รบกวนคะพี่ๆ พอดีรถ นิสัน ซันนี้นีโอ สตาร์ทติดยสกมาก

srithanon

เข้าร่วม: 13 สิงหา 2009
ตอบ: 380

มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 1324
ให้คำขอบคุณ: 4

อาทิตย์, 8 กุมภา 2015 17:32 - รบกวนคะพี่ๆ พอดีรถ นิสัน ซันนี้นีโอ สตาร์ทติดยสกมาก

อาการที่ท่านเจ้าของกระทู้บอกมาว่า เวลาบิดกุญแจสตาร์ทเครื่องยนต์สตาร์ทติดยากนั้น หมายความว่าในขณะที่บิดสวิชท์กุญแจแล้วเครื่องยนต์ทำงานแต่ไม่เครื่องยนต์ไม่ติด แบบนี้ใช่หรือเปล่า หรือว่าบิดกุญแจสตาร์ทแล้วไม่ได้ยินเสียงมอเตอร์สตาร์ททำงานอะไรเลย ซึ่งทั้งสองกรณีที่กล่าวมา มีปัจจัยการเกิดปัญหาต่างกัน แต่ที่ท่านเจ้าของกระทู้บอกมา น่าจะได้ยินเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ในขณะที่สตาร์ท แต่เครื่องยนต์ไม่ติด ขอตอบในกรณีนี้ก่อน

เนื่องจากระบบการสตาร์ทเครื่องยนต์ จะประกอบไปด้วยระบบสัญญาณการจุดระเบิด IGT ที่ ECU ส่งไปให้วงจรช่วยจุดระเบิด หลังจากที่ได้รับสัญญาณพัลส์ TDC sensor ที่จับมุมองศาการเคลื่อนที่ของลูกูบสู่จุดศูนย์ตายบน จากการเคลื่อนที่ของเพลาข้อเหวี่ยง
กับสัญญาณ STA (สัญญาณการสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ส่งไปให้ ECU) ขณะเกียร์อยู่ในต่ำแหน่ง PและN เพื่อที่บอกให้ ECU ทราบว่าเครื่องยนต์อยู่ในต่ำแหน่เกียร์ว่าง สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้

กับส่วนประกอบในการทำงานที่เป็นส่วนของระบบเซ็นเซอร์ต่างๆ ซึ่งก็มีหลักๆอยู่สองประการ คือเซ็นเซอร์อุณหภูมิน้ำ กับอุณหภูมิอากาศ ซึ่งเซ็นเซอร์อุณหภูมิน้ำนี้ มันทำหน้าที่คอยตรวจจับอุณหภูมิของน้ำในระบบน้ำหล่อเย็นของเครื่องยนต์ โดยที่ตัวเซ็นเซอร์อุณหภูมิน้ำนี้ภายในจะประกอบไปด้วยตัวเทอร์มิสเตอร์ ที่มีค่าความต้านทานเปลี่ยนแปลงตามอุณหภูมิของน้ำ เมื่ออุณหภูมิของน้ำเย็นมันจะมีค่าความต้านทานสูง และเมืือน้ำมีอุณหภูมิร้อนสูงขึ้น มันจะมีค่าความต้านทานต่ำ ทำให้กระแสไฟโวลเต็จที่ตกคร่อมค่าความต้านทานที่เปลี่ยนแปลงนี้ ส่งไปให้ ECU กำหนดการแก้ไขระยะคาบเวลาของสัญญาณพัลส์ของหัวฉีดน้ำมัน ให้มีการยกหัวฉีดให้ฉีดน้ำมันหนาเพิ่มขึ้นกว่าปกติ โดยการทำงานในสภาะที่เครื่องยนต์เย็นนี้จะทำงานควบคู่กับเซ็นเซอร์อากาศที่อยู่ในท่ออากาศ ที่คอยตรวจจับอุณหภูมิของอากาศอ็อแกซิเจน เพื่อให้ ECU แก้ไขพร้อมกันกับข้อมูลของเซ็นเซอร์อุณหภูมิน้ำ

