ตอบ
katip


เข้าร่วม: 11 มีนา 2013
ตอบ: 63

สมาชิกสับสน
สมาชิกสับสน

ได้รับคำขอบคุณ: 184
ให้คำขอบคุณ: 0
พุธ, 2 กรกฎา 2014 15:17 - Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์ ตอบโจทย์ทุกเรื่องกินดื่มสังสรรค์

บางค่ำคืนที่นึกอยากจะแฮงค์เอาท์หลังเลิกงานกับผองเพื่อน หลายๆคน
มักจะพบว่าตารางการนัดรวมตัวกันจะออกมาเป็น ทุ่มนึงอยากดินเนอร์
ให้อุ่นท้อง พร้อมกับนั่งคุยกันชิลล์ๆ

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์


บางค่ำคืนที่นึกอยากจะแฮงค์เอาท์หลังเลิกงานกับผองเพื่อน หลายๆ
คนมักจะพบว่าตารางการนัดรวมตัวกันจะออกมาเป็น "ทุ่มนึงอยาก
ดินเนอร์ให้อุ่นท้อง พร้อมกับนั่งคุยกันชิลล์ๆ แต่พอสามทุ่มก็เริ่มอยาก
เลื้อยไปนั่งจิบค็อกเทลเก๋ๆ ในบรรยากาศชิคๆ กันต่อ" แล้วถ้าคุณ
เลือกไปแฮงค์เอาท์กับเพื่อนๆ ที่ย่านบันเทิงสักแห่ง หรือถนนแห่งการ
สังสรรค์สักเส้น แต่กว่าจะนึกออกว่าจะไปร้านไหนดี กว่าจะฝ่ารถติดไปได้
กว่าจะหาที่จอดรถได้ แถมบางทีร้านที่จะไปต่อ อยู่ห่างกันคนละเขตเลยก็มี
ทีนี้อารมณ์สนุกสนานก็อาจจะไม่ต่อเนื่อง ถึงขั้นมีกร่อยๆ ไปบ้าง

แล้วจะดีกว่ามั้ย ถ้ารวมทุกอย่างเสร็จสรรพไว้ในที่เดียว อย่างที่
"Groove @CentralWorld" ที่มีหมดทั้งร้านอาหาร ร้านขนม ร้านชา
คาเฟ่ และ Gastro Bar ทั้งแบรนด์ไทยแท้ และแบรนด์ดังที่อิมพอร์ต
มาจากนอก พรั่งพร้อมไปด้วยอาหารและเครื่องดื่มนานาชนิดไว้ตอบสนอง
ความชอบของทุกคน เป็น Destination แห่งใหม่ของการแฮงค์เอาท์
ที่ได้ชื่อว่าเป็น “The Next World Class Hangout Destination”
เพราะมาที่นี่ที่เดียว...จบ!! อยากกินอาหารไทยก็มี อาหารอิตาเลียนก็ได้
อาหารญี่ปุ่นก็ยังไหว อาหารอเมริกันก็สุดจะครีเอท อาหารฝรั่งเศสก็ไม่ขาด
หรือถ้าอยากจิบน้ำชาเก๋ๆ สไตล์อังกฤษก็มีให้ แต่ถ้าหากไม่ถูกใจ
อยากจะลองจิบน้ำชาแกล้มขนมสไตล์ฝรั่งเศสก็ยังมีให้เลือกอีกเช่นกัน
ส่วนคนที่รักความมันส์ และกำลังมองหาที่ให้นั่งไขว้ห้างดริงค์เก๋ๆ ก็มีให้
เลือกทั้งสารพัดเบียร์จากนอก ไปจนถึงเหล้ายาดองเวอร์ชั่นเริดหรูกันเลยทีเดียว
เรียกว่ามีทุกอย่างให้เลือกสรร อยากจะเปลี่ยนร้าน เปลี่ยนอารมณ์ ก็สามารถ
ทำได้ง่ายดาย ไม่ต้องเคลื่อนย้ายร่างไปไกลให้เปลืองเวลาและเปลืองน้ำมันรถ

