สอบถามอาการเครื่อง d17a2 ถ้าสตาร์ทตอนเครื่องเย็น (หรือจอดซัก 3 ชม.ขึ้นไป) หรือตอนเช้า
จะมีอาการสตาร์ทยาวกว่าปกติ  เหมือนเครื่องเดินไม่ครบสูบ สั่นๆโยกๆ ยันท่อไอเสีย เสียงดังแถกๆๆ ผิดปกติ 
ต้องเหยียบคันเร่งไว้ประมาณ 2 นาที (ไม่งั้นรอบตกจนดับ) พอเครื่องร้อนรอบเดินเบาจะปรกติ
ขับก็ปกติไม่สะดุดหรือกระตุกให้เห็น (อาการนี้เป็นทั้งแก๊ส และน้ำมัน)
ถ้าเครื่องร้อนแล้วสตาร์ทง่าย ไม่มีอาการสั่น  ใครเคยเจออาการแบบนี้บ้างครับ แปลกมาก

ของที่เปลี่ยนไปแล้ว
1. TDC, ปัั้มน้ำ, วาวน้ำ (เปลี่ยนมา 3-4 เดือน)
2. หัวเทียน (ngk platinum วิ่งมาไม่ถึงหมื่นโล)
3. เรกกูเลเตอร์ (เปลี่ยนไม่ถึงเดือน) ตัวก่อนเปลียนมา 1 ปีแล้วก็เสีย มีคราบผลึกเกาะที่เรกกูเลเตอร์)
4. ปั้มติ้ก jazz (เปลี่ยนมา 8-9 เดือน)
5. สายพานไทม์มิ่ง (ไม่แน่ใจตรงมาร์กหรือป่าวเปลี่ยนมา 3-4 เดือน)
6. ล้างปีก ตั้งวาล์ว (ล้างครั้งสุดท้ายวิ่งไปซัก 8-9000 กิโลแล้ว)
7. มอเตอร์เดินเบา (เปลี่ยนของ F23a มีอาการรอบค้างๆแถว พันนิดๆ แล้วค่อยลองมา 800)
8. หัวฉีดน้ำมัน (เปลี่ยนมือ 2 มา ประมาณ 1 ป๊แล้ว)
9. แบตเตอรี่ ไม่ถึงปี  เช็คไฟก็แรงปกติ
10. เครื่องไม่เคยฮีท วิ่งมา 98,000 กม. กว่าๆ
11. sensor ความร้อนตรงวาล์น้ำ เพิ่งเปลี่ยนใหม่  4 เดือน
ขอบคุณครับ
edit: เพิ่มสีหัวเทียน

ลองตั้งวาล์วดูก่อนครับ

เดี๋ยวมีเวลาจะเข้ามาแนะนำให้ครับ บังเอิญกระทู้นี้ผมได้นั่งพิมพ์ตอบแนะนำการตรวจเช็คให้ มีรายละเอียดในขั้นตอน แต่น่าเสียดายที่ผมพลาดขณะที่กำลังจะทำการ Copy เอาไว้กันส่งข้อความมีปัญหาจะได้ copy กลัยมาตอบใหม่ แต่พลาดไปกดคีย์ผิด ข้อความทั้หมดหายไปทั้งหมดในช่องตอบกระทู้ เสียเวลาไปมาก แล้วผมจะเข้ามาตอบให้ใหม่ครับ....srithanon

ขอบคุณ ท่าน Dark กับพี่ srithanon ครับ จะรอฟังแนะนำการตรวจเช็ค ครับ

อาการที่บอกนั้นมันเป็นอาการของระบบน้ำมัน หัวฉีดน้ำมัน รวมไปถึงระบบไฟจุดระเบิดและระบบเซ็นเซอร์ อุณหภูมิน้ำ แต่อยากจะเน้นเรื่องระบบน้ำมันในการที่จิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้น

เนื่องจากผมไม่สามารถจะเห็นอาการที่เกิดขึ้นจริง ด้วยการตรวจสอบระบบไฟจุดระเบิดมาปกติหรือเปล่า หากสามารถตรวจสอบในขณะที่เครื่องยนต์ติดในครั้งแรกที่มีอากาศเย็นหรือเครื่องยนต์ยังเย็นอยู่ เพราะการที่จะตรวจสอบอาการนี้ให้บ่งชัดลงไป ก่อนออื่นจะต้องตรวจสอบสัญญาณการจุดระเบิดมันทำงานถูกต้องหรือไม่ หรือกล่าวง่ายๆก็คือมีไฟสูงจ่ายให้กับหัวเทียนแรงหรือไม่
แต่ก็พอจะมองผ่านขั้นตอนนี้ไปก่อนเดี๋ยค่ยกล่าวที่หลัง

