ตอบ
LifeFate


เข้าร่วม: 08 พฤศจิกา 2011
ตอบ: 3153

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 5152
ให้คำขอบคุณ: 215

ที่อยู่: สระบุรี , ปทุมธานี , นครสวรรค์
ปี: 2003
สี: ดำ ไนท์ฮอว์ก (B-92P)
อังคาร, 27 ธันวา 2011 05:21 - เรื่องของ หม้อน้ำ
หม้อน้ำเป็นตัวช่วยระบายความร้อนในการทำงานของเรื่องยนต์ การระบายความร้อนรถยนต์โดยทั่วไปจะใช้น้ำเป็นตัวระบายความร้อน จึงต้องมีการดูแลระดับน้ำให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม ถ้าขาดการดูแลแล้วจะทำให้เครื่องยนต์เกิดความร้อนสูง และเครื่องยนต์อาจเสียหายได้
ถ้าหากรถยนต์ขาดระดับน้ำที่เหมาะสมจะมีสัญญาณเตือนบริเวณหน้าปัดของรถตรงบริเวณใกล้กับเรือนไมล์บอกความเร็ว จะมีเข็มบอกโดยใช้สัญลักษณ์เป็น C เท่ากับ Cool คือเย็น และ H เท่ากับ Hot คือ ร้อน ระดับความร้อนของเครื่องยนต์ต้องได้รับการเติมน้ำในระดับที่ถูต้อง เข็มวัดความร้อนอยู่ในระดับปานกลางระหว่าง C กับ H ระดับความร้อนของเครื่องยนต์ต้องได้รับการเติมน้ำในระดับที่ถูกต้อง เข็มวัดความร้อนอยู่ในระดับปานกลางระหว่าง C กับ H
ถ้าขาดการดูแลระดับน้ำ ความร้อนจะขึ้นถึงตัว H หรือเลยข้นไป ถ้าอยู่ในระดับนี้อาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้ จึงต้องรีบหาน้ำเติมโดยเร็ว
น้ำใช้ในการเติมหม้อน้ำ ใช้น้ำธรรมดาที่ใสไม่มีตะกอน เช่น น้ำประปาทั่วไปขอให้เป็นน้ำสะอาดเท่านั้นระวังอันตราย ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องยนต์ร้อนจัด เพราะจะได้รับอันตรายจากไอน้ำที่พุ่งออกมา
ขั้นตอนการเติมน้ำในหม้อน้ำรถยนต์ การเติมน้ำในหม้อน้ำนั้นแบ่งได้ตามลักษณะของหม้อน้ำ คือ


1. หม้อน้ำที่ไม่มีหม้อพักน้ำสำรอง กรณีนี้จะเป็นรถรุ่นเก่า จะไม่มีหม้อพักน้ำสำรองให้เราดูระดับน้ำก็ต้องเปิดฝาหม้อน้ำโดยตรง และดูว่าระดับน้ำในหม้อน้ำนั้นลดลงหรือไม่ ถ้าลดลงก็เติมน้ำลงไปให้เต็มพอปิดฝาหม้อน้ำได้ อย่าให้น้ำล้นออกมามากในกรณีนี้ต้องคอยเปิดดูระดับน้ำทุกวัน เพราะไม่มีหม้อพักน้ำสำรองให้

2. หม้อน้ำที่มีหม้อพักน้ำสำรองแต่ยังมีฝาปิดหม้อน้ำให้เติมอยู่ ระบบนี้เป็นระบบใช้กับรถรุ่นใหม่กว่าข้อ 1 คือในส่วนของหม้อน้ำจะมีที่เก็บน้ำสำรองเป็นพลาสติกติดอยู่ข้างหม้อน้ำและมีสายต่อโยงถึงกัน
ในระบบนี้ถ้าจะเติมในหม้อน้ำ ต้องเติมให้หม้อน้ำเต็มตามระดับที่เหมาะสมเสียก่อนจึงเติมน้ำลงไปในหม้อน้ำสำรอง การเติมน้ำในหม้อน้ำพักน้ำสำรองต้องเติมตามจำนวนที่เหมาะสม ห้ามเกินขีดที่กำหนดไว้ โดยจะกำหนดไว้คือ

MAX คือ จำนวนน้ำมากที่สุดอยู่ที่ระดับนี้ ห้ามเติมน้ำจนเกินระดับนี้โดยเด็ดขาด
MIN คือ จำนวนน้ำมีน้อยต้องเติมให้อยู่ในระดับ MAX

หม้อน้ำที่มีห้องพักน้ำสำรองจะมีส่วนดีคือ น้ำที่เติมลงไปจะสุญเสียน้อย คือเมื่อได้รับความร้อนกลายเป็นไอ ก็จะถูกดันให้มารวมตัวเป็นหยดน้ำที่หม้อพักน้ำนี้ และเมื่อในหม้อพักน้ำนี้เครื่องเย็นลงก็จะทำการระบายความร้อนต่อไป
ถ้ารถมีหม้อน้ำสำรองก็สามารถช่วยประหยัดเวลาในการดูแลระดับน้ำในหม้อน้ำได้ การตรวจเช็กระดับน้ำไม่จำเป็นต้องดูแลเป็นประจำ อาจตรวจเช็กประมาณ 15-30 วันต่อครั้ง เมื่อระดับน้ำลดลงก็เติมน้ำลงไปให้เหมาะสม

3. หม้อน้ำที่มีหม้อพักน้ำสำรอง แต่ไม่มีฝาเติมน้ำโดยตรงจากหม้อน้ำ เป็นระบบใหม่ที่ใช้กับรถยนต์รุ่นใหม่ คือการเติมน้ำในหม้อน้ำจะเติมได้ทางเดียวคือ บริเวณหม้อพักน้ำสำรองจะไม่มีการเติมผ่านหม้อน้ำโดยตรง การดูแลระดับน้ำนั้นเป็นวิธีเดียวกับการเติมน้ำในหม้อน้ำตามแบบที่ 2 แทนที่จะต้องเติมน้ำที่หม้อน้ำด้วยก็ไม่ต้องเพราะสามารถเติมผ่านหม้อพักน้ำสำรองได้เลย การดูแลระดับน้ำก็เช่นกันไม่ต้องดูแลบ่อย ประมาณ 15-30 วันจึงค่อยตรวจเช็ก

ในเรื่องของน้ำยากันสนิมหม้อน้ำกับน้ำยาทำความเย็นหม้อน้ำเป็นเรื่องที่คุณต้องตัดสินใจว่าต้องการหรือไม่ แต่ส่วนที่น่าสนใจคือ น้ำยากันสนิม เพราะภายในหม้อน้ำเป็นโลหะ ซึ่งสามารถเกิดสนิมได้ถ้าเติมน้ำยากันสนิมอาจจะช่วยยืดอายุการใช้งานของหม้อน้ำและเครื่องยนต์ได้ ส่วนใช้ยี่ห้ออะไรนั้นต้องตัดสินใจกันอีกที เพราะคุณภาพในการทำงานก็ใกล้เคียงกัน แต่ต่างกันตรงที่ราคา
สำหรับการถ่ายน้ำในหม้อน้ำนั้นก็เป็นไปตามระยะเวลาในคู่มือรถที่ให้มา ถ้าไม่มีการเกิดสนิมการถ่ายน้ำก็ยืดเวลานานขึ้ง แต่ถ้าเป็นสนิมก็ต้องเร็วขึ้นเช่นกัน
วิธีการเปลี่ยนถ่ายน้ำ

น้ำในระบบหล่อเย็นหรือในหม้อน้ำของรถยนต์ควรได้รับการเปลี่ยนถ่ายประมาณ 2-3 ครั้งต่อปี ยกเว้นในกรณีที่เป็นสนิมควรเปลี่ยนถ่ายเมื่อตรวจพบ โดยการเปิดก๊อกหม้อน้ำหรือท่อยางที่ก๊อกหม้อน้ำออก ควรเปิดฝาหม้อน้ำออกเพื่อช่วยให้น้ำถ่ายออกได้เร็วขึ้น เมื่อถ่ายน้ำหมดแล้วทำการปิดก๊อกแล้วเติมน้ำสะอาดลงไปจนเต็มตามอัตราหรือพิกัดที่บอกไว้ ควรเติมน้ำยากันสนิมลงไปเพื่อรักษาหม้อน้ำด้วย
หากพบว่าท่อยางของท่อน้ำชำรุดควรเปลี่ยนพร้อมกันไปด้วย เมื่อเสร็จแล้วต้องลองติดเครื่อง เช็กการไหลเวียนของน้ำว่าเป็นไปตารมปรกติหรือไม่ ถ้าพบรอยรั่วหรือการรั่วซึมควรให้ช่างทำการแก้ไข
พัดลมและสายพาน

