ข้อความ DD เกี่ยวกับ LPG ลองอ่านดูนะครับ

oat99

เข้าร่วม: 12 มิถุนา 2009
ตอบ: 44

น้องใหม่

ได้รับคำขอบคุณ: 18
ให้คำขอบคุณ: 18

ที่อยู่: ชลบุรี
ปี: 2003
สี: ทอง ไทเทเนียม (เมทัลลิก) (YR-525M)

เสาร์, 10 กันยา 2011 16:30 - ข้อความ DD เกี่ยวกับ LPG ลองอ่านดูนะครับ

ต้องยอมรับว่ากุนซือเพื่อไทยนี้เจ๋งจริง ๆ การกระชากราคาน้ำมันลงมาพรวดเดียวมีผลทางจิตวิทยาการเมืองที่นอกจากก่อให้เกิดความพึงพอใจกันถ้วนทั่วแล้วยังทำให้สังคมลืมนโยบายศรีธนนชัยทั้งหลายแหล่ที่ได้ยอมรับต่อรัฐสภาไปว่าทำไม่ได้จริงหรือไม่ก็มีการเลี่ยงบาลีปรับคำพูดใหม่

เทียบกับประชาธิปัตย์แจกก็ไม่น้อยกว่ากัน ใช้ประชานิยมไม่ต่างกันเท่าใดแต่ตอนประชาธิปัตย์แจกเช็คปรากฏข่าวคราวความรู้สึกกลับไม่ได้เกิดผลบวกในทางการเมืองหนำซ้ำยังโดนค่อนขอดว่าขนาดแจกยังแจกไม่เป็น...หมายความว่าทำให้ผู้รับแจกรู้สึกเหมือนมารับสงเคราะห์งานเทกระจาดไม่เหมือนเทคนิควิธีการแบบเจ๊ปูที่มองประชาชนเป็นลูกค้าขนาดแจกให้ยังต้องเชิญนั่งเก้าอี้นวมหาน้ำมาให้ดื่มอีกต่างหากดังนั้นการแจกทางการเมืองนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยเลย เพราะมันเกี่ยวกับจิตวิทยาสังคมไม่ต่างจากศิลปะที่ต้องถูกจังหวะเวลาและวิธีการด้วย

ทั้ง ๆที่อันที่จริงแล้วการแจกของเพื่อไทยรอบนี้ ก็คือ “การลูบหลังปลอบก่อนจะตบหัวฉาดใหญ่ภายหลัง”นั่นเพราะนี่เป็นการปูทางเพื่อจะลอยตัวก๊าซหุงต้มครัวเรือนอย่างเป็นทางการในต้นปีหน้า คราวนี้ล่ะคงจะได้กินข้าวแกงข้างถนนจานละ 50 บาทกันเสียที

อันที่จริงคนไทยทั้งหลายที่เขาติดตามข่าวสารเขาก็รู้นะครับว่าภาวะน้ำมันถูกเกิดมาจากรัฐบาลยกเลิกเก็บเงินสมทบเข้ากองทุนน้ำมันจะสร้างความปิติยินดีได้ไม่นานเพราะจากนี้ไปกองทุนจะแฟบลง ๆ จนที่สุดราคาน้ำมันก็จะกลับมาแพงดังเดิม

เรื่องน้ำมันต้องกลับมาแพงเป็นเรื่องที่คนทั่วไปรู้ (และหลายคนยังเชื่อว่าเมื่อถึงเวลามีกระแสกดดันเหมือนม็อบ DTAC เดี๋ยวรัฐบาลก็ต้องหาทางลดลงมาอีก) แต่น้อยคนที่จะมองไปถึงว่าในต้นปีหน้าเมื่อน้ำมันกลับมาแพงเหมือนเดิมยังจะมีของแถมพกเป็นเด้งที่สองตามมานั่นคือราคาก๊าซหุงต้มจะแพงขึ้นในนามของการลอยตัวให้เป็นไปตามกลไกตลาดโลก

