srithanon พิมพ์ว่า: |
การเปลี่ยนปั้มติก หัวฉีด และท่อน่ำมัน ก็ไม่ได้หมายความว่า จะทำให้การสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน E85 ในตอนเช้าๆได้ง่ายขึ้นเสมอไป ต้องทำให้ครบองประกอบของระบบการการใช้น้ำมัน E85 ด้วย
หากจะทำพอที่จะให้ใช้งานได้ แต่ไม่สมบูรณ์ ก็ตามที่บอกมา แต่จะต้องตรวจสอบเรื่องเพรชเชอร์แรงดันในท่อรางหัวฉีดด้วย หากเปลี่ยนปั้มติ๊กมีแรงดันน้ำมันสูง แต่ตัวเร็คกูเรเตอร์ไม่ทำการปรับปรุง เพื่อให้แรงดันน้ำมันในท่อรางหัวฉีด สูงตามไปด้วย ก็จะมีปัญหา เนื่องจากหัวฉีดที่เปลี่ยนใหม่ คิดว่าน่าจะเป็นของ K20 ที่มีรูฉีดน้ำมันเพิ่มขึ้น ดังนั้นหากแรงดันน้ำมันในท่อรางหัวฉีดเท่าเดิมกับหัวฉีดเก่า จะทำให้แรงดันน้ำมันในท่อรางหัวฉีดต่ำไม่แรงพอที่จะดันน้ำมันให้ผ่านหัวฉีดเป็นฝอยละเอียดได้ ต้องสร้างแรงดันให้ได้พอเหมาะกับหัวฉีดด้วย หากแรงดันลดลง น้ำมันนอกจากจะไม่เป็นฝอยกระจายแล้ว จะทำให้น้ำมัน E85 ที่มีจุดระเหยเป็นไอต่ำ ยังคงรูปเป็นน้ำคือเมื่อมีอุณหภูมิเย็นๆในตอนเช้า มันจะระเหยกลายเป็นไอน้ำมันยาก ส่วนหนึ่งจึงอาศัยหัวฉีดน้ำมันมีรูเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดระอองเป็นฝอยละเอียดและจายอนุของน้ำมันกระขายมากขึ้น อนุของน้ำมันเมื่อโดนความร้อนภายในห้องสูบที่กำลังอัด จะมีอุณหภูมิสูง ทำให้อนุของลองน้ำมันที่เป็นฝอยมากๆ ระเหยเป็นไอน้ำมันได้หมดจด ทำให้คลุกเคล้ากับอากาศได้สมบูรณ์ ทำให้การจุดระเบิดสมบูรณ์ ดังนั้นท่านที่เปลี่ยนปั้มติ๊กและหัวฉีดจะต้องปรับปรุงตัวเรกูเรเตอร์ให้มีแรงดันน้ำมันในท่อรางหัวฉีดให้สมดุลกันด้วย ทดสอบดูได้ ถอดหัวฉีดออกมาหนึ่งหัวแล้วลองสตาร์ทเครื่องยนต์ดู จะเห็นได้ชัดเจนระหว่างที่ยังใช้แรงดันเท่าเดิมที่ยังไม่ปรับจูนหรือเปลี่ยนใหม่ กับที่ปรับแต่งแล้ว จะต่างกันมาก ของเดิมที่ยังไม่ปรับจูนให้มีแรงดันเพิ่มขึ้น จะไม่ค่อยเป็นฝอยเท่าที่ควร เพราะแรงดันน้ำมันผ่านหัวฉีดไม่สมดุลย์ เป็นทำให้การสตาร์ทเครื่องยนต์ในสภาวะอากาศเย็นติดยาก แต่ถ้าจะให้ดีก็ต้องปรับปรุงไฟจุดระเบิดให้กับหัวเทียนที่แรงขึ้นหรือมีไฮโวลเต็จสูงด้วย พร้อมกับหัวเทียน ก็จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องสตาร์ทในตอนเช้าๆได้ดีขึ้น แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็ยังไม่สมบูรณ์ หากจะให้สมบูรณ์ ต้องมีตัวช่วยเรื่องการเ้พิ่มคายเวลาสัญญาณพัลส์ในการยกหัวฉีดน้ำมันให้ มีคาบการยกวาวล์หัวฉีดให้นานขึ้นกว่าเดิม เพราะต้องการพลังงานของน้ำมัน E85 ให้มีพลังงานความร้อนเทียบเท่ากับระบบน้ำมัน ถึงจะทำให้การใช้น้ำมัน E85 เทียบเท่ากับระบบน้ำมัน และยังให้แรงบิดเพิ่มขึ้นกว่าระบบน้ำมันเบ็นซิล เพราะใในการจุดระเบิดในน้ำมัน E85 เป็นการจุดระเบิดแบบลากยาว ตั้งแต่เริ่มจุดประกายที่ลูกสูบถึงจึด TDC และในจังหวะเคลื่อนตัวลงของลูกสูบ จึงทำให้ได้แรงบิดเพิ่มขึ้น เครื่องยนต์เดินเรียบ และการเกิดความร้อนในห้องเครื่องต่ำกว่าระบบน้ำมันเบ็นซิล ภายในห้องสูบวาวล์และบ่าวาวล์สะอาด แถมมลภาวะการเป็นพิษของไอเสียน้อยกว่าระบบน้ำมันเบ็นซิล .....srithanon |
srithanon พิมพ์ว่า: |
การเปลี่ยนปั้มติก หัวฉีด และท่อน่ำมัน ก็ไม่ได้หมายความว่า จะทำให้การสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน E85 ในตอนเช้าๆได้ง่ายขึ้นเสมอไป ต้องทำให้ครบองประกอบของระบบการการใช้น้ำมัน E85 ด้วย
หากจะทำพอที่จะให้ใช้งานได้ แต่ไม่สมบูรณ์ ก็ตามที่บอกมา แต่จะต้องตรวจสอบเรื่องเพรชเชอร์แรงดันในท่อรางหัวฉีดด้วย หากเปลี่ยนปั้มติ๊กมีแรงดันน้ำมันสูง แต่ตัวเร็คกูเรเตอร์ไม่ทำการปรับปรุง เพื่อให้แรงดันน้ำมันในท่อรางหัวฉีด สูงตามไปด้วย ก็จะมีปัญหา เนื่องจากหัวฉีดที่เปลี่ยนใหม่ คิดว่าน่าจะเป็นของ K20 ที่มีรูฉีดน้ำมันเพิ่มขึ้น ดังนั้นหากแรงดันน้ำมันในท่อรางหัวฉีดเท่าเดิมกับหัวฉีดเก่า จะทำให้แรงดันน้ำมันในท่อรางหัวฉีดต่ำไม่แรงพอที่จะดันน้ำมันให้ผ่านหัวฉีดเป็นฝอยละเอียดได้ ต้องสร้างแรงดันให้ได้พอเหมาะกับหัวฉีดด้วย หากแรงดันลดลง น้ำมันนอกจากจะไม่เป็นฝอยกระจายแล้ว จะทำให้น้ำมัน E85 ที่มีจุดระเหยเป็นไอต่ำ ยังคงรูปเป็นน้ำคือเมื่อมีอุณหภูมิเย็นๆในตอนเช้า มันจะระเหยกลายเป็นไอน้ำมันยาก ส่วนหนึ่งจึงอาศัยหัวฉีดน้ำมันมีรูเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดระอองเป็นฝอยละเอียดและจายอนุของน้ำมันกระขายมากขึ้น อนุของน้ำมันเมื่อโดนความร้อนภายในห้องสูบที่กำลังอัด จะมีอุณหภูมิสูง ทำให้อนุของลองน้ำมันที่เป็นฝอยมากๆ ระเหยเป็นไอน้ำมันได้หมดจด ทำให้คลุกเคล้ากับอากาศได้สมบูรณ์ ทำให้การจุดระเบิดสมบูรณ์ ดังนั้นท่านที่เปลี่ยนปั้มติ๊กและหัวฉีดจะต้องปรับปรุงตัวเรกูเรเตอร์ให้มีแรงดันน้ำมันในท่อรางหัวฉีดให้สมดุลกันด้วย ทดสอบดูได้ ถอดหัวฉีดออกมาหนึ่งหัวแล้วลองสตาร์ทเครื่องยนต์ดู จะเห็นได้ชัดเจนระหว่างที่ยังใช้แรงดันเท่าเดิมที่ยังไม่ปรับจูนหรือเปลี่ยนใหม่ กับที่ปรับแต่งแล้ว จะต่างกันมาก ของเดิมที่ยังไม่ปรับจูนให้มีแรงดันเพิ่มขึ้น จะไม่ค่อยเป็นฝอยเท่าที่ควร เพราะแรงดันน้ำมันผ่านหัวฉีดไม่สมดุลย์ เป็นทำให้การสตาร์ทเครื่องยนต์ในสภาวะอากาศเย็นติดยาก แต่ถ้าจะให้ดีก็ต้องปรับปรุงไฟจุดระเบิดให้กับหัวเทียนที่แรงขึ้นหรือมีไฮโวลเต็จสูงด้วย พร้อมกับหัวเทียน ก็จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องสตาร์ทในตอนเช้าๆได้ดีขึ้น แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็ยังไม่สมบูรณ์ หากจะให้สมบูรณ์ ต้องมีตัวช่วยเรื่องการเ้พิ่มคายเวลาสัญญาณพัลส์ในการยกหัวฉีดน้ำมันให้ มีคาบการยกวาวล์หัวฉีดให้นานขึ้นกว่าเดิม เพราะต้องการพลังงานของน้ำมัน E85 ให้มีพลังงานความร้อนเทียบเท่ากับระบบน้ำมัน ถึงจะทำให้การใช้น้ำมัน E85 เทียบเท่ากับระบบน้ำมัน และยังให้แรงบิดเพิ่มขึ้นกว่าระบบน้ำมันเบ็นซิล เพราะใในการจุดระเบิดในน้ำมัน E85 เป็นการจุดระเบิดแบบลากยาว ตั้งแต่เริ่มจุดประกายที่ลูกสูบถึงจึด TDC และในจังหวะเคลื่อนตัวลงของลูกสูบ จึงทำให้ได้แรงบิดเพิ่มขึ้น เครื่องยนต์เดินเรียบ และการเกิดความร้อนในห้องเครื่องต่ำกว่าระบบน้ำมันเบ็นซิล ภายในห้องสูบวาวล์และบ่าวาวล์สะอาด แถมมลภาวะการเป็นพิษของไอเสียน้อยกว่าระบบน้ำมันเบ็นซิล .....srithanon |
srithanon พิมพ์ว่า: |
การเปลี่ยนปั้มติก หัวฉีด และท่อน่ำมัน ก็ไม่ได้หมายความว่า จะทำให้การสตาร์ทเครื่องยนต์ที่ใช้น้ำมัน E85 ในตอนเช้าๆได้ง่ายขึ้นเสมอไป ต้องทำให้ครบองประกอบของระบบการการใช้น้ำมัน E85 ด้วย
หากจะทำพอที่จะให้ใช้งานได้ แต่ไม่สมบูรณ์ ก็ตามที่บอกมา แต่จะต้องตรวจสอบเรื่องเพรชเชอร์แรงดันในท่อรางหัวฉีดด้วย หากเปลี่ยนปั้มติ๊กมีแรงดันน้ำมันสูง แต่ตัวเร็คกูเรเตอร์ไม่ทำการปรับปรุง เพื่อให้แรงดันน้ำมันในท่อรางหัวฉีด สูงตามไปด้วย ก็จะมีปัญหา เนื่องจากหัวฉีดที่เปลี่ยนใหม่ คิดว่าน่าจะเป็นของ K20 ที่มีรูฉีดน้ำมันเพิ่มขึ้น ดังนั้นหากแรงดันน้ำมันในท่อรางหัวฉีดเท่าเดิมกับหัวฉีดเก่า