หัวข้อนี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไข หรือตอบได้
ES21_fatboy


เข้าร่วม: 01 ตุลา 2008
ตอบ: 1563

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 11901
ให้คำขอบคุณ: 4229

ที่อยู่: วงแหวนอุตสาหกรรม
ปี: 2004
สี: น้ำเงิน วิวิด (มุก) (B-502P)
ศุกร์, 26 กุมภา 2010 00:24 - + รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
Review :: คิ้วขอบกระจกดำ by คุณวิณ Yakumo

เรื่องมีอยู่ว่า CIVIC ES หรือ Dimension ที่เรารู้จักกันดีนั้น ปกติ แล้วคิ้วของกระจก และขอบประตู จะเป็นโครเมียม ซึ่งในตัว RS ของที่ Japan เค้าเป็น สีดำ โดยเมื่อดูแล้ว คิดว่าเป็นขอบสีดำ ดุด ดุ กว่าเยอะเลย ก็เห็นเหตุให้ต้องพยายามหาของอยู่ พักใหญ่ แต่ก็โชคดีที่ได้ครับช่วยเหลือ ของพี่ท่านหนึ่งซึ่งมีของอยู่แล้ว แต่คิดว่ายังไม่รีบจะใช้เลย ให้ผมได้เป็นคนเอามาลงใส่ในรถก่อน ต้องบอกก่อนนะครับว่าของชุดนี้ ได้มาด้วยโชคช่วยจริงๆ แล้วอีกอย่างก็บางส่วนที่อาจจะไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่ แต่เดี่ยวค่อยๆ ปรับแต่งๆ ไปก็เนียนเองแหละครับ

ปกติแล้ว ส่วนใหญ่หาของไม่ได้ ก็จะใช้สติกเกอร์สีดำ ตัดและ แปะ เอา ก็เนียนใช้ได้เลยนะครับ แต่ว่าจะมีปัญหา เมื่อล้างรถ ล่ะครับ เพราะว่ากาวมันจะหลุดแล้วสุดท้ายที่ติดไว้ก็หลุดออกมาจนได้ แล้วก็เป็นอันต้องมาซ่อมใหม่อยู่ บ่อยครั้ง ผมเองก็เคยติดสติกเกอร์อยู่เหมือนกันแต่สุดท้ายก็ เอาออกล่ะครับ

มาพูดถึงราคากันสักหน่อย ราคา เท่าที่เห็นขายๆ อยู่ก็น่าจะอยู่สัก ประมาณ 4500 ไม่น่าจะเกินกว่านี้ ถ้าไม่สลับของ แต่ถ้าสลับของก็ อาจจะถูกกว่านี้หน่อยหนึ่ง

ในส่วนของการถอดประกอบ นั้น บอกได้เลยครับมันยากพอควร ที่จะต้องถอดออกมาโดยที่ไม่ทำให้ กิ๊ปเสียหาย (แตก) ต้องค่อยๆ ทำอะไรครับ ตอนทำก็ยังแตกกันตั้งหลายตัว แต่วิธีแก้ไขปัญหาก็มีครับ ก็คือ หากิ๊ปใหม่มาเปลี่ยน แต่มันเปลี่ยนไมได้ทุกตัว อีกวิธีหนึ่งที่ใช้ได้แน่นอนก็คือใช้ silicon ครับ ก็ช่วยได้และแน่นดีนะครับ เดี่ยวไปดู รายละเอียดกันในรูปก็แล้วกันนะครับ

ในส่วนของตัวชิ้นงานนั้น จริงๆ แล้วขอบดำนั้น ก็เป็นยางผสมครับติดอยู่บนโคมเมียมแบบของบ้านเราเนี้ยแหละครับ แต่มันดีตรงที่ว่ามันเนียนกว่าสติกเกอร์เยอะครับ

ในส่วนของ รถบ้านเราเดิมๆ ก็จะมีคิวแบบนี้แหละครับ ผมได้รถนายแบบมาจากแถว ร้านโช๊คอัพ ย่านอุดมสุข เห็นจอดทิ้งไว้ เจ้าของไม่ค่อยสนใจ ขอบไปขับรถตู้ซะมากกว่าเลย ไปขอถ่ายรูปมาลงให้ดูกันสักหน่อย

รถนายแบบขอบคิ้วแบบเดิมๆ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ส่วนนี้คือรถที่ติดขอบคิ้วดำแล้ว

เดี่ยวผมเทียบเป็นจุดต่อจุดให้ดูสังเกตกันดีกว่านะครับ

ส่วนแรกนี้คือตรงมุมประตูหน้า ตรงส่วนด้านหน้ากระจกมองข้าง
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ส่วนนี้ก็ตรงระหว่างประตูหน้ากับประตูหลัง
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ส่วนนี้ก็ต้องประตูหลังครับ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ส่วนนี้ก็มองจากมุมประตูหน้าไป
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

คราวนี้มาลองดูจดที่มีปัญหากันดีกว่าครับ ปกติ ถ้าติดสติดเกอร ตรงจุดนี้แหละครับ ที่หลุดบ่อยมากๆ แต่ในรูปเป็นขอบดำ นะครับ ไม่หลุดๆ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

เที่ยบให้ดูกันคราวๆ แล้ว ผมว่ามาดู ตอนถอดกันก่อนดีกว่านะครับ มันไม่ง่ายเท่าไหร่ ผมเองก็โชคดีที่ได้เพื่อน และ น้องๆ มาช่วยกันทำด้วย เหมือน mini workshop เลยงานนี้

ถอดอันนี้ออกก่อนก็ถอดส่วนอื่นง่ายดี
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ตามด้วยของประตู้หน้า
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ไอ้ตรงนี้แหละครับกิ๊ป ที่ขอบแตกเหลือเกิน
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

พอถอดออกไปได้ก็ทำความสะอาดสักหน่อย
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

มาเริมถอดขอบด้านประตูหลังกันดีกว่า
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ตอนงั้นเดี่ยว หาอะไรรองไว้หน่อยนะครับไม่งั้นเดี่ยว เป็นรอยหมดกันพอดี
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ตามมาด้วยเอาคิ้วขอบประตูออก เรื่องมือก็ง่ายๆ ไขควง Check ไฟ ปากแบน
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ออกไปแล้วคิ้ว ขอบประตู ที่เห็นเป็นรูๆ นั้นคือจุดที่ ใช้ยึกปุ๊ก นะครับ มี 12 ตำแหน่งต่อข้าง
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

เมื่อติดตั้งเสร็จก็ได้แบบนี้แหละครับ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

รูปนี้ลองดูเทียบกันกับรูปสุดท้ายนะ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

สรุป ไม่ได้ทำอะไรให้ดีขึ้นในเรื่องประสิทธิภาพเลย แต่ช่วยทำให้สวย ตอบกิเลสได้เท่านั้นล่ะครับ

