olemanoch พิมพ์ว่า: |
ผมมีคำถาม อยากทราบ หลายเรื่องครับ ถ้าสมาชิกท่านใดตอบได้ กรุณาช่วยหน่อยนะ
1 รถผมเป็นเบาะกำมะหยี่ แตกต่าง กับ เบาะหนัง อะไรบ้าง 2 เติมน้ำมันชนิดไหนได้บ้าง 3 อยากเปลี่ยนไฟท้ายเป็น รุ่น โดนัท ได้ปะ ราคาเท่าไหร่ ซื้อที่ไหน นอกจาก ศูนย์ 4 ถ้าอยากเปลี่ยนเบาะหนัง มีร้านไหน ราคาเท่าไร่ ขอบคุณมากครับ มาโนชญ์ 081 939 6001 |
InDePenDent พิมพ์ว่า: | ||
ตอบทีละข้อละกันนะครับ 1. 1.1) เบาะหนังแท้ - ไม่อมความร้อน - มีผิวสำผัสที่รู้สึกดีกว่าวัสดุชนิดอื่น - ดูหรูหรา ภูมิฐาน - มีความคงทนสูง (ถ้าใช้และดูแลอย่างถูกวิธี) - รักษายากกว่าวัสดุตัวอื่น - อาจเกิดเสียงดัง ออดแอดอันเกิดจากการเสียดสีของผิวสัมผัส -เก็บความชื้นได้ดีกว่าหนังเทียม โดยทั่วไปคุณสมบัติของผ้าที่ถือว่าดีมีความคงทนถาวรที่สุดชนิดหนึ่งก็คือ หนังแท้ทั้งยังให้ความรู้สึกที่หรูหรามากกว่าผ้าชนิดอื่นแต่ราคาก็แพงกว่าอยู่มาก เรามาดูวิธีดูแลรักษากันนะครับ - อย่าให้ถูกแสงแดดนาน ๆเพราะจะทำให้ผ้ากรอบได้เร็วกว่าปกติอันเนื่องมาจากรังสี UV - พยายามอย่าโดนน้ำหรือความชื้นเพราะผ้าหนังแท้ มีคุณสมบัติซึมน้ำได้พอสมควรและที่สำคัญเมื่อหนังเกิดความชื้นขึ้นจะทำให้ตัวแบททีเรียที่ฝังอยู่ข้างใน ออกมาเดินเพ่นพ่านส่งกลิ่นอับ -อย่าเช็ดเบาะด้วยน้ำยาเคลือบเบาะบ่อยนักควรใช้เท่าที่จำเป็นเพราะว่าเมื่อเราเช็ดไปแล้วนั้นน้ำยาต่าง ๆที่เราใช้เช็ดจะเข้าไปฝังอยู่ภายในทำให้ผ้านุ่ม ดูเหมือนใหม่ (ฟังดูดีจังนะครับ)แต่เมื่อใดที่สารดังกล่าวเสื่อมก็จะกลายเป็นสารที่มีความหนืดสูงซึ่งจะทำให้ผ้าแข็งขึ้นทำให้ต้องทาซ้ำใหม่เพื่อให้กลับมานิ่มเหมือนเดิม โดยจริง ๆ แล้วนั้นบางบริษัทที่มีรถยนต์ระดับหรูหราเขาจะใช้ Vaseline ทา บาง ๆจะทำให้ผ้าไม่กรอบง่ายแต่ต้องทาบ่อย ๆเพราะเขาจะติดอยู่แค่ผิวนอก หลุดออกได้ง่ายหน่อย แหมถ้าอยากจะใช้เบาะหนังแท้ให้สวยก็ต้องรักษากันหน่อยละครับ 1.2) เบาะหนังเทียม - รักษาง่ายกว่าวัสดุตัวอื่น - ไม่เก็บความชื้น - อมความร้อน - ผิวสัมผัสไม่สบาย อบ - ไม่ทนทานเท่าวัสดุตัวอื่น ๆวิธีการรักษาของวัสดุตัวนี้ไม่ยุ่งยากจัดได้ว่าง่ายที่สุดก็ได้ครับลองมาฟังดูแลัวจะรู้ว่าง่ายจริงๆ - อย่าให้โดนแดดบ่อยนักอันนี้เป็นเหมือนกันทุกอย่างแหละครับโดยบ่อย ๆ เสื่อมเร็วอย่างเช่นยางต่าง ๆ เนี่ยเสื่อมเร็วกว่าเมืองนอกตั้งเยาะ นำเข้าก็แพง ภาษีโหดร้ายเลยต้องทน ๆ เอา - ถ้าเบาะเลาะก็ใช้ผ้าชุบน้ำให้แล้วบิดพอหมาดเช็เเหมือนกับที่เช็ดแผงประตูหรือแผงหน้าปัทแหละครับคุณสมบัติไม่ต่างกันเท่าใหร่ -สำหรับเบาะชนิดนี้ก็ยังอุตส่าห์มีน้ำยามาเคลือบเงาอีกบางทีน้ำยาเคลือบเงาแพงกว่าค่าผ้าเสียอีกนะครับอย่างครั้งก่อนผมไปที่ห้างดังแห่งหนึ่ง ต้องการจะซื้อสินค้าประเภทรักษาเครื่องหนังเลยเข้าไปถามที่พนักงานขายสิ่งแรกที่เขาแนะนำให้เป็นน้ำยาเคลือบเงาเบาะรถยนต์ราคา พันกว่าบาท พอเห็นว่าผมเริ่มไม่สนในก็แนะนำตัวที่ถูกลงมา เหลือ 700บาท ผมก็เลยถามว่าแล้วที่ถูกกว่านี้มีใหมเขาตอบว่าใช้ยี่ห้ออื่นที่ทำในไทยแล้ว จะทำให้ผ้าแฉะ แหมอยากก้านคอเจ้าหมอนั่นจริง ๆของไทยไม่นิยมผมเลยซื้อให้เห็นเสียเลย แหมก็แค่ประมาณ 70 บาทเองถูกกว่าตั้งเยาะใช้ได้เหมือนกัน 1.3) เบาะกำมะหยี่,เบาะผ้า - ไม่อมความร้อน - มีผิวสำผัสที่รู้สึกดีกว่าหนังเทียม - ดูหรูหรา ภูมิฐานรองมาจากหนังแท้ - มีความคงทนสูง (ถ้าใช้และดูแลอย่างถูกวิธี) - รักษายาก - เก็บความชื้นได้ดี - มีกลิ่นอับง่าย 2. น้ำมันเติมที่เติมได้ก็มีพวก เบนซิน91 เบนซิน95 โซฮอลล์91 โซฮอลล์95 อันอื่นผมไม่แน่ใจว่ามีเติมได้อีกรึเปล่า แต่ผมใช้ เบนซิน91 กับ โซฮอลล์95 ถ้าพวกเบนซิน95ผมว่ามันไม่จำเป็นต้องเติมขนาดนั้น ส่วนโซฮอลล์91ไม่แนะนำ 3. ไฟท้ายโดนัทธรรมดาราคาตกอยู่ประมาณ3000 แต่ถ้าเป็นของตัว2.0ก็ประมาณ4000 หาซื้อได้ในเวปเรานี่แหละครับไปดูที่ฟอรั่มซื้อขายได้เลย 4. เบาะหนังก็ไปดูที่ฟอรั่มซื้อขายได้เลยเหมือนกันครับลองเลือกดูเอาตามความสะดวกและความพอใจ เท่าที่เห็นหุ้มหนังแท้ทั้งหมดก็เห็นตกอยู่ประมาณหมื่นหน่อยๆ ปล. ข้อ1ที่เอามาตอบผมเอามาจาก http://www.volvomania.com/forum/index.php?topic=1008.0 มาตอบให้นะครับ ปล.2 ขอให้มีความสุขกับการได้ขับ ES นะคร้าบบบบ |