ปตท.อยากให้รัฐบาลยุคก่อน ๆ หน้าลอยตัวก๊าซ L.P.G.มานานแล้ว ผู้บริหารเบอร์หนึ่งอย่างประเสริฐ บุญสัมพันธ์ยังเคยให้สัมภาษณ์ชัดเจนแต่รัฐบาลก่อนหน้าคงมองว่าการลอยตัวก๊าซหุงต้มมันกระทบกับค่าครองชีพการกินอยู่โดยตรงจึงตรึงราคาขายในประเทศเอาไว้แล้วเอาเงินจากกองทุนน้ำมันมาชดเชยส่วนต่างแทนประชาชน

ย้ำอีกครั้งหนึ่งครับว่าเงินกองทุนน้ำมันที่ควักมาชดเชยราคาก๊าซหุงต้มนั้นไม่ได้ลอยมาจากไหนหรอกมันมาจากเงินในกระเป๋าของผู้เติมน้ำมันรถตามปั๊มนี่แหละเพราะมันรวมอยู่ในต้นทุนน้ำมันเช่นเดียวกับภาษีต่าง ๆ บวก ๆ เข้าไปจากราคาหน้าโรงกลั่นจนกลายมาเป็นราคาขายปลีก

กองทุนน้ำมันจึงเปรียบได้กับเงินออมหรือเงินประกันตนของผู้ใช้พลังงานเพื่อไว้ใช้สอยยามจำเป็นหลายท่านที่ยังเข้าใจว่าเป็นเงินที่ลอยลงมาให้ประชาชนได้ใช้หรือเป็นเงินของรัฐบาลขอให้เข้าใจเสียใหม่กองทุนน้ำมันจะมีประโยชน์กับประชาชนเราท่านอย่างเต็มที่ในช่วงที่ราคาน้ำมันตลาดโลกผันผวนหรือจู่ ๆ ก็แพงขึ้น หากเราลอยตัวน้ำมันโดยไม่มีกองทุนช่วยรักษาระดับราคาเชื่อไหมครับว่าบางขณะเราอาจต้องเติมเบนซินถึงลิตรละเฉียด 60 บาท ส่วนดีเซลก็ไม่ไกลกันหรอกแล้วมันจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ถึงคนเล็กคนน้อยกระทบถึงระบบเศรษฐกิจ-สังคมทั้งหมดกองทุนนี้จึงมีความสำคัญดังจะเห็นจากรัฐบาลปูหาเสียงไว้ว่าจะยกเลิกพอเอาเข้าจริงก็เลิกไม่ได้

ช่วงหลายวันมานี้ผมรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายบางประการว่านอกเหนือจากรัฐบาลปูที่เดินหน้ากระชากราคาน้ำมันแบบลิงแก้แห(เพราะต้องมาลดแก๊ซโซฮอลล์ตามอีกรอบ) ยังมีขบวนการหนุนเสริมจากข้าราชการและเทคโนแครตด้านพลังงานมีเป้าหมายเพื่อจะลอยตัวก๊าซหุงต้มให้ได้

เหตุผลที่ประชาชนจะได้ยินได้ฟังนับจากนี้ก็คือเราต้องอยู่ในตลาดเสรีการตรึงราคาเท่ากับบิดเบือนกลไกตลาดราคาพลังงานถูกลงจะทำให้วินัยของคนไทยเสียไปไม่ประหยัด (ประมาณว่าให้ผัดผักน้อยลงหรือใช้เวลาเจียวไข่น้อยลงกว่าเดิม) และที่สำคัญราคาก๊าซหุงต้มของเพื่อนบ้านแพงกว่าเราทั้งนั้นดังนั้นที่เราตรึงราคานี่เท่ากับช่วยให้เพื่อนบ้านได้ของถูกจากเงินคนไทยไปอุ้มเพราะยังไงเสียการลักลอบขนแก๊สไปขายชายแดนคงห้ามได้ยาก ฯลฯ

ปตท.อยากให้ลอยตัวเทคโนแครตด้านพลังงานที่อยู่ในกลไกกำกับกิจการพลังงานก็อยากให้ลอยตัวพรรคเพื่อไทยเดินนโยบายทำให้กองทุนน้ำมันหมดลงไม่สามารถตรึงก๊าซได้ยังไงก็ต้องลอยตัว....

