> กล้องไฮเทค จับผิด 30 แยกทั่วกรุง ฝ่าไฟแดง-ปรับถึงบ้าน
>
> โครงการกล้องไฮเทคถูกทดลองใช้ครั้งแรก วันที่ 30 ธันวาคม ภายใต้การดูแลของพล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รอง ผบช.น. (ดูแลจราจร) ผู้เป็นต้น
> คิดโครงการนี้ การทำงานของเครื่องตรวจจับจะมี 2 ส่วนด้วยกัน คือ ระบบจับภาพผู้กระทำผิดซึ่งเป็นการทำงานของกล้องดิจิตอล และระบบศูนย์ควบคุมที่ทำหน้าที่นำ
> ภาพที่จับได้มาประมวลผล การทำงานจะเป็นไปตามขั้นตอน คือ ถ่ายภาพการกระทำผิดในรูปแบบแฟ้มข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมบันทึกรายละเอียดไว้ชัดเจน หลังจาก
> นั้นระบบจะส่งภาพผ่านระบบสื่อสารโครงข่ายแบบ ADSL ไปยังศูนย์ควบคุมกลาง ทำการเปรียบเทียบข้อมูลยานพาหนะที่กระทำผิด พร้อมตรวจสอบความชัดเจนของ
> ภาพอีกครั้ง ก่อนพิจารณาพิมพ์ใบสั่งจัดส่งไปทางไปรษณีย์เพื่อเรียกชำระค่าปรับ
>
> ในชั้นนี้มีการติดตั้งกล้องดิจิตอลทั่วกทม.แล้ว 30 จุด คือ
>
> 1.แยกรัชดาฯ-ลาดพร้าว
>
> 2.แยกบ้านม้า
>
> 3.แยกคลองตัน
>
> 4.แยกอโศกเพชร
>
> 5.แยกวิทยุ-เพลินจิต
>
> 6.แยกซังฮี้
>
> 7.แยกพญาไท
>
> 8.แยกโชคชัย 4
>
> 9.แยกนิด้า
>
> 10.แยกอุรุพงษ์
>
> 11.แยกประดิพัทธ์
>
> 12.แยกรัชดาฯ-พระราม 4
>
> 13.แยกลำสาลี
>
> 14.แยกบ้านแขก
>
> 15.แยกบางพลัด
>
> 16.แยกนรินทร
>
> 17.แยกราชประสงค์
>
> 18.แยกอโศกสุขุมวิท
>
> 19.แยกสาทร
>
> 20.แยกตากสิน
>
> 21.แยกโพธิ์แก้ว
>
> 22.แยกพัฒนาการ-ตัดรามฯ 24
>
> 23.แยกร่มเกล้า
>
> 24.แยกศุลกากร
>
> 25.แยกเหม่งจ๋าย
>
> 26.แยกท่าพระ
>
> 27.แยกประเวศ
>
> 28.แยกอังรีดูนังต์
>
> 29.แยกประชานุกูล
>
> 30. แยกบางโพ
> โดยกล้องดังกล่าวแบ่งการทำงานออกเป็น 3 ส่วน คือ
>
> 1.ตัวกล้อง
>
> 2.ตัวเซ็นเซอร์
>
> 3.ตัวคอมพิวเตอร์ประเมินผล
>
> เมื่อไฟแดงทำงาน ตัวเซ็นเซอร์ทำงาน มีการฝ่าไฟแดงออกไปกล้องจะถ่ายภาพจากนั้นจะประมวลผลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่โคนเสาซึ่งเป็นกล่องเหล็ก
> ตัวคอมพิวเตอร์ก็จะส่งข้อมูลมาที่ศูนย์สั่งการและควบคุมจราจร (บก.02) มาขึ้นที่จอมอนิเตอร์ใน บก.02 โดยเครื่องจะอ่านอัตโนมัติว่าเป็นรถของใคร ซึ่งทางกอง
> บัญชาการตำรวจจราจร ได้เชื่อมต่อเครือข่ายกับกรมการขนส่งที่ศูนย์รัตนาธิเบศร์ เพื่อบอกสีรถ ยี่ห้อรถ ชื่อเจ้าของรถ เมื่อได้รายละเอียดจึงพิจารณาพิมพ์หมาย
> หรือใบสั่งต่อไป
>
> โดยผู้ทำผิดกฎจราจรจะถูกกล้องบันทึกภาพไว้ เมื่อหลักฐานครบถ้วนเจ้าหน้าที่จะแนบหมายเรียกส่งไปถึงบ้าน ซึ่งภาพที่ส่งไปจะมี 3 ภาพ คือ ภาพก่อน
> การกระทำความผิด ภาพขณะกระทำความผิด และภาพเฉพาะทะเบียนรถ โดยในภาพจะปรากฏชื่อสถานที่ วันเวลากระทำความผิด ความเร็วของรถ เห็นทั้งตัวรถ
