ตอบ
wasan_ceo


ชื่อเล่น: โจ้

เข้าร่วม: 29 กันยา 2013
ตอบ: 573

แซงซ้าย ปาดขวา
แซงซ้าย ปาดขวา

ได้รับคำขอบคุณ: 589
ให้คำขอบคุณ: 93

ที่อยู่: กระบี่
ปี: 2005
สี: เทา ซิลเวอร์สโตน (NH-630M)
ศุกร์, 9 พฤษภาคม 2014 21:48 - มาตรวจเช็คไดร์ชาร์จ และ แบตเตอรี่ กันดีกว่า
บทความสาระดีๆ ไปเจอมาครับลองอ่านกันดูได้ความรู้เพิ่มขึ้น

ความเข้าใจผิด ๆ เกี่ยวกับระบบไดชาร์ต

หลาย ๆ คนใช้รถของตัวเองอยู่ทุกวัน จนกระทั่งวันหนึ่งช่วงเช้าจะรีบไปทำงาน แต่รถคันเก่งเจ้ากรรมดันทะลึ่งสตาร์ทไม่ติด ทั้งๆ ที่เมื่อคืนก่อนก็ขับมาปกติ แล้วก็จอดปกติเหมือนเคย แบตเตอรี่ก็พึ่งเปลี่ยนไปไม่ถึงปี หันไปมองหลังคาก็ไม่ลืมปิดไฟ หันไปมองสวิทต์เปิดไฟหน้าก็ไม่ได้ลืมปิดนี่หน่า จำเลยของสังคม ณ ตอนนี้ก็คือแบตเตอรี่และร้านขายแบตเตอรี่รถยนต์ทันที!! สิ่งแรกที่เจ้าของรถจะทำก็คือจะรีบโทรมาต่อว่าร้านขายแบตว่าเอาแบตอะไรมาให้ ทำไมไม่ทนเลย ใช้ยังไม่ถึงปีพังได้งัย ลูกเก่าใช้มาตั้ง 3 ปี ไม่เห็นพัง

 

ความเป็นจริง 

แบตเตอรี่รถยนต์ ของท่านเจ้าของรถคนนี้ อาจจะไม่ได้พังก็ได้ครับ แต่อาจจะเป็นที่ส่วนอื่น ๆ ของรถที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับระบบไฟทั้งหมดเลย เช่น

1. รถคันนี้อาจจะมีปัญหาไฟรั่ว โดยที่เจ้าของรถไม่รู้ตัว เช่น สายกราวน์ของรถอาจจะเปื่อย สายไฟบางส่วนอาจขาดโดยโดนสัตว์กัดสายไฟ ฯลฯ

2. ระบบไฟฟ้าบางอย่างอาจมีปัญหาเปิดติดเอง เช่น ระบบพัดลมแอร์ในบางรุ่น เครื่องเสียงที่ไม่ได้มาตรฐาน

3. ไดชาร์จเสื่อม ข้อนี้แหละครับ ที่โดนกันเยอะมาก ๆ เพราะว่ามันจะค่อย ๆ ฆ่าแบตเตอรี่รถยนต์ของเราไปเรื่อย ๆ เนื่องจากว่าเราจะไม่รู้ในทันทีว่ามันเสียหากมันไม่ออกอาการ เพราะคนส่วนมากจะไม่มีเครื่องมือวัดแบตเตอรี่รถยนต์กันอยู่แล้ว ยกตัวอย่างเช่น ในเวลาที่เราสตาร์ทรถ ไดชาร์จจะทำหน้าที่ปั่นไฟเข้ามาชดเชยไฟที่สูญเสียไปในแบตเตอรี่ โดยมีค่ากลางที่ใช้ได้เรียกเป็น Volt ว่า 13.5-14.3 volt แต่เจ้าไดชาร์จตัวแสบของเรานั้นกลับปั่นไฟต่ำกว่า 13 Volt มันจึงทำให้แบตเตอรี่เก็บไฟได้ไม่เต็ม จึงเกิดปัญหาฟไม่พอเกิดขึ้นนั่นเอง เพราะอย่าลืมว่าทุกครั้งที่เรามีการใช้ไฟนอกจากการสตาร์ทรถแล้ว ไฟทุกอย่างก็จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับแบตเตอรี่รถยนต์ของท่านอยู่แล้ว

