เมื่อปีที่แล้วเคยเอาภาพ กทม. ในอดีตมาให้เชยชมกันแล้วนะครับ

http://www.civicesgroup.com/forum/topic26241 

วันนี้เลยเอาภาพเชียงใหม่ในอดีตมาให้ชมบ้าง เหมือนเดิมครับใครเคยดูแล้วก็ขออภัย

credit :: user ถามทางจะไปบางนา จากเวบ soccersuck.com และเจ้าของภาพ  http://www.facebook.com/birdcotton 

* ขอ copy ต้นฉบับมาทั้งดุ้นเลยนะครับ 





ภาพอดีต ของ วัดอุปคุตพม่า ตั้งอยู่ถนนท่าแพ ด้านสะพานนวรัฐ ลงจากสะพานผ่านสี่แยกมาประมาณ 10 เมตร จะพบวัดอยู่ทางด้านซ้ายมือ เหตุที่ต้องเรียกวัดอุปคุต (ไทย) เพราะว่าเคยมีวัดอุปคุตพม่าอยู่คู่กันมาตั้งแต่โบราณ(ปัจจุบันไม่มีแล้ว กลายเป็นที่ตั้งของพุทธสถานเชียงใหม่)



ภาพจากหนังสือ Seen Architectural Forms of Northern siam By Sumet jumsai--1970---ที่มาถ่ายวัดวาอาราม ในเชียงใหม่ และ ภาคเหนือไว้อย่างงดงามเมื่อ สี่สิบปีก่อน....หนังสือ แห่งแรงบัลดาลใจในการสร้างสรรค์โรงแรมดาราเทวี ของ ราเชน อินทวงค์ นักออกแบบชื่อดังของ เมืองเชียงใหม่ 


ซุ้มทางเข้าประตู .. โบสถ์แปดเหลี่ยม แห่งเดียวในล้านนา ...เมื่อมองเข้าไปในโบสถ์ วัดเชียงยืน จะมองเห็นลวดลาย แบบพม่า คล้ายกับที่วัดป่าเป้า โบสถ์วัดเชียงยืน เป็น โบสถ์ที่รูปทรงแปลก เป็นรูปแปดเหลี่ยม ประดับด้วยลวดลายปูนปั้นแบบพม่า น่าจะสร้างคราวเดียวกับ ซุ้มประตูทางเข้า.....ในภาพถ่าย บรรยากาศ ยังปกคลุมด้วยต้นไม้รกครึ้ม ถ่ายเมื่อ ค.ศ. 1970


กำแพงปูนปั้นลวดลายศิลปะ แบบพม่า ของวัดมหาวัน Wat Maha Wan เมืองเชียงใหม่ในปี ค.ศ. 1970 
วัดมหาวันเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งในเชียงใหม่ที่สร้างขึ้นด้วยแรงศรัทธาของคนเชียงใหม่ในสมัยก่อน มีตำนานเกี่ยวกับการสร้างวัดมหาวันว่า เป็นวัดที่สร้างในสมัยของพระเจ้ากาวิละเมื่อครั้งที่พระองค์ได้ทรงกอบกู้เอกราชคืน หลังจากที่เชียงใหม่ตกเมืองเมืองขึ้นของพม่ามายาวนานถึง 200 ปี วัดนี้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2338




ทางเข้า ด้านหนึ่งของกำแพงวัด เจ็ดยอด ในปี ค.ศ. ๑๙๗๐ 


บันไดทางขึ้นวิหารวัดช้างล้อม อันแปลกตา...เมื่อปี ค.ศ. ๑๙๗๐ 


วัดพันเตา อันมีสถาปัตยกรรมล้านนาอันโดดเด่น..เมื่อปี ค.ศ. ๑๙๗๐ ภาพจากหนังสือ Seen Architectural Forms of Northern siam By Sumet jumsai--1970---ที่มาถ่ายวัดวาอาราม ในเชียงใหม่ และ ภาคเหนือไว้อย่างงดงามเมื่อ สี่สิบปีก่อน




ภาพเก่าเมื่อปี ค.ศ.1970 ของบันไดทางขึ้นวัดแสนฝาง ที่มีต้นไม้โผล่ขึ้นมากลางบันไดปูน วัดแสนฝาง เป็นวัดเก่าแก่แห่งหนึ่งของจังหวัดเชียงใหม่ ตามตำนานเล่าว่าวัดแสนฝางสร้างขึ้นในสมัยพระญาแสนภู กษัตริย์ราชวงศ์มังราย ประมาณปี พ.ศ.๒๑๑๙ และคงอยู่จนกระทั่งถึงสมัยพระญากาวิละ โดยวัดแห่งนี้ได้รับความอุปถัมภ์ด้วยดีจากเจ้านครเชียงใหม่ทุกพระองค์