InDePenDent พิมพ์ว่า: | ||
ตอบทีละข้อละกันนะครับ 1. 1.1) เบาะหนังแท้ - ไม่อมความร้อน - มีผิวสำผัสที่รู้สึกดีกว่าวัสดุชนิดอื่น - ดูหรูหรา ภูมิฐาน - มีความคงทนสูง (ถ้าใช้และดูแลอย่างถูกวิธี) - รักษายากกว่าวัสดุตัวอื่น - อาจเกิดเสียงดัง ออดแอดอันเกิดจากการเสียดสีของผิวสัมผัส -เก็บความชื้นได้ดีกว่าหนังเทียม โดยทั่วไปคุณสมบัติของผ้าที่ถือว่าดีมีความคงทนถาวรที่สุดชนิดหนึ่งก็คือ หนังแท้ทั้งยังให้ความรู้สึกที่หรูหรามากกว่าผ้าชนิดอื่นแต่ราคาก็แพงกว่าอยู่มาก เรามาดูวิธีดูแลรักษากันนะครับ - อย่าให้ถูกแสงแดดนาน ๆเพราะจะทำให้ผ้ากรอบได้เร็วกว่าปกติอันเนื่องมาจากรังสี UV - พยายามอย่าโดนน้ำหรือความชื้นเพราะผ้าหนังแท้ มีคุณสมบัติซึมน้ำได้พอสมควรและที่สำคัญเมื่อหนังเกิดความชื้นขึ้นจะทำให้ตัวแบททีเรียที่ฝังอยู่ข้างใน ออกมาเดินเพ่นพ่านส่งกลิ่นอับ -อย่าเช็ดเบาะด้วยน้ำยาเคลือบเบาะบ่อยนักควรใช้เท่าที่จำเป็นเพราะว่าเมื่อเราเช็ดไปแล้วนั้นน้ำยาต่าง ๆที่เราใช้เช็ดจะเข้าไปฝังอยู่ภายในทำให้ผ้านุ่ม ดูเหมือนใหม่ (ฟังดูดีจังนะครับ)แต่เมื่อใดที่สารดังกล่าวเสื่อมก็จะกลายเป็นสารที่มีความหนืดสูงซึ่งจะทำให้ผ้าแข็งขึ้นทำให้ต้องทาซ้ำใหม่เพื่อให้กลับมานิ่มเหมือนเดิม โดยจริง ๆ แล้วนั้นบางบริษัทที่มีรถยนต์ระดับหรูหราเขาจะใช้ Vaseline ทา บาง ๆจะทำให้ผ้าไม่กรอบง่ายแต่ต้องทาบ่อย ๆเพราะเขาจะติดอยู่แค่ผิวนอก หลุดออกได้ง่ายหน่อย แหมถ้าอยากจะใช้เบาะหนังแท้ให้สวยก็ต้องรักษากันหน่อยละครับ 1.2) เบาะหนังเทียม - รักษาง่ายกว่าวัสดุตัวอื่น - ไม่เก็บความชื้น - อมความร้อน - ผิวสัมผัสไม่สบาย อบ - ไม่ทนทานเท่าวัสดุตัวอื่น ๆวิธีการรักษาของวัสดุตัวนี้ไม่ยุ่งยากจัดได้ว่าง่ายที่สุดก็ได้ครับลองมาฟังดูแลัวจะรู้ว่าง่ายจริงๆ - อย่าให้โดนแดดบ่อยนักอันนี้เป็นเหมือนกันทุกอย่างแหละครับโดยบ่อย ๆ เสื่อมเร็วอย่างเช่นยางต่าง ๆ เนี่ยเสื่อมเร็วกว่าเมืองนอกตั้งเยาะ นำเข้าก็แพง ภาษีโหดร้ายเลยต้องทน ๆ เอา - ถ้าเบาะเลาะก็ใช้ผ้าชุบน้ำให้แล้วบิดพอหมาดเช็เเหมือนกับที่เช็ดแผงประตูหรือแผงหน้าปัทแหละครับคุณสมบัติไม่ต่างกันเท่าใหร่ -สำหรับเบาะชนิดนี้ก็ยังอุตส่าห์มีน้ำยามาเคลือบเงาอีกบางทีน้ำยาเคลือบเงาแพงกว่าค่าผ้าเสียอีกนะครับอย่างครั้งก่อนผมไปที่ห้างดังแห่งหนึ่ง ต้องการจะซื้อสินค้าประเภทรักษาเครื่องหนังเลยเข้าไปถามที่พนักงานขายสิ่งแรกที่เขาแนะนำให้เป็นน้ำยาเคลือบเงาเบาะรถยนต์ราคา พันกว่าบาท พอเห็นว่าผมเริ่มไม่สนในก็แนะนำตัวที่ถูกลงมา เหลือ 700บาท ผมก็เลยถามว่าแล้วที่ถูกกว่านี้มีใหมเขาตอบว่าใช้ยี่ห้ออื่นที่ทำในไทยแล้ว จะทำให้ผ้าแฉะ แหมอยากก้านคอเจ้าหมอนั่นจริง ๆของไทยไม่นิยมผมเลยซื้อให้เห็นเสียเลย แหมก็แค่ประมาณ 70 บาทเองถูกกว่าตั้งเยาะใช้ได้เหมือนกัน 1.3) เบาะกำมะหยี่,เบาะผ้า - ไม่อมความร้อน - มีผิวสำผัสที่รู้สึกดีกว่าหนังเทียม - ดูหรูหรา ภูมิฐานรองมาจากหนังแท้ - มีความคงทนสูง (ถ้าใช้และดูแลอย่างถูกวิธี) - รักษายาก - เก็บความชื้นได้ดี - มีกลิ่นอับง่าย 2. น้ำมันเติมที่เติมได้ก็มีพวก เบนซิน91 เบนซิน95 โซฮอลล์91 โซฮอลล์95 อันอื่นผมไม่แน่ใจว่ามีเติมได้อีกรึเปล่า แต่ผมใช้ เบนซิน91 กับ โซฮอลล์95 ถ้าพวกเบนซิน95ผมว่ามันไม่จำเป็นต้องเติมขนาดนั้น ส่วนโซฮอลล์91ไม่แนะนำ 3. ไฟท้ายโดนัทธรรมดาราคาตกอยู่ประมาณ3000 แต่ถ้าเป็นของตัว2.0ก็ประมาณ4000 หาซื้อได้ในเวปเรานี่แหละครับไปดูที่ฟอรั่มซื้อขายได้เลย 4. เบาะหนังก็ไปดูที่ฟอรั่มซื้อขายได้เลยเหมือนกันครับลองเลือกดูเอาตามความสะดวกและความพอใจ เท่าที่เห็นหุ้มหนังแท้ทั้งหมดก็เห็นตกอยู่ประมาณหมื่นหน่อยๆ ปล. ข้อ1ที่เอามาตอบผมเอามาจาก http://www.volvomania.com/forum/index.php?topic=1008.0 มาตอบให้นะครับ ปล.2 ขอให้มีความสุขกับการได้ขับ ES นะคร้าบบบบ |
InDePenDent พิมพ์ว่า: | ||
