การประชุมไซเตส ฆ่าแม่ช้าง เอาลูกที่แก่งกระจาน เซ่น วันช้างไทย



                     ระหว่างวันที่ 3-14 มีนาคม ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดประชุม "ไซเตสคอป 16" หรือการประชุมอนุสัญญาว่าด้วยการควบคุมค้าสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ท่ามกลางตัวแทนผู้เข้าร่วม 177 ประเทศทั่วโลก เพื่อร่วมพิจารณาข้อเสนอจากประเทศต่างๆ จำนวน 70 ข้อ สำหรับไทยมีข้อเสนอ 3 ประเด็นใหญ่ ได้แก่ "งาช้าง" "ไม้พะยูง" และ "จระเข้"

                     ตามข่าวที่ออกสื่อต่างๆ การประชุมก็คือการถกเถียงในประเด็นที่  ใครๆ ก็ไม่อยากเสียเปรียบ อยากได้ผลประโยชน์  สรุป ประเทศไทยอยากได้ผลประโยชน์ของ จรเข้ ฯ

                     แต่ จขบ.อยากจะนำเสนอเรื่อง ช้าง  ...ช้างที่ถูก คนใจโหด ฆ่า!! เนื่องในการประชุมไซเตรส และ ต้อนรับ วันช้างไทย 13 มีนาคม 2556

                     ทุกวันที่ 13 มีนาคม ของทุกปีกำหนดให้เป็นวันช้างไทย สำหรับในปีนี้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รับสนองพระราชดำริพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ขับเคลื่อนโครงการ “ช้างไทยใต้ร่มพระบารมี” พร้อมจัดกิจกรรมยิ่งใหญ่สัปดาห์ “วันช้างไทย ปี 2556” เผยแพร่โครงการพระราชดำริอนุรักษ์ช้างและปลุกจิตสำนึกคนไทยให้เห็นคุณค่าความสำคัญของช้าง

                     จขบ. ถาม ประชาชน ทั่วไป (ในพื้นที่) ว่ารู้จักการประชุมไซเตส หรือไม่  ...เขาตอบว่าไม่รู้จัก ครับ ????????????

มาดู ช้างที่ถูกฆ่า  เพื่อเอาลูกช้างไปขาย (น่าจะขายให้รีสอร์ทต่างๆ )

                     เวลา 09.30 น. วันที่ 9 มี.ค. 56 นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน นายขจรศักดิ์ สมบูรณ์ นอภ.แก่งกระจาน  พ.ต.อ.วรเดช สวนคล้าย ผกก.สภ.แก่งกระจาน    พ.อ.อดิศร โครพ ผบ.ฉก.ทัพพระยาเสือ กกล.สุรสีห์   พ.ต.ต.พรชัย แช่มช้อย ผบ.ร้อย ตชด.ที่ 144   พ.ต.อ.วิสิทธิ์ ศิริสหวัฒน์ รอง ผบก.ศพฐ.7 นำเครื่องมือและเจ้าหน้าที่ร่วมตรวจพิสูจน์การผ่าซากช้างหาหัวกระสุนที่สังหารช้างเพศเมีย คาดเป็นช้างแม่ลูกอ่อน ที่ถูกยิงตายใกล้แหล่งน้ำกลางป่าในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน หมู่ 3  บ้านป่าเด็ง  ต.ป่าเด็ง  อ.แก่งกระจาน  จ.เพชรบุรี

                    หลังใช้เวลาเดินเท้านานกว่า 2 ชั่วโมง ถึงจุดเกิดเหตุบริเวณใกล้บ่อน้ำขนาดเล็กกลางป่า ที่ข้างโขดหินใหญ่ริมหน้าผาพบซากช้างป่าเพศเมียอายุ 8 - 9 ปี ลักษณะคล้ายช้างแม่ลูกอ่อน เต้านมมีลักษณะบวมโตและมีน้ำนมไหลซึมออกมาต่อเนื่อง ตายมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 วัน ชันสูตรซากพบรูคล้ายถูกยิงด้วยกระสุนปืนเข้าที่ต้นขาหน้าขวา 1 แห่ง กะโหลกศีรษะ 1 แห่ง และสะโพกซ้าย 2 แห่ง เมื่อกระจายกำลังตรวจสอบพื้นที่ใกล้เคียงพบว่า บนต้นไม้ใหญ่ที่อยู่เหนือหน้าผา ห่างจากซากช้างราว 10 เมตร มีปืนยาวไทยประดิษฐ์บรรจุดินปืนพร้อมหัวกระสุนตะกั่วยิงสัตว์ใหญ่แขวนอยู่ ส่วนบนพื้นดินและในบ่อน้ำใกล้ซากช้างพบเศษประทัด “ลูกเป้ง” ที่ใช้สำหรับไล่สัตว์ตกอยู่หลายชิ้น




