ตอบ
ขายรถฟรี ซื้อขายรถยนต์
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
อังคาร, 13 กันยา 2016 20:22 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
ระวัง! ขับรถป้ายแดงอาจโดนปรับ 1 หมื่นบาท

ช่วงนี้ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็มักจะเจอกับรถป้ายแดงอยู่เสมอ เพราะยังมีรถใหม่น่าซื้อให้ได้เป็นเจ้าของกันอย่างไม่ขาดสาย

แม้ว่าหลายคนจะภูมิใจกับการใช้รถป้ายแดง แต่รู้หรือไม่ว่า ตามกฎหมายแล้วการขับรถป้ายแดงมีข้อห้ามสารพัด ซึ่งหากคุณตำรวจบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง ก็อาจต้องเสียค่าปรับหลักหมื่นโดยไม่รู้ตัว คราวนี้ Sanook! Auto จะพาไปรู้จักการขับขี่รถป้ายแดงที่ถูกต้องตามกฎหมายกัน

1.ต้องลงคู่มือป้ายแดงเสมอ

รถป้ายแดงจะมาพร้อมกับสมุดคู่มือประจำรถ ซึ่งการขับรถทุกครั้งจะเป็นต้องลงรายละเอียดให้ครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นชื่อผู้ขับรถ, เวลาใช้รถ, จุดหมายปลายทาง ฯลฯ ซึ่งปกติแล้วตำรวจจะอนุโลมไม่ตรวจเช็คสมุดดังกล่าว แต่อย่าลืมว่าตามกฎหมายแล้วคุณต้องลงเล่มทะเบียนทุกครั้งที่ใช้งาน หากมิเช่นนั้นจะมีความผิดตามมาตรา 28 และ มาตรา 61 ถูกปรับเป็นเงินไม่เกิน 1,000 บาท หากคุณตำรวจเอาจริง

2.ใช้กลางคืนได้แต่ต้องได้รับอนุญาต

ปกติแล้วรถป้ายแดงจะไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้งานตอนกลางคืน เนื่องจากง่ายต่อการกระทำผิดและหลบหนี เนื่องจากแผ่นป้ายสีแดงจะมองเห็นได้ยากกว่าป้ายสีขาวทั่วไป แต่หากมีความจำเป็นจริงๆ ผู้ขับขี่จะต้องลงบันทึกการใช้รถ พร้อมทั้งต้องมีลายเซ็นจากนายทะเบียน จึงจะสามารถใช้งานในเวลากลางคืนได้ตามกฎหมาย

3.ห้ามวิ่งข้ามเขต

ตามกฎหมายแล้วรถป้ายแดงจะสามารถใช้งานได้เฉพาะจังหวัดที่ระบุไว้บนแผ่นป้ายเท่านั้น หากจำเป็นต้องใช้งานข้ามจังหวัด ผู้ขับขี่มีความจำเป็นต้องลงบันทึกการใช้รถ พร้อมทั้งได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนเสียก่อน หากเอกสารถูกต้องตามนี้ รับรองว่าตำรวจไม่มีทางเอาผิดได้แน่นอน

4.ใช้ป้ายแดงเกินไปอาจโดนปรับหนัก

ป้ายแดงสามารถใช้งานกับรถแต่ละคันได้เพียงระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น ซึ่งปกติเจ้าของรถจะได้รับป้ายขาวภายใน 30 วันหรือน้อยกว่านั้น แต่หากมีการใช้งานป้ายแดงนานเกินไป อาจทำให้เข้าข่ายหลีกเลี่ยงการจดทะเบียนรถ หรือใช้งานรถยนต์ที่ไม่ได้มีการขึ้นทะเบียน ซึ่งตามมาตรา 59 ระบุโทษปรับไว้สูงสุด 1 หมื่นบาทเลยทีเดียว

ปกติแล้วคุณตำรวจมักจะอนุโลมข้อหาที่เกี่ยวกับรถป้ายแดง เนื่องจากมีปริมาณรถบนท้องถนนมาก แต่หากปฏิบัติอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ก็จะช่วยให้ใช้งานได้อย่างมั่นใจมากขึ้นครับ
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
พฤหัส, 15 กันยา 2016 15:00 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
เทคนิคเปิดแอร์รถให้เหมาะสมช่วงหน้าฝน