สำหรับงานนี้ของ เครดิตให้ พี่ใหม่ เต้ เมย์ และเป้


แก้ไขล่าสุดโดย เมื่อ พฤหัส, 18 มีนา 2010 01:18, ทั้งหมด 1 ครั้ง (ดูทั้งหมด)
ได้รับคำขอบคุณจาก: FRANG_BCP  Jeab22  Bonjiro  RG.KiD  battery3k  liverpool_art  oatzakub  tor-es  Juris  kobon  kittidech  adisak  ectoderm_  Phetcharat 
ES21_fatboy


เข้าร่วม: 01 ตุลา 2008
ตอบ: 1563

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 11901
ให้คำขอบคุณ: 4229

ที่อยู่: วงแหวนอุตสาหกรรม
ปี: 2004
สี: น้ำเงิน วิวิด (มุก) (B-502P)
ศุกร์, 26 กุมภา 2010 00:28 - + รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
Review :: Tein Super Street by คุณวิณ Yakumo

งั้นประเดิมห้องใหม่เลย แล้วกันนะครับ

สำหรับกระทู้ REVIEW ชุดนี้ ผมบอกก่อนนะครับ ต้องหา Net แรงๆ หน่อย เพราะว่าภาพประกอบเยอะมาก ประมาณ 76 ภาพได้ ประมาณ 5.6 MB ได้มั้งครับ อันนี้ผมพยายามลดขนาดแล้วนะครับ แต่เพื่อให้ได้คุณภาพที่ดีพอสมควรก็ได้ประมาณนี้ แหละครับ สำหรับชุดนี้ ผมจะดึงเข้าประเด็น ในเรื่องของการเปลี่ยนชุดโช๊คอัพจาก Stock หรือว่าที่เราของเรียกกันว่า Standard ไปเป็นพวกโชค แต่ง หรือ High Performance ซึ่งในรายละเอียดเนี้ยผมเจอทุกจุดของขึ้นตอนการทำงานทั้งแต่ถอดประกอบไปจนถึงปรับแต่งเลยนะครับ

หลายๆ ท่านคงทราบแล้วว่า Tein คืออะไร แต่อีกหลายๆ ท่านอาจจะยังไม่ทราบว่า Tein คืออะไร ก็มาเล่าให้ฟังเป็นของเรียกน้ำย่อยกันหน่อยนะครับ สำหรับ Tein แล้วเป็นบริษัทที่ออกแบบระบบ suspension หรือ ระบบกันสะเทือนสำหรับรถ ซึ่งเริ่มมาจากสองชายหนุ่มญี่ปุ่น 2 คนที่ขับรถได้ บ้าระห่ำมาก แล้วก็พยายามออกแบบระบบกันสะเทือนเพื่อตอบสนอง Style ของการขับรถในแบบของตัวเองขึ้นมา นั้นเป็นจุดเริ่ม ต้นย่อๆ ครับ แต่คำว่า Tein ล่ะ มากจากไหน จริงๆ แล้ว มาจากสองคำ คือ TECHNICAL และ INVOVATION ซึ่ง ก็น้ำตัวอักษร 2 ตัวหน้าของแต่ละคำ มารวมกันเป็น Tein นั้นเองครับ ซึ่งในส่วนของ VISION นั้นก็คือ สร้างสรรค์ สุดยอด Product ด้วยสุดยอดเทคโนโลยี ซึ่งในปัจจุบันนั้น ได้มีการขายไปทั่วโลก โดยจะผลิตจาก Japan ทั้งหมด และจะปรับแต่งและออกแบบเพื่อสร้างสรรค์ให้เหมือนสมกับสภาพการใช้งานในแต่ละประเทศ ด้วยเพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสุงสุด

ดังนั้นในปัจจุบันจึงได้มี Thai Spec ออกมา โดย ATP เป็นคนที่ประสานงานกับทาง Tein ที่ Japan เพื่อสร้างและออกแบบ รุ่น Super Street ออกมาสำหรับ CIVIC ES และตอนนี้ก็มีออกมาอีกหลายตัวเพื่อใช้กับรถ หลายๆ ยี่ห้อแต่เป็น Thai Spec เช่นกัน (สุดยอดครับ) จริงๆ ผมก็อิจฉานะ เพราะว่าผมยังไม่มีตังค์ หามาใส่เลย

เล่ามาสักพัก ก็คงพอ จะทราบแล้วนะครับว่า Tein คืออะไร และทำไม มันถึงได้สุดยอด และที่สำคัญคือมัน ซ่อมได้เนี้ยแหละครับ ถึงทำให้ ตลาดในบ้านเรานั้นถึงได้ เป็นตลาดที่ Tein เติมโตได้เร็ว ส่วนใหญ่ จะสั่งโช็คอัพ High Performance มาใช้งานแต่ก็ไม่มีศุนย์ Service ในบ้านเรา เสียมาที เนี้ย ลำบาก แต่ Tein นั้นถ้าเสียขึ้นมาจริงๆ ก็ซ่อมได้ครับ แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะเสียกันง่ายๆ นะครับ เค้าคุมคุณภาพมาขนาดนี้ ไม่พังง่ายๆ หรอก ยิ่งจ่ายขนาด เกือบๆ 4 หมื่น พังง่ายๆ เนี้ยคงไม่มีใคร ซื้อแล้วล่ะครับ

เล่ามาเยอะแล้ว มาเข้าประเด็นกันดีกว่าครับ ผมอยากจะนำทุกท่านที่เข้ามาอ่านเนี้ย ให้เห็นภาพของ โช๊คอัพ ตั้งแต่การถอดประกอบ และ การปรับตั้งกันไปเลย นั้นคือ วัตถุประสงค์ ของ REVIEW ชุดนี้ ซึ่ง ผมเองก็โชคดีที่ได้เก็บข้อมูลตั้งแต่ต้นจนจบ ก็ต้องขอบคุณเจ้าของรถที่อนุญาติให้ถ่ายรูปแล้วก็ เจ้าของสถานที่ ที่ให้ ความสะดวกในการดำเนินการนะครับ (พี่ใหม่) เอา มาเริ่มกันเลย

มาเริ่มกันที่กล่องก่อนเลยครับว่ามันตรงรุ่นจริงๆ นะครับ เปิดกล่องกันไปเลย
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

แกะกล่องออกมาก็จะพบของดังในภาพเนี้ยแหละครับ สวยไม่ล่ะ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

เอาละครับ คราวนี้ ก็ได้โช๊คมาแล้วก็ต้องเตรียมประกอบและปรับแต่งสิครับ เริ่มกันก่อนที่โช๊คคู่หลัง ก่อนเลยนะครับ อันดับแรงต้องถอดน๊อตออกให้เรียบร้อยแล้วก็ คลาย Lock ของแหวนปรับระดับโช๊คก่อนนะครับ แล้วเมื่อปรับได้ที่แล้วก็ Lock กลับให้แน่ๆ มาดูกันไปเรื่อยๆ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)