ดังนั้นเมื่อมีการสตาร์ทเครื่องยนต์ เครื่องยนต์จะได้รับน้ำมันหนาในส่วนผสม เพื่อต้องการให้รอบเครื่องยนต์มีรอบสูง เอาชนะแรงเสียดทาน( Friction) ของชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่มีการเคลื่อนที่ เช่นลูกสูบ ข้อเหวี่ยงต่างๆ ในสภาวะที่เครื่องยนต์เย็น ต่อเมื่อเครื่องยนต์ร้อนหรือมีอุณหภูมิในระบบน้ำหล่อเย็นเพิ่มขึ้น(ร้อน) ตามอุณหภูมิของห้องเครื่องที่กำหนด ค่าความต้านทานในตัวเทอมิสเตอร์ก็จะมีค่าความต้านทานต่ำ ECU ก็จะยกเลิกให้หัวฉีดๆน้ำมันในสสภาวะปกติ รอบเดินเบาของเครื่องยนต์ก็จะลดลงมาหรือประมาณ 750-850 รอบต่อนาที

เนื่องจากท่านเจ้าของกระทู้ไม่ได้บอก่าหลังจากที่สตาร์ทเครื่องยนต์ติดแล้ว ระบบรอบเดินเบาเป็นอย่างไร มีรอบเครื่องยนต์สูงที่ 1500 รอบต่อนาที่หรือไม่ หากได้ตามที่กล่าวก็ถือว่าปกติ ในขณะที่เครื่องยนต์ทำงานหลังจากสตาร์ทติด ท่านเจ้าของกระทู้ไม่ได้บอกมา น่าจะปกติ เพียงแต่สตารทติดยาก ดังนั้นสิ่งที่ผมจะแนะนำให้ไปทำการตรวจสอบก็คือ

ประการแรก ให้ตรวจสัญญาณการสตาร์ทเครื่องยนต์ STA ในจังหวะที่เกียร์อยู่ตำแหน่ง P และ N ว่ามีไปผ่านหน้าคอนแท็คสวิชท์บนเสื้อเกียร์ไปจ่ายให้กัย ECU หรือไม่ เพราะบางครั้งหน้าสัมปัสคอนแท็คสึกหลวมไม่ค่อยสำผัสกัน ลองขยับคันเกยร์โยกไปมาระห่างตัว N ไป ตัว D ไปมาสองสามครั้ง แล้วลองสตาร์ทดู หากสตาร์ทติดแสดงว่าหน้าคอนแท็คสวิชท์ไม่ค่อยสัมผัวกัน หรือตำแหน่งคันโยกเกียร์ยันสวิชท์ไม่ตรง ลองทำการปรับตั้งใหม่ ช่างจะรู้ว่าทำอย่างไร ซึ่งเกิดขึ้นบ่อยในรถที่สตาร์ทเครื่องติดยาก

ประการที่สอง ที่ตัวเซ็นเซอร์อุณณหภูมิน้ำ หากเสียจะทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ติดยาก และหากติดรอบเครื่องยนต์ในรอบเดินเบาจะไม่สูงประมาณ 800-1000 รอบ

ปรำการที่สามตรวจสอบเรื่องแรงดันน้ำมันน้ำมันในท่อรางหัวฉีดว่าต่ำลงไหม เมื่อมีการจอดรถไว้นานๆ หรือในตอนเช้า หากต่ำลลดลงแสดงว่าในระบบหัวฉีดน้ำมันอาจจะรั่วซึม ทำให้น้ำมันหยดลงในห้องสูบหรือในท่อไอดีขณะที่เกิดเป็นไอน้ำมัน ทำให้แรงดันน้ำมันในท่อรางหัวฉีดต่ำลง มีแรงดันไม่พอที่จะทำให้น้ำมันเกิดเป็นฝอยกระจายในห้องสูบ ทำให้มีน้ำมันหนาบวกกับไอน้ำมันที่คงเ้หลือค้างในท่อไอดี รวมกับน้ำมันที่หัวฉีดทำการฉีดน้ำมันเพิ่มขึ้นในจังหวะสตาร์ทเครื่อง ทำให้ส่วนผมหนาในการจุดระเบิด เครื่องยนต์ติดยาก และยังทำให้จังหวะการสตาร์ทเครื่องยนต์เพิ่มเวลาในการสตาร์ทที่แช่อนาน เพราะต้องคอยน้ำมันจากปั้มน้ำมันส่งมาที่ท่อแรงดันน้ำมันจนมีแรงดันที่กำหนด

