Top 10 ร้านรถเข็นแผงลอย ที่ต้องไปสอยสักครั้ง
เมืองไทยเป็นเมืองหนึ่งที่ขึ้นชื่อเรื่องการมี "อาหารข้างทาง" หรือ "Street Food" ที่อร่อยมากๆ ชาตินึงในโลก และเป็น "Street Food" ที่มีให้เลือกหลากหลายทั้งของคาว ของหวาน ก๋วยจั๊บ ก๋วยเตี๋ยว ข้าวผัด อาหารจานเดียว ข้าวเหนียวส้มตำ ลูกชิ้นปิ้ง บัวลอย กล้วยทอด มากมายสารพัด แถมยังมีราคาที่เป็นมิตรกับกระเป๋าสตางค์อีกต่างหาก แต่ร้านอาหารข้างทางเหล่านี้ โดยมากเป็นรถเข็น หาบเร่ แผงลอย ขายกันบนทางเท้า หรือเช่าพื้นที่หน้าร้านคนอื่นอีกที ไม่มีที่ทางเป็นของตัวเอง ฉะนั้นวันดีคืนดี ร้านเหล่านี้อาจจะย้ายตำแหน่งแห่งที่ไปจากเดิมก็ได้นะ หรือถ้าไม่ใช่คนในละแวกนั้น ก็อาจจะไม่รู้ว่า มีของอร่อยอย่างนี้ขายอยู่บนทางเท้าแถวนั้นด้วย...อย่างนี้มันต้องมีลายแทงบอกกันหน่อยแล้วล่ะ
1. กล้วยทอดโมเลน นราธิวาสราชนครินทร์ 3
กล้วยทอดสูตรเด็ดจากอินโดนีเซีย ที่ใช้กล้วยน้ำว้าสุกทั้งลูกพันด้วยแป้งแผ่นบางๆ ที่ส่งตรงมาจากเชียงใหม่ (เพราะเจ้าของแฟรนไชส์อยู่ที่เชียงใหม่) จากนั้นก็เอาลงไปทอดในน้ำมันร้อนๆ พอเอาขึ้นมาก็จะได้กล้วยสีทองที่กรอบนอกนุ่มใน และเนื้อกล้วยข้างในจะหวานมากๆ แต่ต้องกินตอนร้อนๆ ถึงจะอร่อยที่สุด ถ้าทิ้งไว้นานเกินกว่า 3 ชั่วโมง แป้งจะเริ่มนิ่มๆ และไม่อร่อย ร้านนี้ก็เป็นอีกร้านหนึ่งที่คิวยาวเป็นวา และต้องรอคิวนานอยู่เหมือนกัน แถมตอนนี้กระแสเริ่มมา ควรทำใจแต่เนิ่นๆ ก่อนจะไปซื้อกิน
อ่านรายละเอียดและรีวิวของร้านได้ที่นี่ :
http://www.wongnai.com/restaurants/124327oj
2. หมูปลาร้า สี่แยกคอกวัว
เป็นร้านที่ให้บรรยากาศของความเป็น "Street Food" สุดๆ เพราะเป็นเพียงร้านรถเข็นเล็กๆ ที่ตั้งขายกันบนทางเท้าเลย เก้าอี้ให้นั่งก็ไม่มี ปูสื่อกันข้างทางนั่นเลย ดิบๆ ได้ใจชะมัด และแม้จะเป็นร้านรถเข็นที่จะเข็นไปขายตรงไหนก็ได้ แต่ร้าน "หมูปลาร้า" ก็ยืนพื้นขายประจำอยู่ที่สี่แยกคอกวัวทุกวัน จนคนแถวนั้นจำได้ รวมทั้งคนต่างถิ่นก็หาเจอง่าย ก็เลยมีคนมาแซ่บข้างทางกับ "ข้าวเหนียวหมูปิ้งและน้ำพริกปลาร้า" ที่ร้านนี้กันอยู่เป็นประจำ เพราะเป็นร้านรถเข็นเล็กๆ ที่มีทุกอย่างครบ แบบอิ่มเดียวจ่ายแค่ 50-60 บาท ได้ครบทั้งหมูปิ้ง ข้าวเหนียว น้ำพริก และผักสด ที่มีมีดมาให้หั่นผักกินกันเองด้วย เป็นร้านรถเข็นข้างทางที่จัดเต็มจริงๆ
อ่านรายละเอียดและรีวิวของร้านได้ที่นี่ :
http://www.wongnai.com/restaurants/121156hj
3. ก๋วยจั๊บสามทุ่ม