สอดคล้องกันดีชะมัด ขุนนางพลังงานกับรัฐบาลไพร่!

ทำไปทำมานโยบายของรัฐบาลนี้ทำให้ปตท.ยิ้มแก้มปริคนถือหุ้นปตท.ก็คงยิ้มแก้มปริกว่า บริษัทอะไรกำไรเป็นแสนล้าน รัฐบาลขยับนโยบายทีนึงบริษัทนี้ก็เพิ่มกำไรพรวด ๆ ..มหัศจรรย์ดีแท้ประเทศนี้
ถ้าก๊าซหุงต้มตามบ้านขึ้นราคาเป็นถังละ 400 บาท แม่ค้าคนเสื้อแดงที่ขายข้าวแกงผัดกะเพราริมทาง และคนกินข้าวผัดจานละ 50 บาทจะรู้สึกยังไงน้อ..ว่าคนที่ได้ส่วนแบ่งผลกำไรบริษัท ปตท.อีก 49% บางคนอาจจะเป็นคนคุ้นหน้าคุ้นตาในพรรคการเมืองแสนรักของตัวเอง

เราอยู่ในปรัชญากิจการพลังงานแบบไหนแน่ ?

ผมไม่เห็นด้วยกับการขึ้นราคาก๊าซหุงต้มครับ ! เรื่องนี้ต้องอาศัยเหตุผลมาประกอบที่ค่อนข้างยาวจริง ๆ อยากให้คนไทยได้ฟังที่คุณรสนา โตสิตระกูล อภิปรายวันแถลงนโยบายรัฐบาลแค่ 15 นาทีได้เนื้อได้หนังสรุปกระชับตรงเป้าไปเสิร์ชในยูทูปนึกว่ามูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคจะทำไว้ก็ไม่มี

ประเด็นก็คือLP.G ที่ใช้เป็นก๊าซบรรจุถังในครัวเรือนที่ตรึงราคากันอยู่นี่มาจากการแยกก๊าซธรรมชาติที่ได้มาจากอ่าวไทยเมื่อก่อนประเทศไทยยังผลิตก๊าซธรรมชาติได้ไม่มากพอต้องนำเข้าเป็นหลักแต่ปัจจุบันปริมาณก๊าซที่ผลิตได้ในอ่าวไทยเพียงพอจะใช้ครอบคลุมความต้องการในประเทศแล้ว

มาถึงตรงนี้ต้องขอย้ำว่าให้แยกระหว่างน้ำมันดิบกับก๊าซธรรมชาติออกจากกันนะครับ น้ำมันดิบเรายังผลิตเองไม่พอกับความต้องการส่วนก๊าซธรรมชาติ(สารไฮโดรคาร์บอนที่เป็นของเหลวหรือปะปนในน้ำมันดิบก็มี) เมื่อนำมาแยกผ่านโรงแยกก๊าซเราจะได้ก๊าซชนิดต่าง ๆ L.P.G. ก็เป็นส่วนหนึ่งในผลผลิตดังกล่าวนั้น

ขณะนี้ปตท.มีโรงแยกก๊าซ 7 โรงที่มีกำลังผลิตมากพอจะผลิต L.P.G. ให้เพียงพอกับความต้องการใช้ในประเทศ น่าภาคภูมิใจไม่ใช่หยอกกับประเทศไทยที่ผลิตพลังงานมาใช้เองได้คิดดูจากปี 2524 ที่เราประกาศความโชติช่วงชัชวาลย์ก็เพิ่งมาปีสองปีนี้แหละที่ทั้งปริมาณผลิตในอ่าวไทยและกำลังการผลิตของโรงแยกมีมากพอจะอุ้มชูประเทศตัวเองได้ในระดับสำคัญ