สายพานของพัดลมจะทำหน้าที่หมุนปั๊มน้ำและเป่าลมไปยังหม้อน้ำเพื่อระบายความร้อน หากสายพานขาดจะทำให้พัดลมไม่หมุนและน้ำมีความร้อนสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ฉะนั้นจึงควรตรวจสอบสายพานอยู่เสมอ และหากพบว่าเก่าหรือชำรุดให้รีบเปลี่ยนทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้เพราะอาจจะไปขาดกลางทางหรือขณะใช้รถอยู่
ถ้าหากพบว่าสายพานขาดขณะใช้รถและหม้อน้ำมีความร้อนขึ้นสูง ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำเพื่อเติมน้ำอย่างเด็ดขาด เพราะไอร้อนจะพุ่งกระจายออกมาเป็นอันตรายจนถึงขั้นเสียโฉมได้ ควรรอให้เครื่องเย็นเสียก่อน และที่สำคัญควรมีสายพานสำรองเอาไว้ในรถเพื่อใช้เปลี่ยน
การตรวจสอบพัดลมและสายพานต้องระวังเรื่องระบบไฟฟ้า เพราะปรกติจะมีสวิตช์อันโนมัติควบคุมให้พัดลมหมุนและดับเองเมื่อหม้อน้ำร้อนและเย็น ต้องดับสวิตช์เครื่องยนต์ก่อนทำการตรวจสอบสายพานและพัดลม

ข้อควรระวัง
อย่าใช้สายพานเก่าหรือชำรุดที่ตรวจพบ
อย่าปล่อยให้สายพานตึงหรือหย่อนเกินไป เมื่อตรวจพบควรให้ช่างช่วยแก้ไข
อย่าให้มีน้ำมันหรือสิ่งหล่อลื่นติดสายพาน เพราะจะทำให้ลื่นและหลุดออกหรือขาด
อย่าใช้สายพานผิดขนาด
ข้อควรทราบทั่วไปเกี่ยวกับระบบหล่อเย็น

ถ้าเกจวัดความร้อนขึ้นถึงขัด H หรือสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ต้องรีบขับรถเข้าจอดข้างทางอย่าฝืนขับต่อไป
อย่าเปิดหม้อน้ำในขณะที่เครื่องร้อนเป็นอันขาด เพราะจะได้รับอันตรายจากไอนี้ที่พุ่งออกมา ควรรอให้เครื่องเย็นเสียก่อน
อย่าใช้น้ำสกปรกเติมหม้อน้ำ เพราะจะทำให้เกิดการอุดตัน
ถ้าพบว่าน้ำในหม้อน้ำแห้งเร็วผิดปรกติ ต้องตรวจหารอยรั่วหรืออาการรั่ว และให้ช่างรีบแก้ไข
หมั่นสังเกตเกจวัดความร้อนอยู่เสมอขณะขับขี่ ต้องตรวจหารอยรั่วหรืออาการรั่ว และให้ช่างรีบแก้ไข
ความรู้เกี่ยวกับเทอร์โมสตัท (ของระบบหล่อเย็น)

เทอร์โมตัท ทำหน้าที่ควบคุมอุณหภูมิการทำงานของเครื่องยนต์เป็นวาล์วหรือสวิตช์ทำหน้าที่เปิด-ปิดน้ำไปหล่อลื่นเครื่องยนต์เมื่อมีความร้อน
ถ้าเทอร์โมสตัทชำรุดหรือวาล์วเปิด-ปิด ค้าง ความร้อนของเครื่องยนต์จะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ต้องเปลี่ยนหรือทำการแก้ไข
ถ้าความร้อนของเรื่องยนต์อุ่นขึ้นหลังจากติดเครื่องทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง แสดงว่าเทอร์โมสตัทเป็นปรกติ แต่ถ้าร้อนขึ้นอย่างช้าๆ แสดงว่าวาล์วเปิดค้าง หรือไม่มีการตัดตามปรกติ
ได้รับคำขอบคุณจาก: slek  arthit10  bangnum  MADBOY  yam  popza4  jeang  puyzaaaaa  Paul_Jack  Trairat HATC 
LifeFate


