ตอบ
puyning1


เข้าร่วม: 14 ตุลา 2009
ตอบ: 177

มือใหม่หัดขับ
มือใหม่หัดขับ

ได้รับคำขอบคุณ: 339
ให้คำขอบคุณ: 99

ที่อยู่: อยุทยา
ปี: 2005
สี: เทา ซิลเวอร์สโตน (NH-630M)
เสาร์, 12 มิถุนา 2010 13:00 - คู่มือรักรถ เล็ก ๆ น้อยๆ ครับเพื่อมีประโยชน์
1. น้ำหล่อเย็น ควรตรวจเช็คระดับน้ำหล่อเย็นให้อยู่ในระดับ Full อยู่เสมอ โดยตรวจเช็คในขณะที่ดับเครื่อง และเครื่องเย็น ถ้าระดับน้ำลดลงเป็นปริมาณมากก็อาจจะมีปัญหาอย่างใดอย่างหนึ่งเกิดขึ้นได้ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณาหาสาเหตุ หรือนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คสาเหตุ (อย่าลืมเติมน้ำก่อนนำรถไป)

2. ระดับน้ำมันเครื่อง การตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่อง อุ่นเครื่องยนต์จนถึงอุณหภูมิทำงานแล้วดับเครื่องเช็คระดับน้ำมันเครื่องโดยใช้ก้านวัดระดับน้ำมันเครื่อง


•เพื่อให้การตรวจเช็คถูกต้อง รถควรอยู่ในแนวระดับเครื่องยังร้อน และทำการวัดหลังจากดับเครื่อง 2-3นาทีเพื่อให้น้ำมันเครื่องไหลกลับลงด้านล่างก่อน
•ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องออก เช็คน้ำมันเครื่องที่ติดกับก้านวัดด้วยผ้า
•เสียบก้านวัดน้ำมันเครื่องคืนกลับจุดเดิม
•ดึงก้านวัดออกมาอีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจสอบระดับน้ำมันเครื่องที่ปลายก้านวัด ถ้าระดับน้ำมัน เครื่องอยู่ระหว่าง " F " กับ " L " แสดงว่าระดับน้ำมันเครื่องปกติ




ข้อควรระวัง
- หลีกเลี่ยงการเติมน้ำมันเครื่องมากเกินไป เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์เสียหายได้
- ตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องที่ก้านวัดอีกครั้งหลังเติมน้ำมันเครื่องลงไป









3. ระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ ควรตรวจเช็คระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ ให้อยู่ในตำแหน่ง UPPER/LEVELและไม่ควรเติมเกินกว่าระดับ UPPER/LEVEL เพราะถ้าเติมมากเกินไป น้ำยาอิเลคโทรไลท์ซึ่งเป็นสารละลายกรดซัลฟูริค จะเจือจางทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลงนอกจากนี้ น้ำยาอิเลคโทรไลท์อาจจะกระเด็นออกทางรูระบายไอ และไปกัดกร่อนชิ้นส่วนต่างๆ ในห้องเครื่องยนต์ได้
ข้อควรระวัง
- ปิดฝาเติมน้ำกลั่นให้แน่น
- ขั้วแบตเตอรี่ที่ขั้วบวกและลบขันแน่น
- แบตเตอรี่ยึดแน่นกับฐานที่ตั้ง

4. ระดับน้ำมันเบรก ควรตรวจเช็คด้วยสายตา สังเกตดูที่กระปุกน้ำมันเบรกมีคำว่า MAX และ MINระดับน้ำมันเบรกควรอยู่ที่ระดับ MAX อยู่เสมอ สาเหตุที่เป็นไปได ้ที่มีผลทำให้ปริมาณน้ำมันเบรกในกระปุกน้ำมันเบรกลดลงต่ำลงมี 2 ข้อ คือ
- มีการรั่วของน้ำมันเบรกออกจากระบบเบรก
- การสึกหรอของผ้าเบรก ซึ่งระดับน้ำมันเบรกจะลดลงน้อยและช้ามาก ในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องเติมน้ำมันเบรกถ้าพบว่าระดับน้ำมันเบรกในกระปุกน้ำมันเบรกลดลงต่ำลงรวดเร็ว ควรนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คสาเหตุ

5. ระดับน้ำมันคลัทช์ ควรตรวจเช็คด้วยสายตา สังเกตดูที่กระปุกน้ำมันคลัทช์ จะมีคำว่า MAX กับ MIN ระดับน้ำมันคลัชท์ควรอยู่ที่ระดับ MAX เสมอ ถ้าพบว่าระดับน้ำมันคลัทช์ในกระปุกลดลงต่ำลง ควรนำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อตรวจเช็คหาสาเหตุ

6. ระดับน้ำมันเกียร์ AUTO ควรตรวจเช็คขณะที่เครื่องยนต์ติดอยู่ โดยการดึงก้านวัดน้ำมันเกียร์ AUTO ออกเช็คน้ำมันเกียร์ที่ติดก้านวัดด้วยผ้า แล้วเสียบก้านวัดน้ำมันเกียร์คืนกลับจุดเดิม ดึงก้านวัดออกมา อีกครั้งหนึ่ง เพื่อตรวจระดับน้ำมันเกียร์ที่ปลายก้านวัด ถ้าระดับน้ำมันเกียร์อยู่ที่ขีด F พอดี แสดงว่า ระดับน้ำมันเกียร์ปกติ

