พอดีวันนี้ได้มีโอกาศ นั่งรถของน้องลี แล้วเกิดสงสัยครับ ว่า เครื่อง 2.0 ใส่เทอร์โบบูทแค่ 0.5 ก็สนุกแล้วครับ ถามน้องลีดูว่าใช้งบเท่าไหร่น้องบอกว่าประมาณหนึ่งแสน แต่รถผมยังทำไม่เสร็จ แต่ทำแบบ NA หมดไปจะสามแสนแล้ว ถามพี่แจ็กที่ทำรถให้ว่าน่าจะได้สักกี่ม้าพี่แกบอกว่าประมาณ 170-180 ลงพื้น แต่ของน้องลี 204 ม้า แล้วแต่งแบบ NA ข้อดีคืออะไรเหรอครับถึงได้แพงกว่าเยอะกว่าแต่ม้าที่ได้มากลับน้อยกว่าครับ คือรถมันยังไม่เสร็จก็เลยสงสัยครับ

มันก็แล้วแต่ความชอบอะครับ ของอย่างนี้มันพูดยาก

เครื่อง N/A ถ้าเรารู้นิสัยเครื่องก็ไม่ใช่ว่าจะไม่สนุกเลยซะทีเดียว ถึงแม้ว่าแรงดึงจะต่างกันมากก็ตาม
ส่วนอู่ที่ทำก็เป็นตัวแปรที่สำคัญไม่น้อย
และของแบบนี้แล้วแต่คนชอบด้วยล่ะครับ

อยุ่ที่ การใช้งาน และความรู้ในการดูแลรักษา


ปล.ผมว่า ถ้าไม่ค่อยมีความรู้ เทอร์โบ เครื่องไปง่ายนะ

เจอมาครับ อ่านแล้วคิดว่าดี คงมีประโยชน์บ้างนะครับ
หัวข้อ : โมรถอย่างไรจึงถูกวิธีและประหยัด
ข้อความ : การโมเครื่องอย่างมีความรู้นั้นอาจจะไม่ใช่เครื่องที่แรงที่สุดแต่จะเป็นการทำเครื่องที่ถูกที่สุดเมื่อถึงจุดสิ้นสุดด้วยกันแล้ว หากจะถามว่าทำแล้วไม่ใช่ที่สุดแล้วจะทำไปทำไม่ คำตอบก็คงไม่ยากเพราะการไปถึงจุดสุดในวันนี้นั้นคงไม่ยากแต่สำหรับวันพรุ่งนี้เป็นเรื่องที่ยากครับ การเป็นแชมป์ตลอดการณ์นั้นคงต้องมีงบประมาณที่มากพอสมควร เอาเป็นว่าผมจะเล่าวิธีทำรถอย่างถูกวิธีและชาญฉลาดให้ฟังเป็นตอนๆไป จะได้เอาไปใช้ในการทำรถท่านเองหรืออย่างน้อยจะได้เอาไว้บอกช่างว่าควรทำอย่างไรแต่อย่าไปสอนเค้านะครับ ท่านลองอ่านและลองพิจารณาดูว่าอันไหนที่ท่านสามารถไปประยุคใช้กับรถท่านได้
๑.การรู้จักรถและเครื่องยนต์ของเราเอง ทำไม่ผมถึงต้องบอกว่าคุณควรรู้จักรถตัวเองเสียก่อน ตั้งแต่ผมเริ่มศึกษาเรื่องเครื่องยนต์อย่างจริงจังตั้งแต่ยังเรียนป.ว.ช.ผมก็ได้ยินเพื่อนๆที่เรียนด้วยกันและพักพวกที่เล่นรถอยู่ด้วยกันพูดกรอกหูผมตลอดว่า ให้วางเครื่องรุ่นนั้นสิ วางเครื่องรุ่นนี้สิจนจบป.ว.ส. พอต่อวิศวะได้ปีเดียวก็โดนเชิญออกผมก็ได้ยินเพื่อนใหม่พูดกันอีกให้วางรุ่นนั้นสิรุ่นนี้สิ รุ่นนี้ดีกว่า6สูบแน่ะ แรงกว่าแน่นอนมาจนถึงทุกวันนี้เรื่องการวางเครื่องข้ามตระกูลก็ยิ่งเป็นเรื่องที่ยอดฮิตจริงๆ ยิ่งเรื่องเคื่องที่มีบล๊อกใหญ่ๆด้วยแล้วอาธิเครื่องJวางในBMWบ้างวางใน200SXบ้างยิ่งเป็นโรคยอดนิยมเลยอย่างนั้นเค้าไม่เรียกว่าการโมเครื่อง เครื่องทุกรุ่นทุกยี่ห้อมีข้อดีและข้อด้อยของมันเองเราควรเลือกข้อดีของรถเราที่มีอยู่แล้วมาปรับแต่งให้มันดีขึ้นให้แรงขึ้นถ้าเราเข้าใจถึงวิธีแล้วไม่ใช่เรื่องใหญ่เลย ดีกว่าการที่เอาเครื่องปล๊อกใหญ่มาใส่ลงไปแล้วบอกว่าเครื่องผมแรงสุดๆคุณรู้ไหมตอนที่คุณเอาJยัดลงไปคุณเสียอะไรไปบ้าง ความรู้สึกในการขับเปลี่ยนไป เข้าโค้งยากขึ้น เบรกอยู่น้อยลง ออกตัวยากขึ้น น้ำหนักส่วนหัวมากขึ้นเวลาเบรกมีอาการปัดมากขึ้น และยังมีอีกหลายอย่างจนคุณเบื่อมันไปเองเล้วก็ถึงเวลาที่ต้องขายราคาก็ตกอย่างไม่น่าเชื่อ ผมรู้จักคุณอั้นที่ขับ200SXใช้เครื่องเดิม1800ไปสู้กับเครื่องJสู้กับอีโวผมรู้สึกว่านี่แหละฮีโร่ของผมใช่เลย และทีมนี้ทังทีมส่วนมากจะใช่เครื่องในบอดี้นั้นๆทั้งหมดหรือเกือบๆหมด ผู้อ่านกำลังจะมองว่าเค้าต้องใช้เงินเท่าไหรถึงจะชนะเครื่องJได้ใช่ไหม นี่แหละคือสิ่งที่เราต้องมาคุยกันในบทต่อไป
ต้องขออภัยสำหรับบทความของผมอาจไปกระทบถึงบางท่านตัวกระผมเองมิได้มีเจตนาที่จะล่วงเกินใครเพียงแต่อยากให้ผู้ที่สนใจที่จะเอาความรู้นี้ไปใช้เข้าใจอย่างถ่องแท้เท่านั้น จึงขออภัยมาน ณ.โอกาสนี้ครับ
รักพงศ์ สงวนพันธุ์

