อยากถามผู้รู้ ว่า ES เรามีระบบ EGR ใหมครับ
พอดีเห็นเพื่อนไป อุดมาเล่าให้ฟังว่าดีกะรถ
อยากทำมั่ง แต่ไม่มีข้อมูลเลยครับ

มันดูไอเสียบางส่วนกลับเข้ามา่ที่เครื่องใหม่คับของพวกดีเซล
ข้อดี คือมลพิดที่ปล่อยออกมาน้องลงเขาทำเพื่อให้รถผ่านมาตราถานยูโร
ข้อเสีย คือน้ำมันเครื่องจะไปไวกว่าปกติ

เคยเห็นแต่ในดีเซลครับ..

ES ไม่มีนะ งืมๆ

มอไซนูโวก็มี 555 อุดและ

เรียกง่ายๆว่า ระบบกินขี้ตัวเอง อิ อิ

พบในรถดีเซลเทอร์โบ

และรถเก๋งบางรุ่นน่ะครับ ES ไม่รู้มีหรือป่าว แต่ซิตี้มีครับ

เค้าอุดกันทั้งน้านนนน....
เป็นการเอาไอเสียมาเผาไหม้ใหม่อีกรอบ
ใช้น้ำคอยเลี้ยงให้อากาศเก่าให้เย็นลงก่อนเข้าเผาไหม้อีกครั้ง
และทำให้เครื่องยนต์ถึงอุณหภูมิทำงานเร็วขึ้นตอนเครื่องเย็นคัฟ
อีเอสไม่มีนะ เจอในดีเซลปี2000ขึ้นมาเพื่อให้ไอเสียผ่านยูโร2
ในคอมมอนเรลตัวมอเตอร์EGRจะมีปัญหากันทำให้กล่องสั่งเซฟโหมดรถร่งไม่ขึ้นเหยียบได้เก้าสิบ...

แล้วที่ผมวงกลมสีเหลืองคืออะไรอ่ะครับ
ผมเคยถอดออกมาดูมันเป็นวาล์วไว้ยกระหว่างพอร์ทเหมือนที่เรียกกันว่า EGR เลยครับ
ที่อู่ยังบอกผมว่าจะอุดก็ได้นะแค่ถอดปลั๊กออกไม่ให้มันยก แต่ผมบอกไม่เอากลัวมันเพี้ยน

Attached File :

ES มีครับ

aaaaaaaaa

ความรู้ๆ

กระจ่าง

มีใครเอาออกอีกไหมครับ

copy มาให้อ่านกันครับ

EGR (exhaust Gas Recirculation)

เป็นระบบหมุนเวียนไอเสียบางส่วนมาผสมกับไอดีใหม่เพื่อลดการเกิด NOx (nitrous oxides) ซึ่งเป็นแก๊สพิษ NOx จะเกิดจากการที่ไนโตรเจนกับออกซิเจนในอากาศเกิดการเผาไหม้ในช่วงอุณหภูมิสูงกว่า 1,800C (3,300F)

กล่อง ECU จะรับข้อมูลมาจากเซนเซอร์ต่างๆมาประมวลผล ซึ่งถ้า ECU ตรวจพบว่าสภาวะการเผาไหม้อาจก่อให้เกิด NOx ได้ ก็จะส่งสัญญาณไปสั่งให้ EGR วาล์วเปิด เพื่อให้แก๊สไอเสียบางส่วนไหลกลับเข้าไปเผาไหม้ซ้ำอีกครั้ง (คล้ายๆกับการลดประสิทธิภาพทางความร้อนจากการเผาไหม้ให้ลดลง) เพื่อไม่ให้อุณหภูมิในการเผาไหม้สูงเกินจุดเปลี่ยนเป็นแก๊สพิษ

ดังนั้นในบางจังหวะที่วาล์วมีการเปิดมากหรือนานเกินไป ก็อาจทำให้เกิดควันดำตามออกมาได้ โดยเฉพาะรถที่วิ่งช้าๆแต่ใช้รอบเครื่องสูงนานๆ อย่างในกรณีคล้ายๆรถสองแถว จะทำให้อุณหภูมิในการเผาไหม้สูงอย่างต่อเนื่อง วาล์วก็จะเปิดนานทำให้เกิดควันดำมากขึ้น แล้วเกิดการสะสมของเขม่าตามจุดต่างๆในระบบ

วิธีการแก้ไขอย่างง่าย ให้เร่งเครื่องรอบสูงๆคล้ายๆการเบิ้ลเครื่องแต่ลากยาวๆหน่อยเพื่อให้เกิดการไล่เขม่าและไอเสียเดิมออกไป อีกวิธีคือการเข้าศูนย์บริการให้ดำเนินการแก้ไขโปรแกรม ECU ใหม่

