ESปี02 Vtect Auto กล่องECUเสีย สตาร์ทไม่ติด
1-ช่างบอกกล่องเสียเพราะไม่มีไฟมาจ่ายที่คอยล์เลย
2-เอากล่องไปที่เซียงกงบางนา ร้านเช็คแล้วเสียจริง เลยซื้อกล่องมาลอง ตอนโทรถามช่างบอกราคา2500 พอไปถึงร้านไปเอากล่องร้านอื่นมาให้ราคา4000 บอกว่ากล่องที่บอก2500ใช้กันไม่ได้
3-เอากล่องราคา4000มาลองแล้ว มีไฟมาจ่ายที่คอล์ย แต่ช่างบอกหัวฉีดไม่ยกเลยสตาร์ทไม่ติด ผมอยู่ด้วย สตาร์ทไม่ติดจริงๆ
4-ไปเปลี่ยนเอากล่องอีกใบที่บอกราคา2500 ที่ร้านมาลอง(ซื้อจริงร้านคิด3000)เสียบปุ๊บไฟเกียร์Dกระพริบๆ สตาร์ทก็ไม่ติด ช่างเช็คดูมีไฟจ่ายที่คอล์ย แต่หัวฉีดไม่ยกเหมือนเดิม
5-ช่างสรุปเสียที่กล่องแน่ๆ 
รบกวนขอคำแนะนำจากเพื่อนๆพี่ๆในเว็บด้วยครับว่าควรทำไงต่อครับ

ขอบคุณครับ
เอากล่องเดิมไปที่ร้านกล่องที่เซียงกงเช็คแล้วครับ บอกว่าเสียจริง 
กล่องเดิมคือไฟไม่มาจ่ายที่คอล์ยเลย แต่กล่องใหม่ที่มาลองสองกล่อง ไฟมาจ่ายคอล์ย แต่หัวฉีดไม่ยกครับ

การตรวจสอบการทำงานของระบบเครื่องยนต์ ช่างจะต้องรู้ว่าการทำงานการคอนโทรลเครื่องยนต์ด้วย ECU มันทำงานอย่างไร ตั้งแต่เริ่มต้นการสตาร์ทเครื่องยนต์ มีองค์ประกอบอะไรที่จะทำให้ระบบการสตาร์ทเครื่องยนต์ทำงานสตาร์ทติดได้ และมีส่วนไหนบ้างที่ทำงาน มีเป็นขั้นเป็นตอนในแต่ละภาคส่วน อย่าคาดว่าคิดว่า น่าจะเป็น โดยใช้ความรู้สึก สมัยนี้มีเครื่องทางอีเลคโทรนิคเข้ามาวิเคราะห์ปัญหาการทำงานของเครื่องยนต์หลากหลายรูปแบบ ที่สามารถมองเห็นการทำงานของวงจรทางอีเลคโทรนิคส์ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานในส่วนของสัญญาณพัลส์ต่างๆ ที่ได้จากระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ ที่เป็นตัวส่งข้อมูลไปให้ ECU รับทราบข้อมูล แล้วทำการแก้ไข สร้างสัญญาณต่างๆขึ้น ให้ไปใช้ในภาคส่วนต่างๆทำงานให้เครื่องยนต์ติด ภายใต่การควบคุมของECU ซึ่งมากมายที่จะกล่าวถึง

ก็อยากให้แนวทางในการแก้ไขในการตรวจสอบ กล่อง ECU ว่ามันเสียจริงหรือไม่ ในกรณีที่เจ้าของกระทู้บอกมาว่าช่างบอกว่ากล่อง ECU เสีย ไม่มีไฟจจ่ายไปที่ตัวคอยน์จุดระเบิด การกล่าวเช่นนี้เป็นการกล่าวแบบคาดว่า การที่ไม่มีไฟสูงออกที่ตัวคอยน์ อาจจะไม่ใช่เพราะ ECU เสีย เพราะว่าขั้นตอนการทำงานที่จะมีไฟสูงออกไปจ่ายให้กับหัวเทียน มีลำดับการทำงานสามสี่ลำดับมาจากส่วนไหนบ้าง ดังจะกล่าวต่อไปนี้