(เอามาจาก http://www.mitsusport.com )

จาก : GuMP_EF - - sand@racingweb.net -

1 ข้อความ : บทที่2 รู้จักเครื่อง

ทำไม่เราต้องรู้จักเครื่องด้วย อย่างที่กล่าวมาแล้วในบทความตอนที่๑คนเรามักจะมองคนของเราหรือของๆเราด้อยค่าเสมอ แต่มักจะมองฝ่ายตรงข้ามสำคัญเสมอ ด้วยเหตุผลนี้เองที่ทำให้ผู้อ่านรู้สึกอยากจะเปลี่ยนเครื่องเสียเหลื่อเกินก็เป็นเรื่องไม่ยากเลยแค่เสียเงินก็ได้ความแรงมาแล้ว กระผมมิได้รังเกลียดการเปลี่ยนเครื่องเลย แต่หากจะเปลี่ยนเครื่องทั้งทีก็น่าจะศึกษาถึงข้อดีและข้อเสียของเครื่องตัวที่เรากำลังจะนำเข้ามาใส่ใหม่ อาธิเช่นหากท่านใช้200SXอยู่ยากเปลี่ยนเครื่องให้มีกำลังมากกว่าก็มีSR20ให้เลือกเล่น น้ำหนักเครื่องก็หนักกว่าเดิมไม่มาก เครื่องอยู่ในตระกูลเดียวกันไม่ต้องแปลงอะไรมาก ไม่ต้งตัดเว้าคานแต่ท่านก็มีคำถามในใจอีกว่าแล้วจะแรงสู้คนอื่นเค้าได้ไหม แน่นอนถ้าเอาไปแข่งคงสู้ไม่ได้หากไปสภาพเดิมๆอย่างนี้ แต่ในขั้นพื้นฐานนี้รถท่านมีความได้เปรียบรถที่วางเครื่องใหญ่ๆแล้วในระดับนึง คือ1.น้ำหนักต่อแรงม้า 2.น้ำหนักเฉลี่ย4ล้อ 3.ความแข็งแรงของชิ้นส่วนต่างๆที่ไม่ต้องถูกตัดต่อ 4.อันนี้สำคัญเวลาขายราคาก็ยังดีอยู่ จากตรงนี้ไปก็เดินต่อไม่ยากแล้วเริ่มจากมองหาจุดออ่นของเครื่องยนต์เลยว่ามีอะไรบ้างก็ทำการแก้ไขหรือเตรียมตัวทำการแก้ไขซะ เอ้อเกือบข้ามขั้นตอนแนะประการสำคัญผู้อ่านควรตั้งเป้าก่อนว่าจะใช้แข่งอะไร แข่งกับใคร คู่ต่อสู้มีความสำคัญขนาดไหน และแข่งที่สนามไหน การที่เราต้องทำการบ้านก่อนอย่างนี้เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเดินหลงทางเหมื่อนหลายๆท่านที่พยายามมากเพื่อที่จะชนะโดยทุ่มเททั้งกำลังกายและกำลังทรัพย์เพื่อที่จะเอาชนะคู่แข่งแต่ยังไม่รู้จักคู่แข่งเลยผมเห็นหลายคนเข้ามาวงการนี้และก็จากออกไปอย่างผู้แพ้ทั้งๆที่แทบจะพูดได้ว่ายังไม่ได้สู้เลยแถมต้องเสียเงินไปอีกอย่างมากมาย การศึกษาถึงข้อมูลต่างๆนั้นจึงให้ประโยชน์เป็นอย่างมากสำหรับการแข่งขันกันด้านเครื่องยนต์กลไกลเพราะขึ้นชื่อว่าอะไหล่สำหรับรถแข่งแล้วไม่มีชิ้นไหลราคาถูกเลยมันขึ้นอยู่ว่าจะแพงมากหรือแพงน้อย