จากการเปิดคลิปดูและฟังเสียงเครื่องยนต์ทำงาน ทำให้มองไปที่หัวฉีดน้ำมันรั่ว แต่ไม่มากต่อระยะเวลาที่เกิดขึ้น หมายความว่าหากจอดรทิ้งไว้นาน จนข้ามคืนถึงเช้า หรือสองสามชั่วโมงผ่านไป น้ำมันที่ค่อยๆรั่วที่หัวฉีด จะมีน้ำมันและไอน้ำมันที่ระเหยอยู่ในห้องไอดีและห้องสูบตลอดเวลา เมื่อมีการสตาร์ทเครื่องยนต์ในช่วงนั้น จะทำให้มีน้ำมันหนาในส่วนผสม เพราะเมื่อมีการสตาร์ทเครื่องยนต์ทุกครั้งที่สตาร์ท ECU จะสั่งให้หัฉีดจ่ายน้ำมันหนากว่าปกติ เมื่อมารวมกับน้ำมันไอน้ำมันที่ตกค้างในท่อไอดีก็จะยิ่งมากทีทำให้การจุดระเบิดเกิดยาก ประกอบกับน้ำมันในท่อรางหัวฉีดมีแรงดันต่ำลง เพราะน้ำมันรั่วจากหัวฉีด ทำให้น้ำมันในท่อรางหัวฉีดลดลงไป ยิ่งสร้างปัญหา เพราะน้ำมันที่ผ่านหัวฉีดไม่เป็นฝอยกระจาย เป็นลักษณะน้ำมันกระจายมีเนื้อน้ำมันหนา เท่ากับว่าเวลานั้นเปรียบเหมือนน้ำมันท่วม การจุดระเบิดก็จะไม่ค่อยติด เครื่องเดินเหมือนไม่ครบสูบ เหมือนเครื่องยนต์ระบบคาร์บิวตอนสตาร์ทน้ำมันท่วม ติดแบบไม่ครบสูบเครื่องสั่นสบัด ต้องเหยียบคันเร่งค้างไว้

การที่เหยียบคันเร่งค้างไว้ ไม่ได้หมายความว่าเร่งเครื่องอย่างเดียว แต่นั้นหมายถึงการที่เหยียบคันเร่งค้างไว้เท่ากับว่าทำให้ลิ้นปีกผีเสื้อเปิดให้อากาศจากหน้าลิ้นปีกผีเสื้อผ่านเข้าไปในท่อไอดีให้มากที่สุด เพื่อให้อากาศอ๊อกซิเจนเพิ่มในอัตราส่วนผสม มีอากาศเพิ่มให้มากผสมกับน้ำมันที่หนาในห้องไอดี ก็มีส่วนช่วยให้การจุดระเบิดเกิดง่ายขึ้นกว่าเดิม เป็นที่มาทำไมเราถึงเหยียบคันเร่งสุดเมื่อเกิดมีน้ำมันท่วมหรือหนาในการจุดระเบิด

จากคำบอกของท่านเจ้าของกระทู้ว่าหากเครื่องร้อนแล้ว อาการที่เกิดขึ้นก็จะกลับมาเป็นปกติ นั้นถูกต้อง เพราะว่าเมื่อมีการใช้รถต่อเนื่องหรือจอดรถในระยะเวลาไม่นาน เช่นจอดทานข้าวตามร้านอาหารครึ่งชั่วโมงบ้าง หรือไม่ถึงชั่วโมงบ้าง น้ำมันที่รั่วจากหัวฉีดยังไม่มาก และความร้อนของเครื่องยนต์ในตัวเครื่องยนต์ยังมีอุณหภูมิความร้อนสะสมอยู่ เมื่อน้ำมันหยดรั่วจากหัวฉีด มันก็จะระเหยกลายเป็นไอ เพราะความร้อนให้ตัวเครื่อง จึงไม่มีไอน้ำมันสะสมในห้องไอดี ดังนั้นเวลาเราสตาร์ทเครื่องยนต์ก็จะติดทันทีเป็นปกติ นีเคืออการของหัฉีดน้ำมันรั่ว ยิ่งท่านเจ้าของกระทู้บอกว่าเปลี่ยนหัวฉีดน้ำมันมือสองมาได้หนึ่งปี ทำให้มีสิทธิรั่วตามที่ผมกล่าวมา

แต่อาการนี้ก็ยังมีปัจจัยร่วมด้วยเหมือนกัน ให้ไปตรวจดูเซ็นเซอร์อุณหภูมิน้ำดูด้วย เพราะหากมันเสียนอกจากจะสตาร์ทเครื่องยนต์ติดยากแล้ว เมื่อเครื่องยนต์ติดรอบเดินเบาก็จะต่ำในตอนสตาร์ทเครื่องครั้งแรกเช่นกัน

จึงขอแนะนำในช่วงแรกแค่นี้ก่อน เพราะต้องรอให้คุณตรจสอบหัวฉีดน้ำมันก่อนวว่ามันรั่วจริงหรือไม่ เพราะมีตัวแปรที่ทำให้เกิดอาการนี้ได้เช่นกัน ก็ลองให้ช่างตรวจตามขั้นตอนต่อไปนี้ก่อนในช่วงนี
- ตรวจเช็คหัวฉีดน้ำมัน
- ในตอนที่จอดรถนานๆ ให้ลองวัดแรงดันน้ำมันในท่อรางหัวฉีดลดลงหรือไม่ หรือเอาใส้กรองอากาศออกแล้วให้ใครช่วยเหยียบคันเร่งสุดค้างไว้(ไม่ต้องสตาร์ทเครื่อง) แล้วดมกลิ่นที่ท่ออากาศ ว่ามีไอน้ำมันหลงเหลืออยู่หรือเปล่า ทำในตอนที่จอดรถไว้นานๆ หากมีก็แน่จ่าหัวฉีดรั่ว เช็คง่ายๆด้วยตนเอง
- ในระบบท่อส่งน้ำมันจากปั้มตี๊กมาที่กรองเบ็นซิลว่ามีการอุดตันของสิ่งสกปรกหรือเปล่า
- ในช่วงที่มีการสตาร์ทเครื่องครั้งแรกเมื่อเครื่องยนต์ยังเย็น เมื่อเครื่องยนต์ติดสักครึ่งนาที ให้ดับเครื่อง แล้วถอดหัวเทียนออกมาดูว่า ที่เขี้ยวหัวเทียนมีน้ำมันเปียกแฉะหรือไม่ หากมีน้ำมันเปียกแสดงว่าหัวฉีดรั่ว
- อย่าลืมตรวจไฟสูงที่หัวเทียน มีไฟสูงหรือไม่และแรงสปาร์คสูง(ถอดสายหัวเทียนออกมาอาร์คกับกราวด์ตัเครื่องยนต์)
- หากให้ดีให้ช่างตรวจดูองศาไฟจุดระเบิดด้วยว่าตรงกับมาร์คหรือเปล่า หรืออาจมีสายพานทามมิ่งข้ามร่องเกิดขึ้นก็ได้
ลองตามที่ผมแนะนำดูก่อน ทั้งทำด้วยตนเองและให้ช่างตรวจ ได้ผลอย่างไรช่ยบอกให้ทราบด้วย เพราะปัญหาที่เกิด บางครั้งก็มองข้ามในสิ่งที่คิดว่าไม่น่าจะใช้ บางครั้งมันก็ใช่โดยที่เรามองข้ามมันไป คือมีจุดที่ทำให้เกิดอาการนี้ได้เหมือนกัน แต่ขอให้ผ่านขั้นตอนนี้ก่อนครับ….srithanon

เยี่ยมเลยครับ

ขอบคุณ คุณ srithanon ที่ช่วยวิเคราะห์ และให้ความรู้ครับ ยังไงอาทิตย์นี้จะให้ช่างตรวจสอบ
ได้ผลการตรวจสอบยังไงจะมาแจ้งอีกครั้งครับ 

หัวเทียนเหมือนจะไม่ตรงรุ่ยนะครับ civic es น่าจะเบอร์ zfr 6u 11 นะครับลองเช็คดูครับ

oxygen sensor ลองตรวจเพิ่มด้วยครับ
เสนอเป็นแนวทางครับ

มาอัพเดท ไปอู่มาแล้วลองแก้ไปบางอย่างครับ (อาการยังไม่หาย)