การที่จะมีไฟสูงจ่ายให้กับหัวเทียนหรือในวงจรจุดระเบิด จะเริ่มต้นด้วยเซ็นเซอร์ พวกแคร้งชาร์ปเซ็นเซอร์ TDC sensor หรือแคมชาร์ปเซ็นเซอร์ แล้วแต่ชนิดของเครื่องยนต์แต่ละต่าย ที่ตัว TDC sensor จะทำหนาที่ตรวจจับมุมองศาการเคลื่อนที่ของลูกสูบหรือจากเพลาข้อเหวี่ยงจากแคร้งชาร์ป ซึ่งที่ตัวเซ็นเซอร์จะสร้างสัญญาณพัลส์โวลเต็จที่ได้จากมุมองศาการเคลื่นที่ของลูกสูบหรือแคร้งชาร์ป แล้วส่งสัญญาณพัลส์นี้ไปให้ ECU เมื่อ ECU รับข้อมูลนี้ มันก็จะสร้างสัญญาณพัลส์จุดระเบิดขึ้นมาแล้วส่งไปให้วงจรช่วยจุดระเบิดทำการสร้างไฟโวลเต็จสูงจ่ายให้กับหัวเทียน

ดังนั้นเราจะเห็นว่าการที่จะวิเคราะห์ปัญหาว่าไม่มีไฟจุดระเบิดจ่ายให้กับหัวเทียนจะเหมาว่าเป็นที่กล่องECU ทันทีเลยไม่ได้ เพราะเราจะต้องทราบว่า ที่ตัว TDC sensor มันส่งสัญญาณพัลส์โวลเต็จไปให้ECU หรือเปล่าเป็นประการแรก ประการที่สอง เมื่อ ECU ได้รับสัญญาณพัลส์ จากTDC sensor แล้วมันสร้างสัญญาณพัลส์IGT สัญญาณจุดระเบิดขึ้นมาหรือเปล่า ก่อนที่จะส่งไปให้วงจรจุดระเบิด ประการที่สาม หาก ECU มีการสร้างสัญญาณ IGT เป็นสัญญาณจุดระเบิดส่งไปให้วงจรช่วยจุดระเบิด แต่ไม่มีไฟสูงออกที่หัวเทียน ก็ต้องตรวจวงจรช่วยจุดระเบิด ซึ่งวงจรช่วยจุดระเบิดบางค่ายรถพบว่าแยกออกจากกล่อง ECU ไปอยู่ที่ชุดโมดูลแยกต่างหาก

ดังนั้นปัญหานี้จึงไม่สามารถใช้ความรู้สึกตัดสินปัญหาว่าเสียที่กล่องECU เป็นการเฉพาะไม่ได้ จึงจำเป็นที่จะต้องมีเครื่องมือตรวจวิเคราะห์การทำงานของสัญญาณพัลส์ต่างๆด้วยเครื่องมือทางอีเลคโทรนิคส์ พวก DIGITAL OSCILLOSCOPEที่สามารถตรวจจับสัญญาณพัลส์ตามที่กล่าวมาแล้วว่า สัญญาณพัลส์เหล่านั้นมันมีปกติหรือไม่มี และสามารถเห็นรูปแบบเว็ฟฟอร์มของสัญญาณที่เกิดขึ้น บนหน้าจอของออสซิลโลสโคปเราก็จะทราบทันที่ว่ามันขาดหายหรือเสียที่ส่วนใด เมื่อสัญญาณพัลส์ในกล่องECUเป็นปกติ ก็ตรวจสอบต่อไปว่าวงจรช่วยจุดระเบิดทำงานปกติหรือไม่ นี้เป็นการตรวจสอบด้วยเครื่องมือทางอีเลคโทรนิคส์ที่ถูกต้อง ไม่มีการเดาใดๆว่าเป็นที่ตรงโน้นตรงนี้

งั้นช่างที่ซ่อมจะต้องวิเคราะห์ตามที่ผมกล่าวให้ได้ก่อน แล้วจึงชี้ชัดไปว่าเสียที่ส่วนไหน กับสิ่งที่เจ้าของกระทู้บอกว่าลองเปลี่ยนกล่องใหม่แล้ว ปรากฏว่ามีไฟสูงออก แต่หัวฉีดไม่ทำงาน ซึ่งตรงนี้อยากจะให้ข้อวิเคราะห์ดังนี้ ปกติแล้วเมื่อเริ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ สัญญาณที่ได้จากTDC sensor จะส่งไปให้ ECU สร้างสัญญาณพัลส์จุดระเบิดแล้ว ยังสร้างสัญญาณพัลส์ให้กับหัวฉีดอีกด้วย ดังนั้นการที่หัวฉีดไม่ทำงานจึงจำเป็นต้องตรวจสอบสัญญาณพัลส์จากกล่อง ECU ว่ามีสัญญาณพัลส์หัวฉีดหรือไม่ ก็โดยใช้เครื่องมือ ออสซิลโลสโคป มาตรวจจับสัญญาณพัลส์ของหัวฉีด ว่ามีหรือไม่ โดยมากแล้วจะมีปกติ แต่ช่างบางที่บางอู่ไม่รู้ว่าสัญญาณพัลส์หัวฉีดตรวจสอบได้อย่างไร ก็บอกว่าหัวฉีดไม่ยก ความจริงข้อนี้แล้วจะบอกว่าสัญญาณพัลส์ไม่มีอย่างเดียวไม่ได้