                          นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เปิดเผยว่า หลังเข้าพิสูจน์ซากช้างเบื้องต้นเมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่อุทยานฯร่วมกับตำรวจ สภ.แก่งกระจาน จับกุมนายจอไป เวนะ ชาวกะหร่าง พักอยู่หมู่ 6 ต.ห้วยสัตว์ใหญ่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ และนายวิรัตน์ เวนะ อายุ 28 ชาวปะกากญอ ที่พูดภาษาไทยไม่ได้ คาดว่าเป็นชาวบ้านตะลุพุโค๊ะ ฝั่งพม่า พร้อมปืนยาวไทยประดิษฐ์ 2 กระบอก ดินปืนและกระสุน จับได้ในป่าใกล้ที่เกิดเหตุ สอบสวนนายจอไป ยังให้การปฏิเสธอ้างว่ามาล่าค่าง ไม่ได้ล่าช้าง แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อ คาดว่าทั้ง 2 คน น่าจะเป็นหนึ่งในขบวนการล่าช้างร่วมกับนายสมบูรณ์ เวนะ หรือกลุ่มของนายสมพร จอกาย ผู้ต้องหาตามหมายจับค้างเก่า โดยทั้งคู่คอยชี้เป้าระบุตำแหน่งของกลุ่มช้างงาและช้างแม่ลูกอ่อน ให้กลุ่มพรานนำปืนไรเฟิลเข้ามายิงช้าง     

(เคสนี้  ทีมงาน จขบ.ไม่ได้ไป   ขอขอบคุณข่าว ไทยรัฐ เดลินิวส์  คมชัดลึก  และ เพื่อน ตชด. 144 อ.เขาย้อย ครับ )                 

                          วันเดียวกัน ที่สวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ มูลนิธิคืนช้างสู่ธรรมชาติ  จัดนิทรรศการพิเศษ “ช้างไทย ใต้ร่มพระบารมี” ในงานกิจกรรมสัปดาห์ “วันช้างไทย ประจำปี 2556” โดยคุณหญิงปราณี เอื้อชูเกียรติ กรรมการมูลนิธิสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ กล่าวว่า  อยากฝากรัฐบาลให้หันมาดูปัญหาเรื่องช้างไทยอย่างจริงจัง เพราะช้างป่าถูกล่าเพื่อการค้าและการท่องเที่ยว เมื่อวันก่อนช้างป่าแก่งกระจานเพศเมียถูกฆ่าตาย คาดว่าเอาลูกช้างไปเดินเร่ขายสินค้าให้นักท่องเที่ยวตามชายหาด กรมอุทยานฯต้องล่าคนร้ายมาลงโทษให้ได้ เพราะเป็นเรื่องที่  สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงเศร้าพระทัยทุกครั้งที่มีเหตุเกี่ยวกับช้าง

ภาพข้างล่าง  จขบ. ไปพิสูจน์ซากช้างที่ถูกฆ่าที่  ป่าละอู (พื้นที่ใกล้เคียง ) เมื่อ ประมาณ ๒ ปี มาแล้ว









สรุป การประชุมระดับ นานาชาติ รัฐ ได้หน้า แต่ การปฏิบัติ ยังเหมือนเดิม

สุดท้ายช้างไทยก็เหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง งบการบำรุงการรักษาและการหาที่อยู่ให้ช้างไทยยังไร้ค่า หมีเพนด้ายังอยู่ดีกินดีกว่าช้างไทย กฎหมายจีนเกี่ยวกับการค้าการขายเกี่ยวกับหมีเพนด้ามีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต  ส่วนกฎหมายเกี่ยวกับการค้าการขายและการทารุณสัตว์ช้างไทยมีโทษแค่นิดเดียวออกจากคุกเสียค่าปรับก็กลับมาทำใหม่ได้ ทั้งที่ช้างไทยเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองเกี่ยวกับประเทศไทยมาช้านาน ที่ระบายมาทั้งหมดนี้ก็อยากรัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดำเนินการให้ช้างไทยอยู่ดี กินดี เหมือนกับหมีเพนด้าได้ไหมครับท่าน อย่างน้อยก็ขอให้ไม่มีช้างไทยมาเดินตามข้างถนนเพื่อขออาหารกิน(ถ้าผมเห็นช้างมาเดินตามท้องถนนผมจำเป็นต้องซื้ออาหารให้มันตลอดเพราะสงสารช้างไม่ใช้สงสารคน) ก็แต่หวังว่าช้างไทยคงไม่สูญหายไปจากแผ่นดินไทยก็แล้วกัน