เนื่องจากเจ้าของรถยนต์ที่ต้องการใช้น้ำมัน E85 ในรถรุ่นเก่าๆ ที่ไม่ได้ออกแบบมารองรับการใช้น้ำมัน E85 ให้สามารถใช้ได้ โดยไม่ต้องติดตั้งชุดคิท E85 แต่อย่างใดนั้นมันเป็นความจริง และก็สามารถใช้ได้ครอบคลุมกับน้ำมันตั้งแต่ เบนซิล 95 ( เลิกใช้ไปแล้ว) ไปจนถึง E10, E20 ได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งก็มีหลายๆท่านก็ทำไปแล้ว แต่ยังไม่เข้าใจว่าจะทำอย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพสมบูรณ์มากที่สุด เมือใช้กับน้ำมัน E85

ขอย้อนถึงเรื่องราวที่ผมออกมาให้ข้อมูลในความคิดเห็นส่วนตัว ที่เอามาโพสให้เพื่อนๆสมาชิกได้อ่านกันในหัวข้อ “ การเปลี่ยนหัวฉีดน้ำมันให้ใช้กับน้ำมัน E85 ข้อท็จจริงเป็นอย่างไร “ นั้น ส่วนหนึ่งผมเลี่ยงไม่กล่าวข้อจริงบางเรื่องให้เพื่อนๆทราบ เพราะว่าช่วงนั้นได้มีเพื่อนที่เป็นเจ้าของบริษัทรถมาติดต่อขอให้ผมช่วยแก้ไขวงจรชุดคิท E85 ให้ เพราะว่าเพื่อนคนนี้เดิมทีได้ไปว่าจ้างอาจารย์จากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งออกแบบมา แล้วให้เซลนำไปเสนอขายให้กับอู่รถยนต์ ต่างๆ ทั้งต่างจังหวัดและในกรุงเทพ มีปัญหาในการใช้งานของลูกค้า และสั่งทำไว้มากให้ใช้งานได้ปกติ

ก็เป็นที่มาที่ทำให้ผมเข้ามาหาข้อมูลวิเคราะห์การทำงานของระบบการจ่ายน้ำมันของหัวฉีด ที่ควบคุมการทำงานของ ECU เพื่อจะหาแนวทางในการแกไขวงจรในชุดคิท E85 ให้เพื่อน หลังจากที่ใช้เวลาไปพอสมควร เพื่อแก้ไขวงจรในชุดคิทที่มีปัญหา จนทำให้ทราบว่าแท้จริงแล้ว ทำไมจะต้องมานั่งออกแบบให้เปลืองสมองและเวลาไปทำไม ทำไมไม่เปลี่ยนอุปกรณ์บางตัวบางอย่างของระบบน้ำมัน ให้มันช่วยให้การทำงานการแก้ไขของ ECU ที่สั่งจ่ายน้ำมันให้มากขึ้นเมื่อมีการใช้น้ำมัน E85 โดยอาศัยการสร้างสัญญาณพัลส์โวลเต็จ ที่ ECU ยังคงปรับค่าคาบเวลาในการใช้กับหัวฉีดเดิม ที่ถูกออกแบบความกว้างสัญญาณพัลส์ของหัวฉีดไว้ให้ครอบคลุมเฉพาะ น้ำมันเบ็นซิล และโซฮอล 95/91 ให้มาใช้กับหัวฉีดใหม่ที่มีขนาด CC มากขึ้น และมีการปรับปรุงบางส่วนของเครื่องยนต์ เรื่ององศาไฟจุดระเบิด และระบบสายท่อยางต่างๆที่ทนต่อการใช้น้ำมัน E85 ทุกอย่างก็ไปได้สวย ไม่ต้องไปติดตั้งชุดคิท E85 ให้เปลืองกาตังค์และเสียเวลา