ช่างจะต้องรู้หลักการทำงานของวงจรหัวฉีดว่ามันทำงานเกี่ยวพันธ์กับส่วนอื่นที่ส่วนไหนบ้าง การที่จะตรวจสอบวงจรของหัวฉีดน้ำมัน นอกจากจะวัดตรวจจับสัญญาณพัลส์หัวฉีดแล้วด้วยเครื่องมือออสซิลโลสโคป ยังจะต้องตรวจสอบองประกอบของระบบหัวฉีดอีกว่ามันปกติหรือเปล่า บางครั้งมีสัญญาณหัวฉีดออกมาจาก ECU แต่หัวฉีดไม่ฉีดน้ำมัน ก็ให้พึงรู้ว่าในระบแรงดันน้ำมันในท่อรางหัวฉีดมันไม่มีแรงดันน้ำมัน ซึ่งมาจากหลายส่วน เช่นปั้มติ๊กในถังน้ำมันเสื่อม ทำให้ไม่มีแรงส่งน้ำมันเข้ารางหัวฉีด หรือกรองเบ็นซิลตัน ซึ่งข้อมมูลนี้ ทำให้ช่างหลงเข้าดงเข้าป่าเที่ยวเสียเพลิน หาทางแก้ไม่ถูกจุด เมื่อแรงดันน้ำมันในท่อรางหัวฉีดมีน้อย มันไม่สามารดันน่ำมันผ่านรูหัวฉีดออกไปได้ ต่อให้มีสัญญาณพัลส์โวลเต็จหัวฉีดมาที่หัวฉีดให้หัวฉีดยกเข็มพ้นบ่าวาวล์แล้วก็ตาม ก็จะไม่มีน้ำมันออกที่หัวฉีด ช่างก็เลยเหมาว่ากล่องECU เสียซะง้านแระ

ทางที่ดีสำหรับรถที่ใช้เชื้อเพลิงสองระบบ แกสและน้ำมัน หรือน้ำมันE85 ส่วนมากปั้มติ๊กจะเสื่อมสภาพ ทำให้ไม่สามารถมีแรงส่งน้ำมันเข้าท่อรางหัวฉีด หรือตัวเร็คกูเรเตอร์ชำรุดก็ได้ ทำให้ไม่มีแรงดันน้ำมันผ่านหัวฉีดได้ ลองตรวจสอบข้อนี้ด้วย ซึ่งการตรวจสอบวิเคราะห์อาการเสียของเครื่องยนต์ด้วยเครื่อมืออีเลคโทรนิคส์ มีหลายรูปแบบและหลายขั้นตอน ไม่สามารถเอามาบอกรายละเอียดกันได้ เพราะเนื้อหามันมากอาจจะขี้เกียจอ่าน

อยากจะารุปสั้นๆว่า เมื่อมีการเปลี่ยนก่อง ECU แล้ว ไม่มีสัญญาณพัลส์ของหัวฉีดหรือหัวฉีดไม่ทำงาน ให้ทดลองตรวจสอบเรื่องแรงดันน้ำมันของปั้มติ๊กในถังว่าปกติหรือไม่ตามที่กล่าวไว้ข้างบน ก็ขอจบไว้แค่นี้ก่อน มีปัญหาอะไรก็มาแจ้งไว้ มีเวลาจะเข้ามาตอบให้ครับ.... srithanon

ขอบคุณครับ ได้ความรู้มากๆเลยครับ พอจะเข้าใจขึ้นบ้างแล้ว อย่างงี้ถ้าเราลองเอาปั๊มติ๊ก ที่ใช้งานไม่มีปัญหามาลองเปลี่ยน แล้วยังสตาร์ทไม่ติดก็แสดงว่าเสียที่กล่องใช่ป่าวครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลอีกครั้งนะครับ