ถ้าเปรียบเทียบอุปมาว่าน้ำมันดิบคืออาหารคาวประเภทเนื้อสัตว์ปัจจุบันฟาร์มของเรายังผลิตไม่พอยังต้องนำเข้าเป็นส่วนใหญ่ แต่สำหรับพืชผักที่เปรียบกับก๊าซธรรมชาติที่เมื่อก่อนต้องซื้อจากตลาดทั้งหมดปัจจุบันเราปลูกได้เองเพียงพอจะใช้ในครัวเรือนแล้ว

ต่อจากนี้ไปเทคโนแครต ขุนนางพลังงานนักวิชาการบางส่วน ตลอดถึงนักการเมืองจะเปล่งถ้อยคำว่าเราต้องเชื่อในหลักตลาดเสรีให้ถือเสรีนิยมยึดกลไกตลาดเป็นสำคัญไม่ควรไปบิดเบือนตลาดปล่อยให้ก๊าซหุงต้มลอยให้ราคาเท่ากับตลาดโลกเถอะ

ซึ่งหากเรายึดปรัชญาที่ว่านี้คนไทยก็ต้องยอมรับว่าต้องควักกระเป๋าจ่ายก๊าซหุงต้มในราคาแพงเท่ากับประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่มีก๊าซของตัวเองเปรียบได้กับคนที่สามารถปลูกผักในบ้านได้ ก็ถูกบังคับให้ขายเหมาแปลงให้ปตท. แล้วก็ว่าจ้างเชฟที่ชื่อปตท.มารับจ้างเก็บผัก ทำความสะอาดผัก เก็บรักษาในตู้เย็นแล้วนำมาปรุงพร้อมเสิร์ฟให้กับเราผู้เป็นเจ้าของบ้านในราคาภัตตาคาร

เราผู้เป็นเจ้าของบ้านอาจจะได้ค่าผักสดที่ปตท.เหมาจ่ายให้ครั้งแรกแต่เราถูกบังคับให้ควักเงินซื้อกับข้าวปรุงสำเร็จในราคาภัตตาคาร ในนามของตลาดเสรี !

ผมคนนึงละครับที่ไม่เชื่อลมปาก ปตท. ไม่เชื่อขุนนางพลังงานบางคน และไม่เชื่อนักการเมืองโดยเฉพาะค่ายที่เจ้ากี้เจ้าการแปรรูปปตท. สงสัยว่าพวกเขาเชื่อในหลักปรัชญาตลาดเสรีจริงหรือ? หรือว่าอะไรที่เป็นประโยชน์กับเขาได้ก็อ้างทฤษฎีให้สมประโยชน์เขา

ตอนแปรรูปปตท.บอกว่าต้อง Privatize ต้องเป็นเอกชนรัฐต้องลดการกำกับเพื่อให้แข่งขันได้มีประสิทธิภาพ แต่พอแปรรูปเอกชนเข้าถือหุ้น 49% แล้วปตท.ก็ยังคงใช้อำนาจมหาชนของรัฐและอำนาจตามพรบ.ทุนรัฐวิสาหกิจ ผูกขาดและกึ่งผูกขาดกิจการพลังงานต่อไปภาษีป้ายก็ไม่ต้องจ่ายเพราะอ้างว่าตัวเองเป็นรัฐวิสาหกิจผูกขาดกิจการด้านก๊าซธรรมชาติครบวงจรเพราะเป็นผู้กำกับท่อก๊าซขนส่ง

วันดีคืนดีอ้างเสรี วันดีคืนร้ายอ้างความจำเป็นต้องผูกขาด รัฐแทรกแซงต่อ !?!?