เมื่อได้ความรู้จากการทดลองวิเคราะห์การทำงานของระบบการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของ ECU จึงบอกไปยังเพื่อนที่ติดต่อมาให้ทราบว่า ไม่น่าจะทำออกมาขายนะครับ การที่จะใช้นำมัน E85 ไม่จำเป็นที่จะต้องไปพึ่งชุดคิดอะไร และช่วงนี้ก็มีหลายแหล่งเริ่มเข้าใจกันบ้างแล้ว แต่ยังไม่ได้เข้าถึงข้อมูลว่าจะทำอย่างไรที่จะให้มันทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ แต่เพื่อนบอกว่าอย่าเพิ่งบอกข้อมูลเหล่านี้ ขอให้เขาปล่อยชุดคิทนี้ออกไปให้หมดก่อน เพราะลงทุนไปมาก

ก็ต้องขออภัยเพื่อนๆทุกท่านด้วยมา ณ ที่นี้ด้วย ที่เบี่ยงเบนเนื้อหาบางส่วนไปในกระทู้ที่แล้ว แต่เนื้อหาทั้งหมดคือข้อมูลที่ถูกต้อง เมื่อการเปลี่ยนหัวฉีดให้มีขนาดมากขึ้นและ ใช้กับน้ำมันที่เหมือนกันเท่านั้น และข้อมูลที่ถูกต้องกับการเปลี่ยนหัวฉีดน้ำมันให้เบอร์ CC มากขึ้น เป็นตามข้อมูลข้างล่างนี้ครับ

การที่จะทำให้เครื่องยนต์ที่ไม่ได้ทำมาเพื่อรองรับการใช้น้ำมัน E85 ให้ใช้กับน้ำมัน E85 ได้นั้น ก็เพียงเปลี่ยนขนาดของหัวฉีดให้ใหญ่ขึ้น มีรูฉีดน้ำมันมากขึ้น เช่นเดียวกับที่มีหลายท่านได้เปลี่ยนไปกันบ้างแล้ว แต่ยังทำไม่สมบูรณ์ที่จะต้องมีการปรับในส่วนของเครื่องยนต์ให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นมุมองศาการจุดระเบิด ระบบแรงดันน้ำมันในท่อรางหัวฉีด ปั้มติ๊ก ส่วนประกอบของท่อยางต่างๆในระบบน้ำมัน รวมถึงชุดปั้มติ๊กน้ำมันที่อยู่ในถังน้ำมัน

ทำไมถึงกล้ากล่าวแบบนี้ เพราะว่าหลังจากที่วิเคราะห์การทำงานของระบบหัวฉีดน้ำมันและสัญญาณพัลส์ของหัวฉีดที่ ECU เป็นตัวกำหนดค่าความกว่างของพัลส์ ในการให้หัวฉีดทำงานเปิดวาวล์ให้จ่ายน้ำมันผ่านหัวฉีด มากน้อยอย่างไร และครอบคลุมการใช้กับน้ำมัน เบ็นซิล โซฮอล 95 และ 91 มีค่าเวลาเปิดได้นานเท่าใด และที่เวลามากสุดเมื่อใช้กับน้ำมัน โซฮอล 91 มีเวลาเปิดเท่าใด ดังนั้นเมื่อเราทราบว่า ECU สามารถ generate pulse ออกมาครอบคลุมได้แค่โซฮอล 91 แล้วไม่สามารถกำหนดค่าเวลาให้นานขึ้นหรือมากขึ้นเพื่อให้เปิดวาวล์ให้น้ำมันผ่านหัวฉีดมากขึ้นเพื่อไปใช้กับน้ำมัน E85 ได้ มันก็มีการแก้ไขได้โดยไม่ยาก