ก๋วยจั๊บร้านนี้ แต่เดิมเปิดขายตอน 3 ทุ่มถึงเที่ยงคืน ก็เลยชื่อว่า "ก๋วยจั๊บสามทุ่ม" แม้ว่าตอนนี้ร้านจะเปลี่ยนเวลาเปิดแล้วก็ตาม ไม่ได้ตอนสามทุ่มแล้ว แต่ก็ยังคงชื่ออันเป็นเอกลักษณ์และเป็นเครื่องหมายการค้านี้เอาไว้ตามเดิม แต่สิ่งที่ทำให้ก๋วยจั๊บร้านนี้เป็นที่เลื่องลือ ไม่ใช่แค่เรื่องที่มาของชื่อร้านหรอกนะ แต่เป็นเพราะน้ำซุปพะโล้ที่เข้มข้นแบบไม่ต้องปรุงเพิ่ม ถ้าไม่ได้ชอบรสจัดหนักไปทางเปรี้ยวเผ็ด ก็แทบจะไม่ต้องใส่อะไรแล้ว เพราะรสชาติเค็มๆ หวานๆ กำลังดีเลย ส่วนหมูกรอบที่เป็นหัวใจหลักอีกอย่างของก๋วยจั๊บ เค้าก็ทอดมาได้กรอบมากๆ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ทำให้การกินก๋วยจั๊บอร่อยมากขึ้น ที่สำคัญราคาไม่แพง และนับว่าเป็นร้านรถเข็นบนทางเท้าที่เก่าแก่ร้านนึงเลยทีเดียว เพราะขายกันมายี่สิบกว่าปีแล้ว
อ่านรายละเอียดและรีวิวของร้านได้ที่นี่:
http://www.wongnai.com/restaurants/7744YR
4. เฮียตือ เยาวราช
อาหารเหลาริมทางที่เปิดขายมานานกว่า 20 ปีแล้ว ราคาย่อมเยากว่าในเหลา แต่อาจจะแพงกว่าร้านข้างทางทั่วไปอยู่สักหน่อย เพราะเค้าใช้แต่ของคุณภาพระดับห้าดาวทั้งนั้น ทั้งหูฉลามเกรดดี ข้าวผัดปูที่ใส่เนื้ปูมาอย่างตู้ม กุ้ง กระเพาะปลา หอยจ๊อ ผัดหมี่ฮ่องกงที่ใส่กุยช่ายขาวมาด้วย (ปกติร้านที่ไม่ค่อยพิถีพิถันนัก ก็จะมาเป็นกุ้ยช่ายเขียวๆ ปกตินั่นแหละ เพราะกุ้ยช่ายขาวมันแพงกว่าน่ะสิ) ร้านนี้แม้จะเป็นร้านอาหารริมทาง แต่ชื่อเมนูแต่ละเมนูนี่้มันก็คืออาหารเหลาดีๆ นี่เองแหละ แถมยังประณีตบรรจงในการทำอาหารจานต่อจานให้ลูกค้าด้วย ไม่มีการผัดหรือต้มแบบมหาชน หม้อเดียว กระทะเดียว แบ่งใส่จานเป็นสิบเด็ดขาด...กินไปฟังเสียงกระทะและเสียงบ่นของคนขายล้งเล้งช้งเช้งไป อาจนึกว่าตัวเองอยู่ในหนังจีนฮ่องกง
อ่านรายละเอียดและรีวิวของร้านได้ที่นี่ :
http://www.wongnai.com/restaurants/20Wy
5. บัวลอยพี่เง็ก (เจ้าเก่า) ดินแดง
บัวลอยฮอตฮิตติดลมบน ถึงขนาดต้องใช้บัตรคิวกันเลยทีเดียว แถมที่เด็ดสุดคือ เค้าขายแค่ "100 คิวต่อวันเท่านั้น" และเริ่มแจกบัตรคิวกันตั้งแต่ร้านยังไม่เปิดเลยด้วยซ้ำ ที่มันฮอตฮิตขนาดนี้ เพราะบัวลอยร้านนี้มีเคล็ดลับที่มัดใจลูกค้าคือ การใช้สีจากธรรมชาติผสมกับแป้งที่ใช้ทำบัวลอย แป้งนวดจนได้ที่ เหนียวนุ่มเคี้ยวเพลิน ส่วนน้ำกะทิก็เข้มข้นหวานมัน ยิ่งถ้าเป็นบัวลอยใส่ไข่ก็จะยิ่งเพิ่มความเข้มข้นหวานมันไปอีกหลายเท่าตัว...เขาจะต้มบัวลอยในกระทะทองเหลืองใบใหญ่จนเดือดปุดๆ …. "บัวลอยพี่เง็ก" นี้ ใครอยากกินต้องรีบไปหน่อย เพราะร้านเปิดขายแค่ชั่วโมงเดียว ของก็หมดแล้วจ้า!!