แต่ก่อนจะประกอบได้ต้องถอดเอาเบ้าหัวโช๊คเดิมมาก่อนนะครับ เพราะว่ามันไม่ได้ให้มา ต้องใช้ของเก่านะครับ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

จากนั้นก็เอาสปริงใส่ ใส่ยางกันกระแทก ใส่แหวน ใส่น๊อต ใส่เบ้ายาง ใส่เบ้าเหล็กหัวโช๊ค
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

เอาล่ะได้มาหนึ่งข้างล่ะ แล้วก็ทำเหมือนเดิมอีกข้างก็จบสำหรับคู่หลังล่ะครับ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

มาเน้นๆ ให้เห็นกันหน่อยครับว่า บุชยางด้านล่างแน่นๆ ใหม่ๆ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ก่อนที่จะปรับและประกอบคู่หน้าก็ต้องถอดเบ้าโช๊คเดิมของคู่หน้าออกมาก่อนนะครับ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ได้ออกมาแล้ว บางที่สลับลูกปืนอาจจะหลุดได้ ก็ไม่ต้องห่วงครับ เรียงและประกอบใหม่ได้ครับ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

เอาล่ะพร้อมแล้วประกอบกันดีกว่า ก่อนอื่นก็เริ่ม จากการปรับระดับความสูงก่อนเลย แล้วก็ lock. ให้แน่ แล้วก็ใส่สปริง ให้ เบ้าอลูมิเนียมรองสปริง แล้วก็ใส่เบ้าเหล็กหัวโช๊คซะ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

เรามาเน้นๆ กับตัวอุปกรณ์กันสักหน่อย จะเห็นว่า ค่าสปริงหน้าจะเป็น 6 และสปริงหลังจะเป็น 8 นะครับ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ไอ้เจ้าเครื่องมือตัวนี้แหละครับไม่มีไม่ได้เลยใช้ประจำ ประแจล๊อก
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

มาดูภาพช่างกันสักหน่อย ไม่ได้ สองคนนี้ไม่เสร็จจริงๆ นะเนี้ย สองคนนี้ประกอบ Tein มาเป็นสิบๆๆๆๆ แล้วมั้ง
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

เอาล่ะครับก่อนจะนำไปประกอบก็ต้อง lock ให้แน่นที่สุดล่ะครับ ก็เลยย้ำอีกครั้งก่อนประกอบลงรถ พร้อมทั้งยิงหัวน๊อตให้เรียบร้อย
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

คราวนี้ก็พร้อมลงรถแล้ว
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

เริ่มกับการประกอบด้านคู่หน้าก่อน
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ล๊อตโช๊คกับดุมล้อด้วย น๊อตครับ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

มาต่อกันที่ชุดหลังกันบ้างละครับ ต้องใส่แล้วก็ lock น๊อตให้เรียบร้อยทั้งบนและล่างนะครับ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

จากสายตาแล้วอ่านออกว่าเล่นเอาเหนื่อยเหมือนกันนะครับผม
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

เสร็จแล้วครับเป็นแบบนี้เลย
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

หลังจากเอาไปลองวิ่งมาก็มาปรับความสูงความต่ำอีกทีเพื่อความเนียน
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

แล้วท้ายสุด พระเอกก็มา (พี่สรพงษ์ อิอิ) มาแนะนำวิธีการปรับระดับความหนืดของโช๊ค สามารถปรับได้ 16 ระดับนะครับตามคู่มือ โดยที่หมุนตามเข็มนาฬิกาเนี้ยจะหนืดขึ้นเรื่อยๆ ถ้าอยากให้หนืดน้อยลงก็หมุนทวนเข็มนะครับ ปกติแล้วจะปรับไว้ที่ ระดับ 8
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

เอาล่ะครับ ดูมาเยอะแล้วคิดว่าคงพอได้ข้อมูลเอาไว้เก็บเป็นศึกษากันบ้างนะครับ เครติด เจ้าของรถนะครับ ไม่ทราบชื่ออ่ะครับ, พี่ใหม่, พี่ดอน
แฮะๆ ใช่ว่าจะมีของเล่นแต่ในรถ ก็มีของแถมนิดๆ หน่อยๆ เหมือนกัน มีสติกเกอร์ไปให้แปะเล่นแล้ว ไอ้เขี่ยวๆ นั้นเป็นตัวเอาไว้ เสียบเพื่อปรับระดับความหนืดที่หัวโช๊คแหละครับ ส่วนแหวนนั้น จะเอาไว้ใช้ในกรณีที่รถ รุ่นปี 2000-2002 ครับเพราะว่าขนาดของรูน๊อตที่ดุมหน้าจะเล็กกว่า 2003-2005 เค้าก็เตรียมพร้อมมาให้หมดล่ะ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
ได้รับคำขอบคุณจาก: FRANG_BCP  Jeab22  Bonjiro  RG.KiD  battery3k  kim_possible  liverpool_art  oatzakub  tor-es  Juris  boygeorge  kittidech  BEER_CIVIC ES  Phetcharat  makunkwan 
ES21_fatboy


เข้าร่วม: 01 ตุลา 2008
ตอบ: 1563

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 11901
ให้คำขอบคุณ: 4229

ที่อยู่: วงแหวนอุตสาหกรรม
ปี: 2004
สี: น้ำเงิน วิวิด (มุก) (B-502P)
ศุกร์, 26 กุมภา 2010 00:30 - + รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
Review :: เปลี่ยนระบบส่งกำลัง จาก เกียร์อัตโนมัติ เป็น เกียร์ธรรมดา by คุณวิณ Yakumo

เป็นเรื่องที่จะเก็บไว้ รู้คนเดี่ยว ไม่น่าจะมีประโยชน์เท่าไหร่ คิดว่าเอามาแบ่งๆ กันรู้ดีกว่า คือว่า งานนี้ผมมี โปรเจคช่วยเหลือกันกับเพื่อนใหม่ท่านหนึ่ง ซึ่งเจอกันโดยบังเอิญ แล้วคุยกันไปคุยกันมาถูกคอ ก็เลยได้รับการทาบทามให้ช่วยเป็นผู้ช่วยหน่อย เรื่องมีอยู่ว่า เพื่อนผมท่านนี้ ต้องการเปลี่ยนจาก เกียร์ออโต มาเป็นเกียร์ Manual โดยจากที่คุยกัน ก็ได้ไปจัดการเกียร์ Manual มาได้เป็นที่เรียบร้อย แบบว่าได้มาครบๆ จริงๆ ผมเห็นราคาแล้วยังอยากได้ ซื้อมาเก็บไว้ก่อนเลย