ประการแรกให้เปลี่ยนหัวฉีดน้ำมันให้มีขนาด CC ที่เพิ่มขึ้นและควรมีรูฉีดน้ำมันให้มากกว่าเดิมคือ จาก 6 เป็น 8 รู ถามว่าการเปลี่ยนหัวฉีดน้ำมันให้มีขนาดใหญ่ขึ้น มันจะทำงานให้ใช้กับน้ำมัน E85 ได้อย่างใด อยากจะอธิบายแบบนี้เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายตามนี้
สมมุติว่า เมื่อมีการใช้หัวฉีดเดิมเมื่อใช้น้ำมันแกสโซฮอล 91 มีค่าเวลาหรือคาบของเวลาที่ ECU สั่งให้หัวฉีดยกเข็มวาวล์พ้นบ่าวาวล์เพื่อให้น้ำมันไหลออกจากหัวฉีด มีเวลาเปิดนาน = 10 ms ได้ปริมาณน้ำมันไหลผ่านเข้าห้องสูบ = 5 CC แต่เมื่อเปลี่ยนหัวฉีดใหม่ที่มีขนาดใหญ่กว่า หากใช้เวลา = 10 ms จะได้ปริมาณน้ำมันไหลผ่านหัวฉีด = 10 CC (สมมุติ) ดังนั้นหากใช้ค่าเวลา ที่ 10 ms ของสัญญาณพัลส์หัวฉีดเดิม มาใช้กับหัวฉีดที่ใหญ่กว่า จะได้น้ำมันมากกว่า มากกว่าอย่างไรแบบไหนถึงจะพอดีกับอัตราส่วนผสมน้ำมันกับอากาศ ที่ใช้กับน้ำมัน E85

จะพบว่า ความกว้างของสัญญาณพัลส์( คือค่าเวลาที่หัวฉีดยกเข็มให้พ้นบ่าวาวล์เปิดให้น้ำมันผ่าน) เดิมสามารถจ่ายน้ำมันได้มากเกินกว่าที่ถูกโปรแกรมไว้ในหน่วยความจำเดิม ดังนั้นการจ่ายน้ำมันออกจากหัวฉีดในครั้งแรก จะมีน้ำมันมาก(หนา) การจุดระเบิดของจังหวะของลูกสูบทั้งสี่ เมื่อจุดระเบิดออกไป จะทำให้การจุดระเบิดไ่มสมบูรณ์ หลงเหลืออ๊อกซิเจนในม่อไอเสีย O2 sensor ก็จะทำการจับประมาณอ๊อซิเจนที่หลงเหลือแล้วเปลี่ยนเป็นโวลเต็จ ส่งไปให้ ECU ทำการกำหนดค่าคาบเวลาของสัญญาณพัลส์ขึ้นมาใหม่ ให้มีเวลาการยกเข็มให้พ้นบ่าวาวล์ปิดเร็วขึ้นหรือมีเวลาสั้นลง เพื่อจะให้มีปริมาณน้ำมันให้พอดีกับอัตราส่วนผสมของการใช้น้ำมัน E85 โดยอัตโนมัติ จึงสามารถทำให้ใช้กับน้ำมัน E85ได้อย่างสมบูรณ์

จากการทำงานที่กล่าวนี้ ทำให้เราทราบว่าแท้จิงแล้ว เราไปเปลี่ยนขนาดของหัวฉีดให้ใหญ่ขึ้น โดยที่ ECU มีการสร้างสัญญาณความกว้างของพัลส์ ออกมาครอบคลุมไว้เท่าเดิม แต่เมื่อ ECU ทราบว่าเมื่อความกว้างของสัญญาณพัลส์หัวฉีดเดิม มีน้ำมันผ่านมาก มันก็จะลดให้น้อยลง ซึ่งการทำงานนี้ จึงทำให้ หัวฉีดใหม่ที่เปลี่ยนไปให้ใหญ่ขึ้น สามารถใช้งานได้ และสามารถปรับค่าความกว้างของสัญญาณพัลส์หัวฉีดใหม่ ให้เหมาะสมกับการใช้น้ำมัน แกสโซฮอล 95 ,91 . E10, E20 ได้ทั้งหมด