อ่านรายละเอียดและรีวิวของร้านได้ที่นี่ :
http://www.wongnai.com/restaurants/120865Gk
6. หมูสะเต๊ะแปลงนาม
หมูสะเต๊ะชื่อดังที่มีคนมุ่งมั่นจะไปกินให้ได้อยู่เยอะเหมือนกัน เพราะเป็นหมูสะเต๊ะที่มีดีตรงเนื้อหมูชิ้นใหญ่สะใจ อย่างกับกินหมูปิ้ง และติดมันกำลังงาม เอาไปหมักกับเครื่องผงกะหรี่จนเข้าเนื้อ ปิ้งจนสุกทั่วถึง ข้างนอกเกรียมนิดๆ แต่ไม่เสียความนุ่มของหมูไปกับความร้อน เลยได้หมูสะเต๊ะชิ้นใหญ่หนานุ่ม จิ้มกับน้ำจิ้มเข้มข้น จิ้มแล้วเคลือบหมูไปทั้งชิ้น ไม่ใสหยองแหยงแบบบางร้าน บวกกับน้ำจิ้มอาจาดที่หั่นแตงกวาและพริกมาชิ้นใหญ่ๆ ขนาดเข้ากันได้ดีกับหมูสะเต๊ะชิ้นใหญ่ๆ กินแล้วจะต้องบอกว่า อร่อยเกินราคาไม้ละ 5 บาท
อ่านรายละเอียดและรีวิวของร้านได้ที่นี่ :
http://www.wongnai.com/restaurants/20912Vk
7. ข้าวขาหมูตีสาม (ขาหมูตีสาม)
ข้าวขาหมูเจ้าอร่อยแห่งเยาวราช ที่แต่เดิมเปิดถึงแค่ตี 3 แต่เพราะคนไปกินกันเยอะมาก ก็เลยต้องขยายเวลาเปิดร้านมาเป็นเปิดตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อเอาใจแฟนนานุแฟนกันหน่อย จุดเด่นที่สังเกตได้ง่ายๆ ว่าที่นี่ใช่ร้าน "ขาหมูตีสาม" แน่นอน ก็คือ "คากิ" ที่วางเรียงๆ ซ้อนๆ กันอยู่บนปากหม้อเรีียกสายตาและเรียกนำ้ย่อยให้ออกมาทำงานด้วยความหิวและความอยากกิน ซึ่งเมื่อกินแล้ว หลายๆ คนก้ไม่ผิดหวัง เพราะขาหมูร้านนี้อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ เพราะมีจุดเด่นอยู่ที่ไม่ใช้น้ำพะโล้แบบร้านอื่นๆ แต่จะใช้น้ำพะโล้สูตรเฉพาะของตัวเองที่ไม่ใส่เครื่องพะโล้กลิ่นแรงๆ เพราะเจ้าของร้านไม่ชอบ แถมยังไม่มีผักเครื่องเคียงอย่สงคะน้าและผักกาดดองให้ด้วย มีแต่กระเทียมกับพริกให้เท่านั้น แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญ เพราะพอกินคากิเข้าไป เนื้อเปื่อยนุ่มสุดๆ เอ็นติดเนื้อหยุ่นๆ แทบละลายในปาก แค่นี้ก็เด็ดแล้ว!