4. ในรถรุ่นใหม่ ๆ นั้น ออกแบบมาโดยเน้นเรื่องความประหยัด จึงทำให้พยายามให้รถของตัวเองนั้นใช้พลังงานในการทำงานของเครื่องยนต์น้อยที่สุดเพื่อให้ประหยัดน้ำมันมากที่สุด จึงมีผลทำให้ระบบไฟฟ้าโดยเฉพาะแบตเตอรี่รถยนต์นั้นมีการทำงานหนักมากขึ้น จึงเป็นเหตุให้แบตเตอรี่รถยนต์ของรถรุ่นใหม่ๆ นั้นมีอายุสั้นกว่ารถยนต์รุ่นเก่าๆ อย่างมาก

คลังแบตเตอรี่นวมินทร์ เราให้บริการตรวจสอบเบื้องต้น ฟรี นะครับ มาตรวจสอบที่ร้านได้เลยครับ
เราควรตรวจเช็คแบตเตอรี่รถยนต์ กรณีรถไดชาร์จอ่อนอย่างไร

อาการไดชาร์จอ่อนส่วนใหญ่เกิดจาก แปรงถ่านสึกหรอหรือชุดหน้าสัมผัสสกปรก ทำให้ประสิทธิภาพในการส่งผ่านกระแสไฟลดลง การแก้ปัญหาในกรณีนี้ก็คือถอดชุดแปรงถ่านมาตรวจสอบ ถ้าชุดแปลงถ่านสึกก็ทำการเปลี่ยนชุดแปลงถ่านใหม่และทำความสะอาดชุดสปริง หรือชุดหน้าสัมผัสให้สะอาด โดยใช้กระดาษทรายเบอร์ละเอียดๆ ขัดบริเวณหน้าสัมผัสให้สะอาด

ไดชาร์จปกติ แต่มีโวลต์ต่ำเนื่องจากรอบเครื่องต่ำ

เนื่องจากไดชาร์จต้องอาศัยกำลังจากเครื่องยนต์เืพื่อมาหมุนมู่เลย์ของตัวมัน รอบเครื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงจะส่งผลต่อการผลิตกระแสไฟของไดชาร์จ ดังนั้นหากเกิดกรณีโวลต์ไดชาร์จต่ำในขณะรอบเดินเบา (รอบเดินเบาที่ต่ำเกิน 70 รอบต่อนาที)ให้ลองเร่งเครื่องเพิ่มเล็กน้อย (เร่งเครื่องที่ไม่เกิน 800 รอบต่อนาที)แล้วสังเกตการณ์เปลี่ยนแปลงของโวลต์ไดชาร์จ ถ้าโวลต์ไดชาร์จกลับมาสู่สภาวะปกติที่ประมาณ 13.8 – 14.5 โวลต์ แสดงว่าต้นเหตุที่โวลต์ไดชาร์จต่ำไม่ได้เกิดจากไดชาร์จ แต่เกิดจากรอบเดินเบาเครื่องยนต์ต่ำเกินไป วิธีแก้คือ ให้ปรับตัวเร่งรอบ หรือตัวชดเชยรอบเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้รอบเดินเบาเครื่องยนต์สูงขึ้น ปัญหานี้ก็จะหายไป


เสียงวิ๊ดจากลำโพง เวลาเปิดเครื่องเสียง????

ไดโอดเสียคืออาการที่มาของเสียง วี๊ด….แทรกเข้ามาในลำโพงขณะเปิดวิทยุในรถ ตามจังหวะการเร่งรอบเครื่องยนต์ อาการดังกล่าวเกิดจากไดโอดในไดชาร์จผิดปกติ ซึ่งหลายๆคนเข้าใจผิดไปเสียเงินซื้ออุปกรณ์อื่นๆมาติดเพื่อต้องการแก้ปัญหาดังกล่าวการทำแบบนั้นเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ แต่ไม่ได้มาสนใจแก้ปัญหาที่ต้นเหตุว่าจริงๆแล้วมันเกิดจากอะไรกันแน่????


การตรวจสอบไฟรั่วเบื้องต้น (ต้องมีเครื่องวัด AMPS METER)
1. ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกตัวในรถยนต์และถอดกุญแจ ล็อครถให้เรียบร้อย
2. คล้อง Amps Meter ที่สายกราวด์ (สายจากขั้วลบแบตฯ ลงสู่ตัวถังรถยนต์)
3. รอเวลาสัก 1-2 นาที สำหรับรถญี่ปุ่น และ 5-10 นาทีสำหรับรถยุโรป
4. หากอ่านค่าได้ ติดลบมากกว่า
-0.20 Amps แสดงว่ารั่วมาก
ระหว่าง-0.20 ถึง -0.10 Amps แสดงว่ารั่วปานกลาง
ไม่รั่วหรือปกติ คือ -0.09ถึง-0.03 Amps

เรื่องอื่น ๆ เกี่ยวกับแบตเตอรี่รถยนต์ที่ควรรู้

ขี้เกลือขึ้นที่ขั้วแบตเตอรี่ เกิดจากอะไรและป้องกันได้อย่างไร ??

