sakpu พิมพ์ว่า: |
แบตฯ ใช้งานมากี่ปีแล้วครับ?
สาเหตุแบตฯหมดเพราะอะไร? |
Saka พิมพ์ว่า: |
หลังจากชาร์จใหม่ๆ สตาร์ทแล้วออกไปวิ่ง อาการนี้เป็นตั้งแต่บิดกุญแจครั้งแรกเลยหรือว่าวิ่งไปซักพักแล้วถึงเป็นครับ
เข็มไมด์ ไม่แน่ใจอาจเป็นที่แบตได้ แต่บางทีเรื่องรถอืดอาจเป็นเพราะถอดแบตเป็นการรีเซทกล่อง ตอนนี้กล่องเลยไม่ตอบสนองเหมือนก่อนแบตหมดก็ได้ |
nayza พิมพ์ว่า: | ||
-ไม่ทราบว่า่ใช้มากี่ปีคับ เพราะซื้อรถมือสองมาคับ -สาเหตุที่หมดคือ เค้าบอกว่าน้ำกลั่นหมดจนแห้งคับ..... |
sakpu พิมพ์ว่า: | ||||
เห็นควรเปลี่ยนแบตฯใหม่ครับเพราะเราไม่รู้ว่าเจ้าของเดิมใช้มาเท่าไรแล้ว อีกอย่างน้ำกลั่นหมดจนแห้ง แผ่นธาตุภายในแบตฯ คงเสื่อมไปมากพอสมควร ข้อสังเกตุ เวลาสตารท์รถมีอาการลากยาวกว่าเครื่องยนต์จะทำงานหรือไม - ถ้าลากยาวกว่าจะติด แสดงว่าแบตเริ่มเสื่อมค่ากระแสเริ่มต่ำกว่ามาตรฐาน - แบตฯปกติดีบิดกุญแจสตารท์เครื่องยนต์ต้องทำงานทันที - จะเปลี่ยนแบตฯ ใหม่ถ้าไม่มีเวลาดูแลให้เปลี่ยนเป็นแบตฯแบบแห้ง (ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์นะครับ แบตฯแบบเปียกเติมน้ำกลั่นจะมีราคาถูกกว่าแบตฯแบบแห้ง แบตเตอรี่รถยนต์ทำหน้าที่ ป้อนกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ต่างๆของเครื่องยนต์เพื่อให้ทำงานได้ เช่น มอเตอร์สตาร์ท ระบบจุดระเบิด ในขณะที่สตาร์ทรถยนต์ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ป้อนพลังงานให้กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลายๆอย่าง ด้วย เช่น ระบบไฟส่องสว่าง วิทยุ เป็นต้น แบตเตอรี่รถยนต์ ไม่ใช่แหล่ง ผลิตกระแสไฟฟ้า แต่เป็นแหล่งเก็บไฟฟ้าสำรอง เมื่อใดก็ตามที่ไดร์ชาร์จ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้า ไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ทัน เช่น การขับขี่ในตอนกลางคืนซึ่งใช้ระบบไฟเยอะกว่าปกติ ก็จะดึงไฟจากแบตเตอรี่มาใช้ ขณะเดียวกันถ้าไดร์ชาร์จทำงานได้ดีขึ้น หรือ หมุนเร็วขึ้น ก็จะมีกระแสไฟฟ้าเหลือจากการใช้งาน ซึ่งก็จะถูกส่งกลับเข้าไปยังแหล่งเก็บไฟฟ้าสำรอง (แบตเตอรี่) จนกว่าจะเต็มแบตเตอรี่จะถูกจ่ายไฟออกอย่างเดียวก็เฉพาะตอนสตาร์ทเครื่อง ยนต์เท่านั้น เพื่อส่งกระแสไฟเข้าสู่มอเตอร์สตาร์ท และ ระบบต่างๆของเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์สตาร์ทติด และ ทำงานแล้ว ไดร์ชาร์จก็จะทำหน้าที่ประจุไฟเข้าแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง นั่นก็หมายความว่า กระแสไฟฟ้าจะถูกจ่ายออกไป และ ถูกประจุเพิ่มเข้าไป หมุนเวียนเข้าออกแบตเตอรี่อยู่เสมอ ไม่ได้จ่ายออกไปจนหมดอย่างเดียว นั่น หมายความว่าแบตเตอรี่จะหมดได้ก็มีอยู่เพียง 2 กรณี นั่นก็คือ 1. เก็บไฟไม่อยู่ หรือ หมดอายุการใช้งาน 2. ไดร์ชาร์จทำงานผิดปกติ หรือ บกพร่อง ซึ่งทำให้ประจุไฟเข้าไปยังแบตเตอรี่รถยนต์ได้น้อยมากไม่เพียงพอต่อการใช้งาน หรือ ไม่สามารถประจุไฟเข้าไปได้เลย อายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ แบตเตอรี่รถยนต์มีิอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ 1. แบบเปียก นิยมใช้กันเป็นส่วนใหญ่ แบ่งย่อยออกได้อีกเป็น 2 แบบ คือ แบบที่ต้องเติม และ ดูแลน้ำกลั่นบ่อยๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง กับ แบบไม่ต้องดูแลบ่อย (Maintenance Free) ซึ่งจะกินน้ำกลั่นน้อยมาก โดยทั้ง 2 แบบนี้จะมีฝาปิด-เปิดสำหรับเติมน้ำกลั่น ในแบบแรกนี้จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ 1.5-2 ปี แต่ไม่ควรเกิน 3 ปี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน และ การดูแลรักษา ถ้ามีการดูแลรักษาอยู่สม่ำเสมอก็จะทำให้แบตเตอรี่รถยนต์มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ขึ้น อย่างไรก็ดีเมื่อถึงอายุการใช้งานของมันก็สมควรที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูก ใหม่ได้แล้ว 2. แบบแห้ง ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น มีความทนทาน มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า และ มีราคาแพง แบตเตอรี่แบบแห้งนี้จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ 5-10 ปี แบตเตอรี่แบบนี้ไม่มีฝาปิด-เปิดสำหรับเติมน้ำกลั่น หรือไม่ก็ถูกซีลทับฝาไปเลย แต่จะมีตาแมวไว้สำหรับไว้คอยตรวจเช็คระดับน้ำกรด และ ระดับไฟชาร์จ ที่มา คลังแบตเตอรี่ |
sakpu พิมพ์ว่า: | ||||
เห็นควรเปลี่ยนแบตฯใหม่ครับเพราะเราไม่รู้ว่าเจ้าของเดิมใช้มาเท่าไรแล้ว อีกอย่างน้ำกลั่นหมดจนแห้ง แผ่นธาตุภายในแบตฯ คงเสื่อมไปมากพอสมควร ข้อสังเกตุ เวลาสตารท์รถมีอาการลากยาวกว่าเครื่องยนต์จะทำงานหรือไม - ถ้าลากยาวกว่าจะติด แสดงว่าแบตเริ่มเสื่อมค่ากระแสเริ่มต่ำกว่ามาตรฐาน - แบตฯปกติดีบิดกุญแจสตารท์เครื่องยนต์ต้องทำงานทันที - จะเปลี่ยนแบตฯ ใหม่ถ้าไม่มีเวลาดูแลให้เปลี่ยนเป็นแบตฯแบบแห้ง (ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกำลังทรัพย์นะครับ แบตฯแบบเปียกเติมน้ำกลั่นจะมีราคาถูกกว่าแบตฯแบบแห้ง แบตเตอรี่รถยนต์ทำหน้าที่ ป้อนกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ต่างๆของเครื่องยนต์เพื่อให้ทำงานได้ เช่น มอเตอร์สตาร์ท ระบบจุดระเบิด ในขณะที่สตาร์ทรถยนต์ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ป้อนพลังงานให้กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลายๆอย่าง ด้วย เช่น ระบบไฟส่องสว่าง วิทยุ เป็นต้น แบตเตอรี่รถยนต์ ไม่ใช่แหล่ง ผลิตกระแสไฟฟ้า แต่เป็นแหล่งเก็บไฟฟ้าสำรอง เมื่อใดก็ตามที่ไดร์ชาร์จ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้า ไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ทัน เช่น การขับขี่ในตอนกลางคืนซึ่งใช้ระบบไฟเยอะกว่าปกติ ก็จะดึงไฟจากแบตเตอรี่มาใช้ ขณะเดียวกันถ้าไดร์ชาร์จทำงานได้ดีขึ้น