ES21_fatboy พิมพ์ว่า: |
เรื่องน้ำมันหนาน้ำมันบางนี้ มักจะต้องพิจารณาตามหลักการเรื่อง อัตราส่วนผสม ระหว่างน้ำมัน กับอากาศ
หรือ A/F Ratio (Air/Fuel Ratio) เป็นหลักคับถ้าเอาง่ายๆ สำหรับเชื้อเพลิงประเภทเบนซินเพียวๆ ถ้าต้องการ ให้เผาไหม้หมดจดสะอาด จูนให้ได้ A/F ที่ 14.7 : 1 อากาศ 14.7 ส่วน ต่อ น้ำมัน 1 ส่วน แต่ถ้าเน้นเรื่องของ พลกำลัง ก็ จูนให้ได้ A/F 12.5 : 1อากาศ 12.5 ส่วน ต่อน้ำมัน 1 ส่วน (น้ำมันหนาขึ้น) หนาไปกว่านี้ก็ไม่เปน ประโยชน์แระคับ ส่วนถ้าอยากให้ประหยัดมากๆ หรือให้สะอาดมากมากจูนให้ A/F บางกว่า 14.7 : 1 เช่น เปน 15 : 1 ก็จะทำให้เกิดความร้อนสะสมในห้องเผาไหม้มากกว่าปกติอีก ทีนี้ อัตราส่วนตรงนี้มันขึ้นอยู่กับตัวแปรหลายประการคับ เนื่องจากจูนแต่น้ำมันอย่างเดียวคงไม่ได้แน่ เนื่องจาก ปริมาณอากาศที่เข้าห้องเผาไหม้ในการใช้งานจริงนั้น จะมีการเปลี่ยนแปลงปริมาตรของอากาศอยู่ตลอดเวลา ขึ้นอยู่กับ รอบเครื่อง อุณหภูมิในห้องเผาไหม้ ภาระหรือ Load ที่เครื่องรับอยู่ขณะนั้น และองศาการเปิดของลิ้น ปีกผีเสื้อว่าเปิดมากเปิดน้อยเพียงใด ถ้าเครื่องมีวาล์วแปรผัน แบบ VTECฮอนด้า, MIVECมิตซูฯ, VANOSบีเอ็ม ก็มีผลกะปริมาตรของอากาศที่จะเข้าห้องเผาไหม้ในแต่ละช่วงรอบของเครื่องยนต์อีก เครื่องเทอร์โบ ก็ขึ้นอยู่ กะเทอร์โบอีกว่าทำลมได้ดีที่ช่วงรอบเครื่องยนต์ไหน นอกจากนี้ยังต้องคำนึงถึงไฟจุดระเบิดอีก องศาการจุด ระเบิดต้องได้จังหวะกะที่ หัวฉีดเชื้อเพลิงจ่ายเข้าไปในห้องเผาไหม้ด้วย ทีนี้พอมาดูที่เจ้า ES เรานี้ ทางฮอนด้านก็จะเขียนโปรแกรมสั่งการทำงานไว้กะกล่อง ECU ซึ่งนำข้อมูลจาก เซนเซอร์วัดทุกอย่างในเครื่องยนต์ อย่างที่ว่ามาข้างต้นมาประมวลผลเผื่อจ่ายน้ำมันให้เหมาะสมกะ ความ ต้องการของเครื่องยนต์ดังนั้น บางครั้งในรอบเดินเบาที่ลิ้นปีกผีเสื้อเกือบจะปิดสนิท อากาศไหลผ่านไป ได้น้อย A/F อาจจะหนาถึง 3 : 1 หรือ 4 : 1 เวลาที่กดคันเร่งเต็มที่ หรือเครื่องมีโหลดมากๆ ดูจากลักษณะ การกดคันเร่งของเราแล้วต้องการกำลังกล่องก็อาจจะจ่ายน้ำมันหนาขึ้น เพื่อให้ได้ A/F เปน 13 : 1 ก็ได้ พอไม่มีโหลดเหยียบคันเร่งไม่เยอะ วิ่งชิว ชิว ก็จะสั่งให้จ่ายน้ำมันบางลงจน A/F เป็น 14 : 1ซึ่งน้ำมันที่ ECU สั่งให้จ่ายนั้น ก็จะเหมาะสมกับอากาศที่เข้ามาในห้องเผาไหม้ตามแต่ละรอบเครื่อง ซึ่งฮอนด้าเค้าคำนวณ ไว้แล้ว ว่า วาล์วไอดี ใหญ่แค่ไหน วีเทคสั่งให้วาล์วยกมากน้อยอย่างไร เปิดนานมั้ย ท่อไอดีมีขนาดเท่าไร ยาวแค่ไหน กรองอากาศสามารถปล่อยให้อากาศผ่านได้วินาทีละเท่าใดซึ่งเค้าจะออกแบบมาให้สัมพันธ์กัน ทั้งหมด กับทุกสิ่งทุกอย่าที่ออกแบบมาจากโรงงาน ดังนั้น แนวทางการเพิ่มสมรรถนะโดยทั่วไป ถ้าเราต้องการให้เครื่องมีกำลัง เราก็อยากจะจ่ายน้ำมันให้หนาขึ้น เพื่อให้ A/Fเปน 12.5 : 1เพื่อให้ได้กำลังแรง