ขี้เกลือที่เกิดขึ้นที่ขั้วแบตเตอรี่ หากเราสังเกตุดี ๆ จะเห็นว่าการเกิดขี้เกลือขึ้นที่ขั้วแบตเตอรี่จะไม่จำกัดว่าจะเกิดขึ้นที่ขั้วบวก หรือ ขั้วลบ ของแบตเตอรี่ และ ก็ไม่จำกัดว่าจะเกิดเฉพาะรถเก่า หรือ รถใหม่ก็เกิดได้ หรือแบตเตอรี่เก่า หรือ ใหม่ก็เกิดได้

สาเหตุของการเกิดขี้เกลือ เกิดจากปัญหาเรื่องความต้านทานไฟฟ้า ณ. จุดที่เกิดขี้เกลือ ครับ บางครั้งเกิดจากปัญหาสายไฟเสื่อมสภาพ บางครั้งเกิดจากการขันขั้วแบตเตอรี่หลวม บางครั้งเกิดจากแบตเตอรี่ใช้งานน้อย จนภายในแบตเตอรี่เกิดความต้านทานไฟฟ้ามาก บางครั้งเกิดจากการติดตั้งอุปกรณ์เสริม แล้วเดินสายไฟฟ้าไม่ดี หรือใช้สายไฟฟ้าเล็กเกินไฟ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่มีผลให้เกิดความต้ามทานไฟฟ้า ณ. จุดที่เกิดปัญหา ทำให้เมื่อเวลาผ่านไป ก็จะเกิดขี้เกลือขึ้นได้ ครับ

การแก้ไข หากเริ่มเห็นขี้เกลือขี้นแล้ว ให้ใช้น้ำร้อนราดบริเวณ นั้น ๆ แล้วทำการตรวจเช็คสายไฟต่าง ๆ และขันให้แน่น แต่ถ้าแก้ไขแล้วยังเกิดอยู่ให้ ทำการเปลี่ยนสายไฟ (ซึ่งสายเส้นที่มีปัญหา เราจะเห็นขี้เกลือสีเขียวอยู่ในสาย )

ขี้เกลือที่เกิดขึ้น หากไม่แก้ไข จะทำให้การไหลของกระแสไฟฟ้าไม่สะดวก และ เป็นเหตุอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่น ๆ เสียหายได้ อีกทั้งยังทำให้เกิดการกัดกร่อนของโลหะ เช่นขั้วแบตเตอรี่ หรือขั้วของสายไฟ อีกด้วย


ทำไมต้องเปิดแอร์ก่อนวัดโวลล์มิเตอร์??เพราะว่าแอร์รถยนต์ เป็นอุปกรณ์ไฟฟ้า ที่กินไฟฟ้ามากที่สุดในรถ ดังนั้นการจะตรวจสอบประสิทธิภาพของไดชาร์จ จึงต้องวัดขณะที่ไดชาร์จมีภาระที่ต้องจ่ายกระแสไฟฟ้าให้อุปกรณ์ไฟฟ้าในรถ หากเปิดแอร์แล้วไดชาร์จประสิทธิ ภาพไม่ดี แรงดันไฟฟ้า ก็จะตกลง (ณ.ระดับ 13.5V ถือว่าค่อนข้างต่ำแล้ว) หากไดชาร์จมีประสิทธิภาพดี (แข็งแรง) จะรักษาแรงดันไฟฟ้าได้ไม่ต่ำกว่า 13.8V ระดับ 13.5V ถือเป็นระดับต่ำสุดที่ยอมรับได้ (และถ้าเมื่อเปิดไฟหน้าแล้ว ต่ำกว่า 13.5V ก็ให้ระวังช่วงขับรถตอนกลางคืนไว้ และถ้าไดชาร์จเรามีประสิทธิภาพต่ำ แล้วแบตเตอรี่ ก็จะไม่ได้รับการชาร์จที่ดีพอ ดังนั้น หากต้องการให้แบตเตอรี่ มีอายุยืนยาว ก็อาจจะใช้เครื่องชาร์จเล็ก ๆ ชาร์จแบตฯ ช่วงวันหยุด ที่เราไม่ได้ใช้รถ เพื่อเป็นการบำรุงรักษาแบตเตอรี่สาเหตุที่รถดึงไฟจากแบตเตอรี่มาใช้ขณะเครื่องยนต์ทำงานแล้วมีอยู่ 2 กรณีคือ