- ช่างตรวจสอบสายพานไทม์มิ่ง มาร์คตรง ปกติ
- เช็ควาล์ว  วาล์วยังไม่ยัน ปกติ 
- ช่างให้ลองเอาสายแก๊ส จากหม้อต้มไปหัวฉีด ออก แล้วทิ้งรถไว้คืน 1  มีอาการสตาร์ทยากสั่น เหมือนไม่ครบสูบเหมือนเดิม
- เช็คน้ำมันที่สายก่อนเข้าหัวฉีด ก้อจ่ายปกติ ( ยังไม่ได้เช็คหัวฉีดให้)
- กรองเบ็นซิล เพิ่งเปลี่ยน
- ล้างปีกผีเสื้อ มอเตอรเดินเบา
- คอล์ย
- เปลี่ยน รีเลย์ปั้มติ๊ก ตัวสีฟ้า ใต้เก๊ะคนนั่ง
- ลองเปลี่ยน มอเตอร์คุมรอบเดิมเบาของเดิม
- ลองถอดปลั๊ก O2 , Etc sensor, Sensor ความร้อน  แล้ว สตาร์ท อาการก็เหมือนเดิม
- หลังจากทำดังกล่าวข้างบน แล้วลองจอดรถไว้ 2 ชม เปิดฝากระโปรงไว้  ช่างลองสตาร์ท ก้อเดินไม่ครบสูบ เร่งไม่ค่อยขึ้่น ต้องเหยียบคันเร่งไว้ 2 นาที ก้อเดินเรียบปกติ  ช่างก็งง บอกเหมือนอาการอ็อคเทนแก๊สซอลฮอลไม่ถึง สตาร์ทติดยาก แล้วเครื่องสั่นไม่ครบสูบ  ให้ไปลองเปลี่ยนน้ำมันเบนซิล 95 แทน แล้วบอกสงสัยจะเป็นที่ ECU  ถ้าเปลี่ยนน้ำมันแล้วไม่หาย

สิ่งที่ช่างยังไม่ได้ทำ
- ตรวจดูองศาไฟจุดระเบิด  (สงสัยไม่มีเครื่องมือวัดครับ)
- ไฟสูงที่หัวเทียน
- รางหัวฉีด (มีของเดิมยังไม่เสีย เด่วไม่หายจะลองเปลี่ยนอีกที)

  ตอนนี้เลยลองดึงปลั๊กไฟปั้มติ้ก  ออก แล้วรอดูว่าจะสตาร์ทติดยากหรือป่าว พรุ่งนี้ กะ รอเติมเบนซิน 95 ครับ ได้ผลยังไงจะมาแจ้งอีกที

หากได้ทดลองเปลี่ยนอุปกรณ์ ตามที่บอกมาแล้วอาการยังไม่ดีขึ้น ความจริงน่าจะตรวจดูในจังหวะสตาร์ทเครื่อง และเมื่อเครื่องยนต์ติด สักสิบห้าวินาที แล้วดับเครื่องถอดเอาหัวเทียนมาดูว่ามีน้ำมันเปียกแฉะที่หัวเทียนหรือเปล่า หากเปียกแฉะแสดงว่ามีน้ำมันมากในส่วนผสมมาก หรือในเครื่องยนต์ที่มีหัวฉีดสตาร์ทเย็นมันรั่ว แต่ก็มีเหตุที่ทำให้มีน้ำมันแฉะเปียกหัวเทียนได้ เช่นมาจากระบบไฟจุดระเบิด ไม่มีไฟสูงจ่ายพอกับการจุดระเบิด และหรือบางครั้งมุมองศาการจุดระเบิดที่ ECU จ่ายให้กับวงจรจุดระเบิด ผิดตำแหน่งไป ทั้งๆที่ได้รับสัญญาณการเคลื่อนที่ของเพลาข้อเหวี่ยงที่ถูกตำแหน่งแล้ว แต่ ECU จ่ายสัญญาณพัลส์ออกมาไม่ตรงกับจังหวะจุดระเบิด ทำให้มีการจุดระเบิดไม่ตรงกับจังหวะที่ลูกสูบเคลื่อนตัวก่อนถึงจุดศูนย์ตายบน ก็ทำให้การจุดระเบิดไม่สมบูรณ์ มีน้ำมันหลงเหลือในห้องสูบ เขี้ยวหัวเทียนเปียกแฉะ  จึงต้องทดลองและแยกประเด็นในการตรวจสอบ

การตจรวจสอบอาการที่เกิดขึ้นนี้ต้องตรวจสอบด้วยเครื่องมือ Digital Oscilloscope สามารถจะเห็นการทำงานของสัญญาณพัลส์การจุดระเบิดได้ว่า ทำงานถูกต้องตามตำแหน่งที่กำหนดหรือไม่ ที่สามารถบอกช่วงคาบเวลาที่เกิดขึ้น ของแต่ละสูบได้ว่ามีส่วนไหนทำงานไม่ถูก และสามารถบอกได้ว่าเสียที่ตัวกล่อง ECU ได้ด้วย