ช่วงนี้บ้านเราเข้าสู่ฤดูฝนเต็มรูปแบบแล้ว บางพื้นที่ก็ฝนกระหน่ำจนเกิด 'น้ำรอการระบาย' เล่นเอาคนใช้รถเก๋งเล็กเครียดกันไปตามๆกัน ซึ่งช่วงหน้าฝนต่อหน้าหนาวแบบนี้ จะทำให้เกิดความชื้นสะสมในระบบปรับอากาศได้ง่ายมาก

วันนี้จึงมาแนะนำเทคนิคการใช้แอร์รถยนต์ช่วงหน้าฝน เพื่อยืดอายุการใช้งาน ป้องกันไม่ให้ตู้แอร์อับชื้นจนเป็นสาเหตุของเชื้อราได้

1.ปรับอุณหภูมิแอร์ให้เหมาะสม

สภาพอากาศในหน้าฝนจะเย็นลงจากช่วงหน้าร้อนอยู่แล้ว ดังนั้นจึงควรปรับเพิ่มอุณหภูมิของแอร์ให้สูงกว่าปกติเล็กน้อย เพื่อไม่ให้แอร์สร้างความเย็นสะสมมากจนเกินไป อีกทั้งยังเป็นการช่วยเพิ่มการประหยัดน้ำมันขึ้นด้วย หากรู้สึกร้อน อาจใช้วิธีเพิ่มแรงลมแอร์ก่อน ถ้าไม่เย็นจริงๆ ค่อยปรับอุณหภูมิให้เย็นลงแทน

2.ปิด A/C ก่อนดับเครื่องยนต์

ระบบแอร์ช่วงหน้าฝนจะมีการสะสมความเย็นไว้มากกว่าปกติ ดังนั้น เพื่อป้องกันความชื้นไม่ให้สะสมอยู่ในตู้แอร์ จึงควรปิดสวิตช์ A/C ก่อนดับเครื่องยนต์ราว 1-2 นาที เพื่อไล่ความเย็นออกไปก่อน ซึ่งวิธีนี้จะช่วยลดความอับชื้น แถมยังลดการเกิดเชื้อราในช่องแอร์ได้
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
อังคาร, 20 กันยา 2016 20:10 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
3.ลุยน้ำท่วมสูงให้ปิดแอร์

หากเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องลุยน้ำท่วม ให้ใช้ความเร็วต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อลดโอกาสที่น้ำจะถูกดูดเข้าเครื่องยนต์จนทำให้เครื่องยนต์พังได้ แต่หากระดับน้ำมีความสูงแตะใต้ท้องรถแล้วล่ะก็ ให้รีบปิดแอร์ทันที เพราะพัดลมแอร์อาจหมุนกระทบน้ำอย่างแรง จนทำให้ใบพัดหักได้ หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ประสิทธิภาพในการระบายความร้อนก็จะลดลง จนอาจนำไปสู่การโอเวอร์ฮีตได้

4.เปิดรถผึ่งแดดบ้าง

หากรู้สึกว่าแอร์รถมีกลิ่นอับ ให้ลองนำรถไปจอดไว้กลางแดด แล้วเกิดประตูออกทุกบานให้แสงแดดส่องถึง เพื่อไล่ความชื้นให้หมดไป แถมยังสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้ด้วย ทางที่ดีควรทำสัปดาห์ละ 1 ครั้ง โดยเฉพาะช่วงหน้าฝนแบบนี้