จากที่กล่าวมานี้ทำให้เราทราบว่า ไม่มีความจำเป็นที่จะไปติดตั้งชุดคิท E85 แต่อย่างใดให้เปลืองเงิน และเสียเวลา แถมบางแบรนด์ก็ผลิตออกมาทำงานไม่สมบูรณ์ เสียอารมณ์เปล่าๆ เมื่อมีการเปลี่ยนหัวฉีดให้ใหญ่ขึ้นแล้ว เราจะต้องทำการปรับปรุงบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการใช้น้ำมัน E85 ขึ้นใหม่


ประการแรก ให้ทำการปรับมุมองศาการจุดระเบิดใหม่ ให้มีมุมองศาจากปกติทั่วไป ที่ 10 องศาให้เหลือ ประมาณ 7-8 องศา ปรับเพื่ออะไร บางท่านสงสัย การปรับนี้เป็นผลมาจากที่น้ำมัน E85 มีค่าอ๊อเทนสูงกว่าระบบน้ำมันเบ็นซิล อยู่ที่ 104-105 เราควร หาผลประโยชน์แลผละกำไรในคุณสมบัติของมัน เพื่อให้ได้พละกำลังของเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้น เมื่อมันมีคาอ๊อเทนสูง จึงสามารถปรับให้มีการจุดระเบิดในขณะที่ลูกสูบกำลังเคลื่อนที่สร้างแรงอัดภายในกระบอกสูบให้มากขึ้นกว่าเดิม จากสเป็คที่บอกว่า ในรถยนต์ที่มีขนาด 1600 CC- ขึ้นไป จะมีอัตราส่วนกำลังอัดอยู่ที่ 9/1 , 10/1 หากเราทำให้ลูกสูบเคลื่นที่อัดอากาศกับน้ำมันให้มีพื้นที่น้อยลง จะเกิดแรงอัดมหาศาลในห้องสูบ หรือพูดง่ายๆว่า เครื่องยน์ที่มีกำลังอัดอยู่ที่ 9/1 อาจจะไปอยู่ที่เกือบๆ 10/1 ประมาณมุมองศาการจุดระเบิด 8-7 องศา เมื่อลูกสูบอัดอากาศกับน้ำมันให้มีพื้นปริมาตรพื้นที่น้อยลง ย่อมเกิดความร้อนขึ้นห้องเผาไหม้ที่ถูดอัด หากน้ำมันที่มีค่าอ๊อกเทนต่ำ จะทำให้เกิดการชิงจุดระเบิดเกิดขึ้นก่อนที่จะมีการจุดระเบิดด้วยประกายไฟจากหัวเทียน หากน้ำมันที่มีค่าอ๊อกเทนสูงเช่น E85 ก็จะไม่มีอาการที่กล่าวนี้ จึงทำให้เราได้กำลังอัดภายห้องสูบของเครื่องยนต์เพิ่มขึ้น นั้นก็หมายความว่าเราจะได้แรงบิดและแรงม้าเพิ่มขึ้น ไม่มีแรงโม้เข้ามาแทรกแซงแต่อย่างใด

เนื่อจากน้ำมัน E85 มีโครงสร้างที่ประกอบไปด้วยอ็อกซิเจนที่สูงกว่าในระบบน้ำมันเบ็นซิล จึงเป็นตัวช่วยให้มีการจุดระเบิดที่สมบูรณ์กว่า สอาดกว่า และมีอุณภูมิในกการจุดระเบิดน้อยกว่า
และเป็นการจุดระเบิดที่ลากยาว ทำให้เกิดแรงบิดแรงม้าแรงช้างมากกว่าระบบน้ำมันเบ็นซิล เครื่องยนต์เดินและวิ่งเรียบกว่าระบบน้ำมันเบ็นซิล สรุปว่าน่าใช้มากกว่าระบบน้ำมันอื่นๆ