และนอกจากร้านอาหารใน "Groove" แต่ละร้าน จะเก๋ไก๋แล้ว ตัวอาคารยังมี
การออกแบบด้วยสไตล์ Futuristic ที่ดูล้ำสมัยอีกด้วย เพราะโดดเด่นด้วย
พื้นที่เอาท์ดอร์ ซึ่งอยู่บริเวณกลางอาคาร ที่มีหลังคาเปิดปิดได้ตามสภาพอากาศ
แถมยังมีต้นไม้เพื่อเพิ่มความร่มรื่นอีกด้วย เป็นการผสมผสานความเป็นอินดอร์
และเอาท์ดอร์ได้อย่างลงตัว ทำให้ร้านอาหารทุกร้านใน “Groove” จะมีทั้ง
พื้นที่อินดอร์ และเอาท์ดอร์ ให้เลือกนั่งได้ตามความชอบ และที่สำคัญ เมื่อริจะ
เป็นสถานที่สำหรับการแฮงค์เอาท์แล้ว จะรีบปิดเร็วตามเวลาห้างสรรพสินค้า
ทั่วไปก็ดูจะใช่ที่ ด้วยเหตุนี้ “Groove” เลยมีช่วงเวลาเปิดที่ยาวนานกว่า
ห้างสรรพสินค้าโดยทั่วไป คือเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 10.00 - 01.00 น.
จึงสามารถนั่งชิลล์กันได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องรีบกลับบ้าน....

แล้วอย่างนี้ “Groove” มีร้านอะไรบ้างที่เราควรจะมาร์คไว้บน Calendar
สำหรับการนัดหมายแฮงค์เอาท์คราวต่อไป....มาดูกัน!!

"S’MORES Hunting Lodge" ตั้งแคมป์กลางป่ากับอาหารสไตล์อเมริกัน

ถ้าใครอยากได้ฟีลแบบอเมริกันชน ออกแนวผจญภัยในหนังสไตล์
Western Movie และอยากอิ่มอร่อยกับอาหารจานใหญ่ จัดหนัก
จัดเต็ม แนะนำให้มาที่นี่เลย "S’MORES Hunting Lodge" ร้านอาหาร
สไตล์อเมริกันกึ่งเอเชียน ที่ตกแต่งร้านเหมือนไปตั้งแคมป์ไฟอยู่กลางป่ากลางเขา
เพราะประดับประดาด้วยสัตว์สตัฟฟ์นานาชนิด เก้าอี้ขอนไม้ โต๊ะที่ทำจากไม้
ธรรมชาติ และกระโจมอินเดียนแดง บรรยากาศออกแนวดิบๆ ไม่ปรุงแต่งมาก
ส่วนอาหารก็เสิร์ฟมาบนจานไม้ เขียงไม้ และท่อนไม้จริงๆ ให้อารมณ์เหมือน
กำลังกินอาหารอยู่กลางป่าสุดๆ

ส่วนเมนูอาหารก็มีทั้งสเต็กเนื้อชิ้นโตเหมือนไปล่าสัตว์มาย่างกินเอง กับเมนู
"Steak for Two" (ราคา 1,800 บาท) สเต็กเนื้อชิ้นใหญ่ ย่างมาแบบมีเดียม
แรร์ เหนียวนุ่มกำลังดี เสิร์ฟมาพร้อมผักย่างนานาชนิด เฟรนช์ฟราย และน้ำ
เกรวี่รสเข้ม หรือ "Roasted Chicken" (ราคา 820 บาท) ไก่กระทงที่หมัก
กับเครื่องเทศแล้วอบทั้งตัว เสิร์ฟมาบนเขียงไม้พร้อมผักนานาชนิดและแมชโพเตโต้
ให้ความรู้สึกเหมือนจับไก่มาย่างกินกลางป่าอย่างไรอย่างนั้น

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
Steak for Two

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
Roasted Chicken

แล้วถ้าพูดถึงความเป็นอเมริกัน จะไม่มีเมนูเบอร์เกอร์ได้อย่างไร จึงต้องมีเมนู
"Snow Fish Burger" (ราคา 420 บาท) เบอร์เกอร์ปลาหิมะชุบแป้งทอดชิ้น
หนา กรอบนอกนุ่มใน เนื้อปลาฉ่ำสุดๆ ด้านบนมีเชดด้าร์ชีสละลายหยาดเยิ้มผสมกับ
ซอสมาโยเข้มข้น ประกบด้วยขนมปังบันเนื้อหนานุ่ม แซมด้วยผักร็อกเก็ต เสิร์ฟ
พร้อมมันฝรั่งกรอบๆ และทีเด็ดอยู่ตรงที่เบอร์เกอร์จานนี้เสิร์ฟมาพร้อมมีดที่ปัก
อยู่ตรงกลางเบอร์เกอร์ แลดูโหด ดิบ เถื่อนสมจริง

