ต้องขอขอบคุณและขออภัยผู้จัดทำหนังสือ Driving in the USA คู่มือขับรถ ในอเมริกา โดย Backseat driver ที่กรุณาส่งหนังสือให้ผมนานแล้ว ทว่า...ผมเพิ่งมีโอกาสเปิดอ่าน งานนี้จึงทำให้ทราบข้อมูลบางอย่างที่อยากรู้มานานแล้ว


หนังสือ เล่มนี้ ผู้เขียนเล่าถึงประสบการณ์ในการใช้รถใช้ถนนระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ที่สหรัฐ อเมริกา ตั้งแต่การสอบใบขับขี่ การขับรถในเมือง ในชนบท บนทางหลวง บนทางด่วน การจอดรถ รวมทั้งกฎกติกา มารยาทต่างๆ


ในประเด็นหลัง นี้เอง มันมีเรื่องที่ผมเกริ่นไว้ข้างบนว่า อยากรู้มานาน แต่ถามใครในบ้านในเมืองนี้ ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดเจนเสียที นั้นก็คือ เรื่องการกะพริบไฟหน้า.....ว่า มันมีความหมายว่าอะไรแน่....งานนี้ผมมาได้คำตอบจากหนังสือเล่มนี้เอง


?กะพริบ ไฟใหญ่........การกะพริบไฟใหญ่ (Head Light) ให้สัญญาณที่อเมริกานั้น หมายถึง ?การให้ทาง? ด้วยความหมาย ให้อีกฝ่ายหนึ่งไปก่อนได้เลย ไม่ได้หมายถึง ?ผมขอทาง (แกมบังคับ)? หรือว่า...?อย่าออกมานะ? อย่างที่ใช้กันผิดๆ....?


นั้นก็คือ การกะพริบไฟหน้านั้น ที่ถูกต้อง หมายถึง การให้สัญญาณให้อีกฝ่ายหนึ่งไปก่อน


ไม่ใช่ ขอตูไปก่อน เอ็งอย่าออกมานะ เหมือนที่ใช้กัน (อย่างผิดๆ) ในบ้านเรา


อย่าง ไรก็ตาม การใช้แบบผิดๆแบบนี้ อย่าเผลอไปใช้กันในบ้านอื่นเมืองอื่นนะครับ อย่างเช่นที่สหรัฐอเมริกา เพราะหนังสือเล่มนี้เตือนว่า....?เมื่อจะวิ่งผ่านทางแยก ซึ่งมีรถอีกคันจอดรอวิ่งตัดข้ามถนน ถ้าเราไม่ต้องการให้เขาออกรถ เราอย่าไปกะพริบไฟให้เด็ดขาด มิฉะนั้น รถที่จอดรถรออยู่ อาจจะวิ่งพรวดมาจ๊ะเอ๋กับเราได้ อาจเกิดอุบัติเหตุที่ไม่คาดฝันได้?


ยัง มีการส่งสัญญาณอีกชนิด ที่คนขับรถในบ้านเรายังใช้ผิดๆกันไม่น้อย นั้นก็คือ การเปิดไฟฉุกเฉิน.....เรื่องนี้ หนังสือ Driving in the USA เขียนไว้ว่า...?สัญญาณไฟฉุกเฉิน (Hazard Light) เรื่องนี้ไม่ใช่เป็นเรื่องการตามก้นฝรั่ง แต่เป็นเรื่องที่ควรปฏิบัติให้เป็นสากล...?


?ขอยกตัวอย่างที่ใช้ ไฟฉุกเฉินแบบผิดๆ ที่เราเปิดใช้กันผิดทั้งบ้านทั้งเมือง...1.ขับรถผ่านสี่แยก (เพื่อขอทาง) 2.ขับรถบนถนนขอทางโลด (เลียนแบบรถขบวน) 3.จอดรถในที่ห้ามจอด หยุดรถในที่ห้ามหยุด (ทำเป็นว่าจอดชั่วคราว) 4.วิ่งย้อนศร (ระวัง อย่าชนผมคร้าบ) และ 4.ฝนตกหนัก?


?แต่สถานการณ์ควรใช้ไฟฉุกเฉิน หลายคนกลับไม่ใช้ เช่น 1.รถเกิดอุบัติเหตุ เฉี่ยวชน กันบนทางสาธารณะ 2.รถเสียจอดกลางถนน หรือข้างถนน 3.จอดรถบนไหล่ทาง 4.มีเหตุฉุกเฉินต้องหยุดรถกะทันหัน?


?การเปิดไฟฉุกเฉินที่ไม่ เหมาะสม เช่น เปิดในขณะที่ทัศนวิสัยแย่ รถคันที่ตามหลังมาอาจไม่เห็นไฟกะพริบด้านใดด้านหนึ่ง หรือหากรถที่เปิดจำเป็นต้องเลี้ยวหรือเปลี่ยนเลนก็จะไม่มีไฟเลี้ยวใช้ ทำให้รถที่ตามมาหรือรถที่สวนมาไม่ทราบว่าเราจะเลี้ยว...ฯ?


