์ต้องรั่วที่ไหนซักจุดแน่ๆ
เลยแวะร้านแถวบ้าน ก็คือร้าน ชลธารแอร์
พอเข้าร้านไปช่างก็ทำการตรวจสอบจุดต่างๆ โดยเริ่มจากสายแอร์ตรงคอมแอร์ พบว่ารั่วที่ข้อต่อโอริงที่ออกจากคอมแอร์ พบเป็นฟองปุดๆหน่อยๆ
ช่างบอกว่าต้องถอดสายออกมาแล้วเปลี่ยนโอริงใหม่ แต่ต้องทำการ vac อัดน้ำยาแอร์ใหม่ เลยทำการตกลงราคากัน
1.เปลี่ยนโอริง 2 ตัว (ไหนก้อถอดแล้วเปลี่ยนทั้ง 2 ขั้วเลยคับ) 100 บาท
2.ค่า vac และ เติมน้ำยาแอร์ใหม่ โดยเปลี่ยนเป็น R-12 จากเดิม R-22 700 บาท
3.ค่าแรง 100 บาท
รวมทั้งหมด 900 บาท (ไม่รู้แพงไปป่าวนะคับ)
จึงทำการเปลี่ยน และ ทดมอบโดยการอัดลมเข้าไปในระบบโดยสูงกว่าที่เติมปกติเยอะเหมือนกัน(ไม่ได้ดูเข็ม) แล้วก้อใช้น้ำแฟ๊ปถูบริเวณที่รั่ว
สังเกตุดูฟองที่เกิดขึ้น ถ้าไม่มีแสดงว่าหายรั่วแล้ว อิอิ และ สุดท้ายทำการทดสอบความเย็นและระบบ
รวมใช้เลาประมาณ 1ชม.ครึ่ง
ระหว่างการเปลี่ยนก้อได้ความรู้จากช่างเยอะมาก และ สิ่งที่ได้มาเลยอยากเอามาบอกเพื่อนๆพี่ๆครับเพื่อไม่ให้โดนร้านแอร์หลอกเอาครับ
อาการต่างๆ ผมถามช่างมานะคับ
1.อาการวาล์วแอร์ตัน
- พอเปิดแอร์ แอร์จะเย็นแค่แปเดียวประมาณ 5 นาที แล้วก้อจะไม่เย็น แต่ทิ้งไว้ซักพักแล้วเปิดใหม่จะเย็นเหมือนเดิม แล้วก็จะเกิดอาการเดิมอีก หรือ อาจจะมีเสียงฟี๊ดๆตรงแถวตู้แอร์ตลอดเวลา(คอมแอร์ทำงานปกติ และ แรงดันแอร์ปกติ) และ สายต่อจากคอย์เย็นในรถจะไม่เย็น
สาเหตุุ เกิดจากรูที่วาล์วแอร์ตันจึงทำให้น้ำยาผ่านได้น้อยจึงทำให้เกิดน้ำแข็งเกาะที่รู
การแก้ไข เปลี่ยนวาล์วแอร์ใหม่
2.อาการ Dryer ตัน
- แอร์จะไม่เย็น (คอมแอร์ทำงานปกติ และ แรงดันแอร์ปกติ) เปิดปิดยังไงก้อไม่เย็น สายต่อจากคอย์ร้อนเข้าในรถจะเย็นเหมือนสายที่ออกจากรถ
สาเหตุ ตัว Dryer ตัน
การแก้ไข ทำการเปลี่ยน Dryer (ช่างแนะนำว่า ควรเปลี่ยนวาล์วแอร์พร้อมกันไปเลย)
3.อาการแอร์รั่ว
-แอร์จะเย็นอยู่พักนึง หลังจากเติมน้ำยาแอร์ไป (ขึ้นอยู่กับขนาดของรอยรั่วและบริเวณที่รั่ว) อาจจะยาวนานถึง 12 เดือนก้อเป็นได้ (คอมแอร์ทำงานปกติ และ แรงดันแอร์ต่ำกว่าปกติ) ช่างบอกว่าถ้าตั้งแต่ 8 เดือนขึ้นไปต้องเติมน้ำยาครั้งนึง ไม่ควรซ่อม เพราะ ค่าซ่อมแพงกว่าค่าเติมมาก ให้ลองคิดดูเติมปีละนึ่งครั้ง 500 บาท/ปี เปรียบเทียบกับค่าซ่อมอาจจะหลายพัน ก็เลยแนะนำว่าไม่ต้องซ่อมครับให้เติมเอา
สาเหตุ มีการรั่วไหลของน้ำยาแอร์จุดใดจุดหนึ่ง
การแก้ไข หารอยรั่วแล้วก้อทำการซ่อม
4.อาการคอมแอร์เสีย