        1. มีการเพิ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าเข้าไปภายในรถมากเกินกว่ากำลังไฟที่ไดชาร์จ(อัลเทอร์เนเตอร์) จะสามารถผลิตได้ เช่น ติดตั้งเครื่องเสียงเพิ่ม, ติดชุดไฟเพิ่ม
โดยปกติรถแต่ละรุ่นจะมีความต้องการไฟฟ้า หรือมีเครื่องใช้ไฟฟ้าไม่เท่ากัน(คิดที่กรณีรถใหม่ออกจากโรงงาน) ซึ่งทางผู้ผลิตรถแต่ละรุ่นจะเลือกขนาดของไดชาร์จ(อัลเทอร์เนเตอร์) มาให้เหมาะสมกับความต้องการไฟของรถแต่ละรุ่น แต่เมื่อมีการเพิ่มขึ้นของเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น ติดตั้งชุดเครื่องเสียงเพิ่ม, ติดตั้งชุดไฟเพิ่ม ส่งผลทำให้ไดชาร์จ(อัลเทอร์เนเตอร์) ไม่สามารถผลิตกระแสไฟได้พอกับความต้องการ ทำให้ต้องมีการดึงไฟจากแบตเตอรี่มาใช้ และหากเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ อายุการใช้งานของแบตเตอรี่สั้นลง

        2. ไดชาร์จ(อัลเทอร์เนเตอร์) เริ่มเสื่อม หรือไดอ่อน ไดชาร์จ(อัลเทอร์เนเตอร์) เสื่อม แต่ยังไม่เสียมันเลยไม่มีไฟแจ้งเตือนที่หน้าปัดรถยนต์ แต่สามารถตรวจสอบได้
แรงดันไฟที่ไดชาร์จ(อัลเทอร์เนเตอร์) รถยนต์สามารถสร้างขึ้นได้จะอยู่ที่ประมาณ 13.9V – 14.5V แต่จะมีบางกรณีที่ไดชาร์จ(อัลเทอร์เนเตอร์) ไม่สามารถสร้างแรงดันไฟได้ถึง 13.9V – 14.5V เราเรียกกรณีนี้ว่าอาการ “ไดชาร์จอ่อน” ซึ่งเวลาตรวจสอบว่ารถมีอาการไดชาร์จอ่อนก็คือ สตาร์ทเครื่องแล้วเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าหลัก คือ แอร์ และไฟหน้าค้างไว้ เอาดิจิตอลมิเตอร์ปรับเป็น DC โวลต์ วัดคร่อมระหว่างขั้วบวก และขั้วลบของแบตเตอรี่ค่าแรงดันไฟจากไดชาร์จ(อัลเทอร์เนเตอร์) ที่ได้ควรอยู่ระหว่าง 13.9V – 14.5V ถ้าต่ำกว่านี้แสดงว่าประสิทธิภาพการผลิตไฟของไดชาร์จ(อัลเทอร์เน-เตอร์) เริ่มลดลง และถ้าแรงดันไฟจากไดชาร์จ(อัลเทอร์เนเตอร์) ต่ำกว่า 13.5V แสดงว่ามีอาการไดชาร์จอ่อนจะส่งผลให้ไดชาร์จ(อัลเทอร์เนเตอร์) ไม่สามารถผลิตกระแสไฟได้เพียงพอต่อความต้องการของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในรถ ทำให้ต้องมีการดึงไฟจากแบตเตอรี่ไปใช้ส่งผลให้แบตเตอรี่อยู่ในสภาวะคายไฟ สาเหตุนี้เป็นสาเหตุใหญ่และสาเหตุหลักที่ทำให้แบตเตอรี่มีอายุการใช้งานที่สั้นกว่าปกตินั่นเองบทความดังกล่าว สรุปและเพิ่มเติมโดย คลังแบตเตอรี่นวมินทร์ จากบทความของ คุณบุญชัย เมธีดุลสถิตย์ บริษัท MF AUTO จำกัด



จาก: http://www.navaminklangbattery.com/articles/carbattery.html
ได้รับคำขอบคุณจาก: Pantamitr  b.adisak-28@hotmail.co.th  prgs55  black_civic_es 
nsmakkie


ชื่อเล่น: แม็กซ์

เข้าร่วม: 10 เมษา 2014
ตอบ: 332

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 236
ให้คำขอบคุณ: 356

ที่อยู่: ลำลูกกา รังสิต ปทุมธานี
ปี: 2003
สี: ทอง แซทเทิลไลท์ (NH-663M)
ศุกร์, 9 พฤษภาคม 2014 21:59 - มาตรวจเช็คไดร์ชาร์จ และ แบตเตอรี่ กันดีกว่า
.. ..
ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ
pop2pop