อ่อ ต้องเช็คกรองเบนซินด้วยนี่นา

การตรวจสอบปั้มติ๊กเบื้องต้นแบบง่ายๆ ก็ให้ดึงท่อยางที่มาจากถังน้ำมันมาเข้าที่กรองเบ็นซิล เอาออกตรงทางเข้ากรองเบ็นซิล แล้วลองบิดสวิชกุญแจไปตำแหน ON หากมีน้ำมันพุ่งออกมาแรงจากปลายท่อที่เอาออกแสดงว่านย่าจะปกติ หากพุ่งออกจากปลายท่ออ่อยๆก็กลับบ้านเก่า สังเกตุฟังเสียงตัวปั้มติ๊กทำงาน จะมีเสียงดังมากไม่ค่อยเงียบ หรือถอดท่อยางทางเข้าที่ท่อแรงดันน้ำมันของหัวฉีดออกก็ได้ หากไหลอ่อยๆปั้มติ๊กเสื่อมไม่มีแรงดัน หรือตัวเรคกูเลเตอร์เสีย หากเช็คตรงนี้ ต้องดูว่าที่อดสายท่อเข้ากรองเบ็นซิลออกครั้งแรกแล้วพุ่งแรงแต่มาเช็คตรงนี้กลับไม่ค่อยมีแรงดันน้ำมัน ตัวเรคกูเลเตอร์มีปัญหา ลองตามนี้ก่อน...srithanon

-ขอบคุณคร๊าบบบบ

อ่านดูอีกรอบแล้วมีข้อสงสัยครับ ถ้ามีสัญญานพัลส์โวลเตจหัวฉีดจากECUมาที่หัวฉีด หัวฉีดจะต้องยกใช่ไหมครับ ส่วนจะจ่ายน้ำมันหรือไม่จ่ายน้ำมันอาจะเป็นที่ปั๊มติ๊กหรือส่วนอื่นๆ
อย่างงี้ถ้าเปิดสวิทซ์แล้วยังเห็นว่าหัวฉีดไม่ยกแสดงว่าไม่มีสัญญานพัลส์จากECUมาที่หัวฉีด ผมเข้าใจถูกไหมครับ

ขอดูโค้ดกล่องหน่อยคร้าบผม
ได้ชุดปลั๊กสตาร์ทมาด้วยป่าว

การตรวจสอบสัญญาณพัลส์ของหัวฉีด ว่ามีหรือไม่มี มีหลายวิธีตั้งแต่ตรวจเช็คด้วย Oscilloscope และการใช้ โอมห์มิเตอร์วัดทั่วไปก็สามารถวัดได้

มาตอบคำถามที่ว่า หากบิดสวิชกุญแจมาที่ตำแหน่ง ON สัญาณพัลส์หัวฉีดจะทำงานหรือไม่ อยากจะอธิบายอย่างนี้ การที่จะบิดสวิชกุญแจรถมที่ตำแหน่ง ON ไม่ได้หมายความว่าจะมีสัญญาณพัลส์หัวฉีดออกมา จะต้องสตาร์ทเครื่องยนต์ให้ฟลายวีลเครื่องยนต์หมุน เพื่อขับเพลาข้อเหวี่ยงให้หมุน เมื่อเพลาข้อเหวี่ยงหมุนก็จะทำให้ TDC sensor จับมุมองศาการเคลื่อนที่ของลูกสูบส่งไปให้ ECU ผลิตสัญญาณพัลส์จุดระเบิดและสัญญาณพัลส์ของหัวฉีดออกมาในเวลาเดียวกัน ดังนั้นหากบิดสวิชกุญแจมราที่ตำแหน่ง ON จะไม่มีสัญญาณพัลส์ จุดระเบิดและสัญญาณหัวฉีด จึงไม่ทำให้หัวฉีดน้ำมันยกเข็มบ่าวาวล์เปิดให้น้ำมันผ่านออกจากหัวฉีดได้

