ตอบ
KhunNoom


เข้าร่วม: 29 มีนา 2015
ตอบ: 1

น้องใหม่
น้องใหม่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
อาทิตย์, 29 มีนา 2015 14:20 - ถามผู้รู้คับ อาการสตาร์ทไม่ติด
เข้าเรื่องเลยครับ
พอดีมาเที่ยว ตจว ก่อนหน้าที่จะมาก็ใช้งานได้ปกติครับ เพิ่งเปลี่ยนแบตเมื่อ กย 57 และเข้าเช็คระยะเมื่อ ธค 57
คือ เมื่อวานนี้ เกิดอาการ สตาร์ทไม่ติด แต่วิทยุติด แอร์ติดทำความเย็นได้ เนวิก็ติดปกติ หน้าปัดขึ้นรูปแบต
น้ำมันเครื่อง สีแดง รูปไดนาโมรึป่าวไม่แน่ใจสีเหลืองคับ มันมีเสียง แต๊กๆๆๆๆ นาน ประมาณ 5-10 วิ ได้
แต่เครื่องยนต์ไม่เดินคับ เรียกศูนย์ฉุกเฉินมาเช็คดูแบต จั๊มแล้วก็เหมือนเดิม ดูฟิวส์ สายไฟก็ปกติดี
เขาบอกว่า น่าจะเป็นตัวปั๊มฉีดน้ำมันมีปัญหาครับ
พอรุ่งเช้าวันนี้ไปสตาร์ทใหม่ ก็สตาร์ทติดปกติครับ ลองดับเครื่องทำใหม่ก็ใช้ได้ครับ สัก 4-5 ครั้งได้ ก็เลย
ตัดสินใจลองขับดู พอวิ่งได้สัก 10-20 กิโล เร่งเครื่องไม่ขึ้นครับ แต่แอร์วิทยุ เนวิก็ปกติอยู่ครับ

ผมเลยเปิดอากู๋ดู มีทั้งให้ดูแบต ไดชาร์ท ไดสตาร์ท ปั๊มติ๊ก ครับ แล้วมาเปรียบเทียบกับอาการ ก็คิดว่า
น่าจะไดสตาร์ทหรือปั๊มติ๊ก คิดเองครับ พอช่างมา เลยถามไป เขาบอกมาตามข้างบนครับ
คำถามครับ
1. อาการดังกล่าวน่าจะเกิดจากตัวไหนคับ
2. ถ้าปั๊มฉีดน้ำมันตันนี่ ซ่อมกันอย่างไรบ้างครับ หรือยกเครื่องใหม่
3. ราคาครับ
ตอนนี้รอเข้าศูนย์วันจันครับ แย่เลย
ขอบคุณครับ
tatam001


เข้าร่วม: 03 ตุลา 2011
ตอบ: 240

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 171
ให้คำขอบคุณ: 14
อาทิตย์, 29 มีนา 2015 21:10 - ถามผู้รู้คับ อาการสตาร์ทไม่ติด
จากที่เล่ามาผมสรุปได้ดังนี้นะครับ หากสตาร์ทแล้วดัง แต็กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ๆควรดูที่ไดสตาร์ท ครับ อาการไดสตาร์ท เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย(ใกล้กลับบ้านเก่าเต็มที) หากใช้รถมานานก็ควรถอดออกมาลองสักครั้ง
แต่หากสตาร์ทแล้ว ไดสตาร์ทหมุนแต่เครื่องไม่ติด ค่อยดูที่ปั้มติกครับ คือตอนที่หมุนกุญแจมาที่ On มีเสียงปั้มติกดูดน้ำมันหรือเปล่าครับ ลองฟังดู หากไม่ค่อยได้ยิน ปั้มติกคงเริ่มแล้วครับ(เหมือนผม เป็นบางจังหวะ หากหมุนกุญแจแล้วมันไม่ติด ผมจะหมุนมา Off ก่อนแล้วค่อย On ใหม่เพื่อให้ปั้มติกดูดน้ำมันตอนเริ่มใหม่)  
1. เป็นไปได้ทั้งสองตัว ไดสตาร์ท กับ ปั้มติก (มันเป็นทั้งสองอาการครับจากที่เล่ามา)
2.ซ่อมครับ คือเปลี่ยนปั้มติกทั้งตัว หรืออะไหล่ปั้มติกเช่น Regulater 
3.ใน web มีบอกอยู่ครับลองค้นดู
ลองดูครับ
ได้รับคำขอบคุณจาก: นนท์ หลานย่าโม 
srithanon