7. ตรวจเช็คระดับน้ำมัน POWER ควรตรวจเช็คขณะที่เครื่องยนต์ติดอยู่ โดยการหมุนฝาปิดกระปุก น้ำมัน POWER จะติดอยู่กับฝากระปุกน้ำมัน POWER ที่ก้านวัดจะมีคำว่า HOT และ COLD อยู่คนละด้านถ้าวัดตอนที่เครื่องยนต์ยังเย็นอยู่ให้ดูด้าน COLD ถ้าวัดตอนเครื่องร้อนให้ดูด้าน HOT ถ้าเป็นรุ่นใหม่ให้ดูที่กระปุกน้ำมัน POWERจะเป็นพลาสติกใส ที่กระปุกจะมีคำว่า HOT และ COLD อยู่คนละด้าน และมีขีดระดับ MAX กับ MIN อยู่ด้วยระดับน้ำมัน POWER ควรอยู่ระดับ MAX เสมอ ถ้าดูตอนเครื่องยนต์ เย็นให้ดูด้าน COLD และถ้าดูตอนเครื่องยนต์ร้อนให้ดูด้าน HOT

8. ตรวจเช็คสภาพของสายพาน โดยวิธีการมองดูที่สายพาน ถ้าพบรอยแตกเกิดขึ้นควรทำการเปลี่ยน แต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะใช้รถได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ก็ควรตรวจดูความตึงของสายพานด้วย โดยการใช้นิ้ว กดลงบนสายพานตรงกลางระหว่างมู่เล่สองข้างถ้าสามารถกดลงได้เล็กน้อย ประมาณ 10 มม.ก็น่าจะพอใช้
ได้ (ถ้าไม่แน่ใจควรให้ช่างตรวจสอบเพราะการตรวจด้วยวิธีดังกล่าว ผู้ตรวจต้องมีความชำนาญพอสมควร)

9. ตรวจเช็คสภาพภายในห้องเครื่อง โดยวิธีการมองดูรอบๆภายในห้องเครื่อง ให้สังเกตดูว่า มีอะไร ผิดปกติหรือไม่ เช่น ท่อยางหม้อน้ำมีคราบน้ำซึมหรือไม่ สายไฟภายในห้องเครื่องเรียบร้อยดีหรือไม่ มีหนูขึ้นมากัดหรือไม่ มีคราบน้ำมันเครื่องรั่วซึมหรือไม่ เป็นต้น

10. ตรวจเช็คระบบไฟส่องสว่าง และไฟสัญญาณต่างๆ เปิดไฟทั้งหมดดูว่าทำงานตามปกติหรือไม่ มีหลอดไหนไม่ติดหรือไม่ ถ้าพบว่ามีไฟหลอดไหนไม่ติดควรเปลี่ยนให้อยู่สภาพพร้อมใช้งาน หรือนำรถเข้าศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็ค

11. ตรวจเช็คที่ปัดน้ำฝน ยางปัดน้ำฝนเมื่อใช้ไประยะหนึ่ง ก็อาจมีการเสื่อมสภาพซึ่งเนื่องมาจากสาเหตุเหล่านี้
- ผิวสัมผัสส่วนปลายมีการสึกหรอ จากการทำงานปกติของใบปัด
- มีสิ่งสกปรก และหินทรายละเอียดอยู่ระหว่างยางใบปัดกับกระจกทำให้ยางปัดน้ำฝนสึกหรอ
- เมื่อใบปัดน้ำฝนผ่านการใช้งานนานๆ ยางใบปัดน้ำฝนจะแข็งตัว การยืดหยุ่นจะลดลงและความ บกพร่องในการปัดจะเกิดขึ้น เนื่องจากหน้าสัมผัสระหว่างยางใบปัดกับกระจกไม่ดี รวมทั้งอาจเกิดจากใบปัดน้ำฝนเกิดอาการสั่นเต้น หรืออาการอื่นๆถ้าพบอาการเหล่านี้ควรเปลี่ยนยางปัดน้ำฝนใหม่

12. ตรวจเช็คยาง ควรเช็คแรงดันลมยางอยู่เสมอๆ โดยใช้ความดันลมยางตามที่ผู้ผลิตกำหนด และควรเช็คขณะที่รถยังไม่ได้ใช้งาน( ยางยังไม่ร้อน ) ถ้าลมยางอ่อนผิดปกติควรนำไปตรวจสอบว่า มีตะปูตำหรือไม่ ดูสภาพยางด้วยตาดูที่ผิวยางมีรอยแตกเล็กๆ หรือไม่ ดูการสึกหรอของดอกยาง กล่าวคือ ดอกยางสึกมากไปหรือยัง หรือมีการสึกหรอผิดปกติ เช่น ลึกเฉพาะตรงกลางหน้ายาง (เติมลมมากเกินไป)สึกเฉพาะขอบยางทั้ง 2 ข้าง(ลมยางอ่อนเกินไป) หรือสึกด้านใดด้านหนึ่ง ฯลฯ ซึ่งกรณีเหล่านี้ควรปรึกษา ช่าง เพราะควรจะมีการตรวจเช็คช่วงล่าง และศูนย์ล้อ เอาเล็บมือกดดูที่เนื้อยางว่า นิ่ม หรือ แข็ง ถ้ายาง หมดสภาพ เนื้อยางจะกดไม่ลงจะแข็งมาก