ดังนั้นหากจะวัดสัญญาณพัลส์ของหัวฉีดและสัญญาณการจุดระเบิดและสัญญาณหัวฉีด จะต้องวัดจากการใช้ Oscilloscope ทำการวัดจับสัญญาณพัลส์ที่เกืดขึ้น ขณะที่เพลาข้อเหวี่ยงเริ่งเคลื่อนที่ จะเห็นรูปร่างของสัญญาณพัลส์ทั้งสองออกมาบนหน้าจอ Oscilloscope ที่สามารถวิเคราะห์ช่วงของความกว้างของสัญญาณพัลส์ ว่าหัวฉีดมีเวลายกบ่าวาล์ได้นานกี่มิลลิ้เซ็ค รู้ค่าของโวลเต็จของสัญญาณที่เกิดขึ้น วัดออกมาเป็นโวล RMS หรือ Peak to peak และอ่านค่าระยะเวลาการเกิดพัลส์ในคาบเวลาตาอไปห่างกันกี่มิลลิเซ็ค นี้คือผลของการวิ้คราะห์ตรวจจับสัญญาณพัลส์ด้วย Digital oscilloscope

และถ้าหากว่าไม่มี Oscilloscope ตรวจจับสัญญาณนี้ แล้วมีวิะีอื่นๆหรือไม่ ตอบว่ามี แต่เพียงให้รู้ว่ามีสัญญาณหัวฉีดเกิดขึ้นจริง ไม่สามารถเห็นรูปร่างของสัญญาณ รู้แต่แว่ามัสัญญาณพัลเกิดขึ้นและทำงานเท่านั้น มีหลายอย่างที่ทำได้ แต่ที่ง่ายๆก็คือใช้ VOM meter หรือโอมห์มิเตอร์ ที่เป็นแบบอนาล๊อค(แบบมีเข็ม) ตั้งโหมดการวัดสัณญาณ AC ที่เร้นจ์ที่ 50Vac นำสายมิเตอร์สีดำหนียกับกราวด์ตัวถังรถหรือขั่วลบของแบ็ต ส่วนสายสีแดงของมิเตอร์ ก็ให้หาสายไฟที่มีหัวหนีบทั้งสองข้าง ข้างหนึ่งนำไปหนีบกับเข็มมหมุดเย็บผ้้าที่มีปลายแหลม อีกหัวหนีบก็หนีบเข้ากับหัวสายวัดมิเตอร์ที่เป็นสายแดง จากนั้นให้นำเข็มหมุดแทงลงในเนื้อสายไฟของหัวฉีด ที่หัวฉีดมีสายไฟสองเส้น แต่เราไม่ทราบว่าสายไฟเส้นไหนควรเอาเข็มหมุกแทงลงไปให้ถูกเส้นลวดทองแดงในสายไฟ

ให้ทำตามนี้ ให้ถอกปลั็กหัวฉีดออกจากหัวฉีดใดหัวฉีดหนึ่ง จากนั้นให้บิดสวิชกุญแจไปที่ตำแหน่ง ON นำมิเตอร์ไปวัดไฟที่หัวคอนเน็คเตอร์ที่ถอดออกมา จะเป็นสายไฟเส้นไหในสองเส้นก็ได้ หากว่าวัดไฟอ่านได้สิบสองโวลท์ แสดงว่าสายไฟเส้นนั้นต่อมาจากเมนรีเรย์ผ่านสวิชท์ สายไฟเส้นนี้เราจะไม่ใช้เข็มแทงลงไปให้แทงเข็มหมุดสายไฟเส้นที่วัดโวลไม่มี เพราว่าสายไฟที่วัดไม่มีไฟจะเป็นสายไฟที่ต่อมาจากตัวทรานซิสเตอร์ ที่เป็นเพาเวอร์สวิชชิ่งทรานซิสเตอร์ ให้ทำหน้าที่ต่อไฟโวลเต็จจากสวิช ONผ่านเข้าขดลวดแม็คเนติคของหัวฉีดลงกราด์ ให้เกิดสนามแม่เหล็กดึงเข็มหัวฉีดให้ยกขึ้นพ้นบ่าวาวล์ให้น้ำมันพุ่งออกจากหัวฉีด