เพียงเท่านี้ก็จะช่วยยืดอายุการใช้งานแอร์ให้ยาวนานขึ้น ปลอดภัยจากเชื้อแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของกลิ่นอับ แถมยังไม่เสียเงินสักบาทอีกด้วยครับ
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
ศุกร์, 23 กันยา 2016 19:58 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
ยกสูง-โหลดเตี้ย แบบไหนไม่ให้ถูกจับ
ขั้นตอนการตกแต่งรถ ไม่มีอะไรมากำหนดตายตัว จะเริ่มแต่งจากตรงไหนก่อนก็ได้ เพียงแต่บางอย่างอาจต้องไล่สเต็ปขึ้นไป เพื่อเวลาใช้งานจริง จะได้ไม่ต้องมาแก้ไขทีหลัง ซึ่งส่วนมากหลังจากเปลี่ยนล้อแม็กซ์ คนส่วนใหญ่จึงค่อยนำไป โหลดเตี้ย หรือ ยกสูง กันตามใจชอบ เพราะหากข้ามขั้นตอนนี้ไป แล้วเปลี่ยนแม็กซ์ทีหลัง ทรงรถ หรือระดับความสูง-เตี้ย อาจได้ไม่ตรงตามต้องการ แต่ก็อย่างที่บอก จะแต่งแบบไหนก่อนก็ได้ ไม่มีถูกผิด
แต่การยกสูง-โหลดเตี้ย ก็ควรทำแต่พอประมาณ จะได้ไม่ลำบากกับตนเอง เนื่องจากบางคนเล่นโหลดซะเตี้ยติดดิน ซึ่งมันก็ดูสวยจริงๆ นั่นแหละ แต่ก็ต้องแลกกับเวลาเดินทางไปไหนมาไหน เจอเนิน เจอลูกระนาด หรือเจอทางขึ้น-ลงลาดชัน ฯลฯ ต้องระวังให้ดี ไม่งั้นชุดแต่ง หรือสเกิร์ตแตกหักพังหมดแน่ ส่วนรถที่ยกสูงมากๆ อันนี้ออกจะอันตรายเวลาขับรถเร็วๆ มากกว่า เพราะเวลาเลี้ยวรถอาจจะเกิดอาการโยนตัว รถไม่ค่อยเกาะถนน รวมไปถึงทัศนะวิสัยด้านล่างที่มองเห็นไม่ค่อยชัดเจน ต้องระวังให้ดี
และนอกจากเหตุผลเหล่านี้แล้ว การโหลดเตี้ย-ยกสูง ก็มีกฎหมายเข้ามาควบคุมด้วยเหมือนกัน เพื่อป้องกันให้กับผู้ร่วมทางคนอื่นๆ ที่อาจเกิดอุบัติเหตุ จากการตกแต่งรถที่เกินพอดีของคุณ ซึ่งหากว่ากันตามกฎหมายแล้ว คุณสามารถโหลดต่ำแค่ไหนก็ได้ แต่ต้องยึดหลักการวัดระยะกึ่งกลางไฟหน้ากับระดับพื้นถนน โดยจุดกึ่งกลางไฟหน้าต้องไม่ต่ำกว่า 40 เซนติเมตร หากต่ำกว่าถือว่าผิด โดนจับปรับแน่นอน นอกจากนี้หากไฟหน้าสูงกว่า 40 เซนติเมตร แต่รถของคุณใส่ชุดแต่ง ใส่สปอยเลอร์จนเตี้ยแทบจะติดพื้น เกณฑ์การตัดสินจะใช้กฎการพิจารณาจากเจ้าหน้าที่ ทั้งคุณตำรวจ ช่างตรวจสภาพรถจากกรมการขนส่ง และสถานที่ตรวจสภาพรถ ตรอ. ว่ามันเสี่ยงสร้างความเดือดร้อนให้แก่ตนเอง และผู้อื่นหรือไม่ รวมไปถึงการเกิดอุบัติเหตุ หากเจ้าหน้าที่พิจารณาแล้วว่าเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ ก็ถือว่าผิดได้เช่นกัน โดนปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
จันทร์, 10 ตุลา 2016 18:23 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
ส่วนการยกสูง ก็เหมือนกับการโหลดเตี้ย จะยกสูงขนาดไหนก็ตามใจได้เลย แต่ต้องวัดจากระดับกึ่งกลางไฟหน้ารถกับพื้นถนน ต้องสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร หากเกินก็ถือว่าผิด โดนปรับอ่วมแน่นอน และหากไฟหน้าสูงไม่เกิน 135 เซนติเมตร แต่ตัวรถกลับโด่งผิดปกติ มีการดัดแปลงสภาพช่วงล่าง ต้องมีหนังสือรับรองจากวิศวกร รวมไปถึงต้องแจ้งต่อกรมการขนส่งทางบก เพื่อระบุเข้าไปในเอกสาร ซึ่งหากทำผิดข้อใดข้อหนึ่งไป คุณจะโดนปรับไม่เกิน 2,000 บาท (ม.14,ม.60)