หน้าบันวิหารวัดแสนฝาง..เมื่อปี ค.ศ. ๑๙๗๐ 








พญาลวงคู่บริเวณบันไดทางเข้าหน้าวิหาร วัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่ ในอดีต ที่ยังมีโครงหลังคา และ เสาที่ทำจากไม้สัก มุงด้วยดินขอ ดูเหมือนว่าพญาลวง ใช้เขากวางจริง มาประดับทำ เขา 


ภาพเปรียบเทียบ ถนนในปัจจุบัน กับเมื่อร้อยปีก่อน ที่เป็นภาพขาวดำ มองเห็น ถนนดิน อันร่มรื่นด้วยเงาไม้ ที่ทอดยาวไปสู่ วัดพระสิงห์วรวิหารในอดีต.......ตั้งกล้องถ่ายแถว วัดศรีเกิด วัดทุงยู ข้างโรงพักกองเมือง เชียงใหม่ บริเวณนั้นสงบงาม ด้วยรั้ววัดชิดวัด 


ภาพถ่ายในพ.ศ. 2448 สามแยกหน้าประตูสิงห์ ทางเข้า วัดพระสิงห์วรวิหารในอดีต.........เมื่อราวร้อยกว่าปีก่อน..รูปนี้จะมองเห็นถนนดินที่มีขบวนแห่ครัวตาน ของคนล้านนาเดินเข้ามากลุ่มใหญ่ ท่ามกลางรั้วตาแสง และ ต้นไม้ใหญ่ ครึ้มไปตั้งแต่หน้าวัดไปถึง วัดศรีเกิด วัดทุงยู เชียงใหม่ ทุกอย่างยัง สงบงาม ด้วยรั้ววัด ชิดวัด.


ภาพถ่ายทางอากาศ บนบริเวณ วัดพระสิงห์วรวิหารในอดีต.........เมื่อราวห้าสิบปีก่อน..รูปนี้จะมองเห็นประตูวัดพระสิงห์ที่โล่งขาว ถนนตรงข้ามยังไม่มีตึกแถว และครึ้มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ตั้งแต่หน้าวัดไปถึง วัดศรีเกิด วัดทุงยู เชียงใหม่ บริเวณใกล้เคียงนั้นมีบ้านคหบดีหลังใหญ่ สกุล โทณะวนิชย์ตั้งอยู่ ล้อมด้วยรั้วไม้สีขาวโดยรอบ นั้น สงบงาม ด้วยรั้ววัด ชิดวัด 

มาต่อครับ


พิศดารนคร หรือ เมืองฮอด เป็น เมืองที่มีบรรยากาศคล้ายจังหวัดอยุธยา ตลอดเส้นทาง มีวัดวาอารามเก่าแก่มากมาย โดยเฉพาะภาพของซากเจดีย์เก่าแก่โบราณ ปรากฏอย่างดาษดื่น จนนึกว่ากำลังอยู่เมืองอยุธยา เพราะยังมีสายน้ำปิงไหลผ่านช่างไม่ผิดอะไรกับสายน้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านโบราณสถานวัดวาอาราม ในอยุธยา 


ฮอด เป็นเมืองที่พระนางจามเทวีประทับใจ ในความงดงามมาก โดยเฉพาะชายฝั่งน้ำปิง พระองค์ทรงปรึกษา พระพี่เลี้ยง เสนาอำมาตย์ คหบดี ภิกษุ ที่ตามเสด็จมา ควรจะหยุดพักสักระยะ เพื่อสร้าง เวียงเล็กขึ้นมาให้เป็นเมืองหน้าด่านตั้งชื่อว่า "พิศดารนคร" พระนางจามเทวีทรงบรรยายความงามของชายฝั่งน้ำปิงบางส่วนว่า.... 
“ปางแต่ก่อนเป็นหาดทรายสีขาวราวกับเทพนิมิต" 
















ร้าน เซ่งเฮง เชียงใหม่ อดีตร้านขายปลีก และ ส่ง ที่ใหญ่ที่สุดของเชียงใหม่ ในยุค พ.ศ. ๒๔๖๐--ภาพจาก คุณสดใส ตนักษรานนท์ 


อนุสาวรีย์ช้างเผือก ที่ถ่ายในปีพ.ศ. ๒๔๔๓-๒๔๔๖ อนุสาวรีย์ช้างเผือก ตั้งอยู่ที่ถนนช้างเผือก ใกล้กับสถานีขนส่งเชียงใหม่ ๑ อยู่ในเขตเทศบาลนครเชียงใหม่จากแผ่นจารึก ณ ประตูช้างเผือก อำเภอเมือง เชียงใหม่ จารึกข้อความว่า ในสมัยพญาแสนเมืองมา กษัตริย์ลำดับที่ ๙ ของล้านนาไทย ระหว่าง พ.ศ. ๑๙๓๑-๑๙๕๔ 


ถนนดิน เลียบ คูเมืองเชียงใหม่ ที่มีกำแพงเมืองทอดยาวไปตามคูเมือง.....ภาพเก่าแก่ภาพนี้ เมืองเชียงใหม่ ยังดูโล่งกว้าง สงบร่มรื่น ด้วย ต้นไม้ สมเป็น อดีตอุทยานนคร อันสวยงาม 