เข้าร่วม: 08 พฤศจิกา 2011
ตอบ: 3153

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 5152
ให้คำขอบคุณ: 215

ที่อยู่: สระบุรี , ปทุมธานี , นครสวรรค์
ปี: 2003
สี: ดำ ไนท์ฮอว์ก (B-92P)
อังคาร, 27 ธันวา 2011 05:23 - เรื่องของ หม้อน้ำ
ในหน้าปัดรถของเรานั้นจะมีสั­­าณเตือนหรือเป็นเข็มบอก โดยจะใช้สั­ลักษณ์เป็นตัว C ย่อมาจาก Cool คือเย็น และ H ย่อมาจาก HOT คือร้อน ปกติแล้วถ้าระดับน้ำถูกต้องเข็มวัดความร้อนจะอยู่ในระดับปานกลางระหว่าง C กับ H แต่ถ้าขาดการดูแลจนระดับน้ำแห้งความร้อนจะมีมากขึ้นจนเข็มชี้ไปที่ H นั้น แปลว่ารถเกิดความร้อนมากต้องรีบจอดรถและหาน้ำมาเติม การเติมน้ำจะต้องรอให้เครื่องเย็นเสียก่อน ที่สำคั­ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องร้อนจัดเพราะอาจจะได้รับอันตราย จากไอน้ำที่พุ่งออกมาได้



ดังนั้น เพื่อให้หม้อน้ำรถยนต์อยู่คู่กับรถยนต์ของท่านไปนานๆ ก็ควรดูแลรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหม้อน้ำเกิดปั­หาขึ้นมา เครื่องยนต์จะเป็นส่วนที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดเป็นลำดับต่อไป เครื่องยนต์อาจจะร้อนจัดขนาด OVER HEAT สิ่งที่ต้องเสียตามมาติดๆ คือเงินในกระเป๋าสตางค์ของท่าน ต้องถูกควักจ่ายเพิ่มขึ้นนั่นเอง ดังนั้นรักคุณ รักรถจะมาบอกวิธีในการดูแลรักษาหม้อน้ำโดยมีดังนี้



1. ควรตรวจดูระดับน้ำทุกๆ ครั้งก่อนสตาร์ตเครื่องยนต์ หรืออย่างน้อยทุกๆ 2-3 วัน สำหรับรถที่มีอายุเกิน 5 ปี และอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง สำหรับรถใหม่อายุไม่เกิน 5 ปี ซึ่งปรกติระดับน้ำควรอยู่ตรงคอหม้อน้ำพอดี หรืออยู่ระหว่างกึ่งกลางขีด MAX และ MIN สำหรับรถที่มีหม้อพักน้ำ



2. ควรเติมน้ำที่สะอาดลงไปในหม้อน้ำเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้หม้อน้ำ หรือทางเดินของหลอดรังผึ้งหม้อน้ำเกิดการอุดตัน ถ้าเป็นไปได้ น้ำที่เราใช้ดื่มดีที่สุดสำหรับใช้เติมหม้อน้ำ



3. หมั่นตรวจดูรอยรั่วตามที่จุดต่างๆ อย่างเช่น ท่อยางหม้อน้ำ ครีบรังผึ้ง ปั๊มน้ำ ฯลฯ หากพบรอยรั่วซึม ควรทำการซ่อมทันที



4. ตรวจดูสายพานหน้าเครื่อง ไม่ควรให้หย่อนหรือตึงเกินไป ตามปรกติเมื่อใช้มือกดลงบนสายพานควรยุบตัวลงประมาณ 1 นิ้ว



5. ตรวจดูครีบรังผึ้ง (FIN) ของหม้อน้ำ อย่าให้พับงอปิดช่องทางผ่านของลม ไม่ควรให้สกปรกด้วยดินโคลนและคราบน้ำมัน เพราะจะทำให้ระบายความร้อนได้ยาก เครื่องยนต์อาจร้อนจัด และหากครีบพับงอ ให้ใช้ใบเลื่อยหรือโลหะบางๆ ดัดให้ตรง หรือถ้าครีบสกปรกมากให้ทำความสะอาดโดยใช้ลมเป่าหรือน้ำร้อนที่มีความดันสูงพอพ่นย้อนทิศทางลมเข้า



