กบ พิมพ์ว่า: |
ขอสอบถามหน่อย คือว่าตอนนี้ระบบไฟรถมันสตาทไม่ติดครับ เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่แล้วก็ใช้ได้คืนเดียว(45A) เช็คระบบไฟว่าลงกราวด์แล้วก็ไม่เจอ เช็คชุดรีเลย์ก็โอเคไม่เป็นไร แต่เอาแบตเตอรี่มาวัดโวลล์ก็มีโวลล์ แต่ไม่มีแอมป์ เลยเอาตัววัด ถพ มาวัด ปรากฎว่าทุ่นมันไม่ลอยเลย ก็เลยเอาแบตเอตรี่ลูกใหม่ วัด ถพเรียบร้อยทุ่นลอยดี ขนาด 80A มาใส่ก็ใช้ได้ 5วัน ก็สตาทไม่ติด เอาตัววัด ถพ มาวัดอีกทุ่นก็ไม่ลอยเช่นเดิม ไดสตาทก็เช็คแล้วมันก็ชาร์จอยู่13แอมป์กว่าก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องเช็คตรงไหนอีก ตอนนี้รถจอดมาหลายวันแล้ว |
กบ พิมพ์ว่า: | ||
ตอนนี้เอาแบตเตอรี่ส่งแคลมร้านไปแล้วไม่รู้ว่ามันเสียจากรถเราหรือป่าวไม่รู้ |
Dark พิมพ์ว่า: |
อาจจะแบตมันเสียไม่เก็บไฟก็ได้ครับ ของใหม่โอกาสที่แบตจะเสียเลยก็มีนะครับ แต่ถามนิดนะครับ เผื่อว่าเผลอลืมปรับ คลิปแอมป์ที่เอาไปวัดนี่มันวัด Amp ของ DC ได้ใช่มั้ยครับ เพราะคลิปแอมป์ส่วนใหญ่ถ้าราคาไม่เกิน 1000 บาท มักจะวัดกระแส DC ไม่ได้นะครับ แล้วก็ถ้าเอาชัวร์ก็ซื้อรีเลย์แอร์ใหม่สักตัวครับ ราคาประมาณ 150 บาท มาเปลี่ยนเลยครับ ผมว่าบางครั้งรีเลย์มันอาจจะดูดค้างก็ได้ครับ บางทีตอนเราตรวจเช็คไฟรั่ว รีเลย์มันปกติดี แต่บางทีมันก็ดูดค้างเป็นบางครั้งครับ |
koobe พิมพ์ว่า: |
อาการคล้ายกับรถผม แต่ของผมเปลี่ยนไดร์ชาร์ทลูกที่2แล้วอาการนี้หาย สรุปไดร์ชาร์ทไม่ได้เสียแต่ไดร์เริ่มเสื่อม ชาร์ทบ้างไม่ชาร์ทบ้าง ทำให้แบตเก็บไฟไม่เต็ม |
srithanon พิมพ์ว่า: |
ปัญหาที่กล่าวมานั้นไม่น่าจะมีปัญหาที่แบ็ตเตอรี่ ให้แยกในการวิเราะห์ปัญหาเป๋็นสองส่วน ส่วนแรกวิเคราะห็ให้ได้ว่าแบ็ตเตอรี่มีความผิดปกติที่ตัวมันเอง หรือเป็นเพราะปัจจัยเหตุส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง
กับส่วนที่สอง ก็คือตัวระบบไดน์ชาร์จมีปัญหา อันมาจากการผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในวงจรที่ควบคุมการจ่ายกระแสไฟ จำเป็นที่จะต้องตรวจสอบการทำงานมั้งสองอย่าง ในการตรวจสอบเรื่องการเก็บพลังงงานไฟฟฟ้าในรูปของกระแสไฟในแบ็ตเตอรี่ ให้นำแบ็ตเตอรี่นั้นทำการชาร์จกระแสไฟให้เต็ม สมมุติว่าแบ็ตเตอรี่ลูกน้นมีความจุของกระแฟไฟที่ 60 Amp ก็ให้หาหลอดไฟ 12 VDC ที่กินกระแสไฟ 5 Amp หรือประมาณ 12 V 60 WATT หรือเอาหลอดไฟ 12VDC 15 watt มาต่อขนานกัน 4 ดวง (ในการตรวจสเป็คของกระแสไฟในแบ็ตเตอรี่ เขาจะหาโหลดรีซิสแต้นซ์ มาเป็นค่าโหลดของกระแสไฟ) จากนั้นให้เอามาต่อเข้ากับแบ็ตเตอรี่ ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 6 ชั่วโมง แล้วนำเอาแบ็ตเตอรี่มาวัดไฟว่ายังมีกระแสภายในตัวมันเหลืออยู่กี่แอมป์ ปกติแล้วหากคำนวนในการใช้กระแสไฟตตามเวลาที่ 6ชม. มันจะใช้กระแสไฟไป 30 Amp ที่เหลือก็ควรจะอยู่ที่ประมาณ 30 amp หากวัดกระแสไฟได้ ตามที่กล่าว ถือว่าปกติ หากวัดแล้วกระแสไฟเหลือในตัวแบ็ตเตอรี่ไม่ถึง 20 amp แสดงว่ามีความผิดปกติในตัวแบ็ตเตอรี่ การเทสแบบนี้เป็นเทสการใช้โหลดของกระแสไฟ ว่าจ่ายกระแสไฟได้ตามสเป็คหรือไม่ สมมุติว่าวัดได้ตามที่กล่าวหรือใกล้เคียงถือว่าปกติ ดังนั้นการที่จะวิเคราะห์ปัญหาต่อไปก็คือ การตรวจเช็คการรั่วของกระแสไฟจากแบ็ตรั่วลงกราวด์ ซึ่งมีการตรวจสอบในสองกรณี กรณีแรกก็คือการรัวลงกราวด์ในระบบวงจรไฟฟ้าของรถยนต์ และการรั่วลงกราวด์ที่เกิดจากการชิร์ทจองตัวไดโอดเร็คติไฟร์ ในตัวไดน์ชาร์จรั่วลงกราวด์ การเช็ครั่วลงกราวด์ในระบบวงจรไฟฟ้าของรถยนต์ ก็คือใช้คลิปแอมป์มิเตอร์ ที่เป็นแบบ วัด DC amp คีบคร่อมสายไฟที่ขั่วบวกของแบ็ตที่ต่อไปใช้ยังส่วนต่างๆของรถยนต์ ในขณะที่ยังไม่ได้สตาร์ทเครื่องยนต์ หากพบว่ามีกระที่วัดได้ เกินกว่า .5 Amp ไปจนถึง 3-5 amp แสดงว่ามีการรั่วลงกราวด์ในวงจรไฟของรถยนต์ จุดการใช้งานส่วนใดส่วนหนึ่ง หากวัดอ่านค่ากระแสไฟได้ประมาณ สามสี่ร้อยมิลลิแอมป์( .3-.5 amp) ถือว่าปกติ เพราะกระแสไฟที่วีดได้มาจากการใช้กระแสไฟของพวกวงจรอีเลคโทรนิคส์ เช่นวงจรป้องกันขโมย ไฟแบ็คอัพพวกเมมโมี่ของเครื่องเสียงต่างๆ สมมุติว่าวัดแล้วเป็นปกติ ก็ให้มาทำการวัดการรั่วของกระแสไฟของตัวไดโอดเร็คติฟลาย ก็ให้ใช้คลิปแอมป์วัดคร่อมสายไฟเส้นที่มาจากตูดไดน์ชาร์จที่ + B มาบังขั่วบวกของแบ็ตเตอรี่ (ไม่สตาร์ทเครื่องยนต์) หากที่คลิปแอมป์มิเตอร์อ่านค่ากระแสไฟได้แม้น้อยนิด แสดงว่าเกิดการรั่วลีคของกระแสไฟไหลผ้่านตัวไดโอดลงกราวด์ จะมากหรือน้อนขึ้นอยู่กัยการรั่วของกระแสไฟที่ผ่านจังขั่นของตัวไดโอด เป็นการตรวจสอบเรื่องของกระแสไฟในตัวแบ็ตเตอรี่ แบบคร่าวๆให้ไปลองตรวจสอบดูก่อนครับ มีรายละเอียดขั้นตอนในการตรวจสอบที่ลงลึกมากว่านี้ ต้องใช้เครื่องมือสำหรับตรวจสอบครับ......srithanon |
srithanon พิมพ์ว่า: |
หากเสียแค่ Diode rectifier ก็สามารถเปลี่ยนได้ หากเสียพวก IC regulator ก็ต้องเปลี่ยนทั้งชุด (ตามร้านทั่วไปจะใช้วิธีนี้กับลูกค้า) เพราะเขาจะได้เอาไปซ่อมเอง และเอามาบอกกับลูกค้าว่า ไดน์ชาร์จบิ้วหรือมือสอง ไดโอดตัวละไม่กี่ตังค์ แต่คนซ่อมคิดค่าซ่อมแพงเว้อร์ครับ.....srithanon |
ไปที่: |