การบำรุงรักษารถด้วยตนเองที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ควรทำบ่อยแค่ไหน ?
คำตอบ คือ ขึ้นอยู่กับรถของท่านว่า ใหม่หรือเก่า มีสภาพเป็นอย่างไร ถ้าเป็นรถใหม่ๆทำอาทิตย์ละครั้งก็มากพอแล้วแต่ถ้าเป็นรถเก่าสภาพไม่ดีนักก็อาจต้องทำทุกวันคำแนะนำ
ข้อควรระวังในการบำรุงรักษารถด้วยตัวของท่านเอง ถ้าท่านทำการบำรุงรักษารถด้วยตัวท่านเอง, ก่อนอื่นต้องแน่ใจว่า ได้ปฏิบัติตามข้อควรระวังที่ให้ไว้ในส่วนนี้อย่างถูกต้อง ไม่เช่นนั้นแล้วจะทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้
คำแนะนำในส่วนนี้ใช้เฉพาะในการบำรุงรักษารถ เฉพาะส่วนที่บำรุงรักษาง่าย ๆ การทำงานใด ๆเกี่ยวกับรถยนต์ของท่านควรจะใช้ความระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นตามคำแนะนำ หรือคำเตือนดังต่อไปนี้

คำเตือน :
- ขณะเครื่องยนต์กำลังทำงาน ระวังอย่าให้มือ , เสื้อผ้า และเครื่องมือต่างๆเข้าใกล้ใบพัด และสายพานขับเครื่องยนต์ ( ควรถอดแหวน , นาฬิกา และเนคไท ออกก่อนทำการตรวจซ่อม )
- หลังจากใช้รถให้ระวังอย่าสัมผัสกับเครื่องยนต์ , หม้อน้ำ และท่อไอเสีย เนื่องจากความร้อนของสิ่งเหล่านี้
- อย่าสูบบุหรี่ ใกล้น้ำมันเชื้อเพลิง เนื่องจากไอน้ำมันเชื้อเพลิงจะไวไฟมาก
- ให้ระมัดระวังอันตรายจากน้ำกรด และไอน้ำกรดจากแบตเตอรี่ เมื่อทำงานอยู่กับแบตเตอรี่
- อย่าเข้าใต้ท้องรถโดยมีเพียงแม่แรงรองรับเท่านั้น ควรใช้ขาตั้งรองรับเสียก่อน
- ใช้อุปกรณ์ป้องกันตาขณะทำงานในที่ที่อาจมีของตก มีการพ่นหรือละอองของเหลวกระเด็นออกมาไม่ว่าจะอยู่บนหรือใต้รถก็ตาม
- ควรระมัดระวังเมื่อมีการเติมน้ำมันเบรก เนื่องจากน้ำมันเบรกเป็นอันตรายต่อตาของท่านและทำลายสีรถได้ ถ้าน้ำมันเบรกกระเด็นเข้าตาหรือโดนสีรถให้รีบล้างด้วยน้ำสะอาดโดยทันที



ข้อควรระวัง :

- จำไว้ว่าสายจากแบตเตอรี่และสายไฟจุดระเบิด มีกระแสหรือแรงดันไฟสูงมากจะต้องระมัดระวังอย่าให้เกิดการลัดวงจร
- ก่อนปิดกระโปรงหน้า ตรวจสอบให้แน่ใจว่า ไม่ลืมเครื่อมืออุปกรณ์ต่างๆ ไว ้
- ถ้าท่านทำน้ำมันต่างๆ หากรดโดนชิ้นส่วนต่างๆ ให้รีบล้างออกโดยน้ำสะอาดเพื่อป้องกันชิ้นส่วน หรือสีเสียหาย
- อย่าเติมน้ำมันเกียร์อัตโนมัติมากเกิน มิฉะนั้นระบบเกียร์อาจเสียหายได้
- อย่าเติมน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์มากเกิน มิฉะนั้นระบบพวงมาลัยเพาเวอร์อาจจะเสียหายได้
ได้รับคำขอบคุณจาก: por  etabb  Surayut  pop_2008  P.TER.357  jatesada  amnuay  kinikuman  maxch  mobiletop  manzaza  es330  puyzaaaaa  Edan  Phetcharat  bank  yorkydog 
puyning1


เข้าร่วม: 14 ตุลา 2009
ตอบ: 177

มือใหม่หัดขับ
มือใหม่หัดขับ

ได้รับคำขอบคุณ: 339
ให้คำขอบคุณ: 99

ที่อยู่: อยุทยา
ปี: 2005
สี: เทา ซิลเวอร์สโตน (NH-630M)
เสาร์, 12 มิถุนา 2010 13:03 - คู่มือรักรถ เล็ก ๆ น้อยๆ ครับเพื่อมีประโยชน์
[img]http://www.phithan-toyota.com/th/articledetail.php?pageNum_rs_comment=0&totalRows_rs_comment=1&article_id=54[/img]
ได้รับคำขอบคุณจาก: por  Edan  bank 
puyning1