ตอบทีละข้อละกันนะครับ 1. 1.1) เบาะหนังแท้ - ไม่อมความร้อน - มีผิวสำผัสที่รู้สึกดีกว่าวัสดุชนิดอื่น - ดูหรูหรา ภูมิฐาน - มีความคงทนสูง (ถ้าใช้และดูแลอย่างถูกวิธี) - รักษายากกว่าวัสดุตัวอื่น - อาจเกิดเสียงดัง ออดแอดอันเกิดจากการเสียดสีของผิวสัมผัส -เก็บความชื้นได้ดีกว่าหนังเทียม โดยทั่วไปคุณสมบัติของผ้าที่ถือว่าดีมีความคงทนถาวรที่สุดชนิดหนึ่งก็คือ หนังแท้ทั้งยังให้ความรู้สึกที่หรูหรามากกว่าผ้าชนิดอื่นแต่ราคาก็แพงกว่าอยู่มาก เรามาดูวิธีดูแลรักษากันนะครับ - อย่าให้ถูกแสงแดดนาน ๆเพราะจะทำให้ผ้ากรอบได้เร็วกว่าปกติอันเนื่องมาจากรังสี UV - พยายามอย่าโดนน้ำหรือความชื้นเพราะผ้าหนังแท้ มีคุณสมบัติซึมน้ำได้พอสมควรและที่สำคัญเมื่อหนังเกิดความชื้นขึ้นจะทำให้ตัวแบททีเรียที่ฝังอยู่ข้างใน ออกมาเดินเพ่นพ่านส่งกลิ่นอับ -อย่าเช็ดเบาะด้วยน้ำยาเคลือบเบาะบ่อยนักควรใช้เท่าที่จำเป็นเพราะว่าเมื่อเราเช็ดไปแล้วนั้นน้ำยาต่าง ๆที่เราใช้เช็ดจะเข้าไปฝังอยู่ภายในทำให้ผ้านุ่ม ดูเหมือนใหม่ (ฟังดูดีจังนะครับ)แต่เมื่อใดที่สารดังกล่าวเสื่อมก็จะกลายเป็นสารที่มีความหนืดสูงซึ่งจะทำให้ผ้าแข็งขึ้นทำให้ต้องทาซ้ำใหม่เพื่อให้กลับมานิ่มเหมือนเดิม โดยจริง ๆ แล้วนั้นบางบริษัทที่มีรถยนต์ระดับหรูหราเขาจะใช้ Vaseline ทา บาง ๆจะทำให้ผ้าไม่กรอบง่ายแต่ต้องทาบ่อย ๆเพราะเขาจะติดอยู่แค่ผิวนอก หลุดออกได้ง่ายหน่อย แหมถ้าอยากจะใช้เบาะหนังแท้ให้สวยก็ต้องรักษากันหน่อยละครับ 1.2) เบาะหนังเทียม - รักษาง่ายกว่าวัสดุตัวอื่น - ไม่เก็บความชื้น - อมความร้อน - ผิวสัมผัสไม่สบาย อบ - ไม่ทนทานเท่าวัสดุตัวอื่น ๆวิธีการรักษาของวัสดุตัวนี้ไม่ยุ่งยากจัดได้ว่าง่ายที่สุดก็ได้ครับลองมาฟังดูแลัวจะรู้ว่าง่ายจริงๆ - อย่าให้โดนแดดบ่อยนักอันนี้เป็นเหมือนกันทุกอย่างแหละครับโดยบ่อย ๆ เสื่อมเร็วอย่างเช่นยางต่าง ๆ เนี่ยเสื่อมเร็วกว่าเมืองนอกตั้งเยาะ นำเข้าก็แพง ภาษีโหดร้ายเลยต้องทน ๆ เอา - ถ้าเบาะเลาะก็ใช้ผ้าชุบน้ำให้แล้วบิดพอหมาดเช็เเหมือนกับที่เช็ดแผงประตูหรือแผงหน้าปัทแหละครับคุณสมบัติไม่ต่างกันเท่าใหร่ -สำหรับเบาะชนิดนี้ก็ยังอุตส่าห์มีน้ำยามาเคลือบเงาอีกบางทีน้ำยาเคลือบเงาแพงกว่าค่าผ้าเสียอีกนะครับอย่างครั้งก่อนผมไปที่ห้างดังแห่งหนึ่ง