ยิ่งไปกว่านั้นของหลายๆชิ้นที่ผู้ผลิตๆกันออกมาแบบขาดความรับผิดชอบทั้งๆที่รู้ว่ามันใช็ไม่ได้ผลก็ยังนำออกมาขายกันอีก พูดง่ายๆว่าตั้งใจทำมาแหกตากันแบบหน้าด้านๆ ทุกวันนี้ของที่ขายกันอยู่ตามร้านมีหลายชิ้นที่ทำขึ้นมาเพื่อสนองความต้องการของวัยรุ่นที่เพิ่งจะเริ่มเข้ามาสู้วงการความเร็ว เราคงไปบอกเค้าว่าอย่าผลิตออกมาขายไม่ได้แต่พวกเราสามารถบอกน้องๆเราว่าอย่าไปซื้อมันได้
มาเรียนรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกลแบบทางลัดกันดีกว่า การที่จะทำรถเพื่อการแข่งขันในบ้านเรานั้นยังเป็นเรื่องง่ายๆอยู่เพราะเราไม่ค่อยใส่ใจกับลายละเอียดเท่าใดนัก รวมถึงตัวผมเองด้วยเพราะเราถูกปลูกฝังมาแบบนี้เอาเป็นว่าแรงแบบไทยๆ แต่อย่าดูถูกคนไทยอย่างเราเคยทำเอาพวกตาน้ำข้าวเดินเช็ดน้ำตาออกจากสนามมาแล้ว พวกปลาดิบก็ยังเคยโดนปลาแดกอย่างเราสอนบทเรียนที่ว่า อย่าดูถูกคนไทย
1.เครื่องยนต์สันดาบภายใน เครื่องยนต์สันดาบภายในส่วนมากหากจะโมดิฟายให้แรงนั้นมักจะต้องพูดถึงอันดับต้นๆเลยก็คือ เรื่องของกำลังอัดในกระบอกสูบยิ่งทำกำลังได้สูงเท่าไหรก็จะให้กำลังได้มากเท่านั้นแต่ทำไม่เมื่อเรารู้เช่นนี้แล้วเราจึงไม่ทำแรงอัดให้สูงๆเพื่อจะได้แรงม้ามากๆ ไอ้เจ้ากำลังอัดนี้ก็จะถูกกำหนดให้มากน้อยก็ขึ้นอยู่กับค่าอ๊อกเทนในเชื้อเพลิงที่เราใช้ยิ่งเรามีเชื้อเพลิงที่มีค่าอ๊อกเทนมากก็สามารถทำแรงอัดได้มาก ยิ่งหากเรามีเชื้อเพลิงที่มีอ๊อกซิเจนในตัวก็ยิ่งทำแรงอัดได้มากขึ้น ทั้งหมดนี้ก็จะถูกกำหนดโดยองศาของการจุดระเบิดว่าจะมากหรือน้อยด้วยเช่นกัน ส่วนเครื่องยนต์ที่ใช้ไนโตรมีเทน(TOP FUEF)ก็จะไม่แตกต่างที่เครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมันประเภทนี้จำเป็นต้องทำแรงอัดให้ต่ำเนื่องจากว่าไนโตรมีเทนมีค่าอ๊อกเทนที่ต่ำประมาณ60เศษๆแต่ทำไม่ถึงได้ชื่อว่าเป็นน้ำมันที่รุ่นแรงที่สุด อันนี้คงเนื่องมาจากส่วนผสมของน้ำมันที่พิเศษมากๆจนทางทหารให้ขึ้นทะเบียนเป็น ยุทธโธปกรณ์ การมีไนโตรมีเทนไว้ในครอบครองแบบเพียวๆถือว่ามีความผิด จะมีได้ก็แต่แบบผสมมาแล้วอย่างเช่นในเชื้อเพลิงที่ใช้ในรถบังคับวิทยุ