เข้าร่วม: 14 ตุลา 2009
ตอบ: 177

มือใหม่หัดขับ
มือใหม่หัดขับ

ได้รับคำขอบคุณ: 339
ให้คำขอบคุณ: 99

ที่อยู่: อยุทยา
ปี: 2005
สี: เทา ซิลเวอร์สโตน (NH-630M)
เสาร์, 12 มิถุนา 2010 13:04 - คู่มือรักรถ เล็ก ๆ น้อยๆ ครับเพื่อมีประโยชน์
เครื่องยนต์
ตรวจสอบระดับน้ำมันหล่อลื่น ทุกครั้งที่เข้าปั๊มเติมน้ำมันเชื้อเพลิง(แต่ควรดับเครื่องไม่น้อยกว่า3นาที) หรือสับดาห์ละครั้ง
เปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่น 3,000 - 5,000 กิโลเมตร (เดี๋ยวนี้ส่วนใหญ่จะได้ 10000 กิโลเมตร)
เปลี่ยนกรองน้ำมันหล่อลื่น ทุกครั้งที่เปลี่ยนน้ำมันหล่อลื่น (หรืออย่างน้อยครั้งเว้นครั้ง แต่ไม่ควรเกิน10000กม.)
เปลี่ยนสายพานราวลิ้น 80,000-100000 กิโลเมตร (2 ปี)
ตรวจสอบสายพาน และปรับความตึง 5,000 กิโลเมตร (3 เดือน)
ตรวจสอบระยะช่องว่างของวาล์ว 20,000 กิโลเมตร (1 ปี)
แบตเตอรี่
ตรวจสอบระดับของเหลวในแบตเตอรี่ ทุกสัปดาห์
ทำความสะอาดขั้วแบตเตอรี่ 1,500 กิโลเมตร (1 เดือน)
ระบบหล่อเย็น
ตรวจสอบระดับน้ำหล่อเย็น ทุกสัปดาห์
ตรวจสอบสภาพท่อน้ำหล่อเย็น 1,500 กิโลเมตร (1 เดือน)
ตรวจสอบฝาหม้อน้ำ 1,500 กิโลเมตร (1 เดือน)
เปลี่ยนน้ำหล่อเย็น 20,000 กิโลเมตร (1 ปี)
ล้างหม้อน้ำ 20,000 กิโลเมตร (1 ปี)
ระบบเชื้อเพลิง
ทำความสะอาดกรองอากาศ 5,000 กิโลเมตร (3 เดือน)
เปลี่ยนกรองอากาศ 20,000 กิโลเมตร (1 ปี)
เปลี่ยนกรองน้ำมันเชื้อเพลิง 40,000 กิโลเมตร (2 ปี)
เครื่องปรับอากาศ
ทำความสะอาดคอยล์ร้อน 5,000 กิโลมตร (3 เดือน)
ตรวจสอบรอยรั่วที่ข้อต่อ 5,000 กิโลมตร (3 เดือน)
ตรวจสอบปริมาณน้ำยาทำความเย็น 5,000 กิโลมตร (3 เดือน)
ตรวจสอบ และปรับสายพานแอร์ 1,500 กิโลเมตร (1 เดือน)
เปลี่ยนสายพานแอร์ 40,000 กิโลเมตร (2 ปี)
เปิดเครื่องปรับอากาศ ให้ทำงาน 3-4 นาที สัปดาห์ละครั้ง
ระบบถ่ายทอดกำลัง
เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ 30,000 กิโลเมตร (1 1/2 ปี)
เปลี่ยนน้ำมันเฟืองท้าย 20,000 กิโลเมตร (2 ปี)
อัดจาระบี ลูกปืน เพลากลาง 5,000 กิโลเมตร (3 เดือน)
เปลี่ยนจาระบีลูกปืนล้อ 20,000 กิโลเมตร (1 ปี)
ตรวจสอบ ระยะฟรีของแป้นคลัตช์ 10,000 กิโลเมตร (6 เดือน)
ตรวจสอบน้ำมันคลัตช์ (ถ้าเป็นระบบไฮดรอลิก) 5,000 กิโลเมตร (3 เดือน)
ตรวจสอบระดับ น้ำมันเกียร์อัตโนมัติ 10,000 กิโลเมตร (6 เดือน)
เปลี่ยนน้ำมันเกียร์อัตโนมัติ 40,000 กิโลเมตร (2 ปี)
ระบบเบรค
ตรวจสอบระดับน้ำมันเบรค 1,500 กิโลเมตร (1 เดือน)
ตรวจสอบสภาพเบรค 10,000 กิโลเมตร (6 เดือน)
ปรับเบรคมือ ตามความจำเป็น
ระบบบังคับเลี้ยวเพาเวอร์
ตรวจสอบระดับน้ำมันในปั้ม 5,000 กิโลเมตร (3 เดือน)
ตรวจสอบความตึงของสายพานขับปั้ม 1,500 กิโลเมตร (1 เดือน)
เปลี่ยนสายพานขับปั้ม 40,000 กิโลเมตร (2 ปี)
ยาง
ตรวจสภาพการสึกของยาง 1,500 กิโลเมตร (1 เดือน)
สับเปลี่ยนตำแหน่งของยาง 10,000 กิโลเมตร (6 เดือน)
ตรวจสอบความดันลมในยาง 2 สัปดาห์
ตรวจความลึกของดอกยาง 10,000 กิโลเมตร (6 เดือน)
ทำความสะอาดยาง ตามความจำเป็น
อุปกรณ์ปัดน้ำฝน และอื่นๆ
ตรวจสอบใบปัดน้ำฝน 5,000 กิโลเมตร (3 เดือน)
เปลี่ยนใบปัดน้ำฝน 40,000 กิโลเมตร (2 ปี)
ตรวจสอบการทำงานของหัวฉีด 5,000 กิโลเมตร (3 เดือน)
หล่อลื่นข้อต่อต่างๆ 10,000 กิโลเมตร (6 เดือน)

