Bonesrs พิมพ์ว่า: | ||
ใช่ๆ ผมไปหาซื้อที่งาน บอกไม่มี แถม สูญญากาศติดทะเบียนรถ มี ฮอนด้าทุกรุ่น แต่ไม่มี ES |
tokmun002 พิมพ์ว่า: | ||||
รึว่าesเราเป็นของฮุนได!! ฮอนด้าซื้อลิขสิทธิมา???? ![]() ![]() |
อ้างอิงจาก: |
Shokeสมัย es เรา ญี่ปุ่นเค้าเน้นเป็นรุ่นประหยัดพลังงาน+ไฮบริดครับ และก็ไม่มี Type R ส่วนที่ไม่ค่อยมีคนเอาลงสนาม เพราะช่วงล่างไม่เหมาะกับเอาลงแข่งครับ "ช่วงล่างอีเอสเป็นแบบปีกนก 2 ชั้น เอามาแข่งไม่ดี" คำพูดพี่เอกประวัติ |
Ekprawat พิมพ์ว่า: |
ขอเพิ่มเติมและแก้ไขหน่อย
รถแข่งที่วิ่งอยู่หัวแถวในแต่ละรุ่นมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจนแทบจะไม่เหลือของเดิม ไม่ว่าจะ EG EK EP3 DC5 FD2 รวมทั้ง ES ไม่มีรถคันไหนที่เป็นรถเดิมๆ แล้วจะมาแข่งตามกติกาที่อนุญาติให้ปรับแต่งได้ ยิ่งถ้าเป็นระดับนานาชาติ เช่น WTCC WRC หรือ BTCC มีการปรับแต่ง พัฒนาโดยทีมงานของบริษัทเอง หรือ บุคคลภายนอก ด้วยเงินมหาศาล เพื่อที่จะให้รถของตัวเองสามารถสู้กับรถที่เกิดมาได้เปรียบกว่า เช่น Chevrolet Cruz ครั้งแรกคงไม่มีใครคิดว่าจะได้แชมป์โลก WTCC แต่การปรับปรุงพัฒนารถโดยทีมงานที่มีความชำนาญก็สามารถทำให้รถบ้านๆก็ชนะได้ แต่ก็ต้องมีงบมหาศาลนะ แต่คำถามที่ว่า ES หายไปไหน ข้อแรกคงเป็นเพราะว่าในเจนเนอเรชั่นนี้ไม่มี Type R 4 ประตู และเป็นการเปลี่ยนแปลงระบบช่วงล่างจาก ปีกนก 2 ชั้น มาเป็น แมคเฟอร์ซั่นสตรัท (อันนี้แก้ไขที่น้องๆโพสต์ไว้ว่า อีเอสเป็นปีกนก 2 ชั้น น่าจะบอกว่าอีเอสไม่ใช่ปีกนก 2 ชั้นมากกว่า) ซึ่งระบบช่วงล่างที่อยู่ใน ES EP3 DC5 เป็นระบบเดียวกัน ต่างกันที่ระยะต่างๆ และระบบนี้ไม่ได้สร้างความได้เปรียบให้ Honda เหมือนที่เคยเป็นอย่าง EG หรือ EK ดังนั้นในเจนเนอเรชั่นนี้จะทำรถแข่งก็คงต้องหารุ่นที่น่าจะเหมาะที่สุดก็คือ Type R จาก EP3 หรือ DC5 ซึ่งช่วงล่างก็ไม่ได้พิเศษมากมายอะไร จะมีดีก็เครื่องกับเกียร์ ของแต่งไม่ว่าจะเครื่องช่วงล่างหรือตัวถังก็จะมีใน 2รุ่นนั้น และในช่วงเวลานั้นโรงงานเองก็ไม่ได้ส่งรถแข่ง WTCC ซึ่งใช้รถ 4 ประตู คงมีแค่ CL7 จากทีมที่โรงงานสนับสนุน นี่ก็คงเป็นเหตุผลหลักที่ไม่เห็น ES ในสนามแข่ง และใครก็ตามที่ต้องการใช้ ES ทำรถแข่งก็ต้องพัฒนารถตัวเองให้เปํนไปตามกติกา และอย่างที่บอกเราไม่มี Type R 4ประตูดังนั้นถ้าไม่สามารถยืมมาจากพวก 2 ประตูได้ ก็แปลว่าต้องสร้างขึ้นเอง ที่ชัดเจนที่สุดคือตัวถัง