บางทีบางครั้งการที่เราจะทำอะไรก็ต้องเห็นใจคนอื่นบ้าง หากทุกคนทำตามใจตัวเองกันหมด โลกนี้คงมีแต่ปัญหาแน่นอน ซึ่งการแต่งรถ ยกสูง-โหลดเตี้ย แม้จะเป็นสิทธิ์ของเรา แต่ถ้ามันสร้างความเดือนร้อนให้คนอื่น เราก็ไม่ควรทำ ใจเขาใจเรา เพราะการตกแต่งแบบนี้ หากรถที่ยกสูงมากๆ เวลาขับกลางคืน ไฟหน้าก็อาจไปแยงตารถคันอื่น ทำให้ขับลำบาก อาจเกิดอุบัติเหตุได้ ทั้งรถสวนทาง และรถที่ขับนำหน้าเรา ฯลฯ ส่วนรถโหลดเตี้ย จะไปไหนมาไหนก็ลำบาก เวลาเจอเนิน ลูกระนาด ต้องเอียงซ้ายเอียงขวากว่าจะพ้น หรือถ้าไม่พ้นสเกิร์ตเกิดติด ครูด หรือหลุดออกมากองบนถนน เสียเวลารถคันหลังที่ต้องรอเราเก็บซากอีก ฯลฯ

แต่ถ้าอยากแต่งแนวนี้ ลงทุนซักหน่อยละกัน ด้วยการติดไฮโดรลิก หรือจะใช้เป็นระบบถุงลมก็ได้ จะได้หมดปัญหากับเรื่องพวกนี้ แต่ก็ต้องแจ้งต่อกรมขนส่งให้เรียบร้อย มีใบวิศวกรรองรับ จะได้ถูกกฎหมาย ไม่ต้องนั่งปวดหัว หรือกังวลอีกต่อไป

http://auto.sanook.com/54909/
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
อังคาร, 18 ตุลา 2016 18:21 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
ประโยชน์จากฟิล์มรถยนต์ เรื่องที่หลายคนมองข้าม

นยุคนี้เมื่ออกรถใหม่ รายการของแถมที่ทางเซลส์นั้นจัดมาให้เชื่อว่าต้องมีติดฟิล์มรอบคันอยู่ในรายการแน่นอน ขึ้นชื่อว่าของแถมแน่นอนว่าคุณภาพย่อมไม่ได้เป็นอย่างที่หวังซักเท่าไหร่ ผู้ซื้อรถหลายท่านจึงเลือกที่จะมาติดฟิล์มรถเองเพราะได้คุณภาพที่สูงกว่า แถมมีประโยชน์เยอะมากกว่าที่หลายคนนึก

          กันความร้อน

          แน่นอนเลยนี่คงเป็นประโยชน์หลักเพราะอากาศในประเทศไทยนั้นบอกได้คำเดียวว่า "ร้อนตับแตก" การติดฟิล์มจึงช่วยลดอุณหภูมิภายในรถ ช่วยกรองรังสี UV ได้อย่างมาก

   ความสวยงาม

          นี่คงเป็นอีกประเด็นที่หลายท่านเลือกติดฟิล์มเอง เพราะสามารถเลือกได้ตามแบบต้องการไม่ว่าต้องการความเข้ม หรือต้องการฟิล์มปรอทที่เงาวับ ให้รถคุณดูดีขึ้นได้อีกเยอะตามใจในแบบที่ชอบ

          รักษาอุปกรณ์ภายในรถ

          เนื่องจากอุปกรณ์ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็น คอนโซลรถ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือกระทั่งเบาะ ก็มีขีดความสามารถในการทนความร้อน และหากติดฟิล์มที่ดีมีคุณภาพจะสามารถยืดอายุอุปกรณ์เหล่านี้ให้ดูสวยงาม ไม่กรอบ-ไม่พัง ไปได้อีกนาน

ความปลอดภัย

          การที่เรานำฟิล์มไปติดที่กระจกก็เหมือนมีแผ่นเหนียว ๆ ไปติดที่กระจก เมื่อเกิดอุบัติเหตุเศษกระจกที่แตกจะติดอยู่กับฟิล์ม ไม่กระเด็นใส่ผู้ที่อยู่ในรถทำให้ได้รับบาดเจ็บน้อยลง

   เพิ่มทัศนวิสัยในการขับ

          ในวันที่แดดจัดการขับรถทำให้ปวดตาและวิสัยทัศน์อาจจะพร่ามัว หรือกรณีที่ต้องขับรถตอนกลางคืนในต่างจังหวัด โดยเฉพาะถนนที่ไม่มีเกาะกลางสำหรับรถสวน มักจะเจอปัญหารถที่สวนมาเปิดไฟสูงใส่ ฟิลม์ที่ดีสามารถตัดแสงรบกวนได้และทำให้การขับขี่ไม่มีปัญหา