อย่าไปเหนียมเลยครับกับปรัชญาเอาประโยชน์ชาติของตัวเองไว้ก่อน..มาเลเซียเขาผลิตน้ำมันได้เองเขาก็อุ้มคนของเขาทำให้น้ำมันในประเทศของเขาถูกลงแล้วเมืองไทยที่รักผลิตก๊าซได้มากพอแล้วเหตุใดไม่ลองเดินตามปรัชญาแบบมาเลเซียดูบ้างล่ะ

-ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง-ท่านว่าผลิตของเราเพื่อใช้ก่อน อุ้มชูตัวเองก่อน ที่เหลือค่อยขายทำกำไรเข้าบ้าน...!!!!? นึกถึงปรัชญาข้อนี้ปุ๊บนึกถึงมาเลเซียขายน้ำมันราคาถูกให้คนของเขาปั๊บเลย

อย่ามาอ้างเลยว่าเราใช้เงินคนไทยตรึงราคาก๊าซไปช่วยคนพม่าลาวเขมรเพราะมีการลักลอบขนส่งข้ามพรมแดนไปขาย

ทีมาเลเซียเขาลดราคาน้ำมันเหมือนกันไม่เห็นเขาลอยตัวเพราะกลัวอุ้มคนไทยแอบไปเติมน้ำมันเลย จริงอยู่วันดีคืนดีคนจังหวัดชายแดนขับรถข้ามไปเติมของถูกแต่ก็ใช่จะมีขบวนการขนปริมาณมาก ๆ เข้ามาได้ที่ไหน..เรื่องนี้รัฐจะลงโทษประชาชน(ด้วยการขึ้นราคา)ไม่ได้ต้องลงโทษศุลกากรและเจ้าหน้าที่ด่านชายแดนโน่น

เพื่อไทย-เพื่อปตท. (คงไม่ใช่เพื่อประชาชน)

น่าเสียดายที่รัฐสภายังถอดเทปคำอภิปรายนโยบายรัฐบาลไม่เสร็จผมจำได้คร่าว ๆ แค่ว่าคุณรสนาแนะนำการหาเงินเพิ่มให้กับรัฐบาลอย่างเป็นกอบเป็นกำ ถูกต้องและได้รับการยอมรับ

คุณรสนาอ้างถึงประเทศต่าง ๆ ที่เขาเรียกเก็บผลประโยชน์จากการขุดเจาะน้ำมันก๊าซธรรมชาติไว้สูง ๆ (ซึ่งหมายถึงค่าภาคหลวงรวมกับภาษีหรืออื่น ๆ) ประเทศในลาตินอเมริกาบางประเทศเรียกเก็บถึง 82% จำไม่ได้ในรายละเอียดว่าประเทศไหนจัดเก็บเท่าไหร่เอาเป็นว่าประเทศเพื่อนบ้านของเราในอาเซียนล้วนแต่เรียกเก็บผลประโยชน์จากบริษัทน้ำมันสูงกว่าไทยทั้งสิ้น

คุณรสนาเสนอว่าหากรัฐบาลต้องการรายได้เพิ่มขึ้นมาทำนโยบายที่หาเสียงไป ทำไมไม่แก้กฏหมายเพิ่มค่าภาคหลวงการขุดเจาะน้ำมันจากเดิมเฉลี่ย 12% ให้มากขึ้นเท่า ๆ กับที่ต่างประเทศเก็บซึ่งจะทำให้รัฐได้รายได้เพิ่มทันทีเป็นแสนล้านบาท

ตอนที่ฟังอภิปรายผมแอบเถียงในใจว่าคุณรสนาเสนอไปก็เท่านั้นเพราะการจัดเก็บค่าภาคหลวงเพิ่มขึ้นจะทำให้บริษัทน้ำมันกำไรลดลง (และผู้ถือหุ้นไม่ว่าพวกถือจริงหรือพวกใช้นอมินีคงไม่ชอบใจ) ผมจึงไม่เชื่อว่ารัฐบาลจะเลือกตามแนวทางที่คุณรสนาเสนอ