ในช่วงของการยกหัวฉีดนี้ ในการทำงานของการเกิดสนามแม่เหล็ก จะเกิดรูบสัญญาณพัลส์แบบ AC sine wave มียอดแหลมของสัญญาณพัลส์มีความกว้าง คือค่าเวลาที่เข็มยกพ้นบ่าวล์ใให้น้ำมันไหลผ่าน ยกนานน้ำมันก็ไหลผ่านไปมาก ยกเร็วและปิดเร็ว น้ำมันก็ผ่านน้อย ซึ่งการทำงานในรูปของการเกิดสัญญาณพัลส์แบบ AC นี้ เราจึงสามารถใช้โวลท์มิเตอร์วัดไฟในโหมด AC มาทำการวัดสัญญาณพัลส์ที่เกิดขึ้นของหัวฉีดในจังหวะสตาร์ทเครื่องยนต์หรือเครื่องยนต์ติดแล้ว แต่จะเห็นเพียงเข็มมิเตอร์วัดไฟ สวิงขึ้นไปทางขวามือและเข็มตีกลับทันที(ในจังหวะสตาร์ทเครื่อง)จะสามารถวัดโวลเต็จอ่านค่าได้ เมื่อเครื่องยนต์ติดแล้วที่ความเร็วรอบเครื่องยนต์คงที่ หากไม่คงที่เข็มมิเตอร์ก็จะสวิงไปมาอ่านไม่คงที่ เพราะว่าการเกิดสัญญาณณจุดนี้มันเกิดขึ้นไม่ต่อเนื่องและไม่เร็วพอ
ทำให้ความถี่ที่เกิดขึ้นไม่ต่อเนื่อง
ในความเป็นตจริงแล้ว หากเราไม่ใช้มิเตอร์วัด จะใช้วิธีฟังเสียงวาวล์ในหัวฉีดก็ได้ หากมันทำงานในขณะสตาร์ทเครื่องยนต์และเครื่องยนต์ติดแล้ว ก็จะได้ยินเสียงบ่าวาล์ในหัวฉีดดังแต็กๆในจังหวะยกและปิดของวาวล์ในหัวฉีด ก็พอบอกได้ว่าที่หัวฉีดมีสัญญาณมาปกติ

สรุปว่าพอทำให้รู้ว่ามีสัญญาณยกหัวฉีดเกิดขึ้นเท่านั้น หากวัดด้วยโวลท์มิเตอร์แบบอนาล๊อคมีเข็มวัดและฟังเสียงหัวฉีดทำงาน เมื่อทราบว่ามีสัญญาณหัวฉีดที่หัวฉีดแล้ว แต่ไม่มีน้ำมันไหลออกจากหัวฉีดเพื่อให้แน่ใจว่ามันไม่ไหลออกหัวฉีดจริง ก็ให้ยกหัวฉีดออกมาดูข้างนอกทั้งสี่หัวเลย ในจังหวะสตาร์ทเครื่องและได้ยินหัวฉีดทำงาน เมื่อหัวฉีดทำงานแล้วไม่มีน้ำมันออกก็ต้องตรวจสอบระบบน้ำมันทั้งวงจร ตั้งแต่ปั้มติ็ก กรองน้ำมัน เร็คกูเลเตอร์ที่รางหัวฉีด ว่ามันมีส่วนไหนไม่ทำงาน ก็จะได้คำตอบทันที

ในกรณีที่ไม่มีสัญญาณหัวฉีดออกมา ก็ต้องทดลองเปลี่ยนกล่อง(ในกรณีไม่มีเครื่องมือวัดจับสัญญาณแบบ Oscilloscope ) หากมีเครื่องมือนี้ก็จะทำการวัดว่าสัญญาณหัวฉีดที่ถูกสร้างในส่วนของเมนบอร์ด ECU จากการที่เคยตรวจซ่อม ECU นี้ พบว่าสัญญาณขาดหายไปหลังจากที่ ECU generate สัญญาณพัลของหัวฉีดออกมาแล้ว แต่วงจรที่่มีการขยายกระแสของสัญญาณพัลส์ให้มีความแรงของสัญญาณส่งไฟให้หัวฉีด ไม่ทำงานขยายสัญญาณ ทำให้ไม่มีสัญญาณพัลส์หัวฉีดส่งไปให้หัวฉีดทำงาน ซึ่งขั้นตอนนี้ช่างโดยทั่วไปยังเข้าไม่ถึงวิธีตรวจวิเคราะห์การทำงานของมัน ยกเว้นช่างที่มีความรู้ทางด้านอีเลคโทรนิคส์ ที่สามารถใช้เครื่องมือทางอีเลคโทรนิคส์ตรวจวิเคราะห์ปัญหาได้ แต่ก็จะมีไม่มากนอกจากผู้ที่สนใจศึกษาด้านอีเลคโทรนิคส์เพื่มเติม หรือนักศึกษาวิศวะเครื่องกล มีการเรียนรู้ด้านอีเลคโทรนิคส์ยายนต์ควบไปด้วย ......srithanon

เห็นภาพเลยครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