มาดูรายการของที่ได้กันก่อนนะครับ
- เกียร์ธรรมดา พร้อม ครัชท์
- แท่นเเกียร์ ซ้าย และ ด้านหน้า
- เพลาขับเกียร์ธรรมดา ซ้าย / ขวา
- ชุดสายไฟทั้งระบบ
- กล่อง ECU เกียร์ธรรมดา
- ชุดคันเกียร์ธรรมดา
- สายดึงเกียร์ 2 เส้น
- ท่อน้ำมันครัชท์

จากรายการด้านบน จ่ายไป 25000 อ่ะครับ
พอดีว่าได้คานล้างใต้เครื่องมาอีก 4000 ครบจริงๆ ผมเองยังอยากได้คานนี้เลยแต่หาไม่ได้สักที ปกติแล้วคารใต้เครื่องสำหรับรถเกียร์ ออโต จะต่างจากเกียร์ ธรรมดา ถ้าไม่ได้คานมาด้วยก็ติดตั้งได้แต่ต้องมีการย้าน Socket นิดหน่อยนะครับ ถ้าหาได้ก็หามาเปลี่ยนก็ดีกว่าครับ แต่ถ้าหาไม่ได้จริงๆ ก็ไม่เป็นไร วิ่งได้แน่นอน

จากทั้งหมด เนี้ย ก็เป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นสำหรับการเปลี่ยนจากเกียร์ออโต เป็นเกียร์ธรรมดา นะครับ สำหรับเพื่อนผมท่านนี้ concept คือหาเกียร์ มาเปลี่ยนไม่ได้ต้องการสลับเกียร์นะครับ ถ้าใจถึงแบบนี้ ก็มาลุยกันเลย ผมได้รับติดต่อให้ไปช่วยๆ ดู เพื่อจะได้สามารถติดตั้งให้เสร็จ โดยในส่วนงานที่ผมจะช่วยก็จะเป็นงานในด้านของการเก็บรายละเอียด ในส่วนของระบบสายไฟ, การติดตั้ง, การที่สำคัญคือทำไง ให้เครื่องติด สำหรับขึ้นตอนในการยกเกียร์และเปลี่ยนนั้นผมไม่ได้ทำเอง เพียงแต่ ประสานงานและดูความเรียบร้อยเท่านั้นนะครับ หน้าที่นี้ ทางทีมช่างของร้านพรเทพโชคอัพเป็นคน ดำเนินการให้ ประกอบด้วย 4 คน

สำหรับโปรเจคนี้เป็นโปรเจคพิเศษ ที่ทำกันเองในวันอาทิตย์ที่อู่ปิด ที่ผ่านนมาเนี้ยเองครับ ก็เริ่มงานกันทั้งแต่เช้า โดย คราวๆ แบบ สรุป ก็จะมีขึ้นตอนดังนี้ครับ
- ยกรถ
- ถอดล้อ
- ถอดคารเหล็กใต้เครื่อง และชุดปีกนก
- ถอดเพลาขับทั้ง 2 ข้าง
- ถอดยางแท่นเครื่อง ด้านซ้าย และด้านหน้า
- แยกเกียร์ออกจากเครื่องและยกลง
- เจาะเพื่อยึดปั้มครัชท์บน
- ยึดปั้มครัชท์บน
- ติดตั้งกระปุ๊กน้ำมันครัชท์
- ถอดชุดแป้นเบรคเดิม
- ติดตั้งแป้นเบรคสำหรับชุดเกียร์ธรรมดา
- ติดตั้งแป้นครัชท์
- ถอดคอนโชลเกียร์ออก
- ถอดชุดคัยเกียร์ออโต พร้อมกับสายดึงตำแหน่งเกียร์
- เปลี่ยนกรอบคอนโชลกลางจาก ออโต เป็น เกียร์ธรรมดา
- ติดตั้งคันเกียร์ธรรมดา พร้อมสายดึงเกียร์
- ติดตั้งคอนโซลเกียร์กลับที่เดิม
- ติดตั้งหัวเกียร์
- ปรับแต่งสายไฟ ECU
- ปรับแต่งสายไฟ ชุดกุญแจ
- ปรับแต่งสายไฟ บอกตำแหน่งเกียร์ ถอยหลัง
- แยกครัชท์ออกจากเกียร์เพื่อตรวจสอบ
- ประกอบครัชท์เค้ากับเกียร์
- ยกเกียร์ธรรมดาขึ้นประกอบกับเครื่อง
- ยึดตำแหน่งยางแท่นเกียร์
- อุดท่อน้ำมันหล่อเย็นเกียร์ออโต
- ยึดตำแหน่งแท่นเครื่องตัวหน้า
- ต่อเชื่อมสายไฟฟ้า และ Speed Sencer
- เชื่อมท่อต่อสายครัชท์ตัวบนและครัชท์ล่าง
- ประกอบคานล่างใต้เครื่องเข้าที่
- ประกอบปีกนกเข้าที่
- ยึดและประกอบปีกนกเข้าดับดุม
- ใส่ล้อ
- ยกรถลง
- ตรวจสอบความเรียบร้อย
- Start เครื่องแล้วไปลองวิ่งกันเลย
- กลับมาปรับตำแหน่งครัชท์
- จบงาน แล้วก็ เมากันชุดใหญ่ๆๆ 555

ทั้งหมด ใช้เวลาทำกันทั้งแต่ 9 โมงถึงประมาณ 5 โมงเย็น ก็ประมาณ 8 ชั่วโมง รถวิ่งได้ แต่ถ้า เอาจริงๆ เร่งๆ ของครบๆ ใช้เวลา น้อยลงได้อีก ประมาณ 2 ชัวโมงถ้าไม่ติดปัญหาอะไรนะครับ

ผมว่าผมเล่าให้ฟังอ่านกันตามมาเรื่อยๆ ก็คงมองและนึกภาพไม่ค่อยออกนะ มาดูภาพประกอบกันดีกว่า คราวนี้รูปเพียบอีกเช่นกันนะครับ แต่ในการอธิบายประกอบรูป ผมจะให้รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มเติมเข้าไปด้วย เป็นจุดสังเกตุดังนั้นอ่านกันดีๆ นะครับ

เริ่มจากคานใต้เครื่องกันก่อนนะครับ อันที่เห็นรูปแรกเนี้ยเป็นของ ออโต นะครับจะมี Socket อยู่ตรงนั้นจะใช้ยึดกับยางแท่นเครื่องตัวหน้า ซึ่งปกติแล้วยางแท่นเครื่องตัวหน้าของออโตกับธรรมดาจะต่างกัน ดังนั้นถ้าใช้คานใต้เครื่องออโต และเปลี่ยนมาเป็นธรรมดา ก็ต้องมีการเลื่อนหรือย้าย Socket เนี้ยด้วยนะครับ แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความแข็งแรงลดน้อยลงไปครับ เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวนไป
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ส่วนชุดนี้เป็น คานแท่นเครื่องของเกียร์ธรรมดาดูเหมือนกันแหละครับแต่แตกต่างที่ตำแหน่งของ socket เนี้ยแหละ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ต่อมาก็แท่นเครื่องตัวหลังครับ อันนี้เหมือนกันไม่ต้องเปลี่ยนก็ได้นะครับ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

