ตอบ
Jureme


เข้าร่วม: 15 ธันวา 2011
ตอบ: 2

น้องใหม่
น้องใหม่

ได้รับคำขอบคุณ: 1
ให้คำขอบคุณ: 1
พฤหัส, 15 ธันวา 2011 11:23 - เครื่องร้อนสตาร์ดไม่ติด
ข้อมูลรถ
- ฮอนด้าซีวิค ปี 95 (โฉมเตารีด) วิ่งมาประมาณ แสนเจ็ด
- แบ็ตเตอร์รี่พึ่งเปลี่ยน, ปั๊มติ๊ก, ไดสตาร์ด และ โซลินอย เปลี่ยนแล้วไม่หาย

อาการ
- ขับจนเครื่องร้อนจอดทิ้งไว้ 10 นาทีขึ้นไป กลับมาสตาร์ดจะไม่ติด อาการเงียบไม่มีเสียง, ไฟหน้าปัดขึ้นปกติ รีเมื่อ
บิดกุญแจ ถ้าเปิดวิทยุทิ้งไว้ ช่วงบิดกุญแจ วิทยุดับ(อาการปกติของการสตาร์ด)
- ทิ้งรถไว้จนเครื่องเย็น ประมาณ 2 ชม.ขึ้นไปกลับมาสตาร์ด ติดปกติ (ติดง่ายไม่มีอาการลากเสียงใดๆ)
- อาการนี้เกิดขึ้นแล้ว 3 ครั้ง ทดลองขับจนเครื่องร้อนจอดรถดับเครื่อง และสตาร์ดทันทีเครื่องติด จะมีปัญหาเมื่อ
จอดลงไปทำธุระในช่วง 10 นาที - 1 ชม.

ปัญหาที่เคยลองแก้ไขแล้ว
- พ่วงแบ็ตขั้วลบลงกราว แล้วไม่หาย
- เหยียบคันเร่งจนสุด(ให้ลิ้นปีกผีเสื้อเปิดสุด) ระหว่างสตาร์ด ไม่หาย

คำถาม
- มีคนแนะนำว่า ติดตัวรีเลย์ช่วยสตาร์ด จะช่วยให้หายได้แน่นอนใช่หรือไม่
- มีข้อสันนิฐานใดๆ ที่คิดว่าอาจจะเกิดขึ้นหรือไม่
ปล. ติดตามอ่านหาข้อมูลจากหลายกระทู้ และหลายแหล่งส่วนใหญ่จะไม่ตรงสักทีเดียว แต่พอจับประเด็นได้ว่าหลักๆ
น่าจะเกิดจากระบบน้ำมันกับระบบไฟ แต่ถ้าให้เจ้าของกระทู้สันนิฐานน่าจะเกิดจากระบบน้ำมัน เพราะช่วงน้ำท่วมห่อ
รถทิ้งไว้เกือบเดือน พอแกะพาสติกที่ห่อออก มีคราบน้ำมันเลอะที่พาสติกเล็กน้อย
nupook


ชื่อเล่น: ฤทธิ์

เข้าร่วม: 06 สิงหา 2010
ตอบ: 237

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 199
ให้คำขอบคุณ: 0

ที่อยู่: กรุงเทพฯ
ปี: 2003
สี: ม่วง วินเทจพลัม (RP-32P)
พฤหัส, 15 ธันวา 2011 11:59 - เครื่องร้อนสตาร์ดไม่ติด
TDC SENSOR เสียคับ...เปลียนแล้วหาย....
ค้าอะไหล่โคตรเก่า


เข้าร่วม: 06 ธันวา 2011
ตอบ: 5338

ผู้ให้การสนับสนุน
ผู้ให้การสนับสนุน

ได้รับคำขอบคุณ: 10891
ให้คำขอบคุณ: 12020

ที่อยู่: USED JAPAN SHOP sales & service เฉลิมพระเกียรติ ร.9 30
ปี: 2004
สี: เทา ซิลเวอร์สโตน (NH-630M)
พฤหัส, 15 ธันวา 2011 12:32 - Re: เครื่องร้อนสตาร์ดไม่ติด
Jureme พิมพ์ว่า:
ข้อมูลรถ
- ฮอนด้าซีวิค ปี 95 (โฉมเตารีด) วิ่งมาประมาณ แสนเจ็ด
- แบ็ตเตอร์รี่พึ่งเปลี่ยน, ปั๊มติ๊ก, ไดสตาร์ด และ โซลินอย เปลี่ยนแล้วไม่หาย

อาการ
- ขับจนเครื่องร้อนจอดทิ้งไว้ 10 นาทีขึ้นไป กลับมาสตาร์ดจะไม่ติด อาการเงียบไม่มีเสียง, ไฟหน้าปัดขึ้นปกติ รีเมื่อ
บิดกุญแจ ถ้าเปิดวิทยุทิ้งไว้ ช่วงบิดกุญแจ วิทยุดับ(อาการปกติของการสตาร์ด)
- ทิ้งรถไว้จนเครื่องเย็น ประมาณ 2 ชม.ขึ้นไปกลับมาสตาร์ด ติดปกติ (ติดง่ายไม่มีอาการลากเสียงใดๆ)
- อาการนี้เกิดขึ้นแล้ว 3 ครั้ง ทดลองขับจนเครื่องร้อนจอดรถดับเครื่อง และสตาร์ดทันทีเครื่องติด จะมีปัญหาเมื่อ
จอดลงไปทำธุระในช่วง 10 นาที - 1 ชม.