จะไปแก้โปรแกรมที่ตั้งมาจากโรงงานในกล่อง ECU เดิม ก็ไม่ สามารถทำได้ ดังนั้นก็เลยมีผู้ผลิตหัวใสผลิตกล่องประเภทที่สามารถตั้งโปรแกรมได้ เพื่อหลอกสัญญาณ กล่อง ECU โรงงาน ซึ่งกล่องพ่วงประเภทนี้เรียกว่ากล่องประเภท Piggy Back เช่น e-manage ฟ้า ซึ่งสามารถ ปรับน้ำมันเพิ่ม ปรับองศาไฟจุดระเบิดได้แต่พอมาใช้กะเครื่องเรา สำหรับรุ่นที่มี vtec ซึ่งอากาศมันยังแปรผัน ตามการทำงานของ vtec อีก ถ้าจะให้ได้ A/Fในอุดมคติคือ 12.5 นั้น เพื่อให้ได้กำลังเต็มเม็ดเต็มหน่วยแล้ว ถ้าสามารถควบคุมการทำงาน ของ vtec ให้สัมพันธ์ กะน้ำมันที่จ่ายเพิ่มไป กะไฟจุดระเบิดที่ตั้งไว้แล้วนั้น จึงต้อง มีการใส่ตัวควบคุมการทำงานของ vtec เพิ่มไป เพราะว่า e-manage ฟ้าคุมการทำงานของ vtec ไม่ได้ ที่นิยม ก็มักจะใส่ V-AFCII เพิ่มเข้าไปด้วย ซึ่งงานนี้ก็จะต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญเฉพาะที่มีความรู้ ทักษะ และเครื่องมือ ในการที่จะปรับจูนสิ่งต่างๆเหล่านี้ เพื่อให้ดึงสมรรถนะของรถเพิ่มขึ้นมา จากที่ทางโรงงานปรับตั้งมาให้ซึ่งมักจะ เหมาะสมกับการใช้งานของผู้ใช้งานปกติส่วนใหญ่เปนหลัก และเพื่อความประหยัด ความสะอาด และความทน ทาน ซึ่งก็มักจะไม่ตอบสนองกับขาซิ่ง ขาแรงทั้งหลายมากนัก นอกจากนี้ ก็ ยังมีกล่องพวก Piggy Back นี้อีกหลายยี่ห้อ ซึ่งความสามารถ ความละเอียดในการปรับจูนก็ต่าง กันไปบางรุ่น บางยี่ห้อ ก็ปรับได้ครบหมดอยู่ภายในกล่องใบเดียวกันเลย ราคาก็จะแรงขึ้นไปตามความสามารถ ของกล่อง(ดูเพิ่มเติมได้จากกระทู้ที่พี่จ๊อดได้เขียนอรรถาธิบายไว้ ที่ตาป๋อง ยกจากกระทู้เก่ามาให้พวกเราอ่าน เปนความรู้กันเปนแนวทางได้คับ) นอกจากกล่อง Piggy Back ที่ต้องอาศัยสัญญาณจากล่อง ECU เดิมแล้ว ก็ยังมีกล่องแต่งอีกประเภทนึง ที่ทำงานได้ด้วยตัวเองควบคุมได้ทุกระบบในเครื่องเรียกว่า กล่อง Stand Alone ยี่ห้อ ที่คุ้นหูกันดี ก็คง ไม่พ้น MOTEC มีทั้ง M400(ใช้กะเครื่อง 4 สูบ) M600(ใช้ได้ทั้ง 6 สูบ และ 4 สูบ) M800 (ใช้กะเครื่อง กี่สูบก็ได้ ทั้ง 4, 6, 8, 12) เป็นกล่องที่ฉลาดมาก ส่วนใหญ่เหงใช้กันอยู่ ในตัวแรงที่วิ่งอยู่ตามเซอร์กิต ถึงขนาดว่าถ้ามี รถหลายคัน แต่ถ้าไม่ได้ขับพร้อมกันมีกล่อง MOTEC ใบเดียวก็พอ โยนไฟล์ที่เป็น โปรแกรมจูนสำหรับรถแต่ละคันลงไปในกล่องพอลากกล่องไปเสียบกะรถคันไหน พอมันจับสัญญาณจาก เซนเซอร์ที่อยู่ในเครื่องได้ มันจะรู้จักทันที ว่าเป็นรถคันไหน เหมือนระบบ Plug and Play ของ Windows ยังไง ยังงั้น ซึ่งพอฉลาดขนาดนี้ ค่าตัวกล่องและค่าจูน ก็แรงตามไปด้วย มักว่ากันที่ 6 หลักขึ้นไป ก็พอนึกออกคร่าวๆเท่านี้อ่าคับ สำหรับเรื่องจูนน้ำมัน ว่า จะจูนหนาจูนบางยังงัย รอพี่ๆเพื่อนๆท่านอื่นมาเพิ่มเติมให้อีกทีละกันนะคับ ^__^ |
อ้างอิงจาก: |
คือถ้าทำให้นำมันหนาขึ้น ต้น จะมาดี คิดถูกป่าวครับ
แล้วมันจูนกันยังไง |
ไปที่: |