ผมเคยสงสัยในชีวิตของคนรู้จักหลายๆคนว่าอายุ 35 40 45 กันแล้วทำไมยังเป็นโสดกันอยู่ แต่ในวันนี้ผมว่าผมคงเข้าใจข้อนี้ได้ไม่ยากแล้ว
ในชีวิตผม ผมเคยมีแฟนแค่ 2 คน คนแรกรู้จักกันตั้งแต่ 10 ขวบจีบกันตอน 14 เลิกกันตอน 25 ความรักครั้งแรกที่อยากให้เป็นเพียงครั้งเดียว และพยายามอดทนทุกอย่างแล้วแต่ก็ไม่สามารถรักษาเอาไว้ได้ ไม่ได้เลิกกันเพราะมีคนอื่น น่าจะเลิกกันเพราะผมทำงานเยอะไปเลยไม่ค่อยมีเวลา เรื่องนี้ก็เป็นปัญหาสุดคลาสสิคอีกอย่างนึง ประมาณว่า ผู้หญิงส่วนใหญ่จะสังเกตุว่าผู้ชายสม่ำเสมอรึเปล่า แต่ผู้หญิงหลายคนก็พลาดที่ไม่เข้าใจว่าผู้ชายวัย 20 กว่าต้องทำงานหนักเพื่อสร้างครอบครัว ซึ่งนับจากวันที่เริ่มไม่เข้าใจผมใช้เวลาถึง 7 ปีกว่าจะถึงวันที่แยกทางกัน ซึ่งผมได้ทำพยายามที่สุดแล้วจริงๆ
ความรักครั้งที่2 ผมคิดมาแล้วว่าในการใช้ชีวิตคู่มันมีจุดบกพร่องตรงไหนบ้าง เรื่องเวลา เรื่องความไว้ใจ ความอดทน การให้อภัย ความสม่ำเสมอ ไม่มากไม่น้อยจนเกินไปผมรู้จักผู้หญิงคนนี้มา 9 ปีแล้วครับ เริ่มจากเจอกันในเรื่องงาน ขยับมาเป็นเพื่อนเป็นน้อง และจนผมเลิกกับแฟนคนแรกได้พักใหญ่นั่นแหละ และนับจนถึงวันนี้ก็น่าจะประมาณ 7 ปี ผมว่าความรักครั้งนี้ลงตัวทุกอย่างนะ มีตังค์ มีเวลา มีความรับผิดชอบ มีวัยวุฒิที่คิดว่าพร้อมที่จะมีครอบครัวแล้ว มีเรื่องไม่เข้าใจกันก็พอคุยกันด้วยเหตุผลได้
แต่แล้วเรื่องที่พยายามเลี่ยงนักหนามันก็เกิดขึ้น นั่นคือการทะเลาะอย่างมองในเหตุผลของตัวเองเพียงฝ่ายเดียว เรื่องคือในชีวิตผมกับแฟนคือผมจะเป็นคนจัดการเรื่องการเงินและปัญหาเกือบทุกอย่าง แฟนผมคือทำงานของเค้าเอง ใช้ชีวิต ใช้ตังค์อย่างเดียวอะไรประมาณนั้น เค้าจึงไม่ค่อยรับรู้ปัญหาจุกจิกยิบย่อยกับผมซักเท่าไหร่ จะซื้อเครื่องสำอางค์ซื้อ จะซื้อชุดทำงานซื้อ จะใช้เงินอะไรก็ใช้เลยเพราะใช้หมดผมก็ให้ใหม่อยู่แล้ว
แต่สิ่งที่ผมไม่ชอบมากๆคือความไม่ตรงไปตรงมา เช่นการบอกว่าจะเอาตังค์ไปใช้อย่างนึงกลับเอาไปใช้อีเระเขะขะอีกอย่างนึง ถึงเวลาก็มาขอใหม่ ผมถือว่าไม่มีความรับผิดชอบ ซึ่งนี่เป็นเรื่องแรก
ชอบมาเก็บของๆผม แล้วก็หาไม่เจอ พอถามก็บอกไม่ได้เก็บ ไม่ได้ยุ่งเลย จนทุกวันนี้ผมหาอะไรไม่เจอผมซื้อใหม่เลย ถามไปก็ทะเลาะกันเปล่าๆ
ทุกวันนี้ในหัวผมมีเรื่องเดียวคือ แต่งงานสร้างครอบครัว กิเลสผมทุกอย่าง ผมจึงบริหารให้เป็นกิเลสที่ก่อให้เกิดรายได้ เช่นการทำรถ ซึ่งผมทำเชียงกง กับบอดี้ eg ek มาเป็น 10 ปีแล้ว "es ขอขับทำงานอย่างเดียวครับ"
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นผมว่ามันน่าจะเป็นเพียงปัญหาเล็กน้อย ถ้าแฟนผมเป็นคนที่ทำผิดแล้วยอมรับผิดและรู้จักขอโทษแล้วเอากลับไปคิดทบทวนแล้วเอามาปรับคิดแก้ไขให้ดีขึ้นแต่เปล่าเลยทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเริ่มหนักข้อ และชัดเจนว่ากูคิดถูกแล้ว ทำถูกแล้ว ทั้งๆสิ่งๆนั้นผมมีหลักฐานยืนยันด้วย ผมว่ามันจะใจร้าย stepเทพ กันเกินไป ผมเลยคิดว่าผมจะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว
ทีนี้พอเราพูดความจริงที่เราไม่เคยพูดเลยเพราะพยายามรักษาน้ำใจเค้ามาตลอด กลายเป็นว่าเกิดอาการรับไม่ได้ครับ คำที่ผมได้รับคือ "มึงบ้าไปแล้ว"
ลองคิดดูแล้วกันครับผู้ชายที่ทำเพื่อผู้หญิงคนนึงทุกอย่าง ทำงานไม่เคยมีวันเสาร์อาทิตย์ ไม่เคยมีวันปีใหม่หรือสงกรานต์ แต่ผมคิดว่าถ้าต้องเลิกกันจริงๆผมคงไม่เสียใจหรอก เพราะผมได้ทำทุกอย่างอย่างดีที่สุดแล้ว ทุกอย่างจากนี้ก็คงปล่อยให้มันเป็นไป ผมจะไม่เหนี่ยวรั้งอะไรอีกแล้ว เหนื่อยเปล่าๆ
และสุดท้ายก็คงกลับมาสู่ชีวิตโสดอีกครั้ง ซึ่งถ้าต้องคบใครอีกซักคนผมขอคบกับธรรมะดีกว่า ธรรมะที่พระพุทธเจ้าสอนนี่แหละ หรือคบใครซักคนที่ธรรมชาติเค้าเหมาะกับเรา โดยที่ฝ่ายใดฝ่ายนึงไม่รู้สึกว่าต้องอดทนจนกินพื้นความสุขตามธรรมชาติ ตามธรรมดาของเรามากไป
แต่ผมเชื่อครับว่าคนเราโตขึ้นจะคิดอะไรได้ฉลาดขึ้น ผมเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงจะนำพาผมไปสู่ความสุขใจมากกว่าถึงแม้จะต้องเหงาก็ตาม