อีกชุดที่ดูเหมือนกันแต่ไม่เหมือนกันก็คือเพลาขับนะครับ ของเกียร์ธรรมดาจะยาวกว่าออโตอยู่นิดหน่อยนะครับ ถ้ามองจากด้านหน้ารถเข้าไปด้านขวาตัวยาวด้านซ้ายตัวสั้นนะครับ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ผมมีเน้นๆ ให้เป็นจุดสังเกตุสักนิดนะครับ สำหรับรถที่มีระบบเบรค ABS นะครับ เพลาขับต้องมีเฟืองด้วยนะครับ ถ้าเป็น แบบไม่มี ABS ไม่ต้องมีเฟืองครับ สำหรับรถคันนี้ เดิมๆ มาไม่มี ABS ดังนั้น ก็จะเรียบไปเลย แต่เอาแบบเพลาขับ ABS มาใช้แทนได้ไม่มีปัญหาอะไร แต่ถ้ากลับกัน รถมี ABS แต่ใช้เพลาชับแบบไม่มีเฟืองเนี้ยเป็นเรื่องแน่นอนนะครับ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

เมื่อถอดเพลาและคานใต้เครื่องออกไปแล้วคราวนี้ก็ต้องยกเกียร์ออโต ลงก่อนล่ะครับมาดูกันไป
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

สุดท้ายเกียร์ออโต ก็ลงมากองล่ะ ลูกใหญ่มากๆ เมื่อเทียบกับเกียร์ธรรมดา จะเรียกว่ารถน้ำหนักก็ได้นะ เบาขึ้นเยอะ ที่วิ่งเร็วขึ้นได้ก็ คงเพราะว่าเกียร์เบาด้วยมั้ง
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ยกลงแล้วก็ มาดูตำแหน่งยางแท่นเกียร์ด้านข้างกันเล่นๆ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ในกล่องนั้นเป็นยางแท่นเครื่องตัวหน้าสำหรับเกียร์ธรรมดานะ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

คราวนี้ก็เอาเกียร์ธรรมดา ที่ได้มามาแกะดู ครัชท์หน่อย ว่าสภาพเป็นไง
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ตรงนี้แหละครับชุดครัชท์
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

อันนี้เค้าเรียกว่าผ้าครัชท์ครับ ดูดิครับ สภาพของเก่า ผ้าจะหมดอยู่แล้วอ่ะ อย่างนี้ต้องหาใหม่ๆ มาเปลี่ยนสักหน่อยไหนๆ ก็ทำแล้วนะ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

มาเทียบดูกันชัดๆ ผ้าครัชท์ใหม่ๆ มันเป็นไง
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

อันนี้ เป็น Flywheel
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

อันนี้เป็นหวี่ครัชท์และเสื้อหวี่
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ิัอันนี้เป็นปั้มครัชท์ตัวบนนะครับที่จะไปต่อเชื่อมกับตรงแป้นครัชท์ในห้องขับ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

เดิมๆรถเกียร์ออโต จะไม่ได้เจาะรู้สำหรับใส่ปั้มครัชท์มาให้ แต่จะมี Mark ให้ดังนั้นก็จะสามารถเจาะและยึดได้นะครับ ก็วาดแบบก่อน เครื่องมือก็ใช้สว่านมือเนี้ยแหละ และค่อยๆ แต่งขอบเก็บงานอีกที
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

คราวนี้ก็ใส่ปั้มครัชท์เข้าไป
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ติดตั้งกระปุ๊กน้ำมันครัชท์
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

พักเรื่องติดตั้งมาดูเรื่องชุดคันเกียร์พร้อมสายดึงเกียร์กันบ้างนะครับ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

มาติดตั้งกันต่อ คราวนี้ก็ติดตั้ง Flywheel เข้ากับเครื่องก่อนนะครับ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ติดตั้งผ้าครัชท์+หวีครัชท์+เสื้อหวีครัชท์เข้าที่ก่อนยกเกียร์ธรรมดาขึ้น
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

มาจุดสังเกตให้อีกแล้วครับด้านเรียบๆ ไม่นูนเนี้ยหันเข้า flywheel นะครับ ส่วนด้านนูนเนี้ยหันเข้าหวีครัชท์
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ยกเกียร์ธรรมดาขึ้นล่ะครับ 1-2-3-4
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ในส่วนของภายในรถนั้นก็ต้องทำกันอีกหลายอย่างนะครับ ก็เริ่มจากคอนโซลเกียร แป้นเบรค แป้นครัชท์ มาดูรูปกันดีกว่า
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ก็ต้องมาสลับจากช่องคันเกียร์ออโตเป็นธรรมดากันก่อนใส่กลับที่นะครับ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ใส่ชุดกันเกียร์ธรรมดาลงไปหลังจากที่ถอดชุดคันเกียร์ออโตออก
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ประกอบเพลาขับกลับเข้าที่ของมันก่อน
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

จัดการเรื่องสายไฟนิดหน่อย
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

เสร็จแล้วครับ แฮะๆ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

เจ้าของรถ เหนื่อยลุ้นมาทั้งวันล่ะครับ มายืนดูผลงานกันหน่อย
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

4 คนนี้คือทีมงานจากร้านพรเทพโช๊คอัพที่ สร้างงานโปรเจคนี้ให้
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

และสุดท้ายก็ไปลองขับกันครับ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

สรุปนะครับ จบไปอีกโปรเจคสำหรับงาน DIY ที่ก็่ช่วยๆ กันทำคราวนี้ ได้เจอคุณศะ ท่านที่สั่ง LSD มาคนแรกในประเทศไทยสำหรับรถ CIVIC ES ได้คุยกันหลายอย่างขอขอบคุณที่ให้ข้อมูลดีครับ ในส่วนของการทำครั้งนี้ ก็ติดปัญหากันอยู่หลายๆ เรื่องแต่ก็สามารถแก้ไขแล้วเสร็จไปด้วยดีครับ ใช้เวลา หนึ่งวันทำกันแบบนี้สนุกกันจริงๆ ครับ ผมเองก็ช่วยได้นิดๆ หน่อยๆ ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับเจ้าของรถ คุณ Feel ที่ยอมให้โอกาสในการถ่ายภาพ เพื่อที่ผมจะได้เอามา Review ในครั้งนี้นะครับ แต่ก็ยังมีอีกหลายๆ อย่างที่อาจะต้องไปเก็บรายละเอียดกันอีกนิดๆ หน่อยๆ เช่นพวกเรือนไมล์ และกล่องนะครับ เพราะว่าครั้งนี้เราไม่ได้เปลี่ยนชุดสายไฟทั้งระบบเนื่องจากว่า ชุดสายไฟมาไม่ทัน ซึ่งก็อาจจะมีภาคสองตามมาอีกทีนะครับ