เข้าร่วม: 13 สิงหา 2009
ตอบ: 380

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 1324
ให้คำขอบคุณ: 4
อาทิตย์, 29 มีนา 2015 22:16 - ถามผู้รู้คับ อาการสตาร์ทไม่ติด
อาการที่บอกมาไม่น่าใช่ปัญหาเรื่องแบ็ตเตอรี่หรือระบบมอเตอรสตาร์ทและไดน์ชาร์จแต่อย่างใด การสตาร์ทเครื่องยนต์หากมอเอตร์สตาร์ททำงานและใช้ได้ปกติ จะได้ยินเสียงเครื่องยนต์ทำงาน ฟลายวีลหมุนแต่เครื่องไม่ติด หากเป้นแบบนี้ ทั้งแบ็ตและและมอเตอร์สตาร์ทใช้งานได้ปกติไม่เสีย หากบิดกุญแจสตาร์ทเครื่องแล้วได้ยินเสียงดังแต็กๆตามจังหวะบิดกุญแจ แสดงว่าตัวมอเตอร์สตาร์ทมีปัญหาสาเหตุมาจากสองกรณ๊ กรณีแรกคือแบ็ตเตอรี่ไปไม่พอ กรณีที่สองที่ตัวมอเตอร์สตาร์ทจะมีตัวแม็คเนติคสวิชท์ ตัวที่ทำหน้าที่ต่อสะพานไฟกระแสสูงให้ขดลวดฟีลคอยน์ของตัวมอเตอร์สตาร์ สร้างสนามแม่เหล็ก ที่ตัวแม็คเนติคสวิชท์นี้ อาจจะมีหน้าคอนแท็คหรือหน้าแผ่นทองแดงที่สัมผัสให้กระแสไฟสูงผ่าน เป็นตระกรันเกิดจากการอาร์คของกระแสไฟสูง ทำให้กระแสไฟผ่านได้น้อย ก็ทำให้มอเตอร์สตาร์ทไม่ทำงาน


เนื่องจากอาการที่กล่าวมานี้ ไม่ได้เกิดกับรถของเจ้าของกระทู้ เพราะว่าสตาร์ทเครื่องแล้วได้ยินฟลายวีลของเครื่องยนต์หมุน แต่เครื่องไม่ติด งั้นให้ตัดประเด็นเรื่องแบ็ตและมอเตอร์สตาร์ทออกไป ส่วนเรื่องไดน์ชาร์จไม่มีปัญหา ดังนั้นปัญหาที่เกิดขึ้นจึงต้องทำการตรวจสอบสัญญาณจุดระเบิด ที่ต้องเริ่มต้นตรวจสอบสัญญาณพัลส์ จากตัว TDC sensor หรือ แคร๊งชาร์ปเซ็นเซอร์ เพราะเป็นหัวใจในการที่จะทำให้เครื่องยนต์ติด เนื่องจากสัญญาณ TDC SENSOR นี้ เมื่อเวลาสตาร์ทเครื่องยนต์แลัวเพลาข้อเหวี่ยงเคลื่อนที่ ตัว TDC จะทำการส่งสัญญาณพัลส์มุมองศาการเคลื่อนที่ของลูกสูบ เพื่อให้ ECU สร้างสัญญาณจุดระเบิด IGT ส่งไปให้วงจรช่วยจุดระเบิดสร้างไฟโวลเต็จสูงไปจ่ายให้กับหัวเทียน