ปัญหาที่เคยลองแก้ไขแล้ว
- พ่วงแบ็ตขั้วลบลงกราว แล้วไม่หาย
- เหยียบคันเร่งจนสุด(ให้ลิ้นปีกผีเสื้อเปิดสุด) ระหว่างสตาร์ด ไม่หาย

คำถาม
- มีคนแนะนำว่า ติดตัวรีเลย์ช่วยสตาร์ด จะช่วยให้หายได้แน่นอนใช่หรือไม่
- มีข้อสันนิฐานใดๆ ที่คิดว่าอาจจะเกิดขึ้นหรือไม่
ปล. ติดตามอ่านหาข้อมูลจากหลายกระทู้ และหลายแหล่งส่วนใหญ่จะไม่ตรงสักทีเดียว แต่พอจับประเด็นได้ว่าหลักๆ
น่าจะเกิดจากระบบน้ำมันกับระบบไฟ แต่ถ้าให้เจ้าของกระทู้สันนิฐานน่าจะเกิดจากระบบน้ำมัน เพราะช่วงน้ำท่วมห่อ
รถทิ้งไว้เกือบเดือน พอแกะพาสติกที่ห่อออก มีคราบน้ำมันเลอะที่พาสติกเล็กน้อย
ผมมีรุ่นเดียวกันกับพี่เลยครับ ผมว่ารีเลย์ปั๊มติ๊กนะครับลองดู 089 1119501
ได้รับคำขอบคุณจาก: jeang 
srithanon


เข้าร่วม: 13 สิงหา 2009
ตอบ: 380

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 1324
ให้คำขอบคุณ: 4
พฤหัส, 15 ธันวา 2011 13:18 - เครื่องร้อนสตาร์ดไม่ติด
อาการที่เล่ามาน่าจะมาจาก ระบบหัวฉีด หรือหัวหัวฉีดน้ำมันรั่ว อาการที่เป็น ในขณะที่เราขับรถเดินทางไปไหนๆก็ตาม หากมีการดับเครื่องยนต์เพื่อลงไปทำธุระ ซื้อของหรือแวะทานเข้าว หากทิ้งไว้สัก 5-10 นาที กลับมาสตาร์ทเครื่องเพื่อเดินทาง จะสตาร์ทไม่ค่อยติด และถ้าหากดับเครื่องยนต์ไม่เกินสองสามนาที แล้วสตาร์ทเครื่องจะสตาร์ทติดไม่มีปัญหา และถ้าหากหลังจากที่ดับเครื่องแล้ว ปล่อนรถทิ้งไว้ ประมาณสองสามชั่วโมง กลับมาสตาร์ทใหม่ก็จะติด
อาการที่เป็นนี้ เนื่องจากหัวฉีดรั่ว ในระหว่างที่ดับเครื่องยนต์ ในระบบรางหัวฉีดน้ำมันยังคงมีแรงดันในท่อรางหัวฉีด แรงดันที่เกิดขึ้นนี้หากหัวฉีดไม่รั่ว แรงดันน้ำมันในท่อรางหัวฉีดก็ยังคงมีระดับแรงดันคงที่ พร้อมที่จะจ่ายให้กับหัวฉีดเมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ แต่เมื่อใดก็ตามที่หัวฉีดรั่ว แรงดันน้ำมันในท่อรางหัวฉีดก็จะดันน้ำมันให้ไหลผ่านหัวฉีด แบบหยดไปเรื่อยๆ ดังนั้นเมื่อมีการจอดรถหากทิ้งไว้นานเกินกว่าห้านาที จะมีน้ำมันเริ่มเพิ่มปริมาณหยดลงมาในห้องกระบอกสูบ และมีปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ ในระยะเวลานั้น หากเรามาทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ จะสตาร์ทติดยาก เพราะว่าอัตราส่วนผสมระหว่างอากาศกับน้ำมันในการจุดระเบิด มีน้ำมันมากกว่าอากาศ เรียกส่วนผสมหนา การจุดระเบิดจะเกิดขึ้นยาก จึงสตาร์ทไม่ติด
แต่หากว่าดับเครื่องแล้วใช้เวลาไม่มาก สักสองสามนาที กลับมาสตาร์ทเครื่องก็จะติดทันที เพราะว่าน้ำมันที่รั่วจากหัวฉีดยังไม่มาก
และเมื่อจอดรถทิ้งไว้นานๆ สองสามชั่วโมงขึ้นไป ก็จะสตาร์ทติด เพราะว่าน้ำมันที่รั่วจากหัวฉีดลงไปกองอยู่ในกระบอกสูบ มันระเหยออกไปหมด
อาจจะมีคำถามต่อว่า แล้วทำไมมันไม่รั่วตลอดเวลาที่ดับเครื่องหรือ ก็ขอตอบตรงนี้ว่า มันจะไม่รั่วต่อเนื่องเพราะว่าแรงดันน้ำมันในรางท่อหัวฉีด เมื่อมันดันน้ำมันให้ผ่านหัวฉีด เมื่อถึงจุดหนึ่งที่น้ำมันรั่วเรื่อยๆ แรงดันน้ำมันในรางหัวฉีดก็มีแรงดันต่ำลงและหมด ทำให้ไม่มีแรงดันให้น้ำมันผ่านหัวฉีดได้่มันก็หยุดรั่ว ก็เหลือประเด็นที่ว่ารอให้น้ำมันเชื้อเพลิงระเหยไปหมด จึงสตาร์ทเครื่องยนต์ติด
ท่านเจ้าของกระทู้ลองนำรถไปให้ช่างทำการตรวจเช็ครั่วของหัวฉีด อาจจะซ่อมเปลี่ยนซีลยางใหม่เท่านั้น หรือจะเปลี่ยนใหม่ก็ตามใจ แล้วทุกอย่างก็จะปกติครับ....srithanon
ได้รับคำขอบคุณจาก: numxs  Jureme  ES2.0 
dantouch