ต้องการจะซื้อสินค้าประเภทรักษาเครื่องหนังเลยเข้าไปถามที่พนักงานขายสิ่งแรกที่เขาแนะนำให้เป็นน้ำยาเคลือบเงาเบาะรถยนต์ราคา พันกว่าบาท พอเห็นว่าผมเริ่มไม่สนในก็แนะนำตัวที่ถูกลงมา เหลือ 700บาท ผมก็เลยถามว่าแล้วที่ถูกกว่านี้มีใหมเขาตอบว่าใช้ยี่ห้ออื่นที่ทำในไทยแล้ว จะทำให้ผ้าแฉะ แหมอยากก้านคอเจ้าหมอนั่นจริง ๆของไทยไม่นิยมผมเลยซื้อให้เห็นเสียเลย แหมก็แค่ประมาณ 70 บาทเองถูกกว่าตั้งเยาะใช้ได้เหมือนกัน 1.3) เบาะกำมะหยี่,เบาะผ้า - ไม่อมความร้อน - มีผิวสำผัสที่รู้สึกดีกว่าหนังเทียม - ดูหรูหรา ภูมิฐานรองมาจากหนังแท้ - มีความคงทนสูง (ถ้าใช้และดูแลอย่างถูกวิธี) - รักษายาก - เก็บความชื้นได้ดี - มีกลิ่นอับง่าย 2. น้ำมันเติมที่เติมได้ก็มีพวก เบนซิน91 เบนซิน95 โซฮอลล์91 โซฮอลล์95 อันอื่นผมไม่แน่ใจว่ามีเติมได้อีกรึเปล่า แต่ผมใช้ เบนซิน91 กับ โซฮอลล์95 ถ้าพวกเบนซิน95ผมว่ามันไม่จำเป็นต้องเติมขนาดนั้น ส่วนโซฮอลล์91ไม่แนะนำ 3. ไฟท้ายโดนัทธรรมดาราคาตกอยู่ประมาณ3000 แต่ถ้าเป็นของตัว2.0ก็ประมาณ4000 หาซื้อได้ในเวปเรานี่แหละครับไปดูที่ฟอรั่มซื้อขายได้เลย 4. เบาะหนังก็ไปดูที่ฟอรั่มซื้อขายได้เลยเหมือนกันครับลองเลือกดูเอาตามความสะดวกและความพอใจ เท่าที่เห็นหุ้มหนังแท้ทั้งหมดก็เห็นตกอยู่ประมาณหมื่นหน่อยๆ ปล. ข้อ1ที่เอามาตอบผมเอามาจาก http://www.volvomania.com/forum/index.php?topic=1008.0 มาตอบให้นะครับ ปล.2 ขอให้มีความสุขกับการได้ขับ ES นะคร้าบบบบ |
olemanoch พิมพ์ว่า: |
ผมมีคำถาม อยากทราบ หลายเรื่องครับ ถ้าสมาชิกท่านใดตอบได้ กรุณาช่วยหน่อยนะ
1 รถผมเป็นเบาะกำมะหยี่ แตกต่าง กับ เบาะหนัง อะไรบ้าง 2 เติมน้ำมันชนิดไหนได้บ้าง 3 อยากเปลี่ยนไฟท้ายเป็น รุ่น โดนัท ได้ปะ ราคาเท่าไหร่ ซื้อที่ไหน นอกจาก ศูนย์ 4 ถ้าอยากเปลี่ยนเบาะหนัง มีร้านไหน ราคาเท่าไร่ ขอบคุณมากครับ มาโนชญ์ 081 939 6001 |
olemanoch พิมพ์ว่า: | ||||
พี่ มีอีกคำถาม 1. มีร้านทำ สเกิรต์ ที่ดี ๆ และไม่แพง ปะ |
ไปที่: |