2.0 ปี 2003 ครับ

อาการคือ ถ้ารถติดๆ ความร้อนจะขึ้นไปประมาณ 75-90% ของ Scale
แต่ถ้าพอรถไหลไปได้หน่อย 20-30 km/h ความร้อนจะอยู่ตรงกลางปกติ
ถ้าจอดรถทิ้งไว้ 1.5 ชั่วโมง ความร้อนไม่ลด เปิดกุญแจอีกทีก็อยู่ตรงกลาง
วิ่งทางไกลไม่เป็นไร

ปล.
1. พัดลมสองตัวทำงานปกติ
2. เพิ่งเปลี่ยนพัดลมแอร์เซียงกง เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว
3. วาล์วน้ำอายุการใช้งาน 120,000 km

ขอคำแนะนำหน่อยครับ

น้ำยาหม้อน้ำใช้คูลแลนด์ ด้วยรึป่าวคับ รึว่าเติมน้ำอย่างเดียวคับ

วาล์วน้ำอายุการใช้งานบางทีก้ออาจจะไม่ถึง120000 ก้อได้น้าคับ 


แล้วน้ำในหม้อน้ำมีขาดบ้างรึป่าว เชคดูตามตะเขบด้วยนะคับ 

ค่อยๆไล่ไปทีละจุดคับ  ขอให้หายไวๆ น้าคับ

...++

เปลี่ยนวาล์วก่อนเลยครับเผื่อจะแก้ปัญหาได้ครับอีกอย่างนึงถูกที่สุด อย่าเพิ่งมองอย่างอื่นอาจจะเสียมากกว่านี้ครับ

ปั้มน้ำผุ ใบหายหมด(เดา)5555

อาการที่เกิดขึ้นนี้มีหลายสาเหตุ ให้แยกตรวจสอบเป็นสองส่วน ส่วนแรกให้ช่างทำการตรวจล้างระบบท่อยางต่างในระบบน้ำหล่อเย็นของเครื่องยนต์ ใช้แรงดันของลมอัดเข้าทางท่อที่ผ่านวาวล์น้ำ (เอาวาวล์น้ำออก) ปลดท่อทางออกของน้ำจากเสื้อสูบที่มาเข้าหม้อนน้ำ เมื่ออัดลมเข้าไปไล่ระบบน้ำที่ค้างตามผนังเสื้อสูบออกให้หมด และสิ่งที่ควรตรวจสอบในช่วงเวลานี้ คารตรวจสอบปั้มน้ำในคราวเดียวกัน ว่าสภาพปกติหรือไม่ บางครั้งพบว่าปั้มน้ำมีสภาพไม่ปกติ รถที่ใช้งานมานานหลายปีแนะนำว่าควรเปลี่ยนไปเลยอย่าเสียดายดังค์ ไม่แพง เมื่อน้ำออกจากผนังเสื้อสูบหมดในตอนแรก ให้อเอาน้ำฉีดอัดเข้าไปใหม่(ปิดท่อทางออกจากเสื้อสูบไว้ในขณะเติมอัดน้ำเข้าไปใหม่) เมื่อน้ำที่เติมเต็มในผนังเสื้อสูบแล้ว ก็เปิดท่อทางออกของเสื้อสูบให้ไหลออก ในช่วงนี้ให้สังเกตุการไหลของน้ำที่ไหลออกว่าไหลต่อเนื่องได้ดีหรือไม่ หากไหลติดขัดให้ตรวจดูที่แถวๆภายในปลอยท่อที่น้ำไหลออก มีตระกรันของสนิมอุดตันหรือเปล่า ขั้นตอนนี้เป็นการล้างระบบภายในของระบบน้ำหล่อเย็นในเสื้อสูบ