> และไฟสัญญาณ โดยจะส่งให้ภายใน 7 วัน หลังกระทำความผิด โดยเจ้าของจะต้องมาชำระค่าปรับตามที่กำหนดไว้ในหมาย
>
> นอกจากเสียค่าปรับแล้วยังมีการตัดแต้มคะแนนอีกด้วย
>
> ใครที่ทำผิดกฎจราจรแล้วถูกจดหมายใบสั่ง จะต้องมาชำระค่าปรับตามจุดเปรียบเทียบปรับที่จัดไว้ คือ จุดเปรียบเทียบปรับกรมการขนส่งทางบกจตุจักร
> จุดเปรียบเทียบปรับกรมการขนส่งทางบกบางนา จุดเปรียบเทียบปรับกรมการขนส่งทางบกตลิ่งชัน จุดเปรียบเทียบปรับกรมการขนส่งทางบกบางขุนเทียน สน.คู่ขนาน
> ลอยฟ้า สน.ใต้ทางด่วนพระราม 4 สน.ตู้กำแพงเพชร สน.วิภาวดี จุดเปรียบเทียบปรับ(บก.จร.เก่า) ภายใน 7 วัน
>
> อัตราโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 1,000
>
> สำหรับรถคันแรกที่ทำผิดประเดิมกล้องไฮเทค ถูกบันทึกภาพไว้ได้ตอนตี 4 วันที่ 30 ธันวาคม บริเวณแยกอโศกสุขุมวิท ถนนรัชดาภิเษก แขวงและเขต
> คลองเตย เป็นรถยนต์หมายเลขทะเบียน ทร-59 กทม. ซึ่งเป็นรถยนต์แท็กซี่ ของสหกรณ์แท็กซี่รวมมิตร เลขที่ 1296/67-68 ถ.กรุงเทพ-นนทบุรี แขวงและเขต
> บางซื่อ กทม.
>
> นอกจากนี้ยังมีอีกหลายร้อยรายที่ถูกกล้องจับบันทึกไว้ ใครเป็นใครต้องลุ้นกันตอนรับจดหมาย!!?
>
> "โครงการระบบตรวจจับสัญญาณไฟจราจร เป็นหนึ่งในการช่วยลดปัญหาการให้ผู้ขับขี่มีวินัยไม่ฝ่าฝืนสัญญาณจราจร ทางกองบัญชาการตำรวจจราจร จึง
> ได้ทดลองนำกล้องระบบตรวจจับผู้ฝ่าฝืนสัญญาณไฟจราจรมาใช้ แค่ช่วงทดลองก็พบว่าในแต่ละคืนมีคนทำผิดกฎจราจรกว่า 2 พันราย เพราะกลางคืนไม่มีตำรวจอยู่
> กลางสี่แยก ซึ่งกลายเป็นช่องว่างทำให้คนไม่เคารพกฎหมายทำผิดกฎจราจรและอาจเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ เมื่อมีการติดตั้งกล้องอิเล็กทรอนิกส์ช่วยจับผู้กระทำผิด ก็จะ
> เป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่และลดการเกิดอุบัติเหตุได้
>
> "นอกจากนี้ อุปกรณ์ดังกล่าวยังลดความขัดแย้งระหว่างผู้ใช้รถใช้ถนนกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะการทำผิดจะถูกบันทึกไว้เป็นภาพถ่ายที่เห็นชัดเจน โดย
> ทางบก.จร.จะส่งหมายเรียกให้มาชำระค่าปรับ แต่ถ้าหากไม่มาก็จะทำเรื่องไปยังกองทะเบียนเพื่ออายัดการต่อทะเบียนทันที ซึ่งการติดตั้งกล้องเหล่านี้หากมีหลายๆ
> แยก ก็จะเป็นการดี อย่างน้อยก็จะทำให้ผู้ขับขี่เกรงกลัว แม้ไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ประจำแยก ซึ่งประโยชน์สูงสุดในการมีเครื่องตรวจจับชิ้นนี้ คือ ลดการสูญเสียในชีวิต
> และทรัพย์สินของผู้ใช้รถใช้ถนนเอง และยังเป็นการลดกำลังพลเจ้าหน้าที่ตำรวจ จะได้แบ่งไปตรวจตราความเรียบร้อยด้านอื่นแทน" พล.ต.ต.ภาณุ กล่าว
>
> ถ้าผู้ใช้รถใช้ถนนมีวินัยไม่ทำผิดกฎจราจร ก็คงไม่ต้องสิ้นงบไปกับอุปกรณ์เหล่านี้!!
ถอนคันเร่งกันให้ทันนะจ๊ะ