จะทำให้แรงดันน้ำมันในท่อรางหัวฉีดต่ำไม่แรงพอที่จะดันน้ำมันให้ผ่านหัวฉีดเป็นฝอยละเอียดได้ ต้องสร้างแรงดันให้ได้พอเหมาะกับหัวฉีดด้วย หากแรงดันลดลง น้ำมันนอกจากจะไม่เป็นฝอยกระจายแล้ว จะทำให้น้ำมัน E85 ที่มีจุดระเหยเป็นไอต่ำ ยังคงรูปเป็นน้ำคือเมื่อมีอุณหภูมิเย็นๆในตอนเช้า มันจะระเหยกลายเป็นไอน้ำมันยาก ส่วนหนึ่งจึงอาศัยหัวฉีดน้ำมันมีรูเพิ่มขึ้น เพื่อให้เกิดระอองเป็นฝอยละเอียดและจายอนุของน้ำมันกระขายมากขึ้น อนุของน้ำมันเมื่อโดนความร้อนภายในห้องสูบที่กำลังอัด จะมีอุณหภูมิสูง ทำให้อนุของลองน้ำมันที่เป็นฝอยมากๆ ระเหยเป็นไอน้ำมันได้หมดจด ทำให้คลุกเคล้ากับอากาศได้สมบูรณ์ ทำให้การจุดระเบิดสมบูรณ์ ดังนั้นท่านที่เปลี่ยนปั้มติ๊กและหัวฉีดจะต้องปรับปรุงตัวเรกูเรเตอร์ให้มีแรงดันน้ำมันในท่อรางหัวฉีดให้สมดุลกันด้วย ทดสอบดูได้ ถอดหัวฉีดออกมาหนึ่งหัวแล้วลองสตาร์ทเครื่องยนต์ดู จะเห็นได้ชัดเจนระหว่างที่ยังใช้แรงดันเท่าเดิมที่ยังไม่ปรับจูนหรือเปลี่ยนใหม่ กับที่ปรับแต่งแล้ว จะต่างกันมาก ของเดิมที่ยังไม่ปรับจูนให้มีแรงดันเพิ่มขึ้น จะไม่ค่อยเป็นฝอยเท่าที่ควร เพราะแรงดันน้ำมันผ่านหัวฉีดไม่สมดุลย์ เป็นทำให้การสตาร์ทเครื่องยนต์ในสภาวะอากาศเย็นติดยาก แต่ถ้าจะให้ดีก็ต้องปรับปรุงไฟจุดระเบิดให้กับหัวเทียนที่แรงขึ้นหรือมีไฮโวลเต็จสูงด้วย พร้อมกับหัวเทียน ก็จะช่วยแก้ปัญหาเรื่องสตาร์ทในตอนเช้าๆได้ดีขึ้น แต่ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็ยังไม่สมบูรณ์ หากจะให้สมบูรณ์ ต้องมีตัวช่วยเรื่องการเ้พิ่มคายเวลาสัญญาณพัลส์ในการยกหัวฉีดน้ำมันให้ มีคาบการยกวาวล์หัวฉีดให้นานขึ้นกว่าเดิม เพราะต้องการพลังงานของน้ำมัน E85 ให้มีพลังงานความร้อนเทียบเท่ากับระบบน้ำมัน ถึงจะทำให้การใช้น้ำมัน E85 เทียบเท่ากับระบบน้ำมัน และยังให้แรงบิดเพิ่มขึ้นกว่าระบบน้ำมันเบ็นซิล เพราะใในการจุดระเบิดในน้ำมัน E85 เป็นการจุดระเบิดแบบลากยาว ตั้งแต่เริ่มจุดประกายที่ลูกสูบถึงจึด TDC และในจังหวะเคลื่อนตัวลงของลูกสูบ จึงทำให้ได้แรงบิดเพิ่มขึ้น เครื่องยนต์เดินเรียบ และการเกิดความร้อนในห้องเครื่องต่ำกว่าระบบน้ำมันเบ็นซิล ภายในห้องสูบวาวล์และบ่าวาวล์สะอาด แถมมลภาวะการเป็นพิษของไอเสียน้อยกว่าระบบน้ำมันเบ็นซิล .....srithanon |
ไปที่: |