- แอร์จะไม่เย็น ต้องเร่งเครื่องช่วย หรือ วิ่งรอบสูงๆถึงจะเย็น
สาเหตุ ลูกสูบในคอมแอร์เสื่อมสภาพ ทำให้กำลังอัดรั่ว และ ที่รอบสูงเย็นเพราะมีรอบเครื่องช่วยปั่นให้แรงขึ้น
การแก้ไข ทำการเปลี่ยนลูกสูบภายในคอม แต่ไม่นิยมเพราะ ราคาใกล้เคียงกับเลี่ยนลูกใหม่จึึงนิยมเปลี่ยนใหม่เลยครับ
เกร็ดความรู้ที่ได้มาจากช่างคราวนี้หลังจากเติมน้ำยาแอร์เสร็จแล้ว (ดูตอนเปิดแอร์สตาร์ทเครื่องนะครับ
)
1.ให้ดูที่ตาแมวที่ Dryer ว่ามีฟองหรือไม่ ถ้ามีแสดงว่าน้ำยาแอร์ยังขาดอยู่
2.ให้เอาน้ำราดที่แผงคอยด์ร้อน แล้วให้ไปดูที่ตาแมวจะต้องมีฟองเกิดขึ้น แล้วพอแงแห้งก้อจะใสเหมือนเดิม แต่ถ้าราดแล้วไม่มีฟองเกิดขึ้นแสดงว่าน้ำยาแอร์เกิน ต้องทำการปล่อยออก
3.ลองจับสายที่ออกจาก Dryer ต้องร้อน และ สายที่ออกมาจากรถเพื่อมาเข้าคอมแอร์ต้องเย็น แสดงว่าระบบแอร์ปกติ
4.สาเหตุที่ร้านแอร์ไม่เติมน้ำยาแอร์ขายเป็นน้ำหนัก เพราะว่า เช่นเติมร้านแรกไป 200 แล้วเย็น แต่พอไปเติมอีกร้าน 400 แล้วเย็นจึงทำให้ราคาแตกต่างกัน ร้านแอร์ทุกร้านจึงต้องทำการเติมแล้วเย็นแล้วคิดราคาเท่าเดิมทุกๆที่ ไม่ว่าเติมมากเติมน้อย
(เจ้าของบอกว่าเลยสอนข้อ 1-2 ให้ผมจะได้ไม่ถูกร้านหลอกเติม นิดเดียวแล้วเย็น จะขาดทุนเอา 555+)
5.ต้องจำด้วยว่าเราเติมน้ำยารุ่นอะไรไป ห้ามเติมปนกันเด็ดขาด (ช่างจะสังเกตุที่หัวเติมและเนื้อสายแต่ละรุ่นจะต่างกัน) แต่ของผมหัวเป็น R134a แต่สายทนแค่ R-12 เลยเติมได้แค่ R-12
6.ความเย็นของน้ำยาแอร์ R134a >> R-12 >> R-22 (ไม่ต่างกันเท่าไหร่ แทบไม่รู้สึก) ช่างบอกว่าที่รถใหม่ๆเติม R143a แล้วรู้สึกเย็นกว่ารถรุ่นเก่าที่เติม R-12 และ R-22 นั้น เป็นเพราะ ระบบของรถรุ่นใหม่ๆดีกว่า ไม่่าจะเป็นการเดินท่อ แผงคอยด์ร้อน ตู้แอร์ ก้อดีกว่า จึงรู้สึกว่าเย็นกว่าแค่นั้นเอง ทั้งๆที่ค่าการทำความเย็นพอๆกันเลย
7.R-12 และ R-22 จำเป็นต้องเปลี่ยนเป็น R134a หรือไม่
ช่างบอกรอคอมพังก่อนค่อยเปลี่ยน เพราะ คอมของ R-12 และ R-22 ไม่สามารถใช้กับ R143a ได้ เพราะ แรงดันของ R134a นั้นสูงกว่า แต่ของ R143a สามารถใช้ได้ทั้งหมด ถ้าอยู่ดีๆไปเปลี่ยนเป็น R143a จะต้องเปลี่ยนทั้งคอม ทั้งสาย ไม่คุ้มที่จะเปลี่ยน และที่ว่า R143a ดีกว่าก้อแค่เรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมเท่านั้นเอง อาจจะมีเรื่องค่าความเย็นที่ดีกว่านิดหน่อย (R-12 และ R-22 จะใช้ได้อีกประมาณ 3-4 ปี ถึงจะไม่ทำให้ใช้แล้วครับ)
ถ้ามีข้อไหนผิดพลาดบอกกันได้นะครับ จะได้ทำการแก้ไขครับ