อ่านรายละเอียดและรีวิวของร้านได้ที่นี่ :
http://www.wongnai.com/restaurants/8559SR
8. ขนมครกเข้าวัง (ราชวัตร)
พอบอกว่าจะกินขนมครก หลายๆ คนคงคิดถึงขนมครกที่เรากินๆ กันอยู่ ที่อย่างมากก็โรยหน้าด้วยต้นหอม ข้่าวโพด หรือเผือก แต่ถ้าลองได้มากินขนมครกของร้าน "ขนมครกเข้าวัง-ราชวัตร" แล้วจะต้องอะเมซิ่งกับสารพันหน้าขนมครกทรงเครื่องของเค้า เพราะมีของหรูๆ อย่างอัลมอนต์ แปะก้วย เม็ดบัว กุ้งหวาน และฝอยทอง ที่ช่างลงตัวกับขนมครกกะทิหอมมันจริงเชียว แต่จริงๆ แล้วขนมครกของเค้า กินแบบธรรมดาไม่ทรงเครื่องก็ยังอร่อยเลย และที่ประทับใจม๊ากมาก คือ ร้าน "ขนมครกเข้าวัง-ราชวัตร" นี้ เค้าไม่ได้เทกะทิลงในเตาขนมครกแบบเป็นแผงๆ นองไปทั้งเตา แล้วเอากรรไกมาตัดๆ ทำให้เหลือขอบกรอบๆ มาคอยทิ่มเหงือกแบบร้านอื่นๆ ที่ทำแบบเอาเร็วเข้าว่า....ของอร่อยน่ะ มันต้องประณีตในการทำอย่างนี้แหละ
อ่านรายละเอียดและรีวิวของร้านได้ที่นี่ :
http://www.wongnai.com/restaurants/26698Nm
9. เครป พรพิมล (เครปป้าเฉื่อย/เครปชาติหน้า)
เครปที่ขึ้นชื่อลือชาในเรื่องความเฉื่อยของคนทำ จนได้ฉายาประจำร้านว่า "เครปป้าเฉื่อย" บ้าง "เครปชาติหน้า" บ้าง และบ้างก็บอกว่าไม่อร่อย งั้นๆ รอนานเกินเหตุ แต่คนที่เข้าใจ และยอมรอก็จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเครปอร่อยมาก และที่มันช้า มันคอยนานเพราะป้าแกบรรจงทำ บรรจงละเลงแป้งเครปลงบนเตาขนาดใหญ่ ที่ใช้ไฟอ่อนๆ เพื่อให้เเป้งเครปสุกอย่างทั่วถึงและกรอบทั่วทั้งแผ่น แถมแป้งเครปที่ป้าแกผสมก็หอมไม่เหมือนใคร เอาเก็บในตู้เย็นแล้วมาอุ่นใหม่ แป้งก็ยังคงความอร่อยอยู่เลย ที่สำคัญป้าแกให้ไส้เยอะซะด้วย....ของอย่างนี้บางทีคนที่กินประจำ ก็จะรู้และเข้าใจวิธีการเข้าคิวของร้านนะ ก็เลยไม่อารมณ์เสียหากต้องรอนานเกินกว่าที่คิด
อ่านรายละเอียดและรีวิวของร้านได้ที่นี่ :
http://www.wongnai.com/restaurants/9210qn
10. ขนมปังเจ้าอร่อยเด็ดเยาวราช
ขนมปังเจ้าอร่อยที่ต้องใช้บัตรคิว เพราะคนรอต่อแถวกันยาวมาก และบัตรคิวที่นี่ ได้มาแล้ว ก็ให้เขียนประเภทของขนมปัง และไส้ที่ต้องการลงในบัตรคิวด้วย พอถึงคิวของตัวเอง ก็จะมีคนมาเรียกตามเบอร์ ไม่มีการลัดคิว แต่ถึงจะคิวยาว ต้องรอนานขนาดนี้ ก็ยังมีคนที่ชอบกินขนมปังเจ้านี้มากๆ จนถึงกับนลงทุนไปรอต่อแถวเพื่อจะซื้อขนมปังติดๆ กันถึง 3 วันเลยทีเดียว ของเค้าแรงขนาดนี้ เพราะมีดีที่ขนมปังซึ่งมีให้เลือก 3 แบบ คือ แบบเนยนิ่ม แบบเนยกรอบ และแบบกรอบนอกนุ่มในที่คนติดใจกันเยอะ ซึ่งเคล็ดลับการปิ้งให้กรอบนอกนุ่มในคือการใช้เตาถ่านในการปิ้ง เป็นเคล็ดลับที่คุณลุงเจ้าของร้านทำมา 40 กว่าปีแล้ว ส่วนหน้าต่างๆ ก็มีให้เลือกทั้ง เนยล้วน เนยราดสังขยา เนยราดนม เนยราดน้ำพริกเผา เนยราดถั่ว และอื่นๆ ….ใครกินขนมปังแล้วหิวน้ำ ร้านน้ำข้างๆ เป็นร้านของคุณลุงเอง สั่งกาแฟหรือโอวัลตินร้อนๆ มากินแกล้มกับขนมปังไปด้วย ก็จะลงตัวมาก
อ่านรายละเอียดและรีวิวของร้านได้ที่นี่ :
http://www.wongnai.com/restaurants/8795IP
ที่มา:
http://www.wongnai.com
http://www.wongnai.com/listings/top-10-street-food