จาก : GuMP_EF - - sand@racingweb.net -

2 ข้อความ : บทที่3 เดินหลงทาง
ปัจจุบันการโมดิฟายเครื่องยนต์ทำกันอย่างแพร่หลายทุกอู่ยอมอยากที่จะเป็นผู้ที่จะโมเครื่องแล้วแรงที่สุด ทนที่สุด เช่นเดียวกับเจ้าของรถที่ต้องการเป็นเจ้าของรถที่แรงที่สุดดีที่สุด ส่วนมากมักจะต้องยอมเลิกลาไปเองเนื่องจาก ยิ่งโมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีโอกาสได้ขับมันน้อยเท่านั้น เพราะยิ่งทำมากก็พังมากเสียเงินมากขึ้นเรื่อยๆไม่รู้จักจบจักสิ้นกันเสียที สาเหตุในการพังที่พบมากที่สุดคือ
1. ลูกสูบแตก
2. ชาร์พละลาย
3. ก้านคดหรือขาด ทั้ง3อาการนี้ถ้ามันแรงจริงแล้วมันเกิดปัญหาก็คงไม่น่าปวดหัวเท่าไหร่แต่ส่วนมากมักจะแรงไม่จริง แล้วช่างก็มักจะบอกว่าเครื่องคุณแรงมากๆจนลูกแตก ต้องใช้ลูกสูบยี่ห้อนั้นยี่ห้อนี้ ล้วนแต่เป็นข้อแก้ตัวทั้งสิ้นหรืออีกอย่างคือไม่รู้ว่าจะแก้ยังไง ไม่รู้ว่าที่ลูกสูบแตกเพราะอะไร ไม่รู้ว่าที่ชาร์พละลายเพราะเราประกอบเครื่องไม่ดีรึเปล่า ที่ก้านคดหรือขาดไม่รู้ว่าประกอบลูกสูบกับก้านผิด ออฟเซ็ทรึเปล่า กำลังอัดสูงไปรึเปล่า แต่มักจะพูดกันว่าเครื่องมันแรงมากจนก้านทนไม่ไหวต้องเปลี่ยนยี่ห้อนู้น ยี่ห้อนี้ เจ้าของรถก็ดีใจถ้าเปลี่ยนตามที่ช่างบอกคราวนี้แรงแน่ ก็รีบควักกระเป๋าจ่ายไม่ยอมหันกลับไปดูตัวเองว่ากำลังเดินไปเข้า “กับดัก” รึเปล่าแต่บ้างครั้งไม่มีใครว่างกับดักตัวคุณเองนั้นแหละว่างกับดักให้ตัวเอง มาดูกันดีกว่าว่าโรค ลูกสูบแตกมันเกิดขึ้นได้อย่างไร
ทุกวันนี้เครื่องยนต์ส่วนใหญ่มักจะควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ เจ้ากล่องคอมพิวเตอร์นี้ก็ถูกโปรแกมร์ให้จ่ายน้ำมันในรอบเท่าไหร่ที่บูสเท่าไหร่ คันเร่งกี่%จะต้องเปิดหัวฉีดกี่%จุดระเบิดกี่องศา ทั้งหมดนี้ถูกกำหนดไว้ไม่ว่าจะเป็นกล่องแสตนดาร์ตหรือกล่องแต่งจากสำนักใดๆก็ตาม จะมีปรับตัวเองได้บ้างก็เล็กน้อย ดังนั้นเมื่อเรานำกล่องแต่งประเภทนี้มาใส่กับรถเราต่างก็คิดเอาเองว่ามันจะต้องแรง ที่จริงแล้วจะเหมื่อนซื้อหวยแหละครับถ้าโชคดีกล่องแต่งที่ได้มาเข้ากันได้ดีกับเครื่องเราก็ถือว่าถูกหวยแต่นั้นก็1ใน100ครับเพราะข้อกำหนดต่างๆของแต่ละเครื่องไม่เหมือนกัน จะยกตัวอย่างง่ายๆครับเพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนกว่า คือกล่องที่เราได้มานั้นเราจะทราบรายละเอียดต่างๆของเครื่องที่เคยใช้ร่วมกันทั้งหมดแทบเป็นไปไม่ได้ ถึงแม้ได้เครื่องมาด้วยก็ยังไม่ทราบว่าเค้าใช้ปั้มน้ำมันเชื้อเพลิงยี่ห้ออะไรสามารถปั้มน้ำมันได้กี่ลิตรต่อนาทีและสามารถทำแรงอัดได้มากน้อยแค่ไหน