สัมผัสความอร่อยกับเมนูอาหารไทย 4 ภาค สุดคลาสสิคที่ห้องอาหารม็อกซี่, โรงแรมดุสิตดีทู เชียงใหม่
วันนี้ขอพาท่านผู้อ่านไปรู้จัก “ม็อกซี่” ห้องอาหารอันโดดเด่นของโรงแรม Dusit d2 (ดุสิตดีทู) ห้องอาหารที่ได้รับการคัดเลือก ให้เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ดีที่สุดในประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2554 โดยนิตยสารไทยแลนด์แทตเลอร์ (Thailand Tatler) โดยบริการอาหารนานาชาติ อีกทั้งเมนูอาหารสูตรดั้งเดิม ที่มีการปรับเปลี่ยนใหม่อยู่ตลอดเวลา ทำให้ได้อาหารรสชาติเยี่ยม และผนวกกับสไตล์ที่เลิศเหรูเข้ากับลักษณะพิเศษหายากแบบตะวันออก นำทีมปรุงโดย “เชฟฉลอง สักกะพลางกูร” ผู้อำนวยการฝ่ายครัวของโรงแรม และในฐานะประธานสมาคมพ่อครัว-แม่ครัว ภาคเหนือ ผู้มากประสบการณ์ บรรยาการห้องอาหารม็อกซี่ มีงานออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ เฟอร์นิเจอร์แต่ละอย่างถูกคัดสรรได้อย่าลงตัว ท่ามกลางสีฉูดฉาดของห้องอาหาร ทำให้มองแล้วไม่น่าเบื่อ ด้วยการรังสรรค์งานสถาปัตยกรรมที่ดูเหมือนจะขัดแย้งกับการเล่นลวดลายงานตกแต่ง แต่อันที่จริงแล้วองค์ประกอบทั้งสองเสริมกันได้อย่างกลมกลืน
โดยเมนูที่จะพาไปรู้จักวันนี้ เป็นเมนูสุดคลาสสิคของไทย ทั้ง 4 ภาค ในรูปแบบ The fusion of “SIAM” flavours” ซึ่งเป็นโปรโมชั่นล่าสุดของทางห้องอาหารม็อกซี่ โดยให้ลูกค้าได้ลิ้มลองเมนูอาหารเรียกน้ำย่อยหรือเมนูอาหารหลักประจำแต่ละภาค ซึ่งได้แก่ ภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ ส่วนเมนูจะมีอะไรบ้างเราไปดูกันดีกว่า
เมนูแรก ภาคเหนือ : ออร์เดิร์ฟเมือง (ไส้อั่วและแหนมทอด) + แกงฮังเลหมู
ด้วยรสชาติจัดจ้านแบบฉบับอาหารเหนือแต้ๆ แต่ถูกตกแต่งจานออกมาในสไตล์โมเดิร์น ดูแล้วน่ารับประทาน กับแกงฮังเลหมูเนื้อแน่นนุ่ม ทานกับข้าวสวยร้อนๆ และที่ต้องชมไม่ขาดปากก็คือ แหนมทอดที่ด้านนอกกรอบมันอร่อย บวกกับรสชาติเปรี้ยวของแหนมทำให้จานนี้น่าจะเป็นเมนูโปรดของใครหลายคนได้ไม่ยาก
ออร์เดิร์ฟเมือง (ไส้อั่วและแหนมทอด)
แกงฮังเลหมู
ภาคกลาง : เมี่ยงคำ + ซี่โครงหมูทอดกระเทียมเสิร์ฟพร้อมข้าวสวย
เมี่ยงคำอาหารว่างทานเล่นแบบฉบับโบราณแต่ถูกจัดแต่งออกมาได้เก๋ไก๋ น่ารับประทาน ส่วนในเรื่องรสชาติที่ต้องบอกว่ายังคงความ original แท้ๆ และอีกอย่างที่ต้องกล่าวชมก็คือซี่โครงหมูทอดกระเที่ยมเนื้อนุ่ม เปื่อยอร่อย หอมกลิ่นกระเทียมทานคู่กับข้าวสวยร้อนๆ เป็นอีกเมนูที่ได้ทั้งความอร่อย และความอิ่มท้องควบคู่กันไป
เมี่ยงคำ
ซี่โครงหมูทอดกระเทียมเสริ์ฟพร้อมข้าวสวย
ภาคอีสาน : หมูน้ำตก + ไก่อบเสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียว
จะกล่าวว่าแซ่บอีหลีก็คงไม่เกินจริงสำหรับเมนูนี้ ที่ได้รสชาติน้ำมะนาวสด แท้ๆ จากหมูน้ำตก ที่เข้าเครื่องตามแบบฉบับอีสาน ทานคู่กับข้าวเหนียวไก่ย่าง ที่เนื้อนุ่ม แน่นไม่แข็งที่หอมกลิ่นเครื่องหมักสมุนไพรไทย ทั้งรุปรสลงตัว
หมูน้ำตก
ไก่อบเสิร์ฟพร้อมข้าวเหนียว
ภาคใต้ : กุ้งทอดใบเล็บครุฑ + แกงไตปลาเสิร์ฟพร้อมข้าวสวยและเครื่องเคียง
เป็นหนึ่งเมนูที่คนทุกภาคไม่น่าพลาดกับ กุ้งทอดใบเล็บครุฑเมนูอาหารประเภททอดของทางปักษ์ใต้ จานนี้จะใช้กุ้งตัวโตนำมาทอดกับใบเล็บครุฑ เหตุที่ได้ชื่อว่า "เล็บครุฑ" เป็นเพราะปลายใบมีลักษณะหงิกงอคล้ายเล็บของครุฑ จานนี้จะทานกับข้าวสวยร้อนๆหรือจะทานเล่นเป็นกับแกล้มก็ได้ อีกหนึ่งเมนูคือแกงไตปลาที่รสชาติร้อนแรงตามสไตล์ปักษ์ใต้ ที่เนื้อปลาจานนี้แน่นอร่อย กัดเข้าไปคำแรกนึกว่าทานเนื้อไก่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเมนูที่ท้าให้ลอง ถ้ามาถึงห้องอาหารม้อกซี่
กุ้งทอดใบเล็บครุฑ
แกงไตปลาเสิร์ฟพร้อมข้าวสวยและเครื่องเคียง
ปิดท้ายกับเมนู Signature ที่เชฟฉลองทำโชว์ให้ดูสดๆ คือ สปาเก็ตตี้ไส้อั่วผัดขี้เมา ด้วยรสชาติที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจากเจ้าอื่น โดยเฉพาะเส้น ที่มีเนื้อสัมผัสที่เรียกว่า al dente ซึ่งมีลักษณะของเส้นที่ยังมีความหนึบอยู่ตรงแกนด้านใน (มีความกรึบของแกนในเมื่อเคี้ยว) ผสมผสานกับอาหารเมืองเหนืออย่างไส้อั่ว และแคบหมู ทำให้เมนูนี้เด็ดขาดในเรื่องของการผสมผสานความอร่อยออกมาได้อย่างลงตัว
สปาเก็ตตี้ไส้อั่วผัดขี้เมา
มาดูฝั่งขนมกันบ้าง ที่นี่มีขนมหวานชิ้นเล็กๆให้ลูกค้าได้เลือกทานหลากหลายชิ้น เพียงชิ้นละ 35 บาท (โดยประมาณ) หรือจะเลือกทานแบบเป็นเซ็ต ก็จะมีขนมหวานประมาณ 3 ชิ้น เลือกทานคู่กับชากาแฟ หรือน้ำสมุนไพรก็ได้
ปิดท้ายกับเครื่องดื่มที่เป็น signature จากฝั่ง มิกซ์ บาร์ กันบ้าง อย่างแรกเป็น D2 Punch ส่วนผสมคือ น้ำส้ม แครนเบอรี่ และ ราสเบอรี่ รสชาติเปรี้ยวหวานสดชื่น ตื่นตัว
อย่างที่สองเป็น Double Cool น้ำใบสาระแหน่ เครื่องดื่มสำหรับคนรักสุขภาพ ด้วยสรรพคุณวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ อย่าง เบต้าแคโรทีน วิตามินบี1 วิตามินบี2 วิตามินบี3 วิตามินซี ธาตุแคลเซียม ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก เป็นต้น ป.ล. เครื่องดื่มนี้ผสมวอดก้าด้วยนิดหน่อย
สรุปกันไปเลยว่าหากใครกำลังมองหาอาหารไทย 4 ภาค รสชาติต้นตำรับ กับความอร่อยแบบฟิวชั่นในแต่ละภาคของสยามประเทศ แนะนำให้ไปลองสัมผัสรสชาติได้ที่ห้องอาหาร ม็อกซี่ กับโปรโมชั่น The fusion of ‘SIAM’ flavours" ตั้งแต่เวลา 11.00 น. – 22.00 น. ที่ห้องอาหารม็อกซี่ ราคาเริ่มต้นที่ 150 บาทสุทธิ/จาน เท่านั้น หรืออ่ายรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
http://www.wongnai.com/articles/moxie