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
Snow Fish Burger

อาหารจัดหนัก จัดเต็มขนาดนี้ เครื่องดื่มก็ย่อมไม่แพ้กัน ลองเลือกเมนูเครื่องดื่ม
ที่ตั้งชื่อให้เกี่ยวพันกับความเป็นอเมริกันอย่างสุดๆ อย่าง "4th of July"
(ราคา 350 บาท) เครื่องดื่มที่ตั้งชื่อให้ตรงกับวันชาติของอเมริกา แถมยังสร้าง
สีสันในการเสิร์ฟด้วยการใช้ไฟเย็นพวยพุ่งเสียบมาในถังน้ำแข็งด้วย เป็นนัยยะ
แห่งการเฉลิมฉลองวันชาตินั่นเอง

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
4th of July

ปิดท้ายด้วย "Smores" (ราคา 320 บาท) ของหวานน่ารักๆ ที่ให้อารมณ์
เหมือนอยู่รอบกองไฟจริงๆ เพราะเป็นมาร์ชเมลโล่ที่เสิร์ฟมาพร้อมกับเตาถ่าน
อันจิ๋วไว้ให้สมมติว่ากำลังย่างมาร์ชเมลโล่อยู่รอบกองไฟแบบเวลาไปแคมปิ้ง
แต่ก็แอบเก๋กว่าแค่การย่างมาร์เมลโล่กิน เพราะในเมนูนี้ ยังมีผลไม้ต่างๆ เช่น
แอปเปิ้ลเขียวฝานบางๆ สตรอเบอร์รี่ บิสกิต ซอสช็อกโกแลต และครีมกล้วย
คาราเมล ซึ่งทั้งหมดนี้เอาไว้กินกับมาร์ชเมลโล่ที่ย่างเสร็จแล้ว ด้วยการใช้บิสกิต
ห่อมาร์ชเมลโลเอาไว้ แล้วหยอดครีมกล้วยคาราเมลลงไป จะแซมด้วยผลไม้ตาม
ชอบก็ย่อมได้ เท่านี้ก็จะทั้งความนุ่มหวานมันของมาร์ชเมลโล่และครีมกล้วย
คาราเมล ความเปรี้ยวจากผลไม้สด และความกรอบจากบิสกิต

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
Smores

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
ปิ้งมาร์ชเมลโล่ให้เกรียม

ร้าน "S’MORES Hunting Lodge" เหมาะเป็นอย่างยิ่งกับคนที่ชอบสไตล์
คันทรี ดิบๆ และอิงธรรมชาติ รวมทั้งคนที่กำลังมองหาร้านอาหารอร่อยๆ ที่จะมา
ดับความหิวได้อย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่กินเล่นขำๆ

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์

“Fauchon Groove” ปารีเซียง คาเฟ่ อิมพอร์ตตรงจากฝรั่งเศส สาขาแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“Fauchon” (โฟชอง) ร้านอาหารฝรั่งเศสชื่อดังและเก่าแก่กว่า 120 ปี
จากปารีส ที่อิมพอร์ตมาให้คนไทยได้ลิ้มรสชาติอาหารฝรั่งเศสและขนมสไตล์
ฝรั่งเศสระดับพรีเมียมกันง่ายๆ ไม่ต้องบินไกลไปถึงปารีสอีกต่อไป โดยร้าน
“โฟชอง” ที่ “Groove” จะเป็นร้านแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ที่รวม 4 คอนเซปท์เอาไว้ด้วยกัน คือ เป็นทั้งร้านขนมหวาน เบเกอรี่, ร้าน
ของว่างสไตล์ฝรั่งเศส, คาเฟ่โฟชอง และร้านขายผลิตภัณฑ์อาหารและ
สินค้าที่ระลึก ซึ่งถือเป็น Flagship ของแบรนด์ในภูมิภาคนี้เลยทีเดียว

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์

ส่วนบรรยากาศในร้านจำลองรูปแบบมาจากคาเฟ่ริมทางสไตล์ปารีเซียงที่
พบเห็นได้ตามถนนหนทางในปารีส แต่ก็ยังสอดแทรกความเป็นโมเดิร์น
เอาไว้ด้วย ทำให้ร้านดูทันสมัยและสดใสตามสไตล์คนรุ่นใหม่