  ประหยัดน้ำมัน

          คงสงสัยกันใช่ไหมครับว่ามันเกี่ยวข้องกันยังไง ในเวลาที่คุณขับรถกลางแจ้งหรือในวันที่แดดจัด อุณหภูมิภายในรถจะสูงขึ้น ทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์ต้องทำงานหนักเพื่อสู้กับอากาศร้อน จนไปดึงพลังงานเครื่องยนต์มาใช้และทำอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเพิ่มขี้น

          เห็นประโยชน์ขนาดนี้แล้วเมื่อต้องติดฟิล์มรถยนต์ก็ควรเลือกที่มีคุณภาพสักหน่อย รับรองว่าคุ้มค่าทุกบาททุกสตางค์ที่ต้องจ่าย แต่ก็อย่าลืมเลือกให้เหมาะสมกับงบประมาณที่มีด้วยนะครับ
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
พุธ, 26 ตุลา 2016 18:04 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
แนะรัฐหนุนผู้เล่นหน้าใหม่เข้าสู่รถยนต์ไฟฟ้า

นักวิชาการแนะรัฐหนุนให้เกิดผู้เล่นรายใหม่ในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าดีกว่าเป็นผู้เล่นในตลาดเอง

นายวิพุธ อ่องสกุล คณบดีคณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหาร ศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยว่า จากการสนับสนุนด้านนโยบายให้เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าเกิดขึ้นในประเทศไทยของรัฐบาล ในฐานะนักวิชาการมองว่ารัฐบาลควรสนับสนุนให้เกิดผู้เล่นรายใหม่ที่เข้าสู่ตลาดมากกว่าการที่รัฐบาลลงสู่ตลาดในฐานะผู้เล่นเอง ซึ่งควรจะมีการแข่งขันอย่างเป็นธรรม โดยปัจจุบันนโยบายรัฐยังไม่เอื้อประโยชน์ให้ผู้เล่นรายใหม่เข้าสู่ตลาดได้ จึงเห็นแต่ผู้เล่นรายเก่าเป็นส่วนมาก

นอกจากนี้ หากต้องการให้เกิดการข้ามผ่าน (ทรานส์เฟอร์) ของเทคโนโลยีจะต้องไม่นำกฎเกณฑ์ของเทคโนโลยีเดิมมากำหนดเทคโนโลยีใหม่ทั้งสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีและสิทธิประโยชน์ด้านการลงทุน เพราะการสนับสนุนให้เกิดการทรานส์เฟอร์เทคโนโลยีได้จะต้องจูงใจนักลงทุนที่ต้องการมาตรฐานความเป็นสากลในทุกด้าน เช่น การกำหนดมาตรฐานหัวปลั๊กชาร์จไฟฟ้าของรถยนต์

“โจทย์สำคัญด้านการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยีคือ การที่ผู้ผลิตปรับเทคโนโลยีให้ตรงกับพฤติกรรมผู้บริโภค ซึ่งจะเป็นที่มาของตลาดที่มีการขยายตัวและส่งผลต่อการที่บริษัทต่างๆ เล็งเห็นตามมา”นายวิพุธ กล่าว

สำหรับกรณีที่รัฐบาลได้ประกาศแผนประเทศไทย 4.0 (ไทยแลนด์ 4.0) ขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยนวัตกรรม โดยต้องการเน้นส่งเสริมใน 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์รถยนต์ ได้แก่ รถยนต์นั่งไฟฟ้า รถยนต์นั่งไฟฟ้าขนาดเล็กและรถโดยสารไฟฟ้า และสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเริ่มดำเนินการนั้น คาดว่ารถยนต์ไฟฟ้าจะสามารถสร้างมูลค่าการส่งออกได้มากกว่า 80% ของปริมาณการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต

ขณะเดียวกัน จะสร้างการจ้างงานเพิ่มขึ้น 20% และในด้านอื่นๆ อีกมาก จึงอยากเสนอให้รัฐบาลและบริษัทผู้ผลิตรถยนต์สร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดขึ้นในประเทศไทยด้วยการเปิดกว้างต่อนโยบายด้านยานยนต์ไฟฟ้าให้มากยิ่งขึ้น ซึ่งคาดว่าจะทำให้สร้างเม็ดเงินเข้าประเทศได้อีกไม่น้อยกว่า 5 หมื่นล้านบาทในอนาคต