ปล.modทั้งหลาย ถ้าเห็นว่าดีมีประโยชน์ก็เอาไปติดหมุดไว้หน่อยก็ดีนะ
ได้รับคำขอบคุณจาก: por  etabb  amnuay  maxch  mobiletop  manzaza  puyzaaaaa  Edan  Phetcharat  bank  yorkydog 
puyning1


เข้าร่วม: 14 ตุลา 2009
ตอบ: 177

มือใหม่หัดขับ
มือใหม่หัดขับ

ได้รับคำขอบคุณ: 339
ให้คำขอบคุณ: 99

ที่อยู่: อยุทยา
ปี: 2005
สี: เทา ซิลเวอร์สโตน (NH-630M)
เสาร์, 12 มิถุนา 2010 13:06 - คู่มือรักรถ เล็ก ๆ น้อยๆ ครับเพื่อมีประโยชน์



การบำรุงรักษารถยนต์ตามระยะทางถือเป็นเรื่องจำเป็น โดยทางผู้ผลิตรถยนต์ได้กำหนดไว้ 2 ลักษณะด้วยกัน คือ

1. ระยะเวลา (นับตั้งแต่วันที่ออกรถ)
2. ระยะทาง (ที่วิ่งใช้งานไปแล้ว)

หากมีการใช้รถน้อย ก็ให้คำนวณจากระยะเวลา แต่ถ้าใช้รถยนต์เป็นปกติถึงมาก ก็ให้คิดจากระยะทางปัจจุบัน (บนมาตรวัด) หรือ แล้วแต่ระยะใดถึงก่อนก็ได้ครับ การนำรถเข้าตรวจเช็คตามระยะทางที่กำหนด จะเกิดประโยชน์อย่างมากแก่ผู้ใช้รถ


ชิ้นส่วนต่างๆย่อมมีการซ่อม, เปลี่ยน หรือ บำรุงรักษาตามกำหนด ก็จะส่งผลให้มีการใช้งานได้ยาวนาน ซึ่งช่วยประหยัดในด้านต่างๆเป็นอย่างดี และไม่เป็นที่จะต้องซ่อมบ่อย เพื่อรถยนต์ของท่านพร้อมใช้งานอยู่ตลอดเวลา รวมถึงสมรรถนะสูงสุดด้วย ดังนั้น ควรนำรถยนต์ของท่านเข้าเช็คระยะที่ศูนย์บริการตามที่กำหนด แล้วท่านเจ้าของรถจะพบสิ่งที่ดีๆ ดังนี้

1. ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
เพราะ การบำรุงรักษารถยนต์อยู่เสมอ หรือ เครื่องยนต์อยู่เสมอ ทำให้ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ที่เกี่ยวข้องกับระบบเชื้อเพลิง หรือ อัตราการสิ้นเปลืองนั้นมีประสิทธิภาพการทำงานที่สมบูรณ์ ไม่ว่าจะเป็นของระบบเชื้อเพลิงเอง หรือ ตัวเครื่องยนต์ก็แล้วแต่ การที่จะสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงน้อยหรือมากนั้น ขึ้นอยู่กับส่วนประกอบหลายอย่าง ส่วนประกอบบางอย่างจำเป็นต้องเปลี่ยนทุกๆระยะ หากมีการตรวจพบก็ควรรีบทำการเปลี่ยน หรือ มีการทำงานที่ผิดปกติจากชิ้นส่วนนี้ก็ต้องเปลี่ยนเช่นกัน ถ้าสิ่งนั้นเกี่ยวข้องกับการสิ้นเปลืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้น อย่างน้อยที่สุดหลังจากที่ได้ตรวจเช็ค 1,000 กิโลเมตรแรกไปแล้ว ควรนำรถเข้าตรวจเช็คทุก 10,000 กิโลเมตร ครับ

รายการต่างๆที่กระทำทุกระยะทางนั้น จะเกิดผลดีอย่างมากต่อเจ้าของรถยนต์และตัวรถยนต์ด้วย ดังนั้นเพื่อความเข้าใจมากขึ้น ขอเสนอตัวอย่างบางรายการในรูปแบบของตาราง ดังนี้



ขอกล่าวถึงเรื่องประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งเป็นแค่จุดที่หลายคนมองข้ามกันไป นั่นก็คือ เปลี่ยนน้ำมันเครื่องช่วยประหยัดเชื้อเพลิงได้ครับ ท่านสามารถเปิดดูรายละเอียดใน Web site ของเราที่หัวข้อ “เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ประหยัดเชื้อเพลิงได้” การเปลี่ยนถ่ายนำมันเครื่องจะต้องมีการเปลี่ยนถ่ายทุกๆระยะอยู่แล้ว ดังนั้น ท่านสามารถนำตรงส่วนนี้เป็นเกณฑ์ในการนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการได้อีก ทางหนึ่งครับ