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์

“โฟชอง” นำเสนออาหารที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากวัฒนธรรมอาหารแบบ
“Brasserie” ที่นำเสนออาหารหรูหราโดดเด่นในรูปแบบที่เรียบง่าย ทุก
จานใช้วัตถุดิบนำเข้าชั้นดี และควบคุมคุณภาพโดย Executive Chef
และ Executive Pastry Chef ชาวฝรั่งเศส โดยเชฟได้นำเสนอเมนู
อาหารฝรั่งเศสแท้ ในสไตล์ที่แตกต่างออกไปจากที่คุ้นเคย อาทิ
“Lobster Soup” (ราคา 590 บาท) ซุปล็อบสเตอร์รสชาติเข้มข้น
ที่เพียงคำแรกก็สัมผัสได้ถึงรสชาติของล็อบสเตอร์ได้อย่างเต็มๆ คำ

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
Lobster Soup

ตามมาด้วยเมนูฟัวกราส์ หรือตับห่าน ซึ่งเป็นเมนูอันเลอค่าและเป็นอีกหนึ่ง
เอกลักษณ์ของอาหารฝรั่งเศส ที่สร้างสรรค์ออกมาเป็นเมนู “Plate of
French Duck Foie Gras, Toasts and Garnishes"
(ราคา 1,340 บาท) ฟัวกราส์ เทอรีนเนื้อเนียนนุ่มละมุน ที่อิมพอร์ตฟัวกราส์
มาจากฝรั่งเศสโดยเฉพาะ เสิร์ฟพร้อม แชมเปญเจลลี่ กับ Fig & Pepper
Chutney และขนมปังสไตล์ฝรั่งเศส

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
Plate of French Duck Foie Gras, Toasts and Garnishes

“Auguste Salad” (ราคา 530 บาท) เมนูสลัดสูตรเก่าแก่ของ “โฟชอง”
ที่ตั้งชื่อตามเจ้าของผู้ก่อตั้ง ประกอบด้วย อกไก่งวงสไลซ์, ปารีส แฮม ที่ผลิต
ด้วยกรรมวิธีแบบดั้งเดิม, เบคอนทอดกรอบ, Comté Cheese, ไข่ต้ม
ราดด้วย Xérès Vinegar Dressing หรือ Sherry Vinigar
ผสมกับ Whole Grain Mustard และเกรปซี้ด ออยล์

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
Auguste Salad

ตามด้วย “Traditional Duck Confit Parmentier with
Fresh Herbs" (ราคา 890 บาท) หรือ ดั๊ด กงฟีต์ ปาร์มองติเยร์
ที่เป็นการปรุง ดั๊ค กงฟีต์ แบบดั้งเดิม ด้วยการสับดั๊ค กงฟีต์จนละเอียด
แล้วท้อปด้วยแมช โพเตโต้ด้านบน แซมด้วยดิลและผักชี เพื่อเพิ่ม
กลิ่นหอมให้กับดั๊ค กงฟีต์มากขึ้น

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
Traditional Duck Confit Parmentier with Fresh Herbs

ส่วนเมนูของหวานก็เป็นสูตรต้นตำรับจากฝรั่งเศสโดยเฉพาะ เช่น “เอแคลร์”
ซึ่งมีรูปทรงเป็นแท่งยาวและสอดไส้ไว้ข้างใน ซึ่งเป็นรูปทรงที่แท้จริงของ
“เอแคลร์” ที่ต่างจากเอแคลร์ในแบบที่คนไทยคุ้นเคย โดยเชฟได้รังสรรค์
เอแคลร์ “อยุธยา” (ราคา 175 บาท) สำหรับสาขาเมืองไทยโดยเฉพาะ
เป็นเอแคลร์หน้าครีมสีขาวที่มีส่วนของมะพร้าวและกลิ่นตะไคร้อ่อนๆ

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
เอแคลร์ “อยุธยา”

