วิธีแก้ปัญหารถยนต์หลังน้ำลด
สถานการณ์ของอุทกภัยในประเทศที่กำลังส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อยานพาหนะที่ ไม่สามารถ เคลื่อนย้ายได้ทัน รถจมน้ำ คือ สิ่งที่แย่สำหรับเจ้าของที่จะต้องหาทางนำมันกลับมาซ่อมแซมหลังจากน้ำลดหรือ ไม่ก็ขายทิ้ง มาดูกันครับว่า วิธีแก้ปัญหารถยนต์ หลังน้ำลด ต้องทำอย่างไรบ้าง
- อย่ารีบสตาร์ทเครื่องยนต์รถ ที่เพิ่งเอาขึ้นจากน้ำ หรือน้ำลดลงไปจากการท่วมมิดเครื่องยนต์เป็นอันขาด เพราะน้ำที่แทรกซึมอยู่ในเครื่องยนต์ อาจจะทำให้กลไกภายในตัวเครื่องเสียหายได้ เช่น ก้านสูบกับก้านกระทุ้งวาล์ว
- ห้ามพ่วงต่อกระแสไฟ เช่น พ่วงแบตเตอรี่ เพื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ สำหรับรถที่ใหม่กว่ารุ่นปี ค.ศ. 1989 หรือ พ.ศ. 2532 ซึ่งจะทำให้อุปกรณ์เสียหายได้ ดังนี้ ไดชาร์จ, กล่องสมองกลไฟฟ้าควบคุมเครื่องยนต์ (ECU), กล่องควบคุมเกียร์หรือระบบควบคุมการทรงตัว, ระบบช่วยเสริมแรงเบรก หรือระบบป้องกันล้อล็อก รวมถึงอุปกรณ์ไฟฟ้าในระบบเครื่องเสียง ซึ่งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เหล่านี้ ส่วนใหญ่แล้วมีราคาค่อนข้างสูงมาก
- เมื่อรู้ว่าไม่สามารถขนย้ายรถยนต์ออกจากพื้นที่น้ำท่วม ควรถอดสายไฟที่เชื่อมต่อกับแบตเตอรี่ออกทันที แล้วยกแบตเตอรี่ออกจากช่องเก็บ ถ้าทำไม่ทัน แบตเตอรี่จมน้ำอยู่อาจทำให้เกิดกระแสไฟฟ้าลัดวงจร ซึ่งจะสร้างความเสียหายในระดับที่ร้ายแรง เมื่อน้ำแห้งแล้ว วงจรของการเชื่อมต่อระหว่างสายไฟขั้วบวก-ลบ หากยังไม่เอาสายไฟที่เชื่อมต่อออก แล้วมีกระแสไฟเข้าไป มันจะก่อให้เกิดการลัดวงจรแบบทันที จึงควรรีบถอดสายแบตเตอรี่ออกทันที ที่สามารถกู้รถให้พ้นจากพื้นที่น้ำท่วม
- ก่อนจะต่อขั้วแบตเตอรี่เข้ากับรถอีกครั้งหลังจากพ้นน้ำแล้ว จะต้องถอดฟิวส์ในกล่องควบคุมของระบบถุงลมนิรภัยเพื่อตัดการทำงาน หากวงจรไฟฟ้าในระบบถุงลมนิรภัยเกิดลงดินหรือช็อตลัดวงจรโดยที่ยังไม่ได้ถอดฟิวส์ออก ถุงลมนิรภัยของใหม่ที่มีมูลค่าหลายหมื่นบาทในรถยนต์แทบทุกรุ่นหรือบางรุ่น ราคาเป็นแสน (ทั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า-หลัง ม่านนิรภัย) อาจระเบิดขึ้นเองได้จากการลัดวงจรของระบบ
- เมื่อทำการตรวจสอบรถยนต์ ที่เพิ่งกู้ให้พ้นจากพื้นที่น้ำท่วมแล้ว หากพบน้ำในที่เขี่ยบุหรี่ แสดงว่าน้ำคงเข้าไปถึงระบบไฟฟ้าบนหน้าปัดหรือคอนโซล มาตรวัด จอมัลติฟังก์ชั่น และสวิตช์สั่งงานควบคุมระบบต่างๆ โดยที่วงจรของระบบเหล่านั้น สามารถนำออกมาทำความสะอาดและเป่าแห้งโดยช่างผู้ชำนาญ แต่มันอาจตามมาด้วยปัญหาของวงจรในการใช้งานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่จมน้ำ หรือเปียกน้ำ อายุการใช้งานอาจสั้นลงมาก