ภาพนี้บอกว่าถ่ายที่ถนนท่าแพ............แต่เมื่อซูมดูใกล้ๆ กลับเห็นกำแพงเมืองเก่าที่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้นรกครึ้ม ทั้งสองฝั่งไม่รู้ว่านี่เป็นกำแพงดินชั้นนอก แถววัดแสนฝาง หรือ กำแพงประตูท่าแพ แต่ดูแล้วเหมือนทะลายกำแพงออก เพื่อเปิดให้ถนนสัณจรกว้างขึ้น กำแพงก็ดูเหมือนไม่มีประตู


อุโบสถวัดแสนฝาง ในอดีต วัดแสนฝางแห่งนี้ ได้รับการสนับสนุน บูรณะจากเจ้าหลวงเชียงใหม่ เจ้านายฝ่ายเหนือ และ คหบดีผู้หนึ่ง ที่เป็นหลักในการบูรณะ อุปถัมภ์วัด ก็คือ รองอำมาตย์เอกหลวงโยนการพิจิตร(พระญาตะก่าปานใหญ่) ภรรยา คือ แม่บัวจิ๋น 
ในยุคนั้น ครูบาโสภาโณเถระ(โสภาเถิ้ม) ท่านผู้นี้เริ่มบูรณะปฏิสังขรณ์เสนาสนะใหม่ กล่าวคือ ได้ก่อสร้างเสริมพระเจดีย์เก่า เลียนแบบมาจากพระเจดีย์ชะเวดากอง ที่เมืองย่างกุ้ง โดยทำอย่างปราณีตสวยงาม นัยว่าเอาช่างมาจาก เมืองมัณฑะเลย์ ประเทศพม่า พระเจดีย์องค์นี้ มีสัดส่วนทรวดทรงสวยเด่นสง่า อีกทั้งครูบาโสภาเถิ้ม ได้สร้างอุโบสถ กุฏิเจ้าอาวาส ศาลาบำเพ็ญกุศลจำนวน ๔ หลัง รวมทั้งรูปพญานาค ๒ ตัวที่ข้างประตูวัด เมื่อเสร็จแล้วครูบาโสภาเถิ้ม และ หลวงโยนการพิจิตร พร้อมด้วยศรัทธาสาธุชนได้ทำการ ฉลองเสนาอาสนะ พอดีขณะนั้นเป็นเวลาที่ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ เสด็จสวรรคต ต่อมาอีกสามปี พระราชชายาเจ้าดารารัศมีได้กลับมาประทับที่เมืองเชียงใหม่ ได้ทำการถ่ายซื้อ เอาพระอุโบสถ จากหลวงโยนการพิจิตรเป็นมูลค่า ๑,๐๐๐ รูปี และได้ทำพิธีฉลองยกถวายพระอุโบสถอุทิศกุศลแด่ดวงวิญญาณ พระเจ้าอินทวิชยานนท์ และ เจ้าทิพเกษร พระราชบิดาและพระราชมารดา ของพระองค์ 


ใบไม้ผลิใบใหม่ข้างวิหาร วัดถวาย ให้อารมณ์สีสรรสวยงาม ราวกับพราง เราไว้ จากหมู่มวลนางฟ้า เทวดา ล่องลอยบนวิมานสรวงสวรรค์ 


วิหารไม้โบราณ เมืองสะเมิง เชียงใหม่ สะท้อนภาพประเพณีนิยมในการสร้างวิหารโถงในอดีต ด้วยไม้ไม่ใหญ่โตมาก จนข่มสภาพแวดล้อม ภายในไม่มีพระประธาน แต่มีปราสาท ขนาดเล็กประดิษฐานพระพุทธรูป...ปัจจุบัน.ผาติกรรมมาไว้ที่ เมืองโบราณ 

..

ชอบตรงที่มีภาพเก่ากับใหม่เทียบใ้ห้ดู 
แล้วซายูริเมื่อก่อนเ็ป็นอะไรอ่าน้อง

เยี่ยมคับ..รักเชียงใหม่ รักเมืองไทยขึ้น อีกเยอะ

เดี๋ยวนี้กลายเป็น ถนน มหาวิิทยาลัย หมดแล้ว

...

วัฒนธรรมความเป็นมาน่าสนใจครับ
ใฝ่ฝันอยู่ครับ ต้องไปสักหนครับ

ดูคลังดีครับ

อยากไปเท่ว  เหนือ  จัง

เห็นแล้วนึกถึงสมัยตอนเป็นเด็ก(บ้านนอก) รู้สึกโชคดีจังที่ยังได้มีโอกาสได้สัมผัสกลิ่นอัย บรรยา แบบนี้อยู่บ้าง แม้จะเลือนลางเต็มที  

ปัจจุบันเมืองนี้ช่างวุ่นวาย คงไม่ต่างจากเมืองใหญ่ ต่างๆในประเทศนี้ครับ