มาการอง ไส้พิสตาชิโอ, มะนาว, ช็อกโกแลต และราสพ์เบอร์รี่

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์

“เลมอนทาร์ต” รสนุ่มละมุน อมเปรี้ยวอมหวาน และ “มาการอง”
ที่นำเข้ามาจากร้าน “โฟชอง” ที่ฝรั่งเศสโดยเฉพาะ เพื่อรักษามาตรฐาน
ของรสชาติไว้ให้เหมือนกับต้นตำรับที่ฝรั่งเศสทุกประการ มีให้เลือก
ทั้งหมด 8 รส คือ คาราเมล, วานิลลา, กาแฟ, พิสตาชิโอ, มะนาว,
ช็อกโกแลต, ราสพ์เบอร์รี่ และ พราแลง

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
เลมอนทาร์ต

อิ่มอร่อยกับอาหารและขนมแล้วยังมีผลิตภัณฑ์ของ “โฟชอง” ให้เลือก
ซื้อกันอีกด้วย เช่น ชา ช็อกโกแลต แยมสตรอเบอร์รี่ และแยมกลีบกุหลาบ
เกาลัดเชื่อม และ กิ๊ฟท์เซ็ตต่างๆ

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
พนักงานจะนำขนมใส่ถาด เพื่อมาเป็นตัวอย่างให้ลูกค้าเลือก

“Apinara” แฮงค์เอาท์กับอาหารไทย ค็อกเทลและยาดองที่ครีเอตให้หรูหราน่าลิ้มลอง

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์

ยกระดับอาหารไทย ยาดองและเหล้าแม่โขงขึ้นมาให้กลายเป็นเมนูหรูหรา
สไตล์ฟิวชั่น และดึงความเป็นไทยออกมาด้วยการตกแต่งด้วยวัสดุแบบไทยๆ
เช่น ลูกกรงระเบียงไม้ พัดลมเพดานที่ออกแบบใบพัดให้เหมือนพัดใบตาล
ประตูโบราณทรงสี่เหลี่ยมคางหมู และโต๊ะ เก้าอี้ไม้สีเข้ม เป็นร้านอาหารไทย
ที่สามารถมาอร่อยกับอาหารมิ้อกลางวันก็ได้ กับเมนู “ราดหน้าทะเล”
(ราคา 650 บาท) ราดหน้าเส้นใหญ่หนานุ่ม ที่ระดมใส่ซีฟู้ดมากมาย
ทั้งหอยเชลล์ ปลาหมึก ปลาชุบแป้งทอด และกุ้ง รสชาติกลมกล่อม
ลงตัวแบบไม่ต้องปรุงเพิ่มก็อร่อย

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์

ส่วนตอนกลางคืน ใครที่หาร้านนั่งจิบค็อกเทลเก๋ๆ ก็สามารถดื่มด่ำไป
กับค็อกเทลสูตรต่างๆ ที่น่าสนใจและไม่เหมือนใคร เช่น “Apinara Cocktail”
(ราคา 230 บาท) ค็อกเทลสีทองพ่องอำไพที่มีส่วนผสมของเหล้า “แม่โขง”,
น้ำสับปะรด และซินนามอน ไซรัป เสริมความหอมด้วยขิงสดสไลซ์
มะนาวและส้มฝานบางๆ ปิดท้ายด้วยซินนามอนที่ยิ่งก็ยิ่งเพิ่มความหอมให้เครื่องดื่ม

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
ราดหน้าทะเล

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
Apinara Cocktail

และ “Siam Rose Mojito” (ราคา 230 บาท) ค็อกเทลสีแดงบาดใจ
เป็นเครื่องดื่มที่ผสมผสาน น้ำมะนาว, TQ Tres, โรส ไซรัป และใบมินท์
ตกแต่งด้วยกลีบกุหลาบสีแดงรัญจวนใจ แกล้มด้วยของกินเล่นกรุบกริบ
อย่าง “ปอเปี๊ยะนารากรรเชียงปู” (ราคา 180 บาท) ที่กรอบไปถึงเนื้อใน
และ “เป็ดทอดซอสมะขามฟัวกราส์” (ราคา 900 บาท) ฟัวกราส์และ
อกเป็ดนุ่มๆ ราดด้วยซอสมะขามเข้มข้นและหอมแดงเจียว เป้นการผสมผสาน
รสชาติแบบฝรั่งเศสเข้ากับรสชาติสไตล์ไทยๆ ได้อย่างลงตัวสุดๆ …
และห้ามพลาด ! กับเหล้ายาดองสูตรเด็ดที่อัพตัวเองมาขึ้นห้างได้อย่าง
เต็มภาคภูมิ เช่น “นารีรำพึง”, ม้ากระทืบโรง”, “โด่ไม่รู้ล้ม”,
“สาวน้อยตกเตียง”, “พญาเสือโคร่ง” และ “นารีสยบ” ตบท้ายด้วย
“ไอศกรีมชาไทย” หอมหวานชื่นใจ เข้มข้นรสชาไทย