2. ยืดอายุการใช้งานของรถยนต์
เพราะ คำว่ายืดอายุการใช้งานของรถยนต์ มิใช่คำว่า ยืดอายุการใช้งานของชิ้นส่วนนะครับ หมายถึง รถยนต์ทั้งคัน นั่นก็หมายความว่า สัมพันธ์กันทุกชิ้นส่วนนั่นเอง หากไม่มีการบำรุงรักษาตามระยะทางที่กำหนด ชิ้นส่วนบางชิ้นส่วนเป็นสาเหตุที่ให้ท่านไม่สามารถใช้รถยนต์ได้ถึงแม้จะเป็น แค่จุดเล็กน้อยก็ตาม ตราบใดมีการบำรุงรักษาและเปลี่ยนชิ้นส่วนตามระยะเวลาที่กำหนด จะเป็นผลให้ประสิทธิภาพของการทำงานจากชิ้นส่วนเหล่านั้นทำงานได้อย่าง สมบูรณ์เหมือนเดิม เมื่อทุกชิ้นส่วนไม่มีปัญหา ย่อมส่งผลให้ตัว “รถยนต์” คงทนยิ่งขึ้นพร้อมกับใช้งานได้ยาวนานขึ้นครับ ดังนั้น เห็นสมควรว่าน่าจะนำรถเข้าเช็คยังศูนย์บริการทุกระยะทางที่กำหนดครับ

3. ขับขี่ได้อย่างสบายใจไร้กังวล
เพราะ ตัดปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้นขณะใช้รถยนต์ออกไปได้เลย เจ้าของรถทุกท่านต่างก็มีไว้เพื่อพร้อมใช้งานตลอดเวลา หากมีเหตุการณ์รีบด่วนที่จะต้องใช้รถยนต์ (ขอให้คำนึงถึงกันมากๆครับ) แล้วใช้งานไม่ได้ จะทำอย่างไร? รถยนต์แต่ละคันมีชิ้นส่วนมากมายและหลายระบบมันเป็นการยากที่เจ้าของรถหรือ ผู้ดูแลรถจะเข้าใจถึงสิ่งต่างๆได้ ยิ่งปัจจุบันใช้เทคโนโลยีที่สูงมากที่บรรจุอยู่ในรถยนต์ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องอาศัยเครื่องมือพิเศษบวกกับผู้ชำนาญงานถึงจะเข้าใจ ถึงระบบเหล่านั้น ดังนั้น ควรนำรถเข้าตรวจเช็คตามระยะเวลาที่กำหนด หากมีสิ่งใดที่ขัดข้องหรือชำรุด จะได้ทำการแก้ไขทันเวลา ซึ่งหากเจ้าหน้าที่ตรวจพบสิ่งใดผิดปกติ ก็จะแจ้งให้เจ้าของรถยนต์ทราบ ส่วนการที่จะลงมือซ่อมหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับเจ้าของรถครับ ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถกระทำโดยพละการได้ครับ

4. ปลอดภัย
เพราะ ความสมบูรณ์ของรถยนต์ นำมาซึ่งความปลอดภัยในการใช้รถยนต์นั่นเองครับ ระบบต่างๆที่มีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นระบบเบรก (คงไม่มีใครขับรถยนต์โดยไม่ได้ใช้เบรกนะครับ) เป็นส่วนที่สำคัญมากระบบหนึ่ง หากไม่มีการบำรุงรักษาตามกำหนด อาจนำมาซึ่งอุบัติเหตุได้ ยกตัวอย่าง เช่น มีการตรวจพบว่า ผ้าเบรกใกล้หมด แล้วยังไม่ทำการเปลี่ยนใหม่ สังเกตไหมครับว่า 1. เบรกไม่ค่อยอยู่ 2. แรงที่ใช้ในการเบรกมากขึ้น, 3. ระยะทางที่ใช้ในการเบรกมากขึ้น จุดนี้เอง หากมีการเบรกกะทันหัน โอกาสเกิดอุบัติเหตุมีอย่างแน่นอน ขอยกตัวอย่างอีกกรณีหนึ่ง คือ หลังจากมีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่พบว่า ยางล้อรถยนต์เสื่อมสภาพหรือถึงอายุกำหนดเปลี่ยนใหม่ แต่ท่านไม่เปลี่ยน หากมีการระเบิดของยางย่อมเสียการทรงตัว โอกาสเกิดอุบัติเหตุก็มีอีกเช่นกัน ขอให้ผู้อ่านคำนึงถึงความปลอดภัยด้วยครับ วิธีที่ขอแนะนำ เพียงแต่เจ้าของรถยนต์นำรถเข้าตรวจเช็คตามระยะทางที่กำหนดเท่านั้นแล้ว ท่านจะพบกับสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ของท่าน ว่าสิ่งไหนควรรีบทำ อันไหนใกล้เสื่อมสภาพอะไรทำนองนี้ ดังนั้น นำรถเข้าตรวจเช็คยังศูนย์บริการตามระยะทางที่กำหนดเป็นดีที่สุดครับ