เครดิต ผมต้องขออนุญาติยกให้เจ้าของรถคุณ Feel, คุณศะ ที่ปรึกษา, ทีมช่างอู่พรเทพโช๊คอัพ, และเพื่อนคุณ Feel ที่มาเป็นกำลังใจให้ครับ สำหรับผมเองก็ดีใจที่มีส่วนร่วมในการทำให้โปรเจคนี้สำเร็จไปด้วยดีครับ

ทั้งหมดวัตถุประสงค์เพื่อการศึกษาและให้ข้อมูลเพื่อนำไปวิเคราะห์เพื่อต่อยอดองค์ความรู้และเก็บเป็นแนวทางกันต่อไปนะครับ

หลังจากเปลี่ยนเกียร์เรียบร้อย ผมได้มีโอกาสไปลองขับ เพื่อทดสอบดูว่ามีความผิดปกติอะไรบ้างก็สรุปครับว่าไม่มีอะไรผิดปกติ รถวิ่งได้กี ต่อเนื่องครับ แต่ครัชท์สูงไปหน่อย แต่ว่าก็ปรับได้ไม่ยากอะไรขันน๊อตอย่างเดี่ยวครับ วิ่งดี ชอบๆ ขนาดที่ยังไม่ได้เปลี่ยนไปใช้กล่องเกียร์ธรรมดานะครับ อิอิ

ุสุดท้ายและท้ายสุด ก็ต้องขอบคุณ เจ้าของอู่ พี่สรพงษ์ อิอิ ที่ให้ความสะดวกสบายในการทำงานตั้งแต่ต้นจนจบนะครับ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
ได้รับคำขอบคุณจาก: FRANG_BCP  Jeab22  Bonjiro  kaorjang  battery3k  liverpool_art  tor-es  boygeorge  kittidech  Phetcharat 
ES21_fatboy


เข้าร่วม: 01 ตุลา 2008
ตอบ: 1563

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 11901
ให้คำขอบคุณ: 4229

ที่อยู่: วงแหวนอุตสาหกรรม
ปี: 2004
สี: น้ำเงิน วิวิด (มุก) (B-502P)
ศุกร์, 26 กุมภา 2010 00:34 - + รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
Review :: BLITZ :: R-VIT i-Color by คุณวิณ Yakumo

ก็เป็นอะไรที่อยากได้มาเป็นของสะสมมานานมากๆ แล้ว สุดท้ายก็ได้มา แล้วก็ได้มาครบๆ 2 รุ่นเลย สำหรับ R-VIT i-Color นั้นสำหรับรุ่นก่อนที่จะเป็น R-VIT i-Color Flash ซึ่งเป็นรุ่นใหม่กว่า (ใหม่กว่าก็รองรับรถได้มากกว่า ตัวอย่างเช่น รับกับ FD รุ่นใหม่ล่าสุดอะไรทำนองเนี้ย)

สำหรับ Review ชุดนี้ อย่าได้คิดว่าผมเอาของสะสมมาโชว์ หรือ อวดใดๆ ทั้งสิ้นนะครับ เพราะว่าวัตถุประสงค์ ผมต่างออกไปอย่างสิ้นเชิงครับ คือผมต้องการนำเสนอ เพื่อเป็นข้อมูล ให้เป็นกรณีศึกษา สำหรับประกอบการตัดสินใจของท่านที่สนใจ ตัวผมเองพบว่าจะหาข้อมูลของแต่งอะไรสักชิ้น มีแต่บทความที่เป็นภาษาอังกฤษบ้าง ภาษาญี่ปุ่นบ้าง ก็ทำให้หลายๆ ครั้งเนี้ยค่อยรู้เรื่องสักเท่าไหร่ ทำให้ไม่สามารถตัดสินใจได้ถ้าต้องการจะนำมาใช้งาน ก็เลยเห็นเหตุให้ผมพยายามนำสิ่งที่ตัวเองได้พบได้เห็นจากประสบการณ์ มานำเสนอเพื่อ Share ให้ได้อ่านๆ กัน นั้นก็เหตุผลหลัก ส่วนเหตุผลรองคือการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์สำหรับผมเอง สมองจะได้ focus ที่จะทำอะไรสักอย่างแทนที่จะปล่อยให้มันว่างๆ ไปเฉยๆๆ เอาเวลาว่างระหว่างพักมาทำให้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นๆ ก็น่าจะดีกว่านั่ง ไร้สาระไปเรื่อยๆ แฮะๆ วันนี้ไม่รู้เป็นไร เลิกงานแล้ว ก็คิดอยากจะเขียน Review ออกมาให้ดูกัน ซึ่งของชุดนี้ผมได้มาสักพักแล้ว เริ่มจากการที่รถแฟนผม ไม่มีมิเตอร์บอกอุณหภฺมิน้ำแล้ว ผมเองก็ใช้งานรถคันนั้นบ่อยด้วย ก็เลยต้องหาอะไรมาเพิ่มเติมลงไปสักหน่อย ก็เลยมานั่งคิดดูว่า อะไรที่จะเอามาอ่านค่านี้ได้บ้าง ก็เลยนึกไปถึงของอยากได้ในอดีต ก็คือ R-Vit i-color ซึ่งจริงๆ แล้วในรถของผมเอง ก็มี R-Vit อยู่แล้วและเป็นรุ่น Type I ซึ่งตอนนี้บ้าขนาดที่ว่าเมื่อ Blitz Thailand นำเข้ามาผมวิ่งไปเอามาลงในรถก่อนเลย ซึ่งเมื่อตอนนั้นราคา ประมาณ 17000 ได้ แฟนรู้จะว่าไหมเนี้ย แต่ว่ามันนานมากๆๆๆๆ แล้ว ระยะคดีหมดแล้วล่ะ อิอิ ตอนนั้นเป็น Multi Function Display ตัวแรกในตลาดเลยที่อ่านค่าจาก OBD-II Port ของรถ ขึ้นมาแสดงได้ (ก็แบบเดี่ยวกับที่ ศุนย์เอาเครื่องคอมพิวเตอร์มาต่อที่รถเราแล้วบอกได้ว่าอะไรเป็นอะไร เช่น อุณหภฺมิน้ำเท่าไหร่ ตอนนี้ กดคันเร่งอยู่กี่เปอร์เซนต์ หรือว่า ตอนนี้องศาการจุดระเบิดอยู่ที่เท่าไหร่ และอีกมากมายที่อ่านค่าได้จาก Diagnostic port (OBD-II) ซึ่งจริงๆ แล้วตอนนั้นที่ R-VIT type I ออกแบบมานั้นจะสามารถส่งสัญญาณอินฟราเรส เพื่อสือสารกับ R-Vit เพื่อปรับค่าน้ำมันได้ เหมือนกับพวก AFC ของ Apexi ล่ะครับ แต่ว่าต้องใช้สองตัวข้อดีของมันตอนนั้นคือว่ามันจะสามารถอ่านค่าจาก Senser ได้แบบเดี่ยวกับที่กล่อง ECU ได้รับตรงกัน 100% แล้วนำค่าที่อ่านได้ไปประมวลผลที่ R-FIT แล้วสั่งปรับน้ำมันครับ แต่ผมเข้าใจว่าไม่ได้รับความนิยมสักเท่าไหร่ เพราะว่าราคาและชื่อเสียง Blitz ในบ้านเรานั้นดังไม่เท่ากับพวก Greddy หรืออื่นๆ และอีกอย่างพวกของเล่น electronic แบบนี้สำหรับรถ ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยได้รับความนิยมสักเท่าไหร่ เพราะว่ามันดูว่าลงทุนสูงแต่ได้มาอันนิดเดียว สู้เอาไปลงทุนซื้ออย่างคือได้อะไรมากกว่า อะไรทำนองเนี้ยแหละครับ อนาคตของมันเลยไม่ค่อยสดใสเท่าไหร่ แถมไม่ค่อยมีการทำตลาดด้วยแหละ

