อ่านดูแล้วนึกไม่ค่อยออก ทำไมมันถึงคดได้ มันเกี่ยวกันกับน้ำอย่างไร บางท่านอาจจะทราบแล้ว บางท่านก็อาจจะยังไม่ทราบ ก็ขอเอามาบอกเล่าสู่กันฟัง ไว้เพื่อป้องกันเมือขับรถลุยน้ำ ลึกขนาดไหนที่พึงควรระวัง
หมู่นี้น้ำล้นตลิ่ง ถนนหนทาง อยู่ใต้น้ำ ทางรถกลายเป็นทางเรือ และก็มีเจ้าของรถยนต์หลายท่าน เจอปัญหา เวลาขับรถในท้องถนนที่มีน้ำท่วม ลึกบ้าง พอลุ้นได้บ้าง แต่ในเส้นทางย่างนั้นจะมีใครบ้างที่ทราบถึงอันตรายสำหรับเครื่องยนต์ อาจจะเคยชินกับคำว่าขับรถลุยน้ำแล้วเครื่องดับ ดับเพราะน้ำเข้าจานจ่าย
เข้าเบ้าหัวเทียน และระบบไฟจุดระเบิด อาการที่ว่านี้ นอกจากจะซ่อมแก้ไขได้ด้วยตนเอง และไม่เกิดการเสียหายอะไรกับตัวเครื่องยนต์
แต่นั้นเป็นเรื่องปรกติทั่วไป มีอีกแบบหนึ่งที่ไม่ธรรมดา เมื่อขับรถลุยน้ำที่ลึกระดับหัวเข่า หรือล้นเข้าพื้นรถ
ข้างใน ขอให้พึงระวังไว้ด้วยว่า กำลังจะมีงานเข้า เพราะอะไรถึงกล่าวอย่างนี้ ในรถยนต์รุ่นใหม่ๆที่ห้องเครื่องยนต์ จะออกแบบเรื่องระบบหม้อกรองอากาศ มีตัวช่วยท่อรับอากาศ เพื่อรับอากาศจากข้างหน้ารถ
ยนต์ ซึ่งท่อนี้จะติดตั้งบริเวณซอกใกล้ช่องกระจังหน้ารถ และบริเวณโค้งซุ้มล้อรถด้านในห้องเครื่อง ทั้งสองที่นี้ ช่องรับอากาศ ที่นำอากาศเข้าหม้อกรองอากาศ จะติดตั้งต่ำกว่าหม้อกรองอากาศ
ดังนั้นเมื่อนำรถขับลุยน้ำ โดยเฉพาะรถเก๋ง ไปตามถนนที่มีน้ำท่วมและค่อนข้างลึก ประเภทน้องๆหัวเข่า
เมื่อเวลาตกหลุมที่เราไม่ระวังและไม่ทราบว่ามีหลุม ที่อากาศที่ว่านี้อาจจะจุ่มลงในน้ำหรือน้ำเข้ามาในท่อรับอากาศ ทำให้อากาศที่ปกติจะถูกดูดด้วยแรงดูดจากท่อไอดีผ่านลิ้นปีกผีเสื้อเข้าห้องสูบ กลับมีน้ำถูกดูดเข้าไปแทนอากาศ เนื่องจากช่วงเวลาที่เครื่องยนต์ทำงานในขณะนั้น มีรอบเครื่องยนต์ต่ำ ทำให้เกิดแรงดูดจากท่อไอดีมากขึ้นกว่าปกติ (แรงดูดที่เกิดจากท่อไอดีหากรอบเครื่องยนต์ต่ำในรอบเดินเบา จะยิ่งมีแรงดูดมากกว่ารอบเครื่องยนต์ที่สูง) มันจึงดูดน้ำผ่านใส้กรองอากาศได้อย่างรวดเร็วเข้าห้องสูบ