วิธีอธิบายของขุนนางพลังงานทุกยุคสมัยในกรณีการจัดเก็บค่าภาคหลวงไม่แพงคือประเทศไทยไม่ใช่แหล่งพลังงานใหญ่เราต้องเชิญชวนให้ต่างชาติมาลงทุนมาสำรวจและต้องอาศัยเทคโนโลยีต่างชาติ ทำให้ต้องคิดค่าตอบแทนที่ไม่สูงมาก ซึ่งเหตุผลดังกล่าวนี้อาจจะจริงเมื่อ 10-20 ปีก่อนแต่ไม่ใช่ปัจจุบัน ก็อ้าว ! ไหนมีโฆษณาปตท.-สผ.ของเราออกไปขุดหาสำรวจพลังงานในแทบทุกน่านน้ำ

ไหนบอกว่าคนไทยก็ทำได้ แล้วพอจะให้เพิ่มค่าภาคหลวงกลับอธิบายว่าเดี๋ยวต่างชาติไม่เข้ามาลงทุน เราทำเองของเราไม่ได้ !!?

อันที่จริงการขึ้นค่าภาษีหรือค่าภาคหลวงขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเป็นเทรนด์ของโลกไปแล้วครับรัฐคาลิฟอร์เนียก็เพิ่งมีกรณีเคลื่อนไหวขอภาษีตรงด้านการขุดเจาะน้ำมันให้รัฐไม่ใช่รัฐบาลกลางเอาไปหมดประเทศลาตินอเมริกานี่ทั้งแถบเลยเล่นเอาบริษัทตะวันตกที่เคยกินหมูมาตลอดร้องโอ๊ก

กรณีประเทศลาติน อย่างฮูโก้ ชาเวซ กรณีโบลิเวีย อาร์เจนติน่าหันมาดำเนินนโยบายซ้ายปกป้องทรัพยากรตัวเองจากตะวันตกได้รับการยกย่องจากวงการวิชาการปัญญาชนบ้านเรามานานพอสมควรบังเอิญอย่างร้ายกาจที่ปัญญาชนจำนวนหนึ่งดันไปถือหางรัฐบาลแดงจึงทำเป็นลืม ๆ สิ่งที่ตัวเองเคยชอบเคยเชียร์

สำหรับผมแล้วจะเรียกปรัชญาหรือระบบคิดแบบไหนก็ได้ขออย่างเดียวให้มันสอดคล้องกับความเป็นจริงมาบังคับให้เราขายเหมาผักในสวนบ้านเราเองราคาถูก ให้เชฟ ปตท.เอาไปปรุงเสิร์ฟเราอีกทีเป็นอาคารสำเร็จราคาภัตตาคารในนามของตลาดเสรีผมคงไม่เห็นด้วย เพราะเป็นแนวทางที่ทำให้เจ้าของผักจนลง ๆ ส่วนคนที่รวยเอา ๆ คือเชฟที่ชื่อ ปตท.นั่นเอง

ที่สุดแล้วปรัชญาการดำเนินนโยบายพลังงานของรัฐบาลนี้ไม่ได้แตกต่างจากขิงแก่-ประชาธิปัตย์-สุวัจน์ ลิปตพัลลภ-ปตท.-ขรก.กระทรวงพลังงานที่ได้โบนัสจากตำแหน่งกรรมการบอร์ด ฯลฯ แม้แต่น้อย

ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหนขุนนางพลังงานกำกับกิจการด้านนี้ไม่เคยเปลี่ยน มาปีนี้รัฐบาลเพื่อไพร่มาก็ไม่ได้มีอะไรใหม่.. ยังพูดภาษาเดียวกับขุนนาง..ปตท.รวยขึ้น ๆ คนถือหุ้นยิ่งรวยเอา ๆ เหมือนเดิม-อาเมน !

credit : http://www.manager.co.th/Columnist/ViewNews.aspx?NewsID=9540000112107

ได้รับคำขอบคุณจาก: Chote wighwaytak okuma pejung slek tamy2975