ประการที่สอง ควรเปลี่ยนปั้มติ๊กให้มีขนาดแรงดันส่งน้ำมันให้สูงขึ้น ซึ่งก็มีหลายๆท่านเปลี่ยนกันไปใช้แล้ว
ประการที่สาม ต้องตรวจสอบแรงดันในท่อรางหัวฉีดที่นำมาใช้กับหัวฉีดที่เปลี่ยนใหม่ ว่าที่หัวฉีดนั้นๆต้องการเพรชเชอร์แรงดันเท่าใดขนาดกี่ปอนด์ ที่สามารถจะทำให้น้ำมันที่พุ่งผ่านรูของหัวฉ๊ดเกิดเป็นละอองฝอยได้ดีและละเอียดมาก ทั้งนี้ดังได้กล่าวมาแล้วว่า การที่หัวฉีดมีรูฉีดเพิ่มขึ้น และมีแรงดันน้ำมากมากขึ้นในหัวฉีด ย่อมทำให้การเกิดละอองฝอยของน้ำมันละเอียดขึ้น ซึ่งในน้ำมัน E85 มันมีคุณสมบัติระเหยช้าที่อุณหภูมต่ำ ดังนั้นหากทำให้น้ำมันเกิดเป็นฝอยละเอียดและกระจายขึ้นมาก จะทำให้ในจังหวะอัดของกระบอกสูบ ที่มีลูกสูบกำลังเคลื่อนที่สร้างแรงอัด ก่อนที่จะถึงจุดกำหนดการจุดระเบิด ละอองฝอยน้ำมันที่ยิ่งละเอียดเป็นฝอย จะทำให้อุณภูมิที่กำลังร้อนจากการอัดของลูกสูบ ทำให้ละอองฝอยน้ำมันนั้นกลายสภาพเป็นไอน้ำมันได้หมดจด คลุกเคล้ากับอากาศอ๊อกซิเจนได้ทั่วถึง ทำให้การจุดระเบิดถูดเผาไหม้ได้สมบูรณ์ เครื่องยนต์ก็มีกำลัง

ในการจุดระเบิดในห้องสูบ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำให่น้ำมันที่อยู่ในสภาพของเหลวกลายเป็นไอเสียก่อน ถึงจะผสมกับอากาศได้ทั่วถึง เนื่องจากเหตุผลนี้จึงมีส่วนทำให้การสตาร์ทเครื่องยนต์ในตอนเช้าๆหรืออากาศในห้องเครื่องเย็น ทำการสตาร์ติดง่ายขึ้น จึงเห็นด้วยที่หัวฉีดจะเพิ่มรูฉีดให้มากขึ้น

ประการที่สี่ เรื่องท่อยางต่างๆที่ใช้ในระบบน้ำมัน E85 หากเป็นรถรุ่นใหม่ๆ ถึงแม้จะไม่มีการรองรับน้ำมัน E85 ก็ตาม ทางโรงงานผู้ผลิตเขาก็สร้างปรับปรุงแก้ไขให้สามารถใช้กับ E85ได้อยู่แล้ว
หากเป็นรถรุ่นเก่าๆก็ควรเปลี่ยน ชุดที่เป็นท่อทางเดินน้ำมันสายท่อน้ำมันต่างๆ รวมไปถึงระบบชุดปั้มติ๊กที่อยู่ในถังน้ำมัน เปลี่ยนมาใช้ของใหม่ที่ใช้ตามยี่ห้อรถที่ใช้กับน้ำมัน E85 จะไม่มีปัญหาตามมาภายหลัง หากตังค์ยังไปเที่ยวไม่กลับ ก็ใช้ไปก่อนอย่างน้อยก็ปีสองปี หรือโชคดีอาจใช้ได้หนึ่งปี สำหรับรถรุ่นเก่าๆ อย่าไปซีเรียซกับมัน เรื่องเด็กๆ
เนื่องจากน้ำมัน E85 มีคุณสมบัติ ดูดความชื้นออกจากวัสดุที่ถูกแช่ในน้ำมัน จะทำให้วัสดุท่อยางต่างๆเกิดการกรอบและแห้ง และเปื่อยแตกไปในที่สุด อย่าไปหลงเชื่อว่าไม่มีการกัดกร่อน จากการทดลองไม่ถึงสองสามเดือนตามที่มีผู้ให้ข้อมูลไว้ เชื่อก็ได้ไม่เชื่อก็ได้แล้วแต่ข้อมูลที่รับรู้
อาจจะมีคำถามตามมาว่าหัวฉีดควรใช้แบบไหนเบอร์และยี่ห้ออะไร ก็ตามที่ได้มีเพื่อนๆสมาชิกได้ใช้กันอยู่แล้วครับ พวก K20 รัยเทือกนี้แระครับ ก็ขอให้เพื่อนๆมีความสุขกับการใช้น้ำมัน E85 กันทุกท่านนะครับ………srithanon