และใช้เรกูเรเตอร์ยี่ห้ออะไรตั้งเดินเบาไว้ที่เท่าไหร่ เพราะอะไรหรือครับ เพราะหากคุณนำมาใส่รถคุณแต่ปั้มติ๊กคุณความสามารถไม่เพียงพอคือเกิดแรงดันตกในรอบสูง เจ้ากล่องที่เคยถูกโปรแกมมาให้เปิดหัวฉีด52%ที่6000รอบ บูส1.5บาร์ คันเร่ง 100%ก็จะเปิดหัวฉีด52% ตามที่ถูกโปรแกมมา แต่เมื่อแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงตกแน่นอนครับหัวฉีดที่เปิดอยู่52%แต่ได้ปริมาณน้ำมันน้อยกว่าถ้าน้อยกว่ามากๆก็ไม่เป็นไรครับเครื่องจะสะดุดให้เห็น แต่ถ้าน้ำมันที่จ่ายมากว่าไม่มากลูกสูบจะค่อยๆร้อนจนแตกหรือละลายไปเอง ยังมีข้อกำหนดอีกมากมายเกี่ยวกับอุปกรณ์ต่างๆเช่น เรกูเรเตอร์ เทอร์โบ แคมชาร์พ องศาในการจุดระเบิด ที่สำคัญกำลังอัดเท่าไหร่ ด้วยเหตุผลนี้เองที่ต้องยกเรื่องนี้มาคุยกันก็เพราะว่าหลายคนเข้าใจว่ากล่องประเภทนี้สามารถนำมาใส่กับรถได้เลยซึ้งที่จริงแล้วนำมาใช้ได้แต่ไม่ดีครับ โอกาสที่ทำให้คุณต้องควักกระเป๋าจ่ายแล้วจ่ายอีกจ่ายจนต้องยอมขายรถไปเลยเพื่อตัดปัญหาก็มีครับ ตอนนี้ผู้อ่านคงเข้าใจดีแล้วเกี่ยวกับกล่องสมองก็คงมีคำถามในใจว่า แล้วฉันจะใช้กล่องอะไรล่ะ กล่องยี่ห้ออะไรก็ได้ครับที่สามารถปรับจูนได้ เลือกดูตามความสามารถของกล่องมันจะไปคู่กับราคาครับ เออลืมบอกไปอีกอย่างครับเรื่องนี้สำคัญครับ ผู้อ่านต้องมองว่ากล่องที่ปรับจูนได้นี้เปรียบเหมือนคนรับใช้ เมื่อเราสั่งให้ทำงานก็ต้องทำงานตามสั่งจะทำมากกว่าหรือน้อยกว่าไม่ได้ หากคนรับใช้ทำงานตามคำสั่งแล้วงานยังออกมาได้ไม่ดีละก็แสดงว่าคนสั่งงานไม่ดี ไม่รู้จักงานไม่รู้จักว่าอันไหนควรทำก่อนอันไหนควรทำทีหลัง ไม่รู้ว่าคนรับใช้เหมาะกับงานประเภทไหน หากเป็นเช่นนี้งานออกมาเละแน่นอนครับ หรืออาจทำให้งานอื่นเสียไปด้วย เช่นเดียวการใช้กล่องสมองประเภทปรับจูนได้ หากคนจูนไม่รู้จักเครื่องดีพอ ไม่รู้จักหลักการทำงานของ ไม่รู้จักนิสัยเครื่องตัวนั้นๆ สรุปคือหากคนจูนไม่มีความรู้เรื่องเครื่องยนต์ น้ำมัน อัตราส่วนกำลังอัด ระบบจุดระเบิด และอีกหลายๆอย่างอย่างดีละก็ หันกลับไปใช้กล่องแสตนดาร์ดดีกว่าครับ กล่องแสตนดาร์ดไม่ต้องไปเปลี่ยนรอม หรือแต่งอะไรเลยหากทำอย่างรู้วิธีก็สามารถทำให้เครื่องตัวนั้นๆแรงขึ้นมาได้ในระดับนึงเลยทีเดียว โดยใช้หลักการง่ายๆของการปรับแรงดันน้ำมัน โดยให้แรงดันที่รอบเดินเบาเท่าเดิม เครื่องอีโว3ผมเคยใส่เทอร์โบ20Gบูส1.5บาร์ ลูกสูบเดิม ประเก็น1.5มิล แคมชาร์พเดิมวิ่งดีมากครับทุกวันนี้ก็ยังใช้งานปกติอยู่เกือบปีแล้วครับ

จาก : GuMP_EF

naอาจดึงไม่หนักแบบturboแต่ดึงยาวๆนะคับส่วนตัวผมรถขับหน้าที่มีม้าลงพื้นได้เกิน150ตัวขึ้นไปนี่ขับสนุกแล้วนะคับ

ลองเต็มที่กับ NA อยู่ครับ เด๋วจะมาบอกให้รู้ว่ามันแรงยังไง ตอนนี้ยังไม่เสร็จ อิอิ

ผมว่าเรื่องNA กับ Turbo นี่มันวิเคราะห์กันไม่จบอ่ะครับ

ส่วนตัวแล้วผมดูที่ตัวเครื่องยนต์กับรถมากกว่า ว่าเค้าเหมาะกับแนวทางไหน

ซึ่งอาจจะบวกกับความชอบของแต่ละคนเข้าไปอีกอย่างเช่นของลีเป็นต้น


แต่ที่เคยใช้มาแล้วทั้งสองอย่างรู้สึกชอบNAมากกว่านะ ถึงจะโมแพงกว่าแต่ได้แรงม้าน้อยกว่าก้อเหอะ

ส่วนตัวผมว่าNA ก็ดีนะ

เห็นสเต็ปทำรถของคุณแล้ว ได้แต่กลืนน้ำลาย เสร็จแล้วเอามาเผื่อแผ่ให้ชมกันบ้างนะครับ
ท่อนล่าง 2.4 วิ่งกันยาว ๆถนนเมืองไทย รถอะไรก็ฉีกยาก อิอิอิ
ขอให้แรงสมใจครับ

NA แรง..เหนียว..ประหยัดกว่าด้วยครับ

เสร็จแล้วเอามาโชว์บ้างนะครับ

191

รถผมน่าจะเสร็จทันวันมีตติ้งน่ะ แต่ต้องรันอิน อาจได้ไปร่วมมีตติ้งครั้งแรกสักที หุหุ

ลูกสูบ 87.5 มิล

ก้านซิ่ง

ลูก๙ก้านซิ่ง

ลูกสูบ 87.5 มิล ของวิสโก้

ยังไงต่อจากนี้ไป ก้อขับรอๆเก๊าด้วยนะก๊าบๆๆๆๆๆ

กำลังทำท่ออยู่ครับ เมื่อวานลองขึ้นไดโนดู ได้ 183 แรง แต่เซ็ทคร่าวให้วิ่งมาทำท่อได้ก่อน สรุปทำเป็น 2.4 ใช้กล่องเดิมไม่ได้ครับ ก่อนใส่กล่องทองได้ 130 แรง เซ็ทกล่องแบบคร่าวๆได้ 183 แรง กำลังอัด 208 N/M พี่น็อทบอกว่าทำท่อเสร็จมาจูนอีกที น่าจะ 200 แรงครับ คืนนี้จะจูนใหม่ ได้ผลไงจะเอาคลิปมาฝากน่ะครับ