อยากให้ท่านเจ้าของกระทู้ลองให้ช่างทำตามนี้ก่อนนะครับ ดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เมื่อทำการสตาร์ทเครื่องยนต์ในตอนเช้าๆหรือจอดไว้นานๆ เมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ติด ได้สักสิบห้าวินาที ให้รับดับเครื่องยนต์ แล้วถอดหัวเทียนออกมาดู ว่าเปียกน้ำมันที่เขี้ยวหัวเทียนหรือเปล่า หากเปียกแฉะ ก็ให้วิเคราะห์ต่อไปว่า มีไฟสูงจ่ายให้กัวเทียนหรือเปล่า เพราะบางครั้งวงจรไฟจุดระเบิดมีปัญหา ในการใช้งาน เมื่ออุปกรณ์ภายในมีความผิดปกติ ต้องมีการกระตุ้นหรือทริคให้วงจรอีเลคโทรนิคส์บางตัวที่เสื่อมทำงาน จึงมีไฟสูงออก(กล่อง ECU เสีย)

หากสงสัยในกรณีนี้ ให้ลองเปลี่ยนกล่อง ECU หรือกล่องมือสองจากร้าน อรัญอีเลคโทรนิคส์ ที่ถนนสี่พระยา ซอยจินดาถวิล หรือโทรไปถามก่อนก็ได้ ว่ามีตรงรุ่นหรือเปล่า ขับรถไปและขอทดสอบเปลี่ยนกล่องกับเขาดูพูดคุยกันได้ หากเสียจริงค่อยซ่อม เจ้าของใจดี คงไม่คิดค่าเปลี่ยน เพราะที่นี้ผมเคยไปคุยเรื่องความรู้จากเขา ไม่ได้ให้ซ่อม เพราะซ่อมเองได้ และวิธีการซ่อมไม่ตรงกับวิธีการของผมแต่ที่นี้ยอมรับว่าเขามีสแปร์กล่องไว้มากมายหลายยี่ห้อ นำเข้าจากญี่ปุ่น มีฝีมือจากประสบการณ์เป็นสิบปี ศูนย์ซ่อมรถยี่ห้อต่างๆก็ส่งไปซ่อมที่ร้านนี้ ไม่ได้เชียร์ แต่เห็นว่าเป็นประโยชน์กับเจ้าของรถ ที่สงสัยว่ากล่อง ECU เสีย หาที่ลองเปลี่ยนและซ่อมไม่ได้ 

สำหรับเร่องการตรวจศอบไฟสูงที่จ่ายให้กับหัวเทียน เดี๋ยวนี้มีเครื่องมือตรวจสอบการทำงานของตัวIgnition coil  ว่ามีไฟสูงจ่ายออกมาหรือไม่ ่ามีปัญหาที่ส่วนไหน วัดได้ออกมาเป็นตัวเลข ว่ากี่หมื่นโวล  สามารถวับคาบเวลาการเกิดสัญญาณแต่ละครังที่เิกิดขึ้นได้ว่า มีช่วงเวลาเกิดขึ้นเท่าไหร ่ ตรงกับมุมองศาการจุดระเบิดหรือไม่  และวิธีการวัด ก็ไม่ได้ใช้สายวัด  จะมีตัว Link สนามแม่เหล็ก ที่เกิดขึ้นในสายและที่ตัว Ignition coil  เป็นเหมือนเครื่องมือวัด Scope meter ราคาเครื่อง 15000 บาท  เรียกว่า Multisystem Ignition analyser  สะดวกในการตรวจวัดไฟสูงขณะที่เครื่องยนต์ทำงาน  จะได้ทราบว่ามีไฟสูงหรือไม่ มีเท่าใด จากตัวคอยล์ ผ่านสายหัวเทียนเหลือไฟเท่าใดที่จ้่ายให้กับหัวเทียน  ทำให้สดวกกัยการตรวจสอบไฟสูงที่จ่ายให้กับหัวเทียน

ในวงจรอีเลคโทรนิคส์ บางครั้งการใช้งานในครังแรกมักจะมีปัญหา อันมาจากอุปกรณ์เสื่อม ต้องทำการทริคสัญญาณบางช่วงบางตอนก่อนถึงจะทำงาน ก็มีสิทธิเป็นไปได้ว่า สัญญาณไฟจุดระเบิดขาดๆหายๆในขณะที่รถจอดเป็นเวลานานๆ อู่ทั่วไปไม่สามารถวิเคราะห์ หากไม่มีความรู้ทางด้านอีเลคโทรนิคส์ ที่ต้องใช้เครื่องมือทางอีเลคโทรนิคส์เข้ามาวิเคราะห์ปัญหา ก็จะทำให้การตรจซ่อมตรงประเด็นและรวดเร็ว