ขออภัยหากมีบางสิ่งบางอย่างไม่ได้กล่าวถึง เพราะมีข้อมูลจากแหล่งเรียนรู้ตามอินเทอเน็ทแล้วครับ

อยากให้มีการทดสอบแรงม้า  ระหว่างรถที่เติม  E 85    เพียวๆ  ไม่ได้ปรับเปลี่ยนอะไร    กับรถที่ติดกล่องคิด   และรถที่ เปลี่ยนหัวฉีด

ตามที่  จขกท.   อ้างอิง      จะทำให้ความสงสัยหมดไป

สรุปว่าอย่างรัย

ประการที่สี่ นี่esเราจัดอยู่ในกลุ่มเก่าหรือใหม่ครับ
แล้วถังและ ท่อที่เป็นโลหะมันทนต่อการกัดกร่อนได้ไหมครับ

ตอบคำามที่เพื่อนๆถามมา เรื่องการเปรียบเทียบ ระหว่างที่ใช้น้ำมัน E85 โดยไม่มีการปรับแต่งอะไรกับเปลี่ยนหัวฉีดน่ำมัน และใช้กล่องคิท E85 นั้น ผมยังไม่ได้มีการทดลองเปรียบเทียบครับ และที่บอกว่าเปลี่ยนหัวฉีดให้ CC มีขนาดเพิ่มขึ้นแล้วใช้ได้ ก็ได้ทดลองเอาเครื่องมือ Digital oscilloscope ทำการตรวจวัดสัญญาณพัลส์ของหัวฉีด ว่ามีเวลาต่างกันอย่างไรเมื่อใช้ของเก่าและของใหม่ ทำให้ทราบว่ามันทำงานครอบคลุมการใช้น้ำมัน E85 ได้ ซึ่งรถที่ทดลองเป็น HONDA CIVIC ของบริษัทเพื่อนผม ที่ให้มาทำการตรวจสอบหาข้อมูล จึงไม่สามารถให้คำตอบที่ถูกต้องได้ แต่ระหว่างการเปลี่ยนหัวฉีดใหม่กับติดตั้งชุดคิท E85 นั้น คงไม่ต่างกัน แต่การเปลี่ยนหัวฉีดใหม่ ทำงานแน่นอนกว่า เพราะการแก้ไขเรื่องอัตราส่วนผสม จะเป็นแบบเดิมของระบบ ที่ ECU คอนโทรลสัญญาณหัวฉีดโดยตรงของมันเอง ไม่มีการนำเอาสัญญาณเดิมไปทำการเพิ่มระยะเวลาการยกหัวฉีดในวงจรคิทที่ถูกออกแบบมาใช้งาน ซึ่งวิธีการทำงานของวงจรอาจจะไม่แม่นยำ เ้หมือนสัญญาณเดิมต้นฉบับก็ได้ ที่ผลิตออกมาโดยตรงและจ่ายตรงไปยังหัวฉีดทันที