ช่วงต่อไปก็ให้ดูตามท่อยางและท่อแป็ปน้ำที่แยกไปเข้าในระบบอื่นๆ ว่ามีตระกรันสนิมขัดขวางทางเดินของน้ำหรือไม่ ตรวจสอบให้หมด และที่สำคัญไหนๆก็ไหนๆแล้ว รถที่ไม่เคยล้างหม้อน้ำมานาน ก็จัดการให้ช่างหม้อน้ำถอดออกมาไล่ล้างตระกรันสนิมในช่องของหม้อน้ำให้สะอาด ในช่วงของการไล่ล้างระบบน้ำหล่อเย็นของเครื่องยนต์นี้ อย่าลืมตรวจสอบตัวเทอร์โมวาวล์ หรือวาวล์น้ำด้วยว่าทำงานปกติหรือไม่ ต้มน้ำให้เดือดประมาณ 70-80 องศา แล้วเอาวาวล์น้ำใส่ลงไป ให้สังเกตุวาวล์น้ำเปฺดหรือไม่ หากไม่เปิดหรือเปิดเล็กน้อย ก็เปลี่ยนไป ทั้งหมดที่กล่าวมานี้หากประกอบท่อยางต่างๆกลับเข้าที่เดิม ควรขันเข็มขัดรัดให้แน่น เพื่อความชัวร์ ว่าไม่มีรอยรั่วของน้ำตามข้อต่อต่างๆ ใให้ทำตามนี้

หลังจากประกอบส่วนต่างๆเข้าแบบเดิมแล้ว ให้เติมน้ำลงในหม้อน้ำให้เต็ม แล้วไล่ระบบอากาศที่ยังคงค้างในขณะเติมน้ำ ด้วยการขันน็อตสำหรับไล่อากาศของหม้อน้ำ(รถบางรุ่นมีให้ไว้) หากไม่มีก็ให้หาดูท่อยางเล็กๆของระบบน้ำหล่อเย็น ที่ไปเข้าตามจุดต่างๆของเครื่องยนต์ ที่ต้องการความร้อนของน้ำไปเป็นตัวกำหนดการทำงานของระบบ เช่นที่ตัวโรตารี่โซลินอยวาวล์ ในฮอนด้าซีวิคตาโต ให้ถอดสายข้อต่อยางออกให้น้ำที่เติมไหลออกเล็กน้อยเพื่อไล่อากาศออกจากระบบน้ำหล่อเย็น หลังจากที่ไล่ระบบอากาสออกแล้ว ใให้ทำการสตาร์ทเครื่องยนต์และวอร์มไว้จนน้ำมีอุณหภูมิของห้องเครื่อง หรือพัดลมหม้อน้ำทำงาน จากนั้นให้หาผ้าชุบน้ำผืนหนา โป๊ะลงไปที่ฝาหม้อน้ำ แล้วค่อยๆเปิดฝาหม้อน้ำทีละนิด เพื่อไล่ความดันของไอน้ำออก เพื่อต้องการเปิดฝาหม้อน้ำ การเกิดแรงดันของไอน้ำในช่วงนี้ จะมีไม่มากเพราะไม่มีการสะสมที่นานเหมือนใช้งาน จะทำได้ง่าย แต่ก็ควรระมัดระวัง

เมื่อเปิดฝาหม้อน้ำออก ให้เราค่อยๆเร่งเครื่องยนต์ในรอบเดินเบา ให้สังเกตุน้ำตรงฝาปิดหม้อน้ำว่า มีน้ำไหลวนหรือไม่ หากวาวล์น้ำปกติ(ในกรณีที่ไม่เปลี่ยน) จะพบว่าน้ำไหลเซอคูเรทให้เห็น แสดงว่าทั้งระบบปั้มน้ำและเทอรฺโมวาวลน้ำทำงานปกติ หลังจากนั้นใให้ให้ปิดฝาหม้อน้ำเข้าที่เดิม ดูเข็มความร้อนว่าชี้ที่ประมาณเกือบครึ่งหนึ่งของเกจวัดหรือไม่ หรือประมาณว่า 1/3 หากเป็นตามนี้ถือว่าปกติ ให้นำรถขับออกไปวิ่งทดสอบดู