ในโลกนี้ไม่มีสำนักแต่งรายไหนทำบอดี้พาร์ทสำหรับ ES เลย เพราะฉนั้นทุกชิ้นสร้างเองแน่นอน ช่วงล่างที่มีน้องๆบอกว่าพี่ยก FD2 ใส่นัน้ถูกต้องแต่เฉพาะด้านหน้า แต่ก็อย่างที่บอกต้องมีการปรับปรุงไม่ใช่ยกมาใส่แล้วจะดีเลย FD2 เองก็เป็นแมคเฟอร์ซั่นสตรัทเหมือน ES เพียงแต่เปลี่ยนจุดยึดบางอย่าง เหตุผลหลักที่พี่เปลี่ยนเพราะสามารถหาอะไหล่ง่ายกว่าใช้ของ DC5 เพราะใช้อันไหนกํต้องเอาปรับปรุงใหม่อยู่ดี ไม่สามารถใช้แข่งได้เลย รถแข่งมีองค์ประกอบที่จะทำให้ประสบความสำเร็จเยอะมากๆ ดังนัน้คนส่วนใหญ่จะเลือกรุ่นที่มีหลายๆคนช่วยกันลองผิดลองถูก มันง่ายกว่ากันเยอะ แต่ถ้าใช้รถไม่เหมือนคนอื่นมาอยู่หัวแถวได้พี่ว่าก็น่าจะดีใจนะ ขนาดวิศวกรของMUGENที่มาเมืองไทยยังงงเลย บอกว่าไม่น่าเชื่อว่าจะมี ES มาสู้กับรุ่นอื่นๆได้ น่าดีใจมั๊ยละ แต่สำหรับพี่ดีใจที่สุดก็ตรงที่มีน้องๆใน CIVIC ES GROUPมาเชียร์นัั่นแหละ ทั้งหมดนี้คงพออธิบายได้ว่าทำไมหา ES ในสนามแข่งแทบไม่มี ถ้าอยากเห็นเยอะๆก็ต้องช่วยกันทำมาลงแข่งกัน |
Ekprawat พิมพ์ว่า: |
ขอเพิ่มเติมและแก้ไขหน่อย
รถแข่งที่วิ่งอยู่หัวแถวในแต่ละรุ่นมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจนแทบจะไม่เหลือของเดิม ไม่ว่าจะ EG EK EP3 DC5 FD2 รวมทั้ง ES ไม่มีรถคันไหนที่เป็นรถเดิมๆ แล้วจะมาแข่งตามกติกาที่อนุญาติให้ปรับแต่งได้ ยิ่งถ้าเป็นระดับนานาชาติ เช่น WTCC WRC หรือ BTCC มีการปรับแต่ง พัฒนาโดยทีมงานของบริษัทเอง หรือ บุคคลภายนอก ด้วยเงินมหาศาล เพื่อที่จะให้รถของตัวเองสามารถสู้กับรถที่เกิดมาได้เปรียบกว่า เช่น Chevrolet Cruz ครั้งแรกคงไม่มีใครคิดว่าจะได้แชมป์โลก WTCC แต่การปรับปรุงพัฒนารถโดยทีมงานที่มีความชำนาญก็สามารถทำให้รถบ้านๆก็ชนะได้ แต่ก็ต้องมีงบมหาศาลนะ แต่คำถามที่ว่า ES หายไปไหน ข้อแรกคงเป็นเพราะว่าในเจนเนอเรชั่นนี้ไม่มี Type R 4 ประตู และเป็นการเปลี่ยนแปลงระบบช่วงล่างจาก ปีกนก 2 ชั้น มาเป็น แมคเฟอร์ซั่นสตรัท (อันนี้แก้ไขที่น้องๆโพสต์ไว้ว่า อีเอสเป็นปีกนก 2 ชั้น น่าจะบอกว่าอีเอสไม่ใช่ปีกนก 2 ชั้นมากกว่า) ซึ่งระบบช่วงล่างที่อยู่ใน ES EP3 DC5 เป็นระบบเดียวกัน ต่างกันที่ระยะต่างๆ และระบบนี้ไม่ได้สร้างความได้เปรียบให้ Honda เหมือนที่เคยเป็นอย่าง EG หรือ EK ดังนั้นในเจนเนอเรชั่นนี้จะทำรถแข่งก็คงต้องหารุ่นที่น่าจะเหมาะที่สุดก็คือ Type R จาก EP3 หรือ DC5 ซึ่งช่วงล่างก็ไม่ได้พิเศษมากมายอะไร จะมีดีก็เครื่องกับเกียร์ ของแต่งไม่ว่าจะเครื่องช่วงล่างหรือตัวถังก็จะมีใน 2รุ่นนั้น และในช่วงเวลานั้นโรงงานเองก็ไม่ได้ส่งรถแข่ง WTCC ซึ่งใช้รถ 4 ประตู คงมีแค่ CL7 จากทีมที่โรงงานสนับสนุน นี่ก็คงเป็นเหตุผลหลักที่ไม่เห็น ES ในสนามแข่ง และใครก็ตามที่ต้องการใช้ ES ทำรถแข่งก็ต้องพัฒนารถตัวเองให้เปํนไปตามกติกา และอย่างที่บอกเราไม่มี Type R 4ประตูดังนั้นถ้าไม่สามารถยืมมาจากพวก 2 ประตูได้ ก็แปลว่าต้องสร้างขึ้นเอง ที่ชัดเจนที่สุดคือตัวถัง ในโลกนี้ไม่มีสำนักแต่งรายไหนทำบอดี้พาร์ทสำหรับ ES เลย เพราะฉนั้นทุกชิ้นสร้างเองแน่นอน ช่วงล่างที่มีน้องๆบอกว่าพี่ยก FD2 ใส่นัน้ถูกต้องแต่เฉพาะด้านหน้า แต่ก็อย่างที่บอกต้องมีการปรับปรุงไม่ใช่ยกมาใส่แล้วจะดีเลย FD2 เองก็เป็นแมคเฟอร์ซั่นสตรัทเหมือน ES เพียงแต่เปลี่ยนจุดยึดบางอย่าง เหตุผลหลักที่พี่เปลี่ยนเพราะสามารถหาอะไหล่ง่ายกว่าใช้ของ DC5 เพราะใช้อันไหนกํต้องเอาปรับปรุงใหม่อยู่ดี ไม่สามารถใช้แข่งได้เลย รถแข่งมีองค์ประกอบที่จะทำให้ประสบความสำเร็จเยอะมากๆ ดังนัน้คนส่วนใหญ่จะเลือกรุ่นที่มีหลายๆคนช่วยกันลองผิดลองถูก มันง่ายกว่ากันเยอะ แต่ถ้าใช้รถไม่เหมือนคนอื่นมาอยู่หัวแถวได้พี่ว่าก็น่าจะดีใจนะ ขนาดวิศวกรของMUGENที่มาเมืองไทยยังงงเลย บอกว่าไม่น่าเชื่อว่าจะมี ES มาสู้กับรุ่นอื่นๆได้ น่าดีใจมั๊ยละ แต่สำหรับพี่ดีใจที่สุดก็ตรงที่มีน้องๆใน CIVIC ES GROUPมาเชียร์นัั่นแหละ ทั้งหมดนี้คงพออธิบายได้ว่าทำไมหา ES ในสนามแข่งแทบไม่มี ถ้าอยากเห็นเยอะๆก็ต้องช่วยกันทำมาลงแข่งกัน |
Ekprawat พิมพ์ว่า: |
ขอเพิ่มเติมและแก้ไขหน่อย
รถแข่งที่วิ่งอยู่หัวแถวในแต่ละรุ่นมีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงจนแทบจะไม่เหลือของเดิม ไม่ว่าจะ EG EK EP3 DC5 FD2 รวมทั้ง ES ไม่มีรถคันไหนที่เป็นรถเดิมๆ แล้วจะมาแข่งตามกติกาที่อนุญาติให้ปรับแต่งได้ ยิ่งถ้าเป็นระดับนานาชาติ เช่น WTCC WRC หรือ BTCC มีการปรับแต่ง พัฒนาโดยทีมงานของบริษัทเอง หรือ บุคคลภายนอก ด้วยเงินมหาศาล เพื่อที่จะให้รถของตัวเองสามารถสู้กับรถที่เกิดมาได้เปรียบกว่า เช่น Chevrolet Cruz ครั้งแรกคงไม่มีใครคิดว่าจะได้แชมป์โลก WTCC แต่การปรับปรุงพัฒนารถโดยทีมงานที่มีความชำนาญก็สามารถทำให้รถบ้านๆก็ชนะได้ แต่ก็ต้องมีงบมหาศาลนะ แต่คำถามที่ว่า ES หายไปไหน ข้อแรกคงเป็นเพราะว่าในเจนเนอเรชั่นนี้ไม่มี Type R 4 ประตู และเป็นการเปลี่ยนแปลงระบบช่วงล่างจาก ปีกนก 2 ชั้น มาเป็น