ต่อคำามที่ถามว่าในรถ ES นี้อยู่ระหว่างใหม่หรือเก่า ตอบง่ายๆว่ายังสามารถร่วมสมัยได้ครับ เพราะอุปกรณ์พวกท่อน้ำมันและท่อยางต่างๆ ทราบจากแหล่งข้อมูลว่า รุ่นที่ผลิตออกมาหลังจากปี 20000 ได้พัฒนาชิ้นส่วนอุปกรณ์ให้ทนต่อการกัดกร่อนของระบบน้ำมันที่ใช้อยู่ประจำ ให้มีสภาพใช้งานที่ทนต่อการใช้งานอยู่แล้ว ให้สังเกตุว่ารถตั้งแต่ปีดังกล่าวมามีผู้นำไปใช้กับระบบน้ำมัน E85 ยังสามารถใช้งานได้ ถึงสองปีได้อย่างสบายๆ ทั้งๆที่ถูกใช้งานมานานหลายปีมาก่อน ยังใช้งานได้สบาย บางครั้งก็ต้องพิจารณาถึงระยะเวลาในการใช้งานของระบบท่อยางท่อน้ำมันมาก่อน มันนานหลายปีก็เข้าระยะเวลาที่เสื่อมสภาพที่ควรจะต้องดูแลเปลี่ยน
หากนำมาใช้งานกับน้ำมัน E85 ก็ทำให้คิดไปว่ามันกัดกร่อนเสียเร็ว จริงแล้วหากท่อยางใหม่ๆใรแบบเดิมๆ ก็จะอยู่ได้นานสองสามปีได้สบาย มีผู้ใช้รถบางท่านหลังจากที่ใช้น้ำมัน E85 มาสองปี ระบบท่อยางต่างๆยังใช้งานได้ บางท่านบอกว่าใช้ได้ปีกว่าๆก็เห็นว่ามีสภาพแห้งกรอบและเปื่อย ก็ตองพิจารณาด้วยว่ารถที่เปลี่ยนมาใช้น้ำมัน E85 ก่อนหน้านั้นใช้งานมานานกี่ปีเป็นหลักด้วย

อันเมื่อมาจากคุณสมบัติของน้ำมัน E85 มันสามารถดูดความชื้นออกจากวัสดุที่ใช้งานร่วมกับมัน ทำให้วัสดุนั้นโยเฉพาะท่อยางต่างๆ
เกิดการแห้งกรอบ แตกรั่วได้ง่าย หากเป็นท่อโลหะจะไม่ค่อยมีผลอะไรให้เห็นเด่นชัด เพราะในท่อระบบส่งน้ำมันเขาจะออกแบบมาให้ทนต่อสภาพการกัดกร่อนของระบบน้ำมันเกือบทุกชนิดได้อยู่แล้ว ดังนั้นในรถ ES ที่เพื่อนๆสมชิกใช้อยู่ หากมีการเปลี่ยนไปใช้น้ำมัน E85 ระบบท่อยางต่างๆจะไม่เสื่อมในเวลาอันรวดเร็ว สามารถใช้ได้หนึ่งปีถึงสองปี หรือนานกว่านั้นได้สบายๆ แต่เพื่อความสบายใจสำหรับท่านเจ้าของรถบางท่านก็ไปเปลี่ยนระบบท่อย่าง และซีลยางต่างๆ โดยเฉพาะชุดปั้มติ็กที่ใช้ในถังน้ำมัน มีเจ้าของรถบางท่านไปซื้อชุดปั้มติ็กที่ใช้กับน้ำมัน E85 มาดัดแปลงติดตั้งจุดยึดติดกับตัวเรือนชุดเก่า ก็ใช้งานได้ดีเช่นเดียวกับรรุ่นใหม่เช่นกันครับ .....srithanon

เก็บๆ จะตัดสินใจใช้อยู่

ใส่กล่องเพิ่มแบ้วเติมe85ได้เลยคับ