หรือ หมุนเร็วขึ้น ก็จะมีกระแสไฟฟ้าเหลือจากการใช้งาน ซึ่งก็จะถูกส่งกลับเข้าไปยังแหล่งเก็บไฟฟ้าสำรอง (แบตเตอรี่) จนกว่าจะเต็มแบตเตอรี่จะถูกจ่ายไฟออกอย่างเดียวก็เฉพาะตอนสตาร์ทเครื่อง ยนต์เท่านั้น เพื่อส่งกระแสไฟเข้าสู่มอเตอร์สตาร์ท และ ระบบต่างๆของเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์สตาร์ทติด และ ทำงานแล้ว ไดร์ชาร์จก็จะทำหน้าที่ประจุไฟเข้าแบตเตอรี่อย่างต่อเนื่อง นั่นก็หมายความว่า กระแสไฟฟ้าจะถูกจ่ายออกไป และ ถูกประจุเพิ่มเข้าไป หมุนเวียนเข้าออกแบตเตอรี่อยู่เสมอ ไม่ได้จ่ายออกไปจนหมดอย่างเดียว นั่น หมายความว่าแบตเตอรี่จะหมดได้ก็มีอยู่เพียง 2 กรณี นั่นก็คือ 1. เก็บไฟไม่อยู่ หรือ หมดอายุการใช้งาน 2. ไดร์ชาร์จทำงานผิดปกติ หรือ บกพร่อง ซึ่งทำให้ประจุไฟเข้าไปยังแบตเตอรี่รถยนต์ได้น้อยมากไม่เพียงพอต่อการใช้งาน หรือ ไม่สามารถประจุไฟเข้าไปได้เลย อายุการใช้งานของแบตเตอรี่รถยนต์ แบตเตอรี่รถยนต์มีิอยู่ด้วยกัน 2 ชนิด คือ 1. แบบเปียก นิยมใช้กันเป็นส่วนใหญ่ แบ่งย่อยออกได้อีกเป็น 2 แบบ คือ แบบที่ต้องเติม และ ดูแลน้ำกลั่นบ่อยๆ อย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง กับ แบบไม่ต้องดูแลบ่อย (Maintenance Free) ซึ่งจะกินน้ำกลั่นน้อยมาก โดยทั้ง 2 แบบนี้จะมีฝาปิด-เปิดสำหรับเติมน้ำกลั่น ในแบบแรกนี้จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ 1.5-2 ปี แต่ไม่ควรเกิน 3 ปี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน และ การดูแลรักษา ถ้ามีการดูแลรักษาอยู่สม่ำเสมอก็จะทำให้แบตเตอรี่รถยนต์มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน ขึ้น อย่างไรก็ดีเมื่อถึงอายุการใช้งานของมันก็สมควรที่จะเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูก ใหม่ได้แล้ว 2. แบบแห้ง ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น มีความทนทาน มีอายุการใช้งานที่ยาวนานกว่า และ มีราคาแพง แบตเตอรี่แบบแห้งนี้จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ 5-10 ปี แบตเตอรี่แบบนี้ไม่มีฝาปิด-เปิดสำหรับเติมน้ำกลั่น หรือไม่ก็ถูกซีลทับฝาไปเลย แต่จะมีตาแมวไว้สำหรับไว้คอยตรวจเช็คระดับน้ำกรด และ ระดับไฟชาร์จ ที่มา คลังแบตเตอรี่ |
civicIT พิมพ์ว่า: |
จริงๆระบบก็ไม่มีไรมากนะ ไดชาร์จไฟ เข้า แบต ถ้าแบตแห้ง เพราะไม่เติมน้ำ ก็ต้องเช็คไดด้วยว่าเสียหรืออะไรไหม ถ้าเช็คได ไดไม่เสีย ก็แค่เปลี่ยนแบตลูกใหม่ ก็น่าจะปกติ ส่วนรถอืด ไม่อืด ไม่เกี่ยวกะแบตครับ เพราะหลังสตาร์ทไปแล้วใช้ได ล้วนๆ ไม่เกี่ยวกะแบต อาการขับแล้วอืด มันมีได้หลายกรณี ง่ายๆ ก็ น้ำมันเครื่องเปลี่ยนนานยัง กรองเบนซิน เคยเปลี่ยนยัง อันนี้แบบง่าย ถ้าพวกนี้เช็คแล้วปกติ ถึงจะไปไล่ว่า ที่่อืดเนี้ยติดแก๊สด้วยไหม เพราะไม่ทราบข้อมูล ยังๆไง ก็ลงรายละเอียดให้ครบ นิดนึง เพื่อนๆจะได้ช่วยวิเคราะห์ได้ง่ายครับ |
ไปที่: |