6. พัดลมระบายความร้อนควรอยู่ในสภาพที่ดี ไม่แตกหัก หรือบิดงอเสียศูนย์ เพราะจะทำให้ปั๊มน้ำชำรุดได้ แต่ถ้าเป็นพัดลมไฟฟ้า ต้องคอยตรวจเช็คว่าพัดลมหมุนด้วยความเร็วเท่าเดิมหรือไม่ เพราะถ้าพัดลมหมุนด้วยรอบที่ช้าลง การระบายความร้อนให้หม้อน้ำรถยนต์ก็จะด้อยตามไปด้วย



7. ไม่ควรติดเครื่องยนต์โดยไม่ได้ปิดฝาหม้อน้ำเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดตะกรันในหม้อน้ำและภายในเครื่องยนต์ เนื่องจากน้ำในรังผึ้งหม้อน้ำระเหย
ออกมา เมื่อเกิดตะกรันในหม้อน้ำ หรือบริเวณท่อทางเดินน้ำในเครื่องยนต์มาก ๆ จะเป็นผลให้เครื่องยนต์ร้อนจัด เพราะการระบายความร้อนไม่ดีพอ



8. เกจวัดความร้อนต้องอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ หากเสียใช้การไม่ได้ให้เปลี่ยนใหม่ทันที



9. หากน้ำในหม้อน้ำแห้ง ในขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน และมีอุณหภูมิสูง ไม่ควรดับเครื่องยนต์และเติมน้ำในทันที ให้ติดเครื่องเดินเบาๆ สักระยะหนึ่ง พอให้อุณหภูมิเครื่องยนต์ลดลง แล้วค่อยๆ เติมน้ำที่สะอาดลงไปทีละน้อยด้วยความระมัดระวัง



10 ควรถ่ายน้ำในหม้อน้ำทิ้งทุกๆ 4-6 เดือน หรือเมื่อเห็นว่าน้ำในหม้อน้ำสกปรกมากแล้ว เช่น มีสนิมหรือคราบน้ำมัน
ได้รับคำขอบคุณจาก: poppy  arthit10  bangnum  MADBOY  yam  popza4  jeang  Pokko  Paul_Jack  Trairat HATC 
Marwin


เข้าร่วม: 29 มกรา 2009
ตอบ: 1661

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 1517
ให้คำขอบคุณ: 159

ที่อยู่: Seacon square
ปี: 2001
อังคาร, 27 ธันวา 2011 07:52 - เรื่องของ หม้อน้ำ
อ่านทีเดียวคุ้มครับ...
slek


เข้าร่วม: 14 ธันวา 2009
ตอบ: 789

Guru ES
Guru ES

ได้รับคำขอบคุณ: 918
ให้คำขอบคุณ: 1124
อังคาร, 27 ธันวา 2011 08:53 - เรื่องของ หม้อน้ำ
ความรู้ทั้งนั้น ขอบคุณครับ
ได้รับคำขอบคุณจาก: jeang 
chana


เข้าร่วม: 17 สิงหา 2010
ตอบ: 459

แซงซ้าย ปาดขวา
แซงซ้าย ปาดขวา

ได้รับคำขอบคุณ: 272
ให้คำขอบคุณ: 1304

ปี: 2002
สี: ทอง ไทเทเนียม (เมทัลลิก) (YR-525M)
อังคาร, 27 ธันวา 2011 09:31 - เรื่องของ หม้อน้ำ
ขอบคุณครับ
Andamon Ma


เข้าร่วม: 13 พฤษภาคม 2015
ตอบ: 1

น้องใหม่
น้องใหม่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
พุธ, 13 พฤษภาคม 2015 16:55 - เรื่องของ หม้อน้ำ
LifeFate พิมพ์ว่า:
ในหน้าปัดรถของเรานั้นจะมีสั­­าณเตือนหรือเป็นเข็มบอก โดยจะใช้สั­ลักษณ์เป็นตัว C ย่อมาจาก Cool คือเย็น และ H ย่อมาจาก HOT คือร้อน ปกติแล้วถ้าระดับน้ำถูกต้องเข็มวัดความร้อนจะอยู่ในระดับปานกลางระหว่าง C กับ H แต่ถ้าขาดการดูแลจนระดับน้ำแห้งความร้อนจะมีมากขึ้นจนเข็มชี้ไปที่ H นั้น แปลว่ารถเกิดความร้อนมากต้องรีบจอดรถและหาน้ำมาเติม การเติมน้ำจะต้องรอให้เครื่องเย็นเสียก่อน ที่สำคั­ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่เครื่องร้อนจัดเพราะอาจจะได้รับอันตราย จากไอน้ำที่พุ่งออกมาได้