นายวิพุธ กล่าวว่า การเข้าสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 (Industries 4.0) จะกลายเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่นานาประเทศต้องตื่นตัวเช่นเดียวกันประเทศไทย โดยคณะบริหารธุรกิจ ร่วมกับสมาคมศิษย์เก่าคณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ จะมีการจัดสัมมนาวิชาการ NIDA Business School Alumni Seminar 2016 หัวข้อ “Biz Talk สร้างโอกาสและขับเคลื่อนธุรกิจสู่ Thailand 4.0” ในวันที่ 27 ต.ค. 2559.... อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/auto/news/461659
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
ศุกร์, 4 พฤศจิกา 2016 16:30 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
5 เทคนิคเด็ดขับ 'เกียร์ออโต้' ในเมืองให้ประหยัด

รถยนต์สมัยใหม่ถูกติดตั้งเทคโนโลยีมากมายเพื่อให้ประหยัดน้ำมันขึ้นกว่าแต่ก่อน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ที่มีความจุลดลงแล้วพ่วงเทอร์โบเข้าไป หรือระบบควบคุมลิ้นปีกผีเสื้อที่ช่วยให้ขับรถได้อย่างนุ่มนวลมากขึ้น แต่หากผู้ขับขี่ยังคงใจร้อน ขับรถเร็ว ก็ยากที่รถของคุณจะประหยัดน้ำมันได้

      จึงขอแนะนำ 5 เทคนิคพิชิตจราจรในเมืองให้ประหยัดน้ำมัน.. ทำอย่างไร?

 

1.ติดไฟแดงปลดเกียร์ N

     จริงอยู่ที่การสลับเกียร์ระหว่าง D และ N บ่อยๆ จะทำให้เกียร์เกิดความสึกหรอมากขึ้น แต่ให้ลองประเมินดูว่าถ้าต้องหยุดรถนานกว่า 1 นาทีขึ้นไป ก็สลับมาเกียร์ N ได้ ซึ่งจะช่วยประหยัดน้ำมันลงได้ราว 20-30 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว

2.มี Start/Stop ใช้ให้คุ้ม

     รถคันไหนที่ติดตั้งระบบ Start/Stop ที่ช่วยดับเครื่องยนต์ให้อัตโนมัติขณะเหยียบเบรกค้างไว้ ถ้าสภาพการจราจรเอื้ออำนวยพอก็เปิดใช้งานไปเถอะครับ ช่วยประหยัดน้ำมันขึ้นแน่นอน แต่หากจังหวะที่ต้องเคลื่อนที่สลับหยุดนิ่งบ่อยๆ หรือกำลังหาที่จอดรถ การปิดระบบไว้ก็จะช่วยยืดอายุไดสตาร์ทได้เหมือนกัน

3.ปล่อยไหลเข้าไฟแดง

     คนส่วนใหญ่จะใช้วิธีเลี้ยงความเร็วมาเรื่อยๆ แล้วกดเบรกเพื่อให้รถหยุดต่อท้ายคันหน้าพอดี คราวนี้ลองเปลี่ยนมาใช้วิธีปล่อยคันเร่งเพื่อให้รถไหลเข้าไฟแดงดูบ้าง ก็จะช่วยให้ประหยัดน้ำมันเพิ่มขึ้นเช่นกัน เพราะอย่างไรก็ต้องไปจอดติดไฟแดงกับเขาอยู่แล้ว หากปล่อยคันเร่งเพื่อตัดการจ่ายน้ำมันให้เร็วขึ้น ก็จะช่วยประหยัดน้ำมันขึ้นได้

4.ออกตัวให้ช้าลง

     หากถนนเส้นไหนที่รถวิ่งไม่เร็วนัก ให้ลองออกตัวช้าๆดูบ้าง โดยประคองไม่ให้รอบเครื่องยนต์เกิน 2,500 รอบต่อนาที ก็จะช่วยลดการจ่ายน้ำมันได้ เพราะจังหวะออกตัวจากจุดหยุดนิ่งเป็นช่วงที่รถกินน้ำมันมากที่สุด

5.รักษาความเร็วให้คงที่

     หากสามารถใช้ความเร็วได้ ควรเลี้ยงความเร็วให้อยู่ในระดับที่พอดