เช้าวันนี้ครับได้มีโอกาศเปิดดูเว็ปรถและของแต่งทั่วไป เปิดดูไปเรื่อยๆๆ ก็สะดุดกับรถโบราณ รุ่นหนึ่งที่มี ธงชาติ ติดอยู่ที่ตัวรถ

ด้วยความสงสัยครับ จึงได้เปิดเค้าไปดู ปรากฏว่า รถคันนั้นเป็น ยี่ห้อ เอ็มจี รถที่ชนะเลิศอันดับหนึ่งของการแข่งรถระหว่างชาติทั่วทวีปยุโรป ๓ ปีซ้อน คือปี ๑๙๓๖ ปี ๑๙๓๗ และ ปี ๑๙๓๘ จนคว้าตำแหน่ง " ดาราทอง " ของสมาคมนักแข่งรถอังกฤษมาครองได้

ใช่แล้วครับ บุคคลที่ขับก็คือ "พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช หรือคนไทยเรียกกันสั้นๆว่า “พระองค์พีระ”






ความจริงแล้วผมก็ไม่ได้สนใจกับประวัติของพระองค์ท่านมาก่อน รู้แค่ว่าเป็นนักแข่งรถที่ประสบความสำเร็จมากในอดีต และได้มีการตั้งชื่อสนามแข่งรถที่พัทยาเพื่อเป็นเกียรติให้แก่ท่าน

หลังจากที่ผมเริ่มค้นหาและอ่านประวัติของท่าน ผมเริ่มสนใจกับสิ่งที่ท่านทำมากขึ้นเรือยๆ สิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมผิดหวังมากคือข้อมูลภาษาไทยในอินเตอร์เนทนั้นมีน้อยมาก ในทางตรงกันข้าม ข้อมูลที่เป็นภาษาอังกฤษกับมีมากมาย ในหลายแง่มุม...มันเกิดอะไรขึ้นหนอ




สิ่งที่ผมสนใจมากคือเรื่องราวเกี่ยวกับรถของท่าน ที่ปัจจุบันเป็นที่หมายปองของนักสะสมทั่วโลก เรียกว่าในรถรุ่นเดียวกันสภาพเหมือนกัน ถ้ามีประวัติว่าเป็นของพระองค์พีระ ราคาจะพุ่งขึ้นไปอีก 4-5เท่าเลยทีเดียว เท่าที่ผมค้นหามายังไม่เคยเห็นที่ใดรวบรวมรถแข่งและรถส่วนพระองค์ของท่านเอาไว้เลย ส่วนใหญ่ข้อมูลที่เห็นจะมีแต่รถคันพระเอกอยู่สองสามคันเท่านั้นเอง



ใครที่ได้ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ พ.พีระ จะรู้ว่ามีเจ้านายอีกหนึ่งพระองค์ ที่เป็นผู้สนับสนุนการแข่ง มาโดยตลอด ใช้ทรัพย์ส่วนพระองค์ในการซื้อรถและดูแลทีมแข่ง ท่านผู้นั้นคือ พระเจ้าวรวงค์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ผู้จัดการทีมแข่ง คณะหนูขาว (White Mouse Racing) ซึ่งเท่าที่ทราบทีมนี้ก็มี พ.พีระเป็นนักขับอยู่เพียงผู้เดียว สามารถพูดได้อย่างเต็มที่ว่าความสำเร็จของ พ.พีระในวันนี้ ครึ่งนึงเป็นของพระองค์จุล



นอกจากนั้น พระองค์จุลนี้เองที่เป็นผู้บันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับการแข่งรถของพ.พีระ และนักแข่งต่างชาติอีกหลายคนในยุคนั้น ซึ่งมีพิมพ์ออกมาทั้งภาษาไทยและอังกฤษอยู่หลายเล่มทีเดียว อาทิเช่น ดาราทอง และ วงล้อหมุนเร็ว (ผมยังไม่มีโอกาสได้อ่านเลย) ซึ่งถือได้ว่าเป็นบันทึกทางประวัติศาสร์ และแม้แต่ฝรั่งก็ยังใช้หนังสือเหล่านี้อ้างอิงจนถึงทุกวันนี้



ผมจะเริ่มต้นด้วยรถที่นำชัยชนะมายังพระองค์ทั้งสองมากที่สุด และน่าจะเป็นรถที่ทั้งสองพระองค์รักมากที่สุด เคยชนะรางวัลสำคัญๆมามากมาย เช่น ที่หนึ่งในรายการ Monaco GP , Picardy GP, France และ Brooklands อันดับสองที่ The Isle of Man และอันดับสามที่ Nurburgring เป็นต้น
รถคันนี้มีนามว่า Romulus

Romulus เป็นรถแข่งยี่ห้อ ERA (English Racing Automobiles) ที่พระองค์จุลซื้อให้พระองค์พีระเป็นของขวัญวันครอบรอบ 21ปี



หลายคนอาจจะไม่รู้จักรถยี่ห้อนี้หรืออาจไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยด้วยซ้ำ ซึ่งผมก็เป็นคนหนึ่ง แต่เมื่อทำการศึกษาข้อมูลต่างๆ พบว่ามันคือหนึงในที่สุดรถยนต์ในยุคก่อนสงครามโลก เป็นที่หมายปองของนักสะสมอย่างยิ่ง

ERA นั้นก่อตั้งโดยมหาเศรษฐีนักแข่งรถชาวอังกฤษ ผลิตรถออกมาทั้งหมดประมาณ 20คันเท่านั้น และ รถส่วนใหญ่ก็สามารถต่อกรกับรถแข่งชั้นแนวหน้าในยุคเช่น มาเซอร์ราตี หรือ บี เอ็ม ได้อย่างดี และในบรรดา ERA ทั้งหมด Romulus (ระหัสทางการคือ R2B) ถือเป็นรถที่มีประวัติดีที่สุด สภาพดีที่สุด เพราะเป็นรถที่ครอบครองโดยตระกูลจักรพงศ์ ตั้งแต่ต้น .. น่าเสียดายอย่างยิ่ง (จากทะเบียนของ ERA) รถคันนี้ถูกเปลี่ยนมือไปในปี 2010 นี้เอง โดยเจ้าของใหม่ของ Romulus คือ ขาใหญ่แห่งวงการสะสมรถ Greg Whitten ผู้ร่วมก่อตั้ง บริษัท ไมโครซอฟ (คู่กับ Bill Gate)นั่นเอง



รถแข่งของท่านจะมี เอกลักษณ์ที่สำคัญ คือ มีสีฟ้า เหลือง อย่างที่เห็น



ท่าที่เห็น รถในยุคนั้น ยังไม่มีคันไหนที่เท่ขนาดนี้
เพราะส่วนใหญ่จะเป็นสีเดียว ทึบๆเช่น ดำ, เขียว และ แดง



สีฟ้า เหลือง นี้ ถูกจดทะเบียน ให้เป็นสีประจำชาติไทย ในทางการแข่งรถสากล





สัญลักษณ์ คณะหนูขาว (White Mouse Racing) ออกแบบโดย พระองค์พีระ

พระองค์จุล มีชื่อเล่นว่า ท่านหนู จึงเอาชื่อเล่น มาตั้งเป็นชื่อทีม
บวกกับ ตอนนั้น ทีม เฟอร์รารี่ ซึ่งเป็นค่ายน้องใหม่ กำลังเริมมาแรง ใช้สัญลักษณ์ม้าพยศ
การใช้รูปหนูจึงเป็นการล้อเลียนไปในตัว



ทุกครั้งที่ได้ขึ้นโพเดี้ยม ก็จะได้ป้ายประจำรายการนั้นมาติดเอาไว้



สภาพกิ๊กๆ ทุกลายละเอียด



คันถัดมานี้ถือว่าเป็นรถแข่งคันแรกสุดของทั้งสองพระองค์ เป็นรถสปอร์ตยี่ห้อRiley รุ่น Imp ทรงซื้อเพื่อนำทดลองมาแข่งในแบบRoad racing ซึ่งได้ผลไม่ค่อยดีเท่าไร สถานะภาพปัจจุบัน ไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหน หรือเป็นอย่างไรแล้วครับ (คันนี้เป็นรูปแทน)





คันนี้คือ MG Magnette Supercharger เป็นรถแข่งคันที่สอง ที่ทรงซื้อมาแข่งในปี 1935 แต่ยังไม่ค่อยได้ผลดีเท่าไร เนื่องจากอยู่ในช่วงขาลงของ MG Magnetteแล้ว โดยคันที่พระองค์จุลได้มานั้น ถือเป็นคันสุดท้ายในสายการผลิต หากผู้ใดสนใจจะตามล่า รถคันนี้มี Chassis Number K.3030 และมี Engine Number 630 AK นะครับ

รถคันนี้ถูกขายและนำเข้ามายัง Australia ครับตั้งแต่ปลาย 30's มีการเปลี่ยนมือกันหลายหน แต่ก็ไม่สามารถหลุดออกไปจากมือชาวออสซี่ได้เลยครับ

รายระเอียด พร้อมรูปภาพและประวัตฺของคันนี้ ครับ
www.mgccsa.org.au/Articles/K3%20story.html









คันต่อไปคือ Aston Martin Ulster ซึ่งเป็นอีกคันที่มีประวัติการตามล่าไม่แพ้คันอืนเลยทีเดียว
โดยคันนี้เป็นหนึ่งในรถที่พระองค์พีระใช้แข่งในปีแรกเช่นกัน (1935) และไม่ค่อยประสบความสำเหร็จเท่าไรนัก อีกทั้งยังเกิดอุบัติเหตุ ท่อนำมันแตก ทำให้เกิดไฟไหม้และลวกแขนพระองค์พีระ หลังจากนั้นก็ไม่ได้ข่าวว่าเอาคันนี้ลงแข่งเท่าไร ส่วนมากจะเป็นเจ้าพระเอก Romulus ซะมากกว่า ตามสถิติก็ไม่รู้เป็นอย่างไร พอเอา Romulusลงแข่งจะได้อันดับดีๆตลอด (Top 5) แต่พอนำคันอื่นมาหมุนเวียนกันลงกับไม่จบการแข่งขัน หรือได้ตำแหน่งท้ายๆตลอด
รถคันนี้มี Chassis No.GS/588/U , Engine No. G5/588/U และ Registration No. CMX 743
ในที่สุดราวๆปี 1996 มีก็มีผู้ค้นพบ Aston Martin คันนี้ แต่เป็นในสภาพที่จะเห็นต่อไปนี้



อย่างที่บอกไปตั้งแต่แรกว่าหากรถคันไหน สืบประวัติว่าเคยเป็นของเจ้านักแข่งรถไทยแล้ว ก็มักจะเป็นที่สนใจของนักสะสม

โดยกองข้างบนนี้ถูกสถาบันคริสตี้ (Christie)นำออกมาประมูล (Catalogue วันที่ 19/02/1996) โดยมีราคาประเมินอยู่ที่ £25,000-30,000 ผลสุดท้ายถูกเคาะจบด้วยราคาเบาๆที่ £89,500 !!!(ราคานี้ยังไม่รวมค่าดำเนินการและภาษีนะคร้าบ)


เมื่อเจอผู้ซื้อใจกล้า เงินถึง และรู้จักคุณค่า Aston Martin กองข้างบน จรึงถูกปรุกเสกจนกล้ายเป็นแบบภาพข้างล่างนี้ครับ... ซึ่งก็ไม่รู้ว่าถ้านำออกมาประมูลอีก ราคาจะพุ่งไปขนาดไหน..เอิ๊กๆๆๆ







คันสุดท้ายที่พบว่าพระองค์พีระนำเข้าแข่งในปีนี้ คือ โอลด์สโมบิล 1903 ในรายการ London to Brighton Veteran Car Run ซึ่งรายการนี้ถือเป็นการแข่งรถที่เก่าแก่ที่สุดที่มีการแข่งจนถึงทุกวันนี้ ซึ่งกฏของการแข่งขันก็ง่ายๆ คือรถที่ใช้ต้องสร้างขึ้นก่อนปี 1905เท่านั้น (การแข่งขันรถโบราณนั่นเอง)



นอกจากรถแข่งที่กล่าวมาทั้งหมด (จนถึงปี 1935) พระองค์ทั้งสองยังมีรถที่ใช้ส่วนพระองค์ อีกดังนี้

MG Magna คันนี้เป็นรถยนต์คันแรกสุดที่พระองค์จุลซื้อให้พระองค์พีระเมื่ออายุครบ 18ปี
ไม่พบว่าปัจุบัน รถคัรนี้อยู่แห่งหนตำบลใด รถคันนี้มีทะเบียน MG1976





อีกคันนึงเป็น Roll-Royce ของพระองจุล (รูปเล็ก) ไมม่แน่ใจว่าเป็นรุ่นอะไรเหมือนกันครับ (น่าจะเป็น1932 Ripon Limousine)



1934 Bentley 3.5 Liter Sports Tourer เป็นรถที่ทั้งสองพระองค์ใช้ขับเที่ยวทั่วยุโรป และพระองค์จุลทรงนำเรื่องราวในการท่องเที่ยวนี้มาแต่งเป็นหนังสือเรื่อง กงล้อหมุนเร็ว หรือ Wheels at Speedนั่นเอง ถึงแม้Bentleyคันนี้จะเป็นรถส่วนพระองค์ ภายหลังก็พบว่ามีการนำเข้าแข่งขันอย่างน้อยสองรายการ รวมไปถึง LeMans ด้วย
จนถึงในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองรถคันนี้เปลี่ยนมือไปเป็นของนักการเมืองชาวอังกฤษชื่อ Alan Clark
เมื่อไม่นานมานี้(2008) รถคันนี้ถูกนำออกประมูลโดย Gooding & Company ซึ่งก็ถูกเคาะไปเบาะๆที่ $429,000 (จริงๆทางผู้จัดการประมูลคาดว่าจะมีราคาสูงถึง $750,000)













เครดิต  Lejatte145 http://www.inphono.com/index.php/forum/4-talking-board  ครับ  ขอบคุณครับ

นี่แหละครับที่มาของ สนามพีระเซอร์กิจ

ของจริงครับ...อีอาร์เอ.....รอมิวรุส ของพระองค์เจ้าพีระ.....^^....อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมลองอ่านหนังสือเรื่อง...."เกิดวังปารุสก์" ของพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ดูนะครับ....สนุกมาก ๆ เลยนะครับ...^^

ขอบคุณสำหรับความรู้ประดับสมองคร๊าบบบบ ผมเรียนจบที่ ม.เทคโนโลยีราชมงคล วิทยาเขต จักรพงษ 

ความรู้อีกแล้วคัพท่าน

 ผมได้เจอคันจริงแล้วครับ ตอนเปิดสนามพีระเซอร์กิต มาหลายคัน
ขับในสนามโชว์เลย ได้สัมผัสแล้วภูมิใจจริง ๆ

ความรู้ที่ไม่ค่อยเห็นได้ตามInternet ขอบคุณมากๆคับ

เดียวผมจะเอา ประวัติ เจ้าชายสยาม พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช หรือคนไทยเรียกกันสั้นๆว่า “พระองค์พีระ”

ลงให้อ่านกันถึงตำนานของนักแข่งไทย อีกครับ 

สวดยอดดดดดดดด

ชอบรูปที่สองครับ

ประวัติ

พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช


เป็นพระโอรสในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดชและ


หม่อมเล็ก ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา (สกุลเดิม ยงใจยุทธ เป็นพี่สาวของ ร้อยเอกชั้น ยงใจยุทธ บิดาของพลเอกชวลิต ยงใจยุทธ)


ประสูติเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2457


เมื่อแรกประสูติทรงพระนามว่า หม่อมเจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช


จบการศึกษาจากโรงเรียนเทพศิรินทร์ โรงเรียนอีตัน


และเข้าศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ


และเปลี่ยนไปศึกษาด้านประติมากรรม ที่ Byam Shaw Art School
ก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง (พ.ศ. 2479-2482)

     พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช ทรงแข่งรถโดยการสนับสนุนของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์

ทั้งสองพระองค์มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักในหมู่นักแข่งรถในชื่อ Prince Bira และ Prince Chula

ทรงขับรถยี่ห้อ อี.อาร์.เอ. (English Racing Automobiles - E.R.A.) ทาสีฟ้าสดใสในการแข่งขัน

ชื่อ รอมิวลุส (Romulus) รีมุส (Remus) และ หนุมาน (Hanuman) สีฟ้าแบบนี้ ปัจจุบันเรียกว่า ฟ้าพีระ (Bira blue)

     ทรงชนะเลิศการแข่งขันครั้งแรก ในรายการ Coupe de Prince Rainier ที่เซอร์กิตเดอโมนาโก

(ปัจจุบันคือ โมนาโกกรังด์ปรีซ์) ได้รับถ้วยเจ้าชายเรนีย์แห่งโมนาโก เมื่อวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2479

โดยทรงขับรถรอมิวลุส

     ทรงชนะเลิศการแข่งรถกรังด์ปรีซ์ในยุโรปอีกหลายครั้ง ระหว่างปี ค.ศ. 1936, 1937 และ 1938

จนได้รางวัล ดาราทอง (BRDC Road Racing Gold Star) จากสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 แห่งสหราชอาณาจักร 3 ปีซ้อน

ได้รับการบรรจุชื่อในหอเกียรติยศของสมาคมนักแข่งรถอังกฤษ

     เมื่อปลายปี พ.ศ. 2480 พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ และพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช

เสด็จกลับมาเยี่ยมประเทศไทย และนำรถรอมิวลุส กลับมาขับโชว์ และจัดประลองความเร็วที่ถนนราชดำเนิน

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2480 โดยราชยานยนต์สมาคมแห่งสยาม และจัดแสดงให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมที่วังจักรพงษ์

ขณะนั้นอยู่ในช่วงงานฉลองรัฐธรรมนูญ มีผู้คนเข้ามาชมเป็นจำนวนมาก

     ในปี พ.ศ. 2482 พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช และพระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ทรงเป็นกำลังสำคัญ

ในการเตรียมการจัดการแข่งขันกรุงเทพกรังด์ปรีซ์ (ฺBangkok Grand Prix)

โดยเชิญนักแข่งชั้นนำมาแข่งขันบนเส้นทางรอบสนามหลวงและพระบรมมหาราชวัง ระยะทาง 2 ไมล์

ในวันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2482 แต่การแข่งขันนี้ต้องยกเลิกไป เพราะเกิดสงครามโลกขึ้นเสียก่อน


เอามาฝากคับพี่น้อง 

เพลินเลยทีเดียว 

ขอบคุณครับ 

พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช ทรงขับรถรถ อี.อาร์.เอ. คันนี้แข่งขันเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2478

ใน Dieppe Grand Prix ที่ดิเอปป์ ประเทศฝรั่งเศส ได้ที่สอง ซึ่งความจริงแล้วหากไม่เสียเวลาในการเปลี่ยนหัวเทียน ถึง 2 นาที

เนื่องจากไม่มีช่างผู้ชำนาญ ก็อาจทรงชนะเลิศตั้งแต่การแข่งครั้งแรก

     พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ทรงซื้อรถรุ่นเดียวกันอีกคันหนึ่ง เพื่อสลับใช้งานกัน โดยได้รับมอบในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2479

และทรงตั้งชื่อรถคันแรกว่า รอมิวลุส และคันหลังว่า รีมุส ตามชื่อของ รอมิวลุส และรีมุส เทพเจ้าโรมันฝาแฝด ผู้ก่อตั้งกรุงโรม

     พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช ทรงขับรถรอมิวลุส เข้าแข่งขันทั้งสิ้น 35 รายการ (28 รายการ ในชื่อ รอมิวลุส)

ได้รางวัลชนะเลิศ 9 รายการ ที่สอง 9 รายการ ที่สาม 7 รายการ และได้นำมาจัดแข่งประลองความเร็ว บนถนนราชดำเนิน เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2480

      รถรอมิวลุสอยู่ในการครอบครองของ หม่อมราชวงศ์นริศรา จักรพงษ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2514 

ปัจจุบันได้เปลี่ยนมือเป็นกรรมสิทธิ์ของ Gregory Whitten ชาวอเมริกัน และจะได้รับการปรับปรุงสภาพเครื่องยนต์ใหม่ให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์

เยี่ยมยอดไปเลยคนไทยเนี่ย ผมเคยเล่นแต่ในเกม สมัยสงครามโลก เลยนะเนี่ย เจ๋งมาก ขับจิงคงสนุกน่าดู

แปลกใจที่คนไทยไม่สนใจ มีแต่ต่างชาติสนใจเป็นอย่างมากกก 

น่าจะมีพิพิธภัณฑ์ของไทยเองด้วยซ้ำ 

อี.อาร์.เอ. หนุมาน

หนุมาน (Hanuman) เป็นชื่อที่ใช้เรียกรถแข่ง ยี่ห้อ อี.อาร์.เอ. (English Racing Automobiles - ERA)

รหัส R12B/C ที่พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าพีรพงศ์ภาณุเดช ใช้ขับแข่งในช่วงปี พ.ศ. 2481

เป็นรถ อี.อาร์.เอ. คันที่สามในสังกัด คอกหนูขาว (White Mouse team) ต่อจาก รอมิวลุส และ รีมุส

รถคันนี้ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2479 เดิมมีรหัส R12B ใช้เครื่องยนต์ขนาด 2,000 ซีซี

ต่อมาได้เปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่เป็น 1,500 ซีซี ในปี พ.ศ. 2480 

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุลจักรพงษ์ ทรงซื้อมาในปี พ.ศ. 2481

เพื่อทดแทน อี.อาร์.เอ. รีมุส ที่ขายออกไป  โดยพ่นตัวถังเป็นสีฟ้าพีระ

วงล้อและชาสซีเป็นสีเหลือง ตามสีสัญลักษณ์ของราชยานยนต์สมาคมแห่งสยาม

Date: 8th January 1955
Distance: 100 laps of 3.3795km (337.95km)




Result              Driver                  Nat                                   Car                                    Laps                Time
   1          Prince B Bira                Thai            Maserati 250F / Maserati 2497cc 6cyl         100             2h 40m 12s
   2          Peter Whitehead           UK              Ferrari 500/625 / Ferrari 2968cc 4cyl         100             2h 40m 35s
   3          Tony Gaze                   Aust            Ferrari 500/625 / Ferrari 2968cc 4cyl         100             2h 41m 38s
   4          Jack Brabham              Aust            Cooper-Bristol Mk II / Bristol 1971cc 6cyl      98  
   5          Reg Hunt                     Aust            Maserati A6GCM / Maserati 2497cc 6cyl       97  
   6          Syd Jensen                   NZ             Cooper Mk VII / Norton 498cc 1cyl               91  
   7          Fred Zambucka             NZ              Maserati 8CM / Maserati 2992cc 8cyl s/c     89 
Ret         Ron Frost                     NZ              Cooper Mk VIII / Norton 498cc 1cyl             89                 Gearbox
   8          George Palmer              NZ             Jackson-Mercury / Mercury 4118cc V8         88  
Ret         Lex Davison                 Aust            HWM F2 / Jaguar 3442cc 6cyl                     88             Transmission
   9          Ross Jensen                  NZ            Triumph TR2 / Triumph 1991cc 4cyl             86  
  10         Dick Cobden                Aust            Ferrari 125 / Ferrari 1995cc V12 s/c            86  
  11         Arnold Stafford              NZ            Cooper Mk VIII / Norton 498cc 1cyl              85  
  12         Phil Neill                        NZ            Austin-Healey 100 / Austin 2660cc 4cyl        83  
  13         Peter Mclnally                NZ            Austin-Healey 100 / Austin 2660cc 4cyl        80  
  14         Des McDonagh               NZ            Thomas-Mercury / Mercury 4100cc V8         75  
Ret         Ron Roycroft                 NZ             Alfa-Romeo Tipo B / Alfa 2905cc 8cyl s/c     58                    Valve
  15         John Horton                  NZ             HWM F1 / Alta 1960cc 4cyl s/c                    55  
Ret         John McMillan               NZ             Alfa-Romeo Tipo B / Alfa 2905cc 8cyl s/c     33  
Ret         Bill Lee                         NZ             Cooper Mk VI / Norton 498cc 1cyl               30  
Ret         Les McLaren                 NZ             Austin-Healey 100 / Austin 2660cc 4cyl        30  
Ret         Bill Culver                     NZ             DeSoto Special / DeSoto 3368cc 6cyl           19                    Engine
Ret         Reg McCutcheon           NZ             Normac Special / Chevrolet 3870cc 6cyl       17                  Frost Plug
Ret         Stan Coffey                 Aust            Cooper-Bristol Mk I / Bristol 1971cc 6cyl       16                 Oil Pressure
Ret         Gordon Brown               NZ            GBS / Ford 1172cc 4cyl                                 9                    Engine
DNS        George Smith                NZ            GeeCeeEss / Chrysler 5600cc V8    
DNS        Wally Bern                    NZ            Triumph TR2 / Triumph 1991cc 4cyl    
DNS       Tony Shelly                    NZ            Morgan plus 4 / Vanguard 2088cc 4cyl    
DNS       Johnny Mansel               NZ             Mansel Special / Mercury 3950cc V8 

  เดี่ยวเย็น ๆ จะมาอ่านให้ละเอียดเลยยย  ขอบคุณครับ

....

ชื่อหนังสือ : เจ้าชายดาราทอง
  หมวด : บุคคล
              
  ผู้แต่ง : หญิงหมัด
  จัดพิมพ์โดย : สนพ.มติชน
  พิมพ์รวมเล่มครั้งแรก : สำนักพิมพ์มติชน กันยายน ๒๕๔๖
  กระดาษปอนด์เหลือง
  ปกอ่อน
  จำนวนหน้า : 376 หน้า
  ขนาดหนังสือ : 14.6 cm. x 25 cm.
  ISBN : 974-322-980-9

ตำนานการแข่งรถบันลือโลกและชีวิตรักที่เดียวดายของเจ้าชายไทยผู้อาภัพ


รายละเอียด
"...พระองค์พีระท่านมีศักดิ์เป็นปู่ของผม ท่านเป็นน้องของท่านย่า มีศักดิ์เป็นน้าของพ่อของผม แต่ก็ไม่แน่ใจว่าอายุท่านอ่อนกว่าหรือแก่กว่าพ่อ แต่ผมเรียกท่านว่าท่านปู่ เสียดายว่าตอนนี้นผมยังเด็กเกินไป ยังไม่คิดจะทำหนังเรื่องของท่าน ไม่เหมือนกับตอนนี้ซึ่งคิดอยู่ลึก ๆ ในใจย่าอยากเอาเรื่องของท่านมาทำเป็นภาพยนตร์ เมื่อตอนที่ผมขับรถอยู่ในฝรั่งเศสกับโมนาโก เป็นเวลาเดียวกันกับมีการแข่งรถกรังด์ปรีซ์ซึ่งท่านปู่ทรงเคยชนะมาก่อนในอดีต ทำให้มองเห็นภาพเจ้าชายไทยร่างเล็กที่ทรงขับรถเข้าโค้งนับร้อยโค้งเอาชนะทีมต่างชาติได้อย่างงดงาม มันคือเรื่องที่น่าจะทำเป็นภาพยนตร์อย่างยิ่ง ชีวิตของท่านปู่เต็มไปด้วยเรื่องราวและสีสัน......ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดอยู่ในหนังสือที่คุณถืออยู่ในมือนี่แล้ว เอาให้หญิงหมัดเล่าดีกว่าครับ เมื่อผมอ่านเรื่องที่หญิงหมัดนำมาเล่าเกี่ยวกับท่านปู่พีระจบแล้ว มันทำให้ผมคิดจะสร้างหนังเกี่ยวกับพระองค์พีระขึ้นมาอีกครั้ง คงจะไม่นานเกินรอที่ผมจะได้ทำ..."
ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล

         "คนไทยควรจะภูมิใจที่มีคนอย่างท่าน ท่านนำชื่เสียงมาให้ประเทศไทยจากการแข่งรถ ทำให้ฝรั่งต่างชาติรู้จักว่าคนไทยก็มีความสามารถไม่แพ้เขา สมัยนั้นถ้าพูดถึง "PRINCE BIRA" ละก็ใครก็รู้จัก ท่านโด่งดังมากโดยเฉพาะสาว ๆ นี้กรี๊ดกันทั้งเมือง เคยมีโอกาสได้นั่งรถกับท่าน ช่วงที่ท่านมาประลองที่ดอนเมือง ใจหนึ่งก็รู้สึกว่าโก้ แต่อีกใจหนึ่งก็กลัว เพราะท่านขับรถเร็วมาก แต่ว่าขับดี เสียดายที่คนรุ่นหลัง ๆ วักจะลืม ๆ ท่านไป..."

หม่อมสาลิกา กะลันตานนท์

F1 ชิงแชมป์โลกนั้นเค้าเริ่มนับคะแนนกันครั้งแรกในปี 1950 ที่สนามซิลเวอร์สโตน ประเทศอังกฤษ หลายคนรู้กันอยู่แล้วครับ แต่การแข่งรถสูตรหนึ่งไม่ได้เริ่มครั้งแรกในปี 1950 นะครับ รถสูตรหนึ่งเริ่มแข่งกันอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่วันที่ 1 sep 1946 แล้ว เป็น non championship races ไม่มีการเก็บคะนงคะแนนอะไร ชื่อรายการ Gran Premio del Valentino ที่อิตาลี และถึงแม้จะมีระบบการเก็บคะแนนสะสมเพื่อชิงแชมป์โลกแล้วก็ตาม การแข่งขัน F1 non championship races ก็ยังคงมีอยู่จนถึงปี 1957 ครับ เมื่อ FIA ขอถือสิทธิแต่ผู้เดียวในการจัดแข่งขัน และขายลิขสิทธิ์ในการจัดการแข่งขัน 100ปี ให้เจ้าหงอก เอกเค่อสโตน

พระองค์พีระ ชนะการแข่งขัน F1 non championship races อย่างน้อยก็หนึ่งครั้งแน่นอน ในรายการ Grand Prix des Fronti่res สนาม Chimay ประเทศ Belgium เมื่อวันที่ 6 june 1954 ครับ ที่บอกว่าอย่างน้อย 1ครั้ง เพราะบางคนก็นับการแข่งขันของสนาม Goodwood เป็นการแข่งขัน F1 non championship races ด้วย แต่บ้างก็ไม่นับครับ เพราะแข่งระยะทางสั้นมากๆ คือประมาณ 50 กิโลเมตร หรือประมาณ 12-13 รอบเท่านั้น พระองค์ชนะ F1 ที่สนาม Goodwood หนึ่งครั้งครับ ในรายการ Richmond Trophy เมื่อวันที่ 26 March 1951 ที่บอกว่าเป็น F1 non championship races นี่ไม่ใช่เอานักแข่งไร้ชื่อไร้ฝีมือมาแข่งนะครับ นักแข่งทั้งหมดก็ล้วนเป็นนักแข่งใน F1 World Championship แทบทั้งสิ้น
สำหรับรถ F1 คันที่พระองค์พีระทรงขับเปิดฤดูกาลชิงแชมป์โลก  1948 MASERATI 4CLT เครื่อง 1.5 ลิตร SUPERCHARGED Chassis หมายเลข 1598 เครื่องยนต์หมายเลข 1577 และเป็นคันเดียวกับที่พระองค์ขับที่ Richmond Trophy ปี 1951