การอุด EGR วาล์วไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องในเชิงเทคนิค เพราะจะทำให้ประสิทธิภาพในการกำจัดไอพิษจากแก๊สด้อยลง เป็นการเพิ่มหรือเร่งการทำลายสภาวะแวดล้อมโลก ท่านอาจคิดว่าเราอุดแค่คันเดียวมันจะกระทบสักเท่าไหร่กัน ท่านลองไปยืนท้ายรถที่จอดติดเครื่องอยู่ แล้วถามใจท่านดูว่ารู้สึกอย่างไร ถ้าทำอย่างนี้แค่ 5 เปอร์เซนต์ (ประมาณ 5 แสนคัน) ท่านคิดว่าสภาวะแวดล้อมจะเป็นอย่างไร ทุกอย่างอาจไม่เห็นผลกับตัวเราในวันนี้ แต่แน่ใจหรือว่าอยากจะให้ลูกหลานเราในอนาคตต้องมารับผลกระทบจากสิ่งเหล่านี้ ท่านยอมเสียประสิทธิภาพของรถยนต์ลงสัก 2-3 เปอร์เซนต์เพื่อแลกกับสิ่งดีให้แก่ลูกหลานในอนาคต หรือท่านอยากจะได้ความแรงเพิ่มขึ้นอีกแค่ 2-3 เปอร์เซนต์โดยยอมแลกกับสิ่งดีๆในอนาคตของลูกหลานทิ้งไป

ที่ผ่านมาได้มีการคิดค้นวิธีในการลดมลพิษต่างๆ วิธีหนึ่งคือการใช้ระบบหมุนเวียนไอเสีย Exhaust Gas Recirculation (EGR) ซึ่งในครั้งแรกการใช้ EGR ก็เพื่อจะนำความร้อนจากไอเสียหมุนเวียนกลับเข้ามาในเครื่องยนต์ ช่วยให้อุณหภูมิของไอดีสูงขึ้นในกระบวนการเผาไหม้ จึงเป็นการประหยัดพลังงาน แต่ประโยชน์ที่ได้รับเพิ่มเติมก็คือสามารถลดออกไซด์ของไนโตรเจน (NOx) ได้ด้วย ซึ่งก๊าซนี้เป็นอันตรายต่อปอดและระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ ในปี 2002 ที่ผ่านมา หน่วยงานด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศสหรัฐอเมริกา US Environmental Protection Agency หรือ EPA ได้กำหนดให้ลด NOx ลงอีก 50% จึงทำให้ผู้ผลิตเครื่องยนต์ดีเซลส่วนใหญ่จำเป็นต้องติดตั้งระบบ EGR มากขึ้น แต่ระบบ EGR มีข้อเสียคือความร้อนและสิ่งสกปรกที่เวียนกลับมากับไอเสีย ทำให้เครื่องยนต์มีคราบเขม่าเกาะจับ และน้ำมันเครื่องมีอุณหภูมิสูงขึ้นจึงเสื่อมสภาพเร็ว อีกทั้งมีธาตุกำมะถันและไนโตรเจนเป็นองค์ประกอบอยู่บางส่วน ทำให้แปรสภาพเป็นกรดเกิดสนิมและเครื่องยนต์สึกหรอมากขึ้น ดังนั้นน้ำมันเครื่องที่ใช้กับเครื่องยนต์ดีเซลที่ติดตั้ง EGR นี้จะต้องมีความคงทนและมีคุณสมบัติพิเศษในการกำจัดสิ่งสกปรกป้องกันสนิมได้ดียิ่งขึ้น

รถรุ่นใหม่ๆไอเสียจะถูกคำนวณเข้า ECU ด้วย ซึ่งถ้าเราอุด EGR แบบนั้น มีสิทธิ์ที่ ECU จะรวนขึ้นมาได้ แล้วสิ่งได้ขึ้นมาจากการทำนั้นมีเพียงแรงม้าที่เพิ่มขึ้นมาแค่ 0.3 เอง ท็อปสปีดก็ยังเท่าเดิม แต่แรงบิตจะมาไวกว่าปกติ ทำให้พุ่งปู๊ดป๊าด แต่พอถึงช่วงปลายจะอืดกว่าเดิมขึ้นมานิดหน่อย แล้วคนที่ขับความเร็วสูงก็จะกินน้ำมันมากกว่าปกติ ที่ประหยัดคือช่วงต้นๆกับกลางๆเท่านั้น

...