ดังนั้น เพื่อให้หม้อน้ำรถยนต์อยู่คู่กับรถยนต์ของท่านไปนานๆ ก็ควรดูแลรักษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหม้อน้ำเกิดปั­หาขึ้นมา เครื่องยนต์จะเป็นส่วนที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดเป็นลำดับต่อไป เครื่องยนต์อาจจะร้อนจัดขนาด OVER HEAT สิ่งที่ต้องเสียตามมาติดๆ คือเงินในกระเป๋าสตางค์ของท่าน ต้องถูกควักจ่ายเพิ่มขึ้นนั่นเอง ดังนั้นรักคุณ รักรถจะมาบอกวิธีในการดูแลรักษาหม้อน้ำโดยมีดังนี้



1. ควรตรวจดูระดับน้ำทุกๆ ครั้งก่อนสตาร์ตเครื่องยนต์ หรืออย่างน้อยทุกๆ 2-3 วัน สำหรับรถที่มีอายุเกิน 5 ปี และอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง สำหรับรถใหม่อายุไม่เกิน 5 ปี ซึ่งปรกติระดับน้ำควรอยู่ตรงคอหม้อน้ำพอดี หรืออยู่ระหว่างกึ่งกลางขีด MAX และ MIN สำหรับรถที่มีหม้อพักน้ำ



2. ควรเติมน้ำที่สะอาดลงไปในหม้อน้ำเท่านั้น เพื่อป้องกันไม่ให้หม้อน้ำ หรือทางเดินของหลอดรังผึ้งหม้อน้ำเกิดการอุดตัน ถ้าเป็นไปได้ น้ำที่เราใช้ดื่มดีที่สุดสำหรับใช้เติมหม้อน้ำ



3. หมั่นตรวจดูรอยรั่วตามที่จุดต่างๆ อย่างเช่น ท่อยางหม้อน้ำ ครีบรังผึ้ง ปั๊มน้ำ ฯลฯ หากพบรอยรั่วซึม ควรทำการซ่อมทันที



4. ตรวจดูสายพานหน้าเครื่อง ไม่ควรให้หย่อนหรือตึงเกินไป ตามปรกติเมื่อใช้มือกดลงบนสายพานควรยุบตัวลงประมาณ 1 นิ้ว



5. ตรวจดูครีบรังผึ้ง (FIN) ของหม้อน้ำ อย่าให้พับงอปิดช่องทางผ่านของลม ไม่ควรให้สกปรกด้วยดินโคลนและคราบน้ำมัน เพราะจะทำให้ระบายความร้อนได้ยาก เครื่องยนต์อาจร้อนจัด และหากครีบพับงอ ให้ใช้ใบเลื่อยหรือโลหะบางๆ ดัดให้ตรง หรือถ้าครีบสกปรกมากให้ทำความสะอาดโดยใช้ลมเป่าหรือน้ำร้อนที่มีความดันสูงพอพ่นย้อนทิศทางลมเข้า



6. พัดลมระบายความร้อนควรอยู่ในสภาพที่ดี ไม่แตกหัก หรือบิดงอเสียศูนย์ เพราะจะทำให้ปั๊มน้ำชำรุดได้ แต่ถ้าเป็นพัดลมไฟฟ้า ต้องคอยตรวจเช็คว่าพัดลมหมุนด้วยความเร็วเท่าเดิมหรือไม่ เพราะถ้าพัดลมหมุนด้วยรอบที่ช้าลง การระบายความร้อนให้หม้อน้ำรถยนต์ก็จะด้อยตามไปด้วย



7. ไม่ควรติดเครื่องยนต์โดยไม่ได้ปิดฝาหม้อน้ำเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดตะกรันในหม้อน้ำและภายในเครื่องยนต์ เนื่องจากน้ำในรังผึ้งหม้อน้ำระเหย
ออกมา เมื่อเกิดตะกรันในหม้อน้ำ หรือบริเวณท่อทางเดินน้ำในเครื่องยนต์มาก ๆ จะเป็นผลให้เครื่องยนต์ร้อนจัด เพราะการระบายความร้อนไม่ดีพอ