เข้าร่วม: 09 มกรา 2011
ตอบ: 334

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 265
ให้คำขอบคุณ: 169

ที่อยู่: สุขุมวิท 101/1
ปี: 2004
สี: เทา ซิลเวอร์สโตน (NH-630M)
ศุกร์, 9 พฤษภาคม 2014 22:15 - มาตรวจเช็คไดร์ชาร์จ และ แบตเตอรี่ กันดีกว่า
"การตรวจสอบไฟรั่วเบื้องต้น (ต้องมีเครื่องวัด AMPS METER)
1. ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกตัวในรถยนต์และถอดกุญแจ ล็อครถให้เรียบร้อย
2. คล้อง Amps Meter ที่สายกราวด์ (สายจากขั้วลบแบตฯ ลงสู่ตัวถังรถยนต์)
3. รอเวลาสัก 1-2 นาที สำหรับรถญี่ปุ่น และ 5-10 นาทีสำหรับรถยุโรป
4. หากอ่านค่าได้ ติดลบมากกว่า
-0.20 Amps แสดงว่ารั่วมาก
ระหว่าง-0.20 ถึง -0.10 Amps แสดงว่ารั่วปานกลาง
ไม่รั่วหรือปกติ คือ -0.09ถึง-0.03 Amps "

ถ้าไม่มีแบบคล้อง แบบจิ้ม 2 หัวใช้ได้ไหมครับ? ต้องจิ้มแบบไหน
wasan_ceo


ชื่อเล่น: โจ้

เข้าร่วม: 29 กันยา 2013
ตอบ: 573

แซงซ้าย ปาดขวา
แซงซ้าย ปาดขวา

ได้รับคำขอบคุณ: 589
ให้คำขอบคุณ: 93

ที่อยู่: กระบี่
ปี: 2005
สี: เทา ซิลเวอร์สโตน (NH-630M)
ศุกร์, 9 พฤษภาคม 2014 22:27 - มาตรวจเช็คไดร์ชาร์จ และ แบตเตอรี่ กันดีกว่า
pop2pop พิมพ์ว่า:
"การตรวจสอบไฟรั่วเบื้องต้น (ต้องมีเครื่องวัด AMPS METER)
1. ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกตัวในรถยนต์และถอดกุญแจ ล็อครถให้เรียบร้อย
2. คล้อง Amps Meter ที่สายกราวด์ (สายจากขั้วลบแบตฯ ลงสู่ตัวถังรถยนต์)
3. รอเวลาสัก 1-2 นาที สำหรับรถญี่ปุ่น และ 5-10 นาทีสำหรับรถยุโรป
4. หากอ่านค่าได้ ติดลบมากกว่า
-0.20 Amps แสดงว่ารั่วมาก
ระหว่าง-0.20 ถึง -0.10 Amps แสดงว่ารั่วปานกลาง
ไม่รั่วหรือปกติ คือ -0.09ถึง-0.03 Amps "

ถ้าไม่มีแบบคล้อง แบบจิ้ม 2 หัวใช้ได้ไหมครับ? ต้องจิ้มแบบไหน


คงต้องถอดขั้วลบ แล้วต่ออณุกรมเอาครับ
ได้รับคำขอบคุณจาก: pop2pop 
EsNon


เข้าร่วม: 19 พฤศจิกา 2008
ตอบ: 315

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 324
ให้คำขอบคุณ: 957

ปี: 2001
สี: เทา ซิกเนต (เมทัลลิก) (RP-31M)
เสาร์, 10 พฤษภาคม 2014 20:09 - มาตรวจเช็คไดร์ชาร์จ และ แบตเตอรี่ กันดีกว่า
ขอบคุนคับ
เทพ


ชื่อเล่น: เทพ

เข้าร่วม: 10 เมษา 2013
ตอบ: 424

แซงซ้าย ปาดขวา
แซงซ้าย ปาดขวา

ได้รับคำขอบคุณ: 280
ให้คำขอบคุณ: 1

ที่อยู่: ระยอง
ปี: 2003
สี: เทา ซิลเวอร์สโตน (NH-630M)
เสาร์, 10 พฤษภาคม 2014 22:26 - มาตรวจเช็คไดร์ชาร์จ และ แบตเตอรี่ กันดีกว่า
 +1  สุดยอดครับ 
ตอบ
หน้า 1 จาก 1
ไปที่: 
ติดต่อโฆษณา admin@civicesgroup.com
Copyright © 2008-2025 Civic ES Group. All rights reserved.