- ระบบส่งกำลัง ถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติกับชุดทอร์กคอนเวิร์ตเตอร์ ต้องถอดออกมาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันไฮดรอลิกและแยกชิ้นส่วนทั้งหมดออกมาทำความ สะอาดทุกชิ้นส่วน รวมถึงน้ำมันเฟืองท้ายและชุดฟันเฟืองของเฟืองท้าย ชุดส่งกำลังทรานสเฟอร์ของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ
- เมื่อตรวจสอบระบบส่งกำลัง ควรตรวจเช็กลูกปืนล้อทั้งสี่ล้อ โดยนำออกมาทำความสะอาดแล้วอัดสารหล่อลื่นพวกจาระบีใหม่ทั้งหมด
- ยางหุ้มเพลาที่ขาด อาจมีน้ำเข้าไปแทนที่จาระบีภายใน ต้องถอดออกมาทำความสะอาด เปลี่ยนยางหุ้มเพลาใหม่ และอัดจาระบีใหม่ หลังจากทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว รวมถึงลูกปืนล้อทั้งสี่ ที่ต้องถอดออกมาทำความสะอาด แล้วอัดจาระบีใหม่ด้วยเช่นกัน
ระบบระบายความร้อน เช่น หม้อน้ำ ต้องถ่ายน้ำทิ้งทั้งหมด แล้วเติมน้ำใหม่พร้อมน้ำยาลดอุณหภูมิน้ำในส่วนพัดลมไฟฟ้า อาจได้รับความเสียหายเนื่องจากแช่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน มอเตอร์พัดลมข้อต่อสายไฟต่างๆ ควรถอดออกแล้วทำความสะอาดโดยการเป่าแห้งแล้วตากแดด
- รถที่จอดแช่น้ำ เพียงแค่ครึ่งล้อเป็นเวลานาน จะทำให้ระบบเบรกเกิดความเสียหาย บางรายถึงกับต้องซ่อมหรือเปลี่ยนเบรกกันทั้งระบบ ให้ทำการตรวจเช็ค โดยการเปลี่ยนของเหลวพวกน้ำมันเบรก สายไฟเซนเซอร์ของระบบช่วยเบรก พวก ABS /BA ในรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีติดตั้ง ข้อต่อสายไฟที่เชื่อมต่อกับชุดควบคุม ลองถอดออกแล้วทำความสะอาด เป่าขั้วต่อให้แห้งก่อนการเสียบกลับคืนเพื่อทดสอบว่ามันยังสามารถใช้งานได้ หรือไม่
- แร็คพวงมาลัย โดยเฉพาะพวงมาลัยพาวเวอร์ ทั้งปั๊มไฟฟ้าและปั๊มสายพาน เป็นอีกอย่างหนึ่งที่จะต้องตรวจระบบรองรับพวกโช๊คอัพ ลูกหมากปีกนก ยางรองรับห่อหุ้ม ควรเปลี่ยนถ้าพบความเสียหาย
- กล่องฟิวส์ รีเลย์เซ็นเซอร์ ต้องได้รับการตรวจเช็คให้แน่ใจ ว่าไม่มีอะไรเสียหาย โดยเฉพาะกล่องฟิวส์ถ้าเกิดมีการจมน้ำเป็นเวลานาน ควรเปลี่ยนใหม่ทันที รวมถึงจานจ่าย เพราะหากใช้งานต่อไป จะทำให้เครื่องยนต์สั่น ส่วนแผงวงจร ควรล้างทำความสะอาจด้วยน้ำ หลังจากนั้นจึงนำไปอบที่ความร้อน 120F (120 องศาฟาเรนไฮต์) ประมาณ 30 นาที แล้วพ่นด้วยสเปรย์แล็กเกอร์เคลียร์ก่อนจะนำมาใช้ใหม่ ซึ่งมันอาจได้รับความเสียหายจนไม่สามารถใช้งานได้อีกต่อไป ซึ่งก็อาจเป็นไปได้เช่นกัน
- ตรวจสอบระบบปรับอากาศ คลัตซ์ของคอมเพรสเซอร์แอร์ อุปกรณ์ที่เสี่ยงต่อความเสียหายมากทีี่สุดหลังจากแช่น้ำ เช่น ชุดควบคุมอุณหภูมิแบบดิจิตอลภายในห้องโดยสาร
- ถอดพรมรองพื้นออกมาทำความสะอาดทั้งหมด แล้วผึ่งรถ โดยจอดตากแดด และเปิดประตูทุกบานจนกว่าภายในห้องโดนสารจะแห้ง และกลิ่นอับลดลง