แต่ไงก็ชั่ง ผมว่ามีประโยชน์ที่จะรู้และได้ข้อมูลไว้ ก็เลย เอามาเขียนให้อ่านกันเล่น เล่าประวัติ คราวๆ ไปแล้ว ก็บอกก่อนนะนั้นเป็นความเข้าใจและมุมมองของผมอาจจะไม่ถูกต้อง 100% ก็ขออภัยไว้ ณ ตรงนี้ก่อนเลย กลับมาเข้าเรื่องกันในส่วนของ Blitz R-Vit i-Color นั้น จะเป็นรุ่นต่อมาจาก R-Vit Type I และ Type II (ซึ่ง Type II นั้นจะออกแบบมาให้ใช้สำหรับรถ Nissan โดยเฉพาะ) ส่วน R-Vit i-Color นั้นจะเป็นแบบที่สามารใช้กับรถอะไรก็ได้ และรองรับ CAN-Bus protocol ซึ่งรถรุ่นใหม่ๆ ใช้แบบนี้กันนะครับ แต่ตอนนั้นที่รุ่นนี้ออกมา CAN-Bus พึ่งเริ่มใช่ จึงมี limit อยู่ในส่วนของ รถที่อุปกรณ์ตัวนี้สามารถอ่านค่าออกมาได้ อยู่บ้าง และสำหรับรุ่นล่าสุด ก็คือ R-Vit i-Color Flash นั้น ก็จะเป็นรุ่นที่พัฒนาขึ้นมาต่อจาก i-color รุ่นแรก ซึ่งก็ต่างกันตรงที่ว่ารองรับ รถได้มากขึ้นและอาจจะสามารถ upgrade ได้ นั้นคือจุดต่างนะครับ

และอีกอย่างที่ i-color ดีกว่ารุ่น Type I หรือ Type II นั้นคือ สามารถรับสัญญาณจาก A/F Senser ได้ แต่เป็น Option ที่ต้องซื้อเพิ่ม เพื่อจะสามารถเก็บค่าของ A/F มาดูได้ และมีข้อดีอีกหลายอย่างที่รุ่น Type I หรือ Type II ทำไม่ได้ แต่ก็ไม่ได้ดีไปทั้งหมดเพราะว่าในส่วนของ ที่ Type I และ Type II ทำได้นั้น บางฟังค์ชั่น i-Color ก็ทำไม่ได้ ซึ่งจริงๆ ก็เลือกตามความต้องการจะดีที่สุดนะครับ พูดไปพูดมารักพี่เสียดายน้อง ซะงั้น สุดท้าย เอาไว้ทั้งคู้เลย เป็นพญาเทครัวกันไป อิอิ ล้อเล่นครับกลับเข้าเรื่องดีกว่านะครับ ในส่วนของ i-color นั้นจะสามารถแสดงผลได้ทั้งหมด 65000 สีครับ ด้วยตกแสดงผลขนาด 1.5 * 1.5 นิ้ว และสามารถหมุนได้ด้วย และตัว CPU ในตัวอุปกรณ์เป็นแบบ Dual ด้วยเทห์เลย และระบบ Operation System หรือว่า OS ก็เป็นการออกแบบในแบบ 32ิbit แหมเหมือกนับ Windows ที่เราใช้กันใน PC เลยที่เป็น 32ิbit เหมือนกันแต่ตอนนี้ Windows เค้ามี 64bit แล้วนะ นอกเรื่องอีกจนได้ กลับเข้ามาคุยกันต่อ ตัวนี้ตัวเดี่ยวใช้ได้หมดไม่ว่าจะเป็น CAN ของ Toyota หรือว่า ระบบของรถ Nissan ก็ดีครับจะได้ไม่ยุ่งยากอะไร

จริงๆ แล้วเดี่ยวตอนผมติดตั้งลงในรถอีกคันเสร็จแล้วจะมี REVIEW ภาคสองมาอีกที แต่ตอนนี้เอาอันนี้ให้อ่านกันไปก่อนนะครับ เอาแบบให้รู้จักกันก่อนแล้วค่อย จัดการให้สำเร็จกันไป อีกรอบ

มาดูของกันดีกว่าครับ เล่ามาเยอะแล้ว เดี่ยวคนอ่านจะเบื่อกันไปซะก่อนนะครับ

เริ่มจากล่องเลย ผมมีทั้ง สอง รุ่นเลย ครับ สีเงินจะเป็นรุ่นแรกที่ Release ออกมาและสีดำจะรุ่นต่อมา จริงๆ เค้าจะเรียก สีเงินเป็น version 2 และสีดำเป็น version 3 นะครับ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

มาดูกันหน่อยว่ามันมี Highlight ตรงไหนบ้าง
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

แกะกล่องให้ดูกันไปเลยครับว่ามีอุปกรณ์อะไรกันบ้าง
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ส่วนนี้เป็น Display unit และ Controller ด้วยนะครับ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

เห็นกันครบๆ ว่ามีอะไรบ้าง
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ปลั๊กตัวนี้ต้องไปต่อกับปลั๊กอีกตัวก่อนเชื่อมเข้า OBD II
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ตัวนี้แหละปลั๊ก OBD II
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ก่อนจบให้ดูสีเงินชัดๆ อีกที
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