กับการให้ช่างตรวจสอบอาการนี้โดยการวัดกำลังอัดของกรบอกสูบแต่ละสูบ หลังจากที่จอดระเป็นเวลานานหรือค้างคืน เพราะว่าอาจเป็นไปได้ว่า มีประเก็นเสื้อสูบอาจจะทะลุถึงกันระหว่างสูบที่อย่ติดกัน เมื่อสภาวะเครื่องยนต์เย็นทำให้รอยรั่วของประเก็นมีช่วงรั่วถึงกันได้ แต่เมื่อเครื่องยนต์ร้อนทำให้โลหะเกิดการขยายตัวอัดรอยรั่วได้ ในกรณีที่รั่วไม่มากเพียงเล็กน้อย แต่คำว่าเพียงเล็กน้อยแรงอัดและแรงดูดที่เกิดขึ้นห้องห้องสูบมีมาก ทำให้แรงอัดจากกระบอกหนึ่งดันอากาศที่มีส่วนผสมแล้วไหลไฟเข้าอีกสูบที่กำลังอยู่ในจังหวะดูด ก็เลยทำให้ การจุดระเบิดเกิดยาก การทำงานของเครื่องก็จะติดเป็นบางสูบที่ไม่รัว เครื่องจะสั่นทั้งหมด ต้องเหยียบคันเร่งไว้ คล้ายกับอาการของท่านเจ้าของกระทู้ในการสตาร์ทเครื่องยนต์ครั้งแรก ลองตรวจสอบดูตามที่กล่าวมา อาจจะพบว่ามีประเก็นฝาสูบรั่วได้ ลองวัดกำลังอัดของลูกสูบก่อนว่ามีสูบไหนต่ำมากและรั่ว

อยากให้ลองทดสอบตามที่ผมแนะนำมาดูอีกครั้ง เพราะหากกรณีนี้หากผมตรวจซ่อมก็จะใช้เครื่องมือทางด้านอีเลคโทรนิคส์เข้ามาวิเคราะห์ปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ต้องใช้วิธี คิดด่า คาดว่า และน่าจะเป็น เพราะจะทำให้หลงประเด็นแลเสัียเวลาในการศซ่อมครับ ....srithanon

update
รถสตาร์ทไม่ติด 2 วัน ตามช่างมาดู บอกสายพานไทม์มิ่งไม่ตรงมาร์ค (วันก่อนไปให้ช่างอู่ honda เช็คดูบอกว่าตรง)
ช่างที่มาดูบอกวาล์วอาจจะคด  บอกสายพานผิดไปรอบครึ่ง งงเลย บอกต้องขอไปถอดฝาดูก่อน
ก่อนสตาร์ทไม่ติดก้อวิ่งได้ปกติ  ถ้าฟลุ๊คสตาร์ทได้ติด รอเครื่องร้อนซัก 2-3  นาทีก้อวิ่งได้ปกติครับ
งานเข้าเลย 

ลองหาอีกอู่นึงมาตรวจอีกครั้งครับ เพื่อความชัวร์ 

อยากให้ใช้ความคิดสักนิด ในกรณีที่เครื่องมีปัญหาเรื่องสตาร์ทไม่ค่อยติดในช่วงเวลาเช้าๆหรือจอดรไว้นานๆ แต่หลังจากที่สตาร์ทเครื่องยนต์ติด แล้ววอร์มสักระยะหนึ่ง เครื่องยนต์ก็ทำงานตามปกติ คำว่าปกติในที่นี้ก็หมายถึง ทั้งรอบเดินเบาและอัตราเร่ง ตอบสนองได้ดี หากเป็นตามที่ช่างอู่แห่งใหม่บอกว่าสายพานทามมิ่งกระโดดข้ามร่อง มันจะค้านกัน เพราะการที่สายพานทามมิ่งข้ามร่องนั้น จะทำให้องศาการจุดระเบิดไม่ตรงกับต่ำแหน่งการขจดระเบิด ว่าจะให้ลูกสูบเคลื่อนที่เหลือกี่องศาก่อนถึงจุดศูนย์ตายบน เพื่อให้ได้อัตราส่วนของกำลังอัดในกระบอกสูบที่กำหนด หากไม่ตรงมุมองศาที่กำหนด จะทำให้การจุดระเบิดอาจช้าหรือเร็วไป ทำให้การจุดระเบิดไม่สมบูรณ์ เครื่องยนต์ไม่มีกำลัง เร่งไม่ขึ้น มีปัญหารอบเดินเบา และมีผลให้การสตาร์ทเครื่องยนต์ติดยาก นี้คือข้อปัญหาของสายพานทามมิ่งข้ามร่อง