5. ไว้วางใจได้
เพราะ ในการตัดสินใจซื้อรถยนต์สักคันหนึ่ง แน่นอนจะต้องถูกใจผู้ใช้รถ เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว รถยนต์แต่ละคันมีขั้นตอนการผลิตอย่างเข้มงวด หลังจากมีการจำหน่ายแล้วการบริการหลังการขายถือเป็นเรื่องสำคัญ เจ้าของรถควรนำรถเข้าตรวจเช็คตามกำหนดครับ การบริการจะต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศหรือทั่วโลก ขั้นตอนการดำเนินการของศูนย์บริการมีการทำงานอย่างเป็นระบบ มีแบบแผน อะไหล่ภายในศูนย์บริการก็เป็นของแท้ทุกชิ้น รับรองโดย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์เปอร์เรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และของประเทศไทย เรื่องที่จะมีของเทียมหรือของปลอมหมดสิทธิ์ครับ ความสามารถในการแก้ไขปัญหารถยนต์ก็ตรงจุด ทำให้ผู้ขับขี่หรือเจ้าของรถใช้รถยนต์ได้อย่างสบายใจ ในเรื่อง ค่าแรง ค่าอะไหล่ ก็เป็นมาตรฐานเดียวกันครับ การรับประกันสามารถเข้าตรวจเช็คหรือเตลมได้ทั่วประเทศ ตามข้อกำหนดโดยมีมาตรฐานเดียวกันครับ หากมีการขัดข้องเกิดขึ้นกับรถยนต์ของท่านให้นำรถเข้าศูนย์บริการ แต่อย่าลืมนำบัตร Smart Card ไปด้วยเท่านั้นครับ ดังนั้น ควรนำรถเข้าตรวจเช็คตามระยะทางที่ศูนย์บริการกำหนดเป็นดีที่สุดครับ

6. ได้รับประกันตามเงื่อนไข
เพราะ การนำรถเข้าตรวจเช็คยังศูนย์บริการตามกำหนดทุกระยะนั้น ท่านเจ้าของรถจะได้รับประโยชน์จากงานรับประกันอย่างเต็มที่ ถึงแม้ ศูนย์บริการนั้น มิได้เข้าตรวจเช็คหรือบริการเป็นประจำก็ตาม ทางบริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด สามารถทำการตรวจสอบได้ทั้งหมดครับ การรับประกันจะครอบคลุมรถยนต์ที่ออกจากโรงงาน และอุปกรณ์ตกแต่งที่ติดตั้งเพิ่มเติมจากตัวแทนจำหน่ายอีกด้วย ข้อมูลของการรับประกัน ผู้อ่านศึกษาได้จากคู่มือที่มาพร้อมกับตัวรถยนต์ครับ ด้านคูปองฟรีค่าแรงในการเช็คระยะทาง 1,000 , 10,000 , 20,000 , 30,000 , 40,000 และ 50,000 กิโลเมตร นั้น ข้อมูลอยู่ในบัตร Smart Card ครับ ดังนั้น เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุด ให้นำรถเข้าตรวจเช็คตามระยะที่กำหนดได้ที่ศูนย์บริการครับ

7. ถูกต้องตามกฎหมาย
เพราะ การผลิตรถยนต์จำเป็นอย่างยิ่งจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศนั้นๆ ประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน รถยนต์แต่ละคันมีข้อกำหนดมากมาย เช่น การปล่อยมลพิษ, ระดับเสียงดัง, ความสูงของรถ , ระดับไฟหน้า เป็นต้น ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใด รถยนต์ที่ออกมาจากโรงงานถือว่าเป็นมาตรฐานและถูกต้องตามกฎหมายครับ การดำเนินการของศูนย์บริการไม่ว่าจะเป็นเรื่องใดก็จะมีมาตรฐาน ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายกำหนดเช่นเดียวกันครับ หากทุกคนเคารพในกฎหมาย สังคมจะมีความสุข ดังนั้น ควรนำรถเข้าตรวจเช็คที่ศูนย์บริการตามระยะที่กำหนดครับ

ท้ายนี้ การนำรถเข้าตรวจเช็คตามระยะที่กำหนด ทางผู้ผลิตได้คำนวณมาเป็นอย่างดีแล้ว เพื่อให้รถยนต์ของท่านมีประสิทธิภาพที่ดีตลอดเวลา การใช้งานยาวนานคุ้มค่ากับเงินที่ต้องจ่ายไป ซึ่งปัจจุบันราคาน้ำมันเชื้อเพลิงมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้น อะไรก็แล้วแต่ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ ที่ทำให้ประหยัดได้ ควรจะดำเนินการตามนั้น แล้วทุกๆท่านจะใช้รถยนต์ได้อย่างคุ้มค่าสูงสุดครับ
ได้รับคำขอบคุณจาก: por  P.TER.357  maxch  mobiletop  manzaza  Edan  Phetcharat  bank  yorkydog 
por


เข้าร่วม: 01 เมษา 2009
ตอบ: 760

Guru ES
Guru ES

ได้รับคำขอบคุณ: 977
ให้คำขอบคุณ: 913

ที่อยู่: ดอนเมือง
ปี: 2002
สี: เทา ซิกเน็ต (เมทัลลิก) (RP-31M)
อาทิตย์, 13 มิถุนา 2010 09:44 - คู่มือรักรถ เล็ก ๆ น้อยๆ ครับเพื่อมีประโยชน์
เก็บความรู้ครับ . . .
ได้รับคำขอบคุณจาก: bank 
vee_ACC-ES-S