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
Siam Rose Mojito

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
ปอเปี๊ยะนารากรรเชียงปู

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
เป็ดทอดซอสมะขามฟัวกราส์

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
ไอศกรีมชาไทย

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
Apinara จัดเป็นร้านอาหารไทยที่มีหลายอารมณ์ในหนึ่งเดียวจริงๆ

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์

“Greyhound Cafe” อิ่มอร่อยง่ายๆ สไตล์ Grab & Go กับเคาน์เตอร์ Take Away ที่เหมาะกับคนทำงานออฟฟิศ

“Greyhound Cafe” สาขา “Groove” เป็นสาขาที่มีความพิเศษ
แตกต่างจาก “Greyhound Cafe” สาขาอื่นๆ เพราะมีเคาน์เตอร์
เทค อะเวย์ เพิ่มขึ้นมาเพื่อขายอาหารง่ายๆ ที่สามารถซื้อกลับไปกินได้
เพื่อให้ชาวออฟฟิศสามารถซื้อขนมเบเกอรี่ และอาหารง่ายๆ เช่น
เมนูแซนด์วิชกลับไปกินที่ออฟฟิศ หรือซื้อกลับบ้านได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
ซึ่งเป็นสิ่งที่เหมาะกับ “Groove” ที่ตั้งอยู่ชั้นล่างของตึก “The Offices
at CentralWorld ” ซึ่งเป็นตึกออฟฟิศที่มีพนักงานออฟฟิศทำงานอยู่มากมาย

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
เคาน์เตอร์เทค อะเวย์ บริเวณหน้าร้าน

เมนูที่เหมาะจะสั่งกลับบ้าน ก็มีทั้งแซนด์วิชอร่อยๆ อย่าง “แซนด์วิชไส้แฮมกรูแยร์ชีส”
(ราคา 135 บาท) แฮมชิ้นหนานุ่มกับชีสรสชาติเข้มข้นในขนมปังกรอบๆ หรือ
อร่อยกับขนมปังไส้ต่างๆ เช่น “ขนมปังม้วนไส้เบคอนและมะเขือเทศ”
(ราคา 125 บาท) และ “ขนมปังม้วนไส้ทูน่าและผักโขม” (ราคา 115 บาท)
หรือขนมเบเกอรี่ขนาดอิ่มกำลังดี “บานอฟฟี่” (ขนาดเล็ก 95 บาท)
พร้อมเครื่องดื่มร้อนเย็น เช่น “GHC Kopi” (ราคา 85 บาท) โกปี้รสเข้มสไตล์ไทยๆ

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
 แซนด์วิชไส้แฮมกรูแยร์ชีส

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
ขนมปังม้วนไส้เบคอนและมะเขือเทศ และ ขนมปังม้วนไส้ทูน่าและผักโขม

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
GHC Kopi

และนอกจากจะมีแบบเทค อะ เวย์แล้ว ที่ “Greyhound Cafe” ก็ยังมีโซน
ให้นั่งกินที่ร้านอยู่เหมือนเดิม กับการตกแต่งที่ออกสไตล์มิลเลเนียมสีเงิน
ดูทันสมัยเข้ากับคอนเซปท์ของ “Groove” ส่วนเมนูอาหาร แน่นอนว่า
ก็จะต้องมีเมนูยอดนิยมอันดับต้นๆ ของ “Greyhound Cafe” อย่าง
“ปีกไก่แดดเดียวชุบน้ำปลาทอด” (ราคา 130 บาท) ที่ใครมา
“Greyhound Cafe” ก็เป็นต้องสั่ง หรือเมนูจำพวกสปาเก็ตตี้ต่างๆ
ก็เป็นสิ่งที่โดดเด่นเป็นที่จดจำของ “Greyhound Cafe” เช่นกัน อาทิ
“สปาเก็ตตี้ปลาอินทรีเค็ม” (ราคา 200 บาท) สปาเก็ตตี้สไตล์ไทย
รสจัดจ้านเข้มข้นของกลิ่นปลาอินทรีเค็มซึมซาบลงไปลึกถึงอณูของเส้น
ปสาเก็ตตี้เลยทีเดียว