จึงเห็นว่ามันขัดกับข้อเท็จจริงที่ท่านเจ้าของกระทู้บอกมา อย่างที่ผมได้ให้ข้อแนะนำคิดเห็นในการตรวจเช็คตามกระทู้ตอบข้างบนมาแล้ว
ยิ่งมากช่างมากอู่ก็ยิ่งพาเข้าดงเข้าป่า เสียเงินโดยใช่เหตุ อยากจะแนะนำว่าให้ทดลองเปลี่ยนกล่อง ECU ก่อน เพื่อตัดปัญหาสิ่งที่เกิดขึ้นกับระบบการคอนโทรลของเครื่องยนต์โดย ECU หากเปลี่ยนแล้วยังแก้ไม่ตก ค่อยตรวจสอบอาการที่เกี่ยวข้องต่อไป

แต่ผมเคยตรวจซ่อมอาการที่สตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ค่อยติดเช้าๆหรือเครื่องยนต์ยังเย็นอยู่กับอีกสาเหตุหนึ่ง ให้กับท่านเจ้าของรถรายหนึ่งที่มีปัญหาคล้ายกับท่านเจ้าของกระทู้ ได้เป็นข้อมูลในการเทียบเคียงสำหรับแก้ปัญหา พบว่าเป็นที่กล่อง ECU เสียในวงจรภาคขยายสัญญาณพัลส์ จุดระเบิด IGT จากการตรวจวิเคราะห์ด้วยเครื่องมืออีเลคโทรนิคส์ Digital oscilloscope พบว่า ในวงจรขยายสัญญาณพัลส์ จุดระเบิด ที่ ECU generate ส่งไปให้วงจรจุดระเบิด ทำงาน มีตัว capacitor filter เสื่อมสภาพ เกิดรั่วลีคเพราะเกิดค่าความต้านทานขึ้นภายในตัวของมัน ที่มีน้ำยาอีเลคโทรไลค์ เป็นองประกอบ เกิดค่าความตานทานขึ้นในตัวของมัน จะทำให้ไฟที่ใช้จ่ายให้กับวงจรขยายสัญญาณ ไหลผ่านค่าความต้านนี้ทานลงกราวด์ ไม่มีหรือมีไม่ถึงที่จะให้วงจรนั้นทำงาน ทำให้ไม่มีสัญญาณจุดระเบิดไปจ่ายให้กับหัวเทียน

อาการที่ตัว capacitor filter รั่วลีคนี้ หากยังเสื่อมเล็กน้อย มันก็พอที่จะมันจะทำงานได้บ้างเมื่อมีการกระตุ้นกระแสไฟที่จ่ายผ่านตัวมัน ปกติตัวมันจะทำหน้าที่คอยเสริมแรงเคลื่อนโวลเต็จที่มันรับชาร์จประจุไฟเข้าตัวมัน เพื่อเก็บพลังงานในรูปของกระแสไฟ และมันจะจ่ายหรือดิสชาร์จกระแสไฟที่อยู่ในตัวมัน ในจังหวะที่แรงเคลื่อนโวลเต็จที่ไหลผ่านตัวมันลดลงกว่าจุดระดับโวลเต็จที่รับชาร์จเข้ามาในครั้งแรก คือกล่าวง่ายๆว่า หากโวลเต็จต่ำกว่าที่มันรับชาร์จเอาไว้ จากกรณีที่มีการใช้กระแสไฟ จากแหล่งจ่ายหลักลดลง มันก็จะดิสชาร์จกระแสไฟโวลเต็จที่อยู่ใในตัวมันออกมาเสริม เพื่อรักษาระดับโวลเต็จให้คงที่ไว้

เนื่องจากบางครั้งที่ตัวคาปาซิเตอร์มันยังไม่ได้เสียอย่างถาวร คือยังพอทำงานได้หลังจากที่พยายามจ่ายไฟให้มันทำงาน(หรือการทริคกระแสไฟให้ผ่านตัวมันอย่างต่อเนื่องสักครู่) มันก็จะทำงานได้ เช่นจังหวะการสตาร์ทเครื่องยนต์ก็จะมีไฟจ่ายให้มันแม้จะมีกระแสบางส่วนไหลลงกราวด์ไปบ้าง เครื่องยนต์ก้ยังติด แต่ติดแบบขาดๆหายๆ เพราะสัญญาณจุดระเบิดก็ขาดๆหายๆ เนื่องจากวงจรขยายสัญญาณยังทำงานขยายสัญญาณได้ไม่เต็มที่ มีการขาดหายบางช่วงทำให้เครื่องยนต์สั่นสบัด เพราะเดินไม่เต็มสูบ เมื่อผ่านได้สักครู่ก็จะกลับเข้ามาเป็นปกติ เครื่องยนต์เดินเรียบ