แมคเฟอร์ซั่นสตรัท (อันนี้แก้ไขที่น้องๆโพสต์ไว้ว่า อีเอสเป็นปีกนก 2 ชั้น น่าจะบอกว่าอีเอสไม่ใช่ปีกนก 2 ชั้นมากกว่า) ซึ่งระบบช่วงล่างที่อยู่ใน ES EP3 DC5 เป็นระบบเดียวกัน ต่างกันที่ระยะต่างๆ และระบบนี้ไม่ได้สร้างความได้เปรียบให้ Honda เหมือนที่เคยเป็นอย่าง EG หรือ EK ดังนั้นในเจนเนอเรชั่นนี้จะทำรถแข่งก็คงต้องหารุ่นที่น่าจะเหมาะที่สุดก็คือ Type R จาก EP3 หรือ DC5 ซึ่งช่วงล่างก็ไม่ได้พิเศษมากมายอะไร จะมีดีก็เครื่องกับเกียร์ ของแต่งไม่ว่าจะเครื่องช่วงล่างหรือตัวถังก็จะมีใน 2รุ่นนั้น และในช่วงเวลานั้นโรงงานเองก็ไม่ได้ส่งรถแข่ง WTCC ซึ่งใช้รถ 4 ประตู คงมีแค่ CL7 จากทีมที่โรงงานสนับสนุน นี่ก็คงเป็นเหตุผลหลักที่ไม่เห็น ES ในสนามแข่ง และใครก็ตามที่ต้องการใช้ ES ทำรถแข่งก็ต้องพัฒนารถตัวเองให้เปํนไปตามกติกา และอย่างที่บอกเราไม่มี Type R 4ประตูดังนั้นถ้าไม่สามารถยืมมาจากพวก 2 ประตูได้ ก็แปลว่าต้องสร้างขึ้นเอง ที่ชัดเจนที่สุดคือตัวถัง ในโลกนี้ไม่มีสำนักแต่งรายไหนทำบอดี้พาร์ทสำหรับ ES เลย เพราะฉนั้นทุกชิ้นสร้างเองแน่นอน ช่วงล่างที่มีน้องๆบอกว่าพี่ยก FD2 ใส่นัน้ถูกต้องแต่เฉพาะด้านหน้า แต่ก็อย่างที่บอกต้องมีการปรับปรุงไม่ใช่ยกมาใส่แล้วจะดีเลย FD2 เองก็เป็นแมคเฟอร์ซั่นสตรัทเหมือน ES เพียงแต่เปลี่ยนจุดยึดบางอย่าง เหตุผลหลักที่พี่เปลี่ยนเพราะสามารถหาอะไหล่ง่ายกว่าใช้ของ DC5 เพราะใช้อันไหนกํต้องเอาปรับปรุงใหม่อยู่ดี ไม่สามารถใช้แข่งได้เลย รถแข่งมีองค์ประกอบที่จะทำให้ประสบความสำเร็จเยอะมากๆ ดังนัน้คนส่วนใหญ่จะเลือกรุ่นที่มีหลายๆคนช่วยกันลองผิดลองถูก มันง่ายกว่ากันเยอะ แต่ถ้าใช้รถไม่เหมือนคนอื่นมาอยู่หัวแถวได้พี่ว่าก็น่าจะดีใจนะ ขนาดวิศวกรของMUGENที่มาเมืองไทยยังงงเลย บอกว่าไม่น่าเชื่อว่าจะมี ES มาสู้กับรุ่นอื่นๆได้ น่าดีใจมั๊ยละ แต่สำหรับพี่ดีใจที่สุดก็ตรงที่มีน้องๆใน CIVIC ES GROUPมาเชียร์นัั่นแหละ ทั้งหมดนี้คงพออธิบายได้ว่าทำไมหา ES ในสนามแข่งแทบไม่มี ถ้าอยากเห็นเยอะๆก็ต้องช่วยกันทำมาลงแข่งกัน |
matmann พิมพ์ว่า: | ||||||||||
ของผม 01 1.7 Auto ลาก ๆ หน่อย ดันได้ถึุง 190กว่า ๆ ครับ ลองมาแล้ว จากเส้นไปประจวบ ตรง ๆ ยาว ๆ ![]() |
Golfzaa พิมพ์ว่า: | ||||||||||||
รถผมเองลองมาบ่อยครับ AUTO D3 วิ่งเกือบ200 พอผลักขึ้น D ร่วงลง170แต่ก็ค่อยๆขึ้น มันก็ไม่จี๊ดเหมือนตอน D3 รู้สึกว่าพวงมาลัยมันหนึบขึ้นด้วย (เกี่ยวกันไหมครับ) |
ไปที่: |