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
ปีกไก่แดดเดียวชุบน้ำปลาทอด

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
สปาเก็ตตี้ปลาอินทรีเค็ม

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
Sandwich in a Bowl

ส่วนเมนูอาหารฝรั่งก็ยังมีให้เลือกอร่อยได้เช่นเคย กับเมนูน่าสนใอย่าง
“Sandwich in a Bowl” (ราคา 190 บาท) ที่จับแซนด์วิชมาลง
ชามให้กินง่ายขึ้น มีทั้งขนมปังหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ แฮม เห็ดแชมปิญอง
 และผักกาดแก้วคลุกกับเดรสซิ่งรสชาติเข้มข้น

รสชาติความอร่อยยังคงความเป็น “Greyhound Cafe” ไว้อย่างครบถ้วนเหมือนเดิม

“Wabi/Sabi” แฮงเอาท์ชิลล์ๆ สไตล์ Japanese Gastro Bar

“Wabi/Sabi” เป็น Japanese Gastro Bar ที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย
แต่ก็ยังคงความทันสมัย พร้อมจุดเด่น คือ การใช้วัตถุดิบสดใหม่ที่นำเข้า
มาจากทั่วทุกท้องถิ่นของญี่ปุ่นอาทิตย์ละ 2 -3 ครั้ง เช่น ฮอกไกโด เกาะคิวชู
เกาะชิโกกุ เขตคันโต เขตคันไซ ภูมิภาคโทโฮะกุ (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ของญี่ปุ่น) ที่ต้องนำเข้ามาจากหลายพื้นที่ ก็เพราะว่าวัตถุดิบบางอย่างมี
เฉพาะบางฤดูกาล และวัตถุดิบบางอย่างก็มีเฉพาะในท้องถิ่นนั้นๆ เท่านั้น

เริ่มด้วยเมนู “Tokyo Temari Sushi” (ราคา 450 บาท) ประกอบด้วย
ชูโทโร่, อูนางิ (ปลาไหลน้ำจืด), อะนาโกะ (ปลาไหลน้ำเค็ม), แซลมอน,
ปลามะได, อะคามิ (ส่วนเนื้อแดงของปลาทูน่า), ปลาคัตสึโอะ และปลาบุริ
 (คล้ายกับปลาฮามาจิ) จานนี้เป็นซูชิคำเล็กๆ ที่สะดวกในการกิน และ
เหมาะจะกินเป็นกับแกล้มอย่างยิ่ง

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
Tokyo Temari Sushi

ส่วนคนที่ติดใจในความหวานของหอยเชลล์ฮกไกโด จะต้องเพลิดเพลิน
ไปกับ “Grilled Hotate” (ราคา 580 บาท) หอยเชลล์ฮกไกโดยักษ์
ย่างเนยและโชยุอย่างละชิ้น ที่พนักงานจะใช้ไฟย่างหอยเชลล์ให้ตอนที่
นำมาเสิร์ฟ ซึ่งจะได้กลิ่นหอมหวนของหอยเชลล์ยักษ์และเนยกับโชยุโชย
มาชวนให้น้ำลายไหล

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
Grilled HotateGrilled Hotate

หรือจะลองเมนูที่หนักท้องขึ้นมาอีกหน่อย กับ “Kani Kamameshi”
(ราคา 480 บาท) ข้าวอบปูในหม้อญี่ปุ่น หอมกลิ่นปูอบอวลอยู่ใน
เม็ดข้าว พร้อมเนื้อปูและเนื้อก้ามปูชิ้นใหญ่ เสิร์ฟพร้อมเครื่องปรุงรสและซุป

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
Kani Kamameshi

และนอกจากเมนูอาหารญี่ปุ่นสดใหม่แล้ว ที่ “Wabi/Sabi” ยังมีสาเก
นานาชนิดให้เลือกดื่มมากมายหลายชนิด อาทิ “Ozeki Taru Sake”
(ขวดละ 2,000 บาท) ที่มีรูปแบบการเสิร์ฟไม่เหมือนใคร เพราะเสิร์ฟมา
พร้อมกับ “เหยือกรินสาเก” ที่มีลักษณะเป็นกระเปาะแก้วอันใหญ่ ตรง
แกนกลางใส่น้ำแข็งเอาไว้คอยหล่อสาเกในกระเปาะแก้วชั้นนอกให้เย็น
อยู่ตลอด เวลาจะกินก็เพียงดันตรงส่วนปลายของกระเปาะเข้าไป สาเกก็
จะค่อยๆ ไหลลงมาอย่างนุ่มนวล