ชื่อเล่น: วี

เข้าร่วม: 02 ตุลา 2008
ตอบ: 558

แซงซ้าย ปาดขวา
แซงซ้าย ปาดขวา

ได้รับคำขอบคุณ: 814
ให้คำขอบคุณ: 235

ที่อยู่: ปากน้ำ
อาทิตย์, 13 มิถุนา 2010 10:08 - คู่มือรักรถ เล็ก ๆ น้อยๆ ครับเพื่อมีประโยชน์
มีประโยชน์ ขอบคุณครับ
ได้รับคำขอบคุณจาก: bank 
etabb


ชื่อเล่น: อีตาบีบี

เข้าร่วม: 02 เมษา 2010
ตอบ: 797

Guru ES
Guru ES

ได้รับคำขอบคุณ: 2637
ให้คำขอบคุณ: 1611

ที่อยู่: ลาดพร้าว
ปี: 2003
สี: ทอง แซทเทิลไลท์ (NH-663M)
อาทิตย์, 13 มิถุนา 2010 11:27 - คู่มือรักรถ เล็ก ๆ น้อยๆ ครับเพื่อมีประโยชน์
ได้ความรู้เยอะมากครับ
ได้รับคำขอบคุณจาก: bank 
dear9


ชื่อเล่น: แจ็ค

เข้าร่วม: 29 พฤษภาคม 2010
ตอบ: 278

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 221
ให้คำขอบคุณ: 265

ที่อยู่: เกษตร
ปี: 2001
สี: ทอง ไทเทเนียม (เมทัลลิก) (YR-525M)
จันทร์, 14 มิถุนา 2010 08:07 - คู่มือรักรถ เล็ก ๆ น้อยๆ ครับเพื่อมีประโยชน์
ขอบคุณมากครับ ได้ความรู้เพิ่มขึ้น
ได้รับคำขอบคุณจาก: bank 
summary


เข้าร่วม: 21 พฤศจิกา 2009
ตอบ: 327

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 165
ให้คำขอบคุณ: 22

ปี: 2004
สี: ทอง ไทเทเนียม (เมทัลลิก) (YR-525M)
พุธ, 23 มีนา 2011 23:31 - คู่มือรักรถ เล็ก ๆ น้อยๆ ครับเพื่อมีประโยชน์
ขอบคุณครับ
ได้รับคำขอบคุณจาก: bank 
maxch


เข้าร่วม: 13 สิงหา 2009
ตอบ: 2190

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 1513
ให้คำขอบคุณ: 2530

ที่อยู่: อยุธยา-สระบุรี
ปี: 2003
พฤหัส, 24 มีนา 2011 00:42 - คู่มือรักรถ เล็ก ๆ น้อยๆ ครับเพื่อมีประโยชน์
ได้รับคำขอบคุณจาก: bank 
puyzaaaaa


ชื่อเล่น: ปุ่ย

เข้าร่วม: 10 เมษา 2011
ตอบ: 3008

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 3014
ให้คำขอบคุณ: 3113

ที่อยู่: พิษณุโลก
ปี: 2004
จันทร์, 6 กุมภา 2012 12:57 - คู่มือรักรถ เล็ก ๆ น้อยๆ ครับเพื่อมีประโยชน์
ขอ อณุญาติ อัพครับ ความรู้ ดีๆ
ได้รับคำขอบคุณจาก: bank 
civic3025


ชื่อเล่น: เบิร์ด

เข้าร่วม: 03 พฤศจิกา 2010
ตอบ: 1266

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 1399
ให้คำขอบคุณ: 480

ที่อยู่: ชลบุรี.นครศรีธรรมราช
ปี: 2001
สี: ทอง ไทเทเนียม (เมทัลลิก) (YR-525M)
จันทร์, 6 กุมภา 2012 13:28 - คู่มือรักรถ เล็ก ๆ น้อยๆ ครับเพื่อมีประโยชน์
.....
ได้รับคำขอบคุณจาก: bank 
benzd


ชื่อเล่น: เบนซ์

เข้าร่วม: 11 มกรา 2009
ตอบ: 3402

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 3986
ให้คำขอบคุณ: 3164

ที่อยู่: เกตุม-มหาชัย-สมุทรสาคร
ปี: 2005
สี: ทอง แซทเทิลไลท์ (NH-663M)
พุธ, 30 พฤษภาคม 2012 21:24 - คู่มือรักรถ เล็ก ๆ น้อยๆ ครับเพื่อมีประโยชน์
2. ระดับน้ำมันเครื่อง บางคนบอกต้องดับเครื่องนานๆค่อยวัดดู บางคนก็บอกต้องอุ่นเครื่องยนต์จนถึงอุณหภูมิทำงานแล้วดับเครื่องแล้ววัด
งงแท้

และถ้าระดับมันต่ำกว่าปรกติเติมเองได้เลยใช่ไหมครับ
ตอบ
หน้า 1 จาก 1
ไปที่: 
ติดต่อโฆษณา admin@civicesgroup.com
Copyright © 2008-2025 Civic ES Group. All rights reserved.