งานนี้ผมไม่ทราบว่า เป็นหน้าที่ของใครที่จะแก้ความเข้าใจที่ผิดๆของคนในบ้านเราให้ถูกต้อง..... ตำรวจหรือขนส่ง ส่วนสื่ออย่างผม...ทำได้แค่เขียนบอกแบบนี้ละครับ.
ขอบคุณที่มา : คอลัมภ์ เลี้ยวขวาสนทนาจราจร นสพ. ไทยรัฐ

ขอบคุณครับ

ไฟฉุกเฉินเนี่ยชอบเปิดกันจิง ไม่เ้ข้าใจ

ต้องรณรงค์แล้วเผยแพร่ต่อไปครับ อย่างขับรถผ่านสี่แยกที่ไม่มีสัญญาณไฟต้องไม่เปิดไฟผ่าหมาก เพื่อรถด้านซ้ายหรือขวาจะไม่เข้าใจผิด คิดว่าจะเลี้ยวไปข้างนั้นๆ แต่ให้ใช้ความระมัดระวังขึ้น...

ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆนะครับ

ใช้ตามบ้านเราเหอะ เคยชินไปละ เรื่องการริบไฟอ่ะ


...

มาเก็บความรู้ครับ

ดีเลยคับ...

การ ริบ ไฟหน้า ตอนกลางวันที่ยี่ปุ่น ก้อคือ การให้ทางกับรถคันอื่น เช่นเดียวกัน แต่ถ้าเป้นกลางคืน การให้ทางกับรถคันอื่น คือการ ดับไฟหน้าค้าบ

ขอบคุณหลายเด้อ!

ถ้าผมมาเร็วๆและจะไม่หั้ยอีกคันอย่าเพิ่งออกมาก้อจะใช้ริปไฟสูงยาวๆไม่ก้อแตรแทนอ่ะ


ถ้าลิปไฟแปปเดียวพวกจะออกมาทุกที - -"

ดีๆ..

ขอบคุณครับ สำหรับความรู้

ผมก็ชอบ ริบ ไฟหน้า เพื่อขอไปก่อนเหมือนกัน :? ต้องแก้ไขล่ะ

แต่ไฟฉุกเฉินเห็นใช้กันบ่อยมากเวลาขับผ่านสี่แยก ไม่รู้ใครเป็นคนเริ่ม

บ้านเราถ้ารถฝั่งตรงข้ามริบไฟสูงใส่ แสดงว่าเลนส์เราข้างหน้าอาจมีด่านตำรวจตรวจจับความเร็วน่ะครับ เคยเจอมาแล้ว อิอิ

เก็บข้อมูลครับ

ประโยชน์จริงๆ ครับ
แต่มีคนเขียน จม. เข้าไปด่าผู้เขียนบทความนี้ด้วยนะครับ ถ้าจำไม่ผิด เมื่อวันพฤหัส หรือ วันศุก ที่ผ่านมานี่แหละครับ

แล้วเราจะแก้ไขพฤติกรรมการขับรถแบบผิดนี่ได้ยังงัยน๊า เพราะกันทั่วบ้านทั่วเมืองไทยเราแว้วนี่
ขอบคุณข้อมูลดี ดี นี้นะครับ เผื่อใครได้มีโอกาสไปขับรถที่ ตปท.ก็อย่าลืมทำตามคร๊าบบ

เวลาขับทางไกล หรืือทางบนเขาการยกไฟหน้านอกจากจะเป็นการขอทางแล้ว เป็นการแจ้งเตือนให้ทราบว่าข้างหน้ามีด่านตรวจ หรือมีอุบัติเหตุ (เชียงราย - เชียงใหม่ ใช้บ่อยเป็นประจำครับผม)

เรื่องการดิฟไฟสูง ผมมองว่ามันเป็นวัฒนธรรมการขับรถของอเมริกาครับ บ้านเราเข้าใจกันอีกอย่างมานานแล้ว อยู่ๆถ้าเราจะไปปฎิบัติแบบเมกา มีหวังเกิดอุบัติเหตกันแน่ๆ บางเรื่องต้องยอมรับเข้าใจในความแยกต่างครับ

จริงๆ แล้วนะ ข้อปฎิบัติตามกฎนี้

ได้พยายามกำหนดให้ใช้เหมือนกันทั่วโลกอยู่แล้วครับ

เพียงแต่บ้านเราไม่สามารถปรับเปลี่ยน..ค่านิยม และ ความเข้าใจ

ที่ปฎิบัติตามกันมาหลายสิบปี..จนกลายเป็นเรื่องที่ส่วนมากเชื่อว่า ถูกต้องบนท้องถนนไปแล้ว

ผมเคยจับวงเถียงกับพวกเพื่อนๆ... ด้วยกัน เมื่อสิบกว่าปีก่อนว่า..

เวลาเกิดอุบัติเหตุ..จากกรณี..ปฎิบัติตามหลักสากล กับ ปฎิบัติตามหลักที่เข้าใจว่าถูกต้อง และ ใช้กันในวงกว้าง..เนี่ย

เราจะตัดสินถูกผิดจากอะไร...ดี..ครับ

เปลี่ยนตอนนี้คงยากแล้วหล่ะ เว้นแต่จะมีการรณรงค์จากภาครัฐ อัดสปอต เพราะตามต่างจังหวัดเค้าคงไม่ได้มาอ่านพวกเวป หรือ นสพ แล้วเอาไปทำตามแน่ๆ

ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ

ดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