ดังนั้นต้องตรวจวัดสัญญาณพัลส์ จาก TDC SENSOR ว่ามันสร้างสัญญาณพัลส์ขึ้นมาให้หรือไม่ ในขณะที่ทำการสตร์ทเครื่องยนต์
หากไม่มีสัญญาณนี้ วงจรช่วยจุดระเบิดก็ไ่ทำงาน หรือ TDC ทำงานปกติส่งไปให้ ECU แล้วแต่ ECU ไม่สร้างสัญญาณพัลส์จุดระเบิดไปให้วงจรช่วยจุดระเบิดทำงาน ก็แสดงว่า ECU ในภาคสร้างสัญญาณพัลส์จุดระเบิด IGT เสีย หรือเป็นไปได้ว่า ทั้ง TDC SENSOR และ ECU ไม่เสีย แต่ที่วงจรช่วยจุดระเบิดเสียไม่สร้างไฟสูงให้กับหัวเทียน ซึ่งจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบในเบื้องแรกก่อนว่า ในขณะที่เครื่องยนต์ดับ ให้ทำการตรวจไฟสูงที่หัวเทียนก่อนว่า มีไฟสูงออกมาปกติหรือไม่ โดยการสตร์ทเครื่องยนต์ ช่างทั่วไปจะรู้วิธีเช็คไฟสูงจากหัวเทียน แต่นั้นมันล้าสมัยไปแล้ว ปัจจุบันนี้มีเครื่องมือตรวจสอบการทำงานของตัว Ignition coil ที่ใช้เครื่องมือวัดแบบ DIGITAL CLAMP METER สอดคร่อมสายหัวเทียน ก็อ่านโวลเต็จไฟสูงได้ ไม่ต้องเสียเวลามานั่งยืนถอดสายหัวเทียนออกมาสปาร์คกับกราวด์ตัวถังรถ ก็ทราบได้ว่ามีไฟสูงจ่ายออกมาหรือไม่

ตามที่กล่าวมาข้างบนนี้ จะต้องตรวจในขั้นแรกก่อนว่าในระหว่างที่เครื่องยนต์ดับกลางทางหรือสตาต์ทไม่ติดนั้น มันมีไฟสูงออกที่หัวเทียนหรือเปล่า หากไม่ีก็ให้ตรวจตามที่แนะนำมา แต่การตรวจสอบในการวัดสัญญาณพัลส์ที่เกิดจาก ตัว TDC SENSOR และสัญญาณ IGT ที่ ECU สร้างขึ้นมา จะต้องใช้ DIGITAL OSCILLOSCOPE มาทำการตรวจวัดสัญญาณ จะใช้าดูหูฟังคงไม่ได้ เพราะเครื่องมือที่ว่านี้ ทำให้เราเห็นรูปร่างสัญญาณพัลส์ ว่ามันมีหรือไม่มี หรือมีแล้วผิดปกติอย่างไรและเป็นที่ส่วนไหน อู่ทั่วๆไปไม่ค่อยมี แม้แต่ที่ศูนย์ของรถก็ไม่มี นอกจากเครื่องมือ SCAN tool OBD2 หรือเครื่องมือเฉพาะที่ทางบริษัทผู้ผลิตกำหนดให้ใช้กับรถที่ผลิตมา

เนื่องจากอาการที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้เจาะจงเสมอไปว่าเป็นตามที่ผมกล่าว บางครั้งพบว่าที่ตัว Ignition coil หรือคอยน์ไฟสูงมีปัญหา อันมาจากสาเหตุเกิดความร้อนสะสมในการใช้งานมานาน ทำให้ขดลวดที่ใช้พันบนแกนไออนคอร์ เพื่อการสเต็ปอัพให้ได้ไฟสูงไปจ่ายให้กับหัวเทียน เกิดเสื่อมสภาพทำให้เกิดการชอร์ทเทินระหว่างขดลวดที่พันซ้อนกันมาก ในขณะที่ตัวคอยน์ไฟสูงเกิดความร้อน เช่นการใช้งานรถหรือขับรถไปได้สักระยะหนึ่งเครื่องก็ดับ เพราะไม่มีไฟสูงจ่ายให้กับหัวเทียน ต้องรอให้ตัวคยน์มันเย็นลงึงจะสตาร์ทเครื่องยนต์ติด ซึ่งเป็นอาการเดียวกันกับตัว TDC SENSOR หรือแคร้งชาร์ปเซ็นเซอร์ คือเมื่อตัวมันร้อน มันก็จะไม่สร้างสัญญาณพัลส์ออกมา และต้องปล่อยให้ตัวมันเย็นลงปกติก่อนถึงจะสตาร์ทเครื่องยนต์ติด ซึ่งทั้งสองกรณีที่กล่าวมา จะทำให้เครื่องยนต์ดับระหว่างการใช้งาน ช่วงนี้จะสตาร์ทเครื่องยนต์ใดๆก็ไม่สามารถทำให้เครื่องยนต์ติดได้ ต้องปล่อยทิ้งไว้ให้มันเย็นลงปกติ หรือจอดรถทิ้งไว้ทั้งคืนแล้วมาสตาร์ทเครื่องยนต์ ก็ติดได้ตามปกติ

เนื่องจากอาการที่เป็นนี้อาจจะมีบางอย่างที่เป็นตัวทำให้เกิดอาการนี้ได้ เช่นรถที่ใช้กุญแจสตาร์ทเครื่องแบบ อีโมบิไลท์เซอร์ บางครั้งพบว่ามีปัญหากับระบบการถอดรหัสสัญญาณที่ตัวกล่องอีโม ก็ทำให้ไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ติดได้เช่นกัน ก็ต้องตรวจสอบตามขั้นตอน ในระบบการทำงานของเครื่องยนต์ สำหรับเรื่องปั้มติีกหรือปั้มน้ำมันที่กล่าวถึงนั้น ไม่น่าจะเกี่ยวข้อง แต่ก็มีส่วนร่วมในการเกิดปัญหาได้ เช่นในกรณ๊ที่มีกรองเบ็นซิลตีบตันทำให้น้ำมันไหลไม่ทัน แต่อาการตันของกรองน้ำมัน จะทำให้เครื่องยนต์สะดุดและเร่งไม่ขึ้น และที่มีส่วนสำคัญอีกประการหนึ่งที่นานๆจะตรวจพบ เป็นที่ตัวรีเรย์เปิดวงจร ที่อาศัยการทำงานของเครื่องยนต์ที่สตาร์ทติด แล้วมีสัญญาณไฟจากกล่อง ECU มาให้ตัวรีเรย์เปิดวงจรทำงานต่อเนื่องหลังจากที่สวิชท์กุญแจมาอยู่ที่ตำแหน่ง ON หลังจากสตาร์ทเครื่องยนต์ติด

และก็มีบ่อยครั้งที่ตัวรีเรย์หลักมีสภาพผิดปติด คือเมื่อเกิดความร้อนระหว่างการใช้งาน ทำให้ตัวมันไม่ต่อสะพานไฟไปจ่ายให้กับวงจรทั้งหมดของเครื่องยนต์ เครื่องยนต์ก็ดับหรือสตาร์ทไม่ติดได้เช่นกัน มีอะไรหลายอย่างในวงจรอีเลคทรอนิคส์ ที่ไม่เจาะจงว่าจะเเกิดอะไรที่ส่วนไหน อาการที่เคยตรวจพบแต่ต่อมาอาจจะไม่ใช่ เพราะในระบบแต่ละส่วนในการคอนโทรลเครื่องยนต์ด้วยระบบสมองกล ECU จะมีหลายภาคส่วนของวงจรทำงานร่วมกัน

ผมคงให้แนวทางในการแก้ปัญหาไว้ให้ช่างตรวจสอบก็แล้วกัน ทุกอย่างต้องตรวจสอบด้วยเครื่องมืออีเลคโทรนิคส์ ถึงจะตอบปัญหาได้ตรงประเด็น จะใช้คำว่า คิดว่า คาดว่า และน่าจะเป็น เป็นคำตอบคงไม่ไ้ด้ .....srithanon
นนท์ หลานย่าโม


ชื่อเล่น: นนท์

เข้าร่วม: 24 มีนา 2014
ตอบ: 25

น้องใหม่
น้องใหม่

ได้รับคำขอบคุณ: 16
ให้คำขอบคุณ: 99

ที่อยู่: 6/73 ม.4 หมู่บ้านนาทองเฮ้าส์2 ต.ดอนหัวฬ่อ อ. เมือง จ.ชลบุรี 20000
ปี: 2002
สี: เทา ซิลเวอร์สโตน (NH-630M)
จันทร์, 30 มีนา 2015 10:29 - ถามผู้รู้คับ อาการสตาร์ทไม่ติด
มารับความรู้ด้วยคน อิอิ
ได้รับคำขอบคุณจาก: jeang 
ตอบ
หน้า 1 จาก 1
ไปที่: 
ติดต่อโฆษณา admin@civicesgroup.com
Copyright © 2008-2024 Civic ES Group. All rights reserved.