ชื่อเล่น: แดน

เข้าร่วม: 24 พฤศจิกา 2009
ตอบ: 1529

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 2418
ให้คำขอบคุณ: 614

ที่อยู่: พระโขนง
ปี: 2003
สี: เทา ซิลเวอร์สโตน (NH-630M)
พฤหัส, 15 ธันวา 2011 17:10 - เครื่องร้อนสตาร์ดไม่ติด
TDC ครับ
Jureme


เข้าร่วม: 15 ธันวา 2011
ตอบ: 2

น้องใหม่
น้องใหม่

ได้รับคำขอบคุณ: 1
ให้คำขอบคุณ: 1
พฤหัส, 15 ธันวา 2011 21:37 - เครื่องร้อนสตาร์ดไม่ติด
ขอบคุณ srithanon มากๆ เลยคำตอบของคุณกระจ่างมาก คิดว่าน่าจะเป็นที่ระบบหัวฉีดจริงๆ เพราะก่อนหน้าีนี้รถยนต์มีปัญหา เร่งไม่ขึ้นและซดน้ำมันมาก ตอนซื้อมาใหม่ๆ เต็มถัง 45 ลิตร วิ่งได้ 400 กม. เวลาผ่านไปเต็มถังก็วิ่งได้ระยะน้อยลงเรื่อยๆ จนมาอยู่ที่ 300 กม. แต่เมื่อประมาณ 1 ปีที่แล้วรถมีปัญหาเรื่องความร้อนขึ้น เมื่อวิ่งขึ้นที่สูงหรือใช้ความเร็วสูงต่อเนื่องเช่นวิ่งบนทางด่วน แต่ยังคงทนใช้อยู่ทำให้พบว่าเมื่อความร้อนขึ้นรถจะเริ่มเร่งไม่ขึ้นและซดน้ำมันมากกว่าปกติ 6 เดือนที่แล้วจึงนำรถเข้าููอู่ ช่างตรวจสอบแล้วพบว่าระบบท่อยางและซีลเสื่อมสภาพ ก็ให้ช่างซ่อมและเปลี่ยนทั้งหมดอาการความร้อนขึ้นนี้ก็หายไป(เสียไป 6000) หลังจากนำรถวิ่งทดสอบช่างบอกว่ารถเร่งไม่ขึ้นเลยทำการซ่อมอาการนี้เพิ่ม(เสียไปอีก 10K ช่างบอกว่ารื้อเครื่องทำความสะอาดใหม่ น้องๆ overhall) แต่หลังจากนำรถออกไปวิ่งทดสอบ 1 เดือนพบว่าอาการเร่งไม่ขึ้ันและยังซดน้ำมันยังมีอยู่ คราวนี้เต็มถังวิ่งได้ไม่ถึง 250 กม. เลยนำรถกลับไปให้ช่างดูอีกครั้ง คราวนี้ช่างบอกว่าเปลี่ยนตัวหัวฉีดใหม่(300) หลังจากนั้นพบว่ามันเร่งได้ดีขึ้นเกือบเป็นปกติ แต่ก็ยังซดน้ำมันอยู่ ครั้งนี้เมื่อคุณ srithanon แนะนำมา ตรงกับอาการที่น่าเป็นไปได้มากเลยหากช่างติดตั้งระบบหัวฉีดไม่ดี อาจจะรั่วอย่างที่บอกจริงๆ
ได้รับคำขอบคุณจาก: jeang 
ตอบ
หน้า 1 จาก 1
ไปที่: 
ติดต่อโฆษณา admin@civicesgroup.com
Copyright © 2008-2025 Civic ES Group. All rights reserved.
Loading...