แฮนด์ลิ่งของ New Swift หากขับด้วยความเร็วปกติเฉลี่ย 80-120 กม./ชม. อาการของช่วงล่างมีกระด้างอยู่นิดๆ แต่พอเจอสภาพถนนที่เป็นลอนคลื่น และเจอคอสะพานอันสุดโหดของถนนเส้นธนบุรีปากท่อนั้น ต้องขอบอกตรงๆ เลยว่า ช็อคอับมันหนืดน้อยไปนิด เมื่อเทียบกับความแข็งของคอยล์สปริงแล้ว ทำให้เวลาเจอลอนคลื่นหรือคอสะพานสุดโหดอาการของตัวรถจะยุบ และยืดเร็วไปนิด ถ้าผู้ขับเป็นพวกมือใหม่รถอาจมีอาการเซตัวอยู่บ้าง
กลับกันเวลาเข้าโค้งด้วยความเร็วอาการของรถกลับดูดีกว่าการยึดเกาะถือว่าดีมาก(ส่วนนึงมาจากความกว้างของฐานล้อหน้า-หลัง) หน้ายุบเร็วเป็นจังหวะ(ถ้าเข้าแรงเกิน 100 กม./ชม. อาการอันเดอร์สเตรีย์จะมีมากเป็นเงาตามตัว) แต่ยังมีสิ่งหนึ่งที่ช่วยให้แฮนด์ลิ่งในการขับสนุกมากยิ่งขึ้นก็คือ อาการท้ายไวนิดๆ เพราะโอเวอร์แฮงก์ท้ายน้อยมาก(หากคอนโทรลเป็นอาการท้ายขยับช่วยจะทำให้การขับขี่สนุกสนานมากยิ่งขึ้น) ความเฉียบคมของพวงมาลัยเมื่อเทียบกับรถในกลุ่ม Eco Car ถือว่าเฉียบคมพอๆ กับ HONDA Brio แต่น้ำหนักพวกมาลัยของ New Swift ดูมั่นคงกว่าพอสมควร ระบบเบรกให้ความมั่นใจสูง น้ำหนักของแป้นเบรกกำลังดี การทำงานของเบรกให้อาการที่มั่นคงไม่มีปัดเป๋แม้ต้องหยุดแบบกระทันหัน
บทสรุปของ New SUZUKI Swift นี้ต้องบอกว่าเป็นการบ้านก้อนโตของเหล่าเจ้าตำแหน่ง Eco Car รวมถึงผู้ท้าชิงรายใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในเร็ววันนี้ กลับกันทางซูซูกิเองก็มีการบ้านก้อนโตในเรื่องของการโปรโมทตัวรถ, การสร้างความเชื่อมั่นในแบรนด์ที่ห่างหายไปนาน, ความเนี๊ยบในการประกอบ, พกพาระบบ Idle Stop มาด้วยก็จะดี, การเซอร์วิส และราคาอะไหล่ ปัจจัยต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นการบ้านชั้นดี หากซูซูกิสามารถแก้ไขโจทย์ต่างๆ ได้ New Swift คงโลดแล่นวิ่งฉิวในเรื่องของยอดขาย และอาจขึ้นแท่นเป็นจ่าฝูงในกลุ่ม Eco Car ในเร็ววัน
ณ วันที่ทดสอบได้มีการสอบถามผู้บริหาร คุณ วัลลภ ตรีฤกษ์งาม Asst. General Manager, Marketing Divition ว่า ยอดจองก่อนเปิดตัว New Swift ใหม่มียอดจองถึง 1,400 คันแล้ว(ไม่ระบุรุ่น) โดยตั้งเป้ายอดจำหน่ายภายในปี 2555 หรืออีกราว 9 เดือนที่เหลือไว้ที่ 10,000 คัน