8. เกจวัดความร้อนต้องอยู่ในสภาพที่ใช้งานได้ หากเสียใช้การไม่ได้ให้เปลี่ยนใหม่ทันที



9. หากน้ำในหม้อน้ำแห้ง ในขณะที่เครื่องยนต์กำลังทำงาน และมีอุณหภูมิสูง ไม่ควรดับเครื่องยนต์และเติมน้ำในทันที ให้ติดเครื่องเดินเบาๆ สักระยะหนึ่ง พอให้อุณหภูมิเครื่องยนต์ลดลง แล้วค่อยๆ เติมน้ำที่สะอาดลงไปทีละน้อยด้วยความระมัดระวัง



10 ควรถ่ายน้ำในหม้อน้ำทิ้งทุกๆ 4-6 เดือน หรือเมื่อเห็นว่าน้ำในหม้อน้ำสกปรกมากแล้ว เช่น มีสนิมหรือคราบน้ำมัน




HONDA STREAM เป็นเพราะไรคับ ถึงต้องเติมน้ำบ่อยคับ
Simog


เข้าร่วม: 12 ธันวา 2013
ตอบ: 34

น้องใหม่
น้องใหม่

ได้รับคำขอบคุณ: 19
ให้คำขอบคุณ: 0

ที่อยู่: นนทบุรี
ปี: 2005
สี: ดำ ไนท์ฮอว์ก (B-92P)
พฤหัส, 14 พฤษภาคม 2015 10:05 - เรื่องของ หม้อน้ำ
โดยปรกติน้ำจะไม่หายจากระบบ หรือถ้ามีก็เป็นปีอาจจะมีน้ำลดบ้างนิดหน่อย กรณีถ้าเติมน้ำบ่อยทุกสัปดาห์อะไรประมาณนี้ แสดงว่า มีการรั่วซึมของน้ำออกจากระบบแน่นอนครับ
อาจเป็นตามตะเข็บหม้อน้ำท่อน้ำ ถ้าเก่าและยังไม่เคยเปลี่ยน เช็คโดยเติมสารหล่อเย็นของหม้อน้ำที่มีสีเขียวๆเข้าไปในหม้อน้ำ จากนั้นก็ใช้งานตามปกติ แต่ให้สังเกตุหาคราบสีเขียวๆ ที่บริเวณหม้อน้ำและท่อนำ้ว่ามีคราบซึม ออกมาบ้างไหม อาจจะไม่เห็นเป็นหยดๆ เพราะการรั่วซึมเพียงเล็กน้อยความร้อนในห้องเครื่องทำให้น้ำที่รั่วซึมแห้งเป็นคราบสีเขียว
ขอให้หาเจอเร็วๆครับ
rong_9059


ชื่อเล่น: รอง

เข้าร่วม: 29 เมษา 2015
ตอบ: 8

น้องใหม่
น้องใหม่

ได้รับคำขอบคุณ: 5
ให้คำขอบคุณ: 1

ที่อยู่: 74/100ซอย62แขวงแสมดำเขตบางขุนเทียนกรุงเทพมหานคร
ปี: 2003
สี: ดำ ไนท์ฮอว์ก (B-92P)
พฤหัส, 14 พฤษภาคม 2015 10:44 - เรื่องของ หม้อน้ำ
ดีมากครับ
Paul_Jack


ชื่อเล่น: แจ๊คกี้

เข้าร่วม: 07 สิงหา 2011
ตอบ: 131

มือใหม่หัดขับ
มือใหม่หัดขับ

ได้รับคำขอบคุณ: 47
ให้คำขอบคุณ: 108

ปี: 2003
สี: เงิน ซาติน (เมทัลลิก) (NH-623M)
พฤหัส, 14 พฤษภาคม 2015 19:02 - เรื่องของ หม้อน้ำ
ขอบคุณครับ
ตอบ
หน้า 1 จาก 1
ไปที่: 
ติดต่อโฆษณา admin@civicesgroup.com
Copyright © 2008-2024 Civic ES Group. All rights reserved.