หลานท่านไม่เข้าใจว่าระบบปั้มติ๊กทำงานอย่างไร ปั้มติ๊กจะทำงานแยกเป็นสองจังหวะ คือจังงหวะแรกเมื่อมีการบิดสวิชท์ไปต่ำแหร่ง ST คือตำแหน่งสตาร์ท ที่ตำแหน่งนี้จะมีไฟจ่ายให้กับตัวรีเรย์เปิดวงจรทำงานต่อไปจากตำแหน่ง ON ของสวิชท์ ผ่านหน้าคอนแท็ครีเรย์เปิดวงจรไปจ่ายให้กับตัวปั้มติก (ไม่ใช่มาจากตำแหน่ง ON โดยตรง) และหลังจากที่สตาร์ทเครื่องยนต์ติดแล้ว สวิชทกุญแจจะดีดกลับไปต่ำแหน่ง ON ไฟที่ผ่านหน้าคอนแท็ครีเย์เปิดวงจรจะยังทำงานต่อได้ ก็ต่อเมื่อเครื่องยนต์ติดเท่านั้น เพราะ่าเมื่อเครื่องยนต์ติด ECU ก็จะส่งสัญญาณโวลเต็จ FC ไปจ่ายให้กับตัวรีเรย์เปิดวงจรทำงานต่อไปจนกว่าเครื่องยนต์จะดับ ทั้งนี้เพื่อป้องกันในกรณีที่รถเกิดอุบัติเหตุชนกัน เครื่องยนต์ดับ มันก็จะไม่ทำให้ปั้มติ๊กทำงานส่งน้ำมันออกมา เพื่อไม่ให้เกิดไปลุกไหม้ได้ง่าย

ประการที่สาม ที่รถสตาร์ทติดยากอาจจะมาจากสาเหตุสายพานไทม์มิ่งกระโดข้ามร่อง ทำให้มุมองศาการจุดระเบิดเปลี่ยนไป อาจจะทำให้มีการจุดระเบิดก่อนหรือหลังที่ลูกสูบจะเคลื่อนตัวสู่จุดศูนย์ตายบน ทำให้กำลังอัดไม่ตรงตามอัตราส่วนของกำลัง ทำให้การจุดระเบิดเกิดขึ้นอยาก หากมีการเปลี่ยมุมมากเกินไป แค่ผิดเพียงเล็กน้อยก็มีผลทั้งรอบเดินเบาและอัตราเร่ง ก็ให้ช่างตรงสอบมุมองศาการจุดระเบิดด้วย

ประการที่สี่ ไฟสูงสำหรับจ่ายให้กับหัวเทียน มีปัญหา อันมาจากการรั่วลีคลงกราวด์ในสภาวะที่มีอากาศเบ็นชื้น หรือเกิดค่าความต่านทานภายในสายเพิ่มขึ้น ทำให้ไฟสูงไม่พอกับการจุดระเบิดที่สมบูรณได้

ประการที่ห้า ที่ตัวคอยล์ไฟสูงอาจจะมีการเสื่อมสภาพ ทำให้ผลิตไฟสูงได้น้อยก็มีผลกับการสตาร์ทเครื่องยนต์ติดยากเช่นกัน มีเครื่องตรวจสอบการทำงานของตัวคอยล์ไฟสูง สามารถอ่านค่าโวลเต็จตามส่วนของไฟที่จ่าไฟ เช่นที่หัวเทียน ที่จานจ่าย หรือหลังจากผ่านสายหัวเทียน ว่ามันมีจ่ายได้กี่หมื่นโวล สามารถอ่านเป๋นตัวเลข และไม่ใช้สายวัดแบบมิเตอร ใช้วิธีลิ้งของสนามแม่เหล็ก
มีตัวแทนจำหนายแล้ว ชื่อ TA-500 Multisystem ignition analyser ราคาตัวละหมื่นห้า เป็นลักษณะของ scope meter

ปรำการที่หก ตรวจสอบเรื่องกำลังอัดภายในกระบอกสูบ ว่ายังมีกำลังอัดใหกล้เคียงกับปกติหรือไม่ บางครั้งพบว่า เกิดความหลวมของกระบอกสูบ แหวนสึก บ่าวาวล์ปิดไม่สนิท วาวล์ยัน ก็ต้องตรวจสอบ ทุกอย่างบางครั้งก็ไม่ได้ตรวจสอบที้งหมด ลองให้ช่างตรวจตามที่แนะนำก่อนครับ อาจจะดูว่ามากจังหลายข้อ แต่บางครั้งช่างสามารถจะมองปัญยหา่าควจจะตรวจที่สิ่งใดก่อนหลัง
ขอให้โชคดีครับ .....srithanon

ได้รับคำขอบคุณจาก: K-yuthya mome_moji inkman Supap