ในกรณีที่สองที่จะตรวจสอบหลังจากที่ล้างระบบหม้อน้ำตามข้างบนแล้วยังมีปัญหาโรคแทรกซ้อนเข้ามา คือเกจวัดความร้อนยังขึ้นสูงอีก ให้ทำการตรวจเช็คตามนี้ จากกรณีที่ท่านเจ้าของกระทู้บอกว่า หลังจากที่ดับเครื่องยนต์พักจอดไว้ประมาณชั่วโมงครึ่ง กลับมาที่รถสตาร์ทเครื่อง เข็มวัดความร้อนยังขึ้นสูงประมาณกลางสเกล แสดงว่าน่าจะมีความผิดปกติของตัวเทอรโมวัดความร้อนของน้ำ ที่อาจจะมาจากสาเหตุตัวมันเสื่มสภาพ หรือเกิดตระกรันอ๊อกไซด์ที่บริเวณขั่วเสียบ หรือขั่วเสียบหลวมไม่แน่น ลองทำความสะอาดดูก่อนว่ากลับมาเป็นปกติหรือไม่ ปกติแล้วหากจุดสัมผัสของขั่วเสียบหลวมหรือไม่สนิท จะมีอาการความร้อนขึ้นสูงบ้าง บางที่ก็ปกติ ทำให้ช่างวิเคราะห์ปัญหาผิดมาก็มาก ช่างไม่ค่อยปวดหัว แต่เจ้าของรถปวดหัวก็มีมากและบานปลายค่าใช้จ่าย เพราะจากการเคยตรวจซ่อมพบว่ามีปัญหาเรื่องขั่วเสียบหลวมและเกิดสกปรก ทำให้เกิดค่าความต้านทานระหว่างจุดสสัมผัส ในวิชาไฟฟ้าและอีเลคโททรนิคส์ การที่กระแสไฟฟ้าหรืออีเลคตรอนวิ่งผ่านจุดสัมผัสที่ไม่แน่น หรือตัวนำที่เป็นสายไฟขนาดเล็ก ย่อมทำให้กระแสไฟไหลผ่านได้น้อย เมื่อกระแสไฟไหลผ่านได้น้อย จึงเป็นตัวแปรที่จะทำให้ตัวเทอโมความร้อน มีค่าเปลี่ยนไปจากสภาพจริง เพราะกระแสไที่ไหลเข้าไปในตัวเทอรโมที่เป็นเทอมิสเตอร์ ที่เปลี่ยนค่าความต้านทานตามการแปรผันของความร้อน ก็จะมีโวลเต็จตกคร่อมในค่าความต้านทานที่เกิดขึ้นตามการแปรผันของความร้อน

จึงจำเป็นต้องควจสอบที่จุดนี้ด้วย จากการที่ให้ทำการตรวจเช็คตามที่แนะนำมาตามข้างบน จะพบว่าอาการที่เกิดขึ้นแบบเจ้าขแงกระทู้จะกลับมาเป็นปกติ ส่วนสาเหตุอื่นๆก็มีในอาการที่ว่านี้ แต่ผมเป็นโรคที่ขี้เกียจนั่งพิมพ์นะครับ และใช้เวลา ก็เอาไว้มาเล่าสู่กันฟังทีหลังก็แล้วกัน แต่เชื่อว่าอาการของรถที่เจ้าของกระทู้ถามมาน่าจะเป็นปกติแล้วนะครับ หากมีอะไที่นอกจากคำแนะนำแล้วยังไม่ปกติ ก็ถามมานะครับ ยินดีตอบให้ ขอให้โชคดีครับ.....srithanon

เคยเป็นครับรถติดลองเร่งเครื่องไว้1500-2000 ค้างไว้ถ้าความร้อนลดลงปั้มน้ำชัวร์

สั้นๆเขาใจความ


1.เปลื่ยนวาล์วน้ำเลยครับ


2.เซ็นเซอร์ความร้อนเริ่มเสียครับ (ประเด็นคือ จอดไว้นานๆแล้วความร้อนไม่ลด คือเซ็นเซอร์มันเพี้ยนครับ)



ปล.ลองฟังหลายๆท่านดูครับอย่าพึ่งเชื่อผมจนกว่าท่านจะลองเอง

พัดลมหม้อน้ำหมุนแต่อาจจะไม่แรงลองเปลี่ยนมือ2
ตัวละประมาณ700 มี2ตัวมอเตอร์พัดลมแอร์กับพัดลมหม้อน้ำ

เก็บข้อมูลครับ

อาการนี้เซ็นเซอร์วัดความร้อนเสียครับ รีบเปลี่ยนเลย ก่อนที่เครื่องจะมีปัญหา ( ตอนแรกผมก็คิดว่าไม่น่าเป็นอะไร สุดท้ายโดนหนักเลย )

แหะๆ

เจออย่างนึงละครับ  น้ำในหม้อน้ำหายไปเกือบ 2 ลิตร
เหอๆ
ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

อาการนี้น่าปวดหัวคับ ผมกอเป็นไล่เปลี่ยนทุกอย่างตามสเตปสุดท้ายปะเกนฝาแตก เหนื่อยเลยคับ