นอกจากนี้ยังมี “Ozeki Hana Awaka Sake” (ราคาขวดละ 350 บาท)
และ “Kotsuzumi Tokubetsu Junmai Zo Label” (ราคาขวดละ 320 บาท)

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
Ozeki Taru Sake และเหยือกรินสาเกแบบพิเศษ

เป็นร้านอาหารญี่ปุ่สไตล์ฟิวชั่นกึ่งบาร์ที่เหมาะจะมานั่งจิบสาเกเคล้าอาหารญี่ปุ่นเบาๆ กับผองเพื่อน

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
Hobs The Playhouse

เมื่อพูดถึงการแฮงค์เอาท์ จะขาดร้านเบียร์ชื่อดังอย่าง “Hobs”
หรือ “House of Beer” ไปได้อย่างไร เพราะเป็นอาณาจักรเบียร์ที่รวบรวม
เบียร์ต่างๆ จากทั่วทุกมุมโลกมาไว้ให้คอเบียร์ได้ลิ้มลอง และเมื่อมาเปิดสาขาที่
“Groove” ก็ได้สร้างความแตกต่างจาก “Hobs” สาขาอื่นๆ เพราะที่นี่
“Hobs” จะแปลงโฉมร้านให้เป็นโรงละครโบราณ “Hobs the Playhouse”
ที่พร้อมเปิดการแสดงความอร่อยให้เป็นที่ประจักษ์แก่ประสาทรับรส
ทั้งเบียร์และอาหาร

เมนูที่เป็นซิกเนเจอร์ของ “Hobs the Playhouse” และ “Hobs”
สาขาอื่นๆ ต้องมี คือ “Mussel in Hoegaarden” (ราคา 350 บาท)
หอยแมลงภู่อบกับเบียร์โฮการ์เด้น รสชาติเข้มข้นหอมหวาน หรือเมนูกับ
แกล้มกินเพลินๆ อย่าง “Onion Bloom” (ราคา 160 บาท) หอมหัวใหญ่
หั่นเป็นรูปดอกไม้ชุบแป้งทอดที่ผสมกับเบียร์ แล้วนำไปทอดจนเป็นสีเหลือง
ทอง เสิร์ฟคู่กับดิพที่มีรสชาติของกระเทียมเข้มข้น

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
Mussel in Hoegaarden

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
Onion Bloom

Groove @CentralWorld จุดนัดพบแห่งใหม่สำหรับการแฮงค์เอาท์
เบียร์ Hoegaarden

แล้วแกล้มด้วยเบียร์ “Hoegaarden” รสชาตินุ่มละมุนลิ้นอีกสักแก้ว
ที่สาวๆ น่าจะถูกใจ เพราะเป็นเบียร์ที่กลิ่นและรสไม่แรงและไม่ขมเกินไปจนดื่มยาก

จะเที่ยง จะบ่าย จะค่ำ ก็มาเจอกันได้ที่ "Groove” เซ็นทรัลเวิลด์
ที่เดียวครบทุกความต้องการสำหรับคนที่มองหาที่แฮงค์เอาท์ใหม่ๆ

ร้านอาหาร S'MORES HUNTING LODGE Groove At Central World
ที่อยู่ ถนนพระราม 1 (ชั้น 2 Groove At Central World) Groove@CentralWorld (กรูฟ) , ปทุมวัน , ปทุมวัน , กรุงเทพมหานคร 10330
เบอร์ติดต่อ 02-613-1271


ดูรายละเอียดเพิ่มเติม ร้านอาหาร S'MORES HUNTING LODGE Groove At Central World ได้ที่นี่ : http://www.wongnai.com/articles/groove
ได้รับคำขอบคุณจาก: vor_ped 
ตอบ
หน้า 1 จาก 1
ไปที่: 
ติดต่อโฆษณา admin@civicesgroup.com
Copyright © 2008-2025 Civic ES Group. All rights reserved.