todsapol พิมพ์ว่า: |
อาจจะเป็นที่สัญญานกันขโมยทำให้ไฟรวนถ้าโดนน้ำครับผมเคยอ่านเจอ ยังไงก็รอผู้รู้มาตอบอีกที |
srithanon พิมพ์ว่า: |
บางครั้งตัวแบ็ตเตอรี่ก็มีปัญหาเก็บไฟไม่อยู่ แต่ก็มีส่วนน้อยมาก แต่เท่าท่ีี่พบที่ทำให้แบ็ตเตอรี่ไม่มีกระแสไฟตอนจอดรทิ้งไว้นานๆ หรือจอดข้ามคืน แล้วมาสตาร์ทจะไม่ติด เพราะมีปัจจัยเหตุมาจากระบบไฟในรถรนย์มันรั่วลงกราวด์ มาจากสาเหตุจากอุปกรณืต่อพ่วงของระบบเครื่องใช้พวกเครื่องเสียง ระบบป้องกันขโมย เกิดมีระบบไฟรั่วลงกราวด์จากชุดเพาเวอร์วัพพลายของเครื่องใช้ที่กล่าวมา ทำให้กระแสไฟจากแบ็ตเตอรี่ค่อยๆหมดลง ตามการรั่วของกระแสไฟ รั่วมากก็ใช้เวลาน้อยไฟในหม้อแบ็ตก็หมดเร็ว รั่วน้อยไฟในแบ็ตก็หมดช้าหน่อย แค่จะประมาณไม่เกิน 12 ชั่วโมง หากมีการรั่วของกระแสไฟประมาณ 5 Amp ตลอดเวลา
ดังนั้นการที่จะบอกว่าแบ็ตเสื่อมเก็บไฟไม่อยู่นั้น อย่าใช้ความรู้สสึกจากอาการที่แสดงว่าแบ็ตเก็บไฟไม่อยู่ ก็เลยคิดไเองว่าแบ็ตเสีย เราต้องตรวจเช็คการรั่วของกระไฟในระบบไฟของรถยนต์ก่อน ว่ามันรั่วจริงหรือเปล่า โดยใช้เครื่องมือ Digital clamp meter วัดกระแสไฟ DC โดยที่ตัวมิเตอร์จะมีก้ามแบบก้ามปูหนีบคร่อมกับสายไฟที่ต่อเข้ากับขั่วบวกของแบ็ตเตอรี่ทั้งหมด ก็จะทราบว่ามีกระแสไฟรั่วกี่แอมป์ โดยปกติทั่วไปแล้วจะมีการใช้กระแสไฟจากแบ็ตเตอรี่จำนวนเล็กน้อย ที่ใช้กับระบบไฟป้องกันขโมยและวงจรแบ็คอัพพวกเมมโมรีของเครื่องเสียงและระบบนาฬิกไฟฟ้า จะมีการใช้กระแสไฟไม่เกินประมาณ 300-400 มิลลิแอมป์ ยังไม่ถึงหนึ่งแอมป์ แต่เมื่อใดที่กระแสไฟที่อ่านได้จากมิเตอร์ มากกว่า 3-5 Amp นั้นหมายถึงว่าเกิเการรั่วของกระแสไฟในวงจรเครื่องใช้ที่เป็นเครื่องเสียงหรือเครื่องป้องกันขโมย ก็จะทำให้กระแสไฟจากแบ็ตเตอรีเริ่มหมดไป หากจอดรถนานๆ สองสามชั่วโมงยังไม่มีปัญหา ขึ้นอยู่กับรั่วน้อยหรือมาก ดังนั้นในกรณีนี้ควรตรวจเช็คตามที่กล่าวมาข้งต้น ก่อนที่จะมีมติจากความคิดว่าแบ็ตเสียหรือเสื่อม สำหรับการแก้ปัญหาในกรณีที่เกิดไฟรั่วตามที่กล่าวมา ให้ทำตามดังนี้ ในขณะที่ใช้ clamp meter วัดคร่อมสายไฟ แล้วอ่านค่ากระแสไฟที่ขึ้นมากตามที่กล่าวมา (ในขณะทำการวัดไม่ต้องเปิดกุญแจรถตำแหน่งใดๆทั้งสิ้น) จากนั้นให้ดึงสายไฟที่ต่อไปเข้าเครื่องเสียง หรือดังฟิวส์สายไฟที่ไปเข้าเครื่องป้องกันขโมยออก ทีละอย่าง เมื่อดึงออกก็ให้ดูที่ตัวมิเตอร์ว่ามีกระแสไฟลดลงหรือไม่ หากไม่ลดลงก็ดึงฟิวส์หรือสายไฟที่ต่อไปใช้กัวเครื่องเสียงต่างๆต่อไป จนครับหากพบว่าที่วงจรไฟที่ไปเข้าเครื่องใช้นั้นๆ เมื่อเอาออกแล้วทำให้กระแสไฟที่มิเตอรืลดลงมาเหลือ 3-4 ร้อยมิลลิแอมป์ ก็แสดงว่าชุดเครื่องใช้ไฟนั้นๆมีกระแสไฟรั่วลงกราวในระบบของชุดเพาเวอร์ซัพพลาย อาจจะมีพวกค่าคาปาซิเตอร์ ที่เป็นแบบอีเล็คโตรไลท์ ที่ทำหน้าที่ฟิลเตอร์และรักษาระดับไฟ มันรั่วลีคลงกราวด์ สมมุติว่าตรวจไฟตามเครื่องอุปกรณ์อีเลคโทรนิคส์ หมดแล้วยังมีการรั่วของกระแสไฟอีก คราวนี้ให้ลองเอาสายไฟ+ฺB ที่ตุดไดน์ชาร์จ คือสายไฟที่ต่อไฟชาร์จที่แบ็ตออก อาจจะรั่วที่ตัวไดโอดเร็คติฟลายบางตังในตัวไดชาร์จก็ได้ หรืออาจมีขั่วหของหลอดไฟส่องสว่างในรถหรือไฟหรีต่างๆ มันชอร์ทระหว่างขั่ว ก็เป็นได้ลองตรวจสอบดูครับ.....srithanon |
ไปที่: |