กับในจังหวะเดียวกันนั้น กระบอกสูบที่อยู่ในจังหวะดูดและอัด ก็จะดูดเอาน้ำเข้ามาในกระบอกสูบ เป็นจังหวะเดียวกันที่วาวล์ไอดีและไอเสียปิดและอยู่ในจังหวะอัด ความจริงช่วงเวลานี้กระบอกสูบที่มีน้ำเข้าไปแทนที่อากาศ จะไม่สามารถจุดระเบิดได้ น้ำที่ถูกดูดจากแรงดูดของท่อไอดี จะถูกดูดโดยลูกสูบที่ 2และ3 มากกว่าสูบที่ 1 และ 4 ทั้งนี้เพราะว่า น้ำที่เป็นของเหลวนี้ จะมีน้ำนัก ไม่เหมือนอากาศที่เบา ดังนั้นสูบไหนที่ใกล้ท่อไอดีที่มีระยะสั้น มันก็จะมีแรงดูดเข้ามากกว่าสูบที่อยู่หัวและท้าย โดยมากจะเกิดขึ้นกับสูบที่ 2 และ 3
เนื่องจากเพลาข้อเหวี่ยง ที่ได้กำลังงานจากการทำงานของลูกสูบข้างเคียง ที่ไม่มีน้ำเข้าหรือมีส่วนน้อย ยังพอจุดระเบิดได้ ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์ ก็ยังทำให้ชุดแกนเพลาข้อเหวี่ยง หมุนและเกิดแรงเหวี่ยง ดันให้ก้านสูบ ของลูกสูบที่มีน้ำอยู่ด้านในกระบอกสูบ เคลื่อนที่สู่จุดศูนย์ตายบน น้ำที่อยู่ในลักษณะของเหลว เมื่อถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่ในกระบอกสูบ มันไม่สามารถที่จะไหลถ่ายเทไปยังที่อื่นได้ เพราะไม่มีทางออก เมื่อมันถูกแรงดันจากลูกสูบ มันจึงเกิดแรงต้านการอัดดันของลูกสูบ
หลับตาคิดก็จะเห็นภาพและรู้ได้ทันที่ว่า จะต้องมีส่วนหนึ่งส่วนใดของลูกสูบเกิดความเสียหายทันที่ งั้นส่วนที่จะแตกหักคดงอ ย่อมเป็นชิ้นส่วนที่มีสภาพอ่อนกว่าชิ้นส่วนอื่น ในที่นี้ก็คือก้านสูบ น้ำที่เข้าไปในห้องสูบหากมีปริมาตรมาก ย่อมทำให้ระยะที่ลูกสูบจะดันไปสู่ตำแหน่งจุดศูนย์ตายบน มีระยะทางห่างมาก เมื่อห่างมากก็จะยิ่งทำให้ก้านสูบคดมากหรือหักทันที เพราะเพลาข้อเหวี่ยงจะต้องดันก้านสูบให้ดันลูกสูบให้ถึงตำแหน่ง TDC ถึงจะสุดแรงเหวี่ยงดันของเพลาข้อเหวี่ยงและกลับมาต่ำแหน่งเคลื่อนตัวลง
ดังนั้นเมื่อแกนเพลาข้อเหวี่ยงดันก้านสูบ แต่ลูกสูบไม่เคลื่อนที่ เพราะถูกแรงต้านของน้ำในกระบอกสูบ ผลออกมาก้านลูกสูบเป็นผู้ปราชัย หากน้ำในกระบอกสูบมีปริมาตรน้อย ก้านสูบก็แค่คด หากมากก็จะหัก
แต่ในสภาวะจริงที่เกิดขึ้น น้ำที่เข้าไปในห้องสูบจะไม่มาก จึงทำใหเก้านสูบแค่คดเสียส่วนใหญ่ ก็เป็นที่ไปที่มาของก้านสูบคดเมื่อขับรถลุยน้ำ ที่มีระดับน้ำสูง……..srithanon

ขอบคุณครับ

รถรุ่นเรา ท่อดูด อยู่สูงเหมือนกัน (เหนือเบ้าโช้ค) แต่ยังไงก็อย่าประมาท

รถรุ่นเรา ท่อดูด อยู่สูงเหมือนกัน (เหนือเบ้าโช้ค) แต่ยังไงก็อย่าประมาท