สรุป ก็ เป็นแค่นำเสนอให้รู้จักกันก่อนนะครับ และให้ข้อมูลคราวๆ ของอุปกรณ์ ในส่วนของการติดตั้งแล้วก็การใช้งานเดี่ยวจะเอามา Review ให้ดูอีกทีแล้วกันนะครับ รอให้ว่างก่อน ช่วงนี้ แฟนห้ามผมกินเหล้าด้วย ก็คงจะมีเวลาว่างทำอะไรอีกเยอะอ่ะครับ แค่แอบเซ็งนิดหน่อย หมดแรงแล้วครับสำหรับวันนี้ บ๊ายบาย
ได้รับคำขอบคุณจาก: FRANG_BCP  Jeab22  Bonjiro  kaorjang  battery3k  Juris  kittidech 
ES21_fatboy


เข้าร่วม: 01 ตุลา 2008
ตอบ: 1563

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 11901
ให้คำขอบคุณ: 4229

ที่อยู่: วงแหวนอุตสาหกรรม
ปี: 2004
สี: น้ำเงิน วิวิด (มุก) (B-502P)
ศุกร์, 26 กุมภา 2010 00:36 - + รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
Review :: GReddy Intelligent Information Touch by คุณวิณ Yakumo

สวัสดีครับ วันนี้จะมาแนะนำให้รู้จักของเล่นอีกตัวครับ เป็นของ GReddy ครับ สำหรับชุดนี้ คงเพียงให้รู้จักกันก่อน แบบของที่เมื่อวานได้ลงของ R-Vit i-Color ไปนะครับ สำหรับของวันนี้จะเป็น GReddy Intelligent Information รุ่นใหม่ล่าสุด Firmware 1.04 และเป็นรุ่นที่ส่วนแสดงผลเป็น จอ Touch Screen การทำงานไม่ต่างอะไรกับของ R-Vit ที่เคยนำเสนอไปแล้ว ต่อเชื่อมกับ OBD II เช่นเดี่ยวกันครับ ดังนั้นการติดตั้งไม่ได้ยุ่งอยากอะไรเลย ง่ายๆ มากๆๆ

สำหรับ GReddy แล้วในส่วนของ Multi function display ออกแบบมาเชื่อมต่อกับ OBD II จะมีออกมา 2 รุ่นนะครับ รุ่นแรก ก็เป็นจอ สี ธรรมดา ไม่ได้ต่างอะไรกับ R-Vit Type I มาเพียงแต่ว่าจอสีเท่านั้นครับ แต่สำหรับ รุ่นล่าสุดอย่าง Touch เนี้ยผมว่าเป็นก้าวกระโดดเลย เพราะว่าระบบและ OS ที่เอามาติดตั้งอยู่ในอุปกรณ์นั้นทันสมัยมากๆ ซึ่งสำหรับผม ตอนนี้คิดว่าตัวนี้คือสุดยอดของเล่นแบบนี้แล้ว ถ้าจะซื้อคิดว่าตัวนี้คุ้มค่าสุดครับ ด้วยราคาขายปลีกในบ้านเราอยู่กันที่ 13000 บาทครับ ซึ่งในชุดจะมีมาให้ครบๆ ไม่ต้องไปหาอะไรเพิ่มเติมอีก ขาตั้งก็มีมาให้แล้วด้วย แถมหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ตั้ง 3.5 นิ้ว และเป็นจอแบบ TFT Touch Screen ด้วยครับ ตัวอุปกรณ์นั้นรองรับ OBD II Protocol ทั้งหมดครับ คือ ISO,14230, CAN, Non OBD การแสดงผลสามารถหมุนได้ 3 ทิศทางเลยครับ การแสดงค่านั้นทำได้มากสุด 6 monitor และรูปแบบการแสดงผลทำได้ มากถึง 5 รูปแบบ ที่สำคัญที่สุดเลยคือว่า สามารถที่จะ Read & Resetting DTC (Diagnostic Trouble Code) ได้ด้วย ก็ไอ้ที่รูปไฟรูปเครื่อง Show ไอ้เจ้าตัวนี้มันลบไฟได้ด้วยไง สามารถแสดงผลอัตราการสิ้นเปลี่ยงพลังงานด้วย แต่ว่าอันนี้ผมก็ยังไม่ได้ลองเดี่ยวลองแล้วจะเอามา Review ให้ที สามารถตั้ง Alarm ได้ทั้งแบบแสดงบนหน้าจอและแสดงออกเป็นเสียง นอกจากนั้นยังสามารถรับสัญญาณจากภายนอกได้อีก ไม่ว่าจะเป็น Boost Sensor, Pressure Sensor (oil/fuel), และ Temp (oil/coolant)

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติม รบกวนเข้าไปดูได้จากที่นี้เลย
http://www.greddy.com/home/?id=282

ถ้ามีคำถามว่าแล้วรถเราจะอ่านค่าอะไรได้บ้างผมลองเอาข้อมูลมาเรียงๆ ดู แต่เฉพาะของ Honda นะครับ ก็ได้มาประมาณเนี้ยแหละ เพื่อว่าใครสนใจ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ดูกันมาสักพักแล้ว คราวนี้ ก็มาดูของกันดีกว่าครับ เจอกล่องก็ดูดีแล้ว
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

เปิดกล่องมาเจอ กันหน่อย ของมาครบๆๆๆๆๆ กันไปเลยครับ ทังคู่มือ ที่มีทั้ง Japan และ English ไม่ต้องห่วงครับ อ่านได้ไม่ยากครับ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

สำหรับขาตั้งเนี้ยผมว่าเค้าออกแบบมาดีมากๆ เลยสามารถ lock ได้ด้วย
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ไอ้ตัวนี้ก็ต้องใส่ด้วยนะครับ จะได้ป้องกันสัญญาณรบกวนครับ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

ส่วนเจ้าตัวเนี้ยก็เป็นหัวปลั๊กสำหรับ เสียบกับ OBD II ที่ตัวรถ
+ รวม Review by Yakumo + (Part II : Mar-Apr 2010)

สรุปสุดท้ายเนี้ย ก่อนอื่นต้องขอบคุณพี่เอิ๊กที่ขายให้ในราคาไม่แพงนะครับ และก็อย่างที่บอกครับว่าตัวนี้คือสุดยอดแล้วสำหรับตอนนี้ ดังนั้นเดี่ยวตอนติดตั้งลงในรถจะเอามาให้ดูกันอีกทีนะครับ และถ้าใครอยากได้มาใช้งานบ้างเนี้ย มีขายกันเยอะครับ ก็ลองหามาใช้กันดูครับ แต่ถ้าติดตั้งไม่เป็นถามผมมาแล้วกันนะครับจะแนะนำให้
ได้รับคำขอบคุณจาก: FRANG_BCP  Jeab22  Bonjiro  kaorjang  myoatty57  battery3k  BeeBird  Juris  kobon  boygeorge  kittidech  muzalime  alit  Phetcharat 
หัวข้อนี้ถูกล็อก คุณไม่สามารถแก้ไข หรือตอบได้
หน้า 1 จาก 1
ไปที่: 
ติดต่อโฆษณา admin@civicesgroup.com
Copyright © 2008-2025 Civic ES Group. All rights reserved.