แต่เมื่อใดที่เจ้าตัวคาร์ปาซิเตอร์นี้เริ่มเสียอย่างถาวร นั้นหมายความว่าสตาร์ทเครื่องยนต์ไม่ติด หรือขับรถไประหว่างทางก็จะดับ ต้องรอให้เครื่องยนต์เย็น ถึงจะสตาร์ทติด อาการคล้ายกับปัญหาเครื่องยนต์สตาร์ทไม่ติด เพราะตัว TDC sensor เสีย อาการที่ตัวคาร์ปาซิเตอร์เสียนี้ หากไม่มีเครื่องมือตรวจสอบการทำงานดังที่ผมใช้ บางครั้งพบว่า ใช้สายตาดูอุปกรณ์พวกตัวคาปาซิเตอร์ฟิลเตอร์ ค่าตั้งแต่ 4.7 - 10 MFD บนเมนบอร์ดของ ECU ก็จะพบ มีตระกรันขี้เกลือจากกรดอีเลคโทรไลท์สีเขียวอ่อน พอกจับตรงบริเวณขาเสียบกับแผ่นปริ้นซ์ ก็จะทราบได้ว่ามันเสียและมีความผิดปกติ เมื่อเปลี่ยนทุกอย่างก็ปกติ

ที่กล่าวยกกรณีนี้ขึ้นมาให้พิจารณาเพื่อให้เห็นว่า บางครั้งการที่จะตรวจวิเราะห์ปัญหา โดยที่ไม่มีเครื่องมือตรวสอบ ก็ต้องเครียร์ให้เห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับกล่อง ECU จะได้ไม่หลงประเด็นเสียทั้งเวลาและเสียเงินไปกับการแก้ปัญหาไม่ถูกจุด srithanon

ขอบคุณครับ ท่าน srithanon
ตอนนี้ตรวจสอบอู่นี้แล้วครับคนรู้จักที่เคยเข้าอู่นี้ เคยโดนแจ้งว่า ชอบหลอกลวงว่าอะไหล่โน่นนี่เสีย เพื่อฟันค่าอะไหล่ค่าทำ กำลังหาทางไปเอารถออกจากอู่ก่อนที่จะโดนยำอะไหล่ครับ เวงกรรมจริงๆ

คอยเปลี่ยนแล้ว ใช่ปะ หัวฉีด  เราว่า2อย่างนี้แหละ
 

มาอัพเดทต่อ

ว่าจะเอารถออกจากอู่วันอาทิตย์ แต่ไม่ทัน อู่แจ้งว่าซ่อมไปแล้ว (ไม่โทรมาแจ้งราคาก่อนซ่อม) โดนไป 7000 บาท บอกว่ามารคผิด วาล์วไอดีคด4 ตัว ทำบ่าวาล์ว ยางหมวกวาล์ว หัวเทียน รวมแล้ว 7000 บาท ก้อจ่ายไป
แต่ลองอยุ่ 2 วันก้อเหมือนจะหาย

พอเมื่อวานเย็นลองไปเติมน้ำมันเพิ่มเนื่องจากกะจะใช้ให้หมดถัง จะเติมเบนซิน 95 ดูเกจวัดน้ำมันไม่ขึ้น เลยลอง seft test เข็มหน้าปัดเรือนไมล์ เข็มก้อใช้ได้ตามปกติ เลยลองตรวจสอบลูกลอยตรงปั้มติ้ก ปรากฏว่าปลั้กสายไฟเสียบบนฝาถังน้ำมันไม่แน่น จากนั้นเข็มน้ำมันก้อขึ้นปกติ.

พอตอนเช้าลองสตาร์ท ปรากฏว่าอาการเดิมเริ่มมาหลังจากหายไปสองวัน คือเริ่มติดไม่เต็มสูบซัก 2-3 นาที แล้วก้อหาย เป็นหลังจากเติมน้ำมัน กับ เสียบสายตรงฝาปั้มติ้ก

ตอนนี้มีกล่อง ecu d17a mt ยุ่น อยู่ ไม่รู้ว่าเสียบเลยได้หรือป่าว
ท่านใดเคยลองเอากล่องญี่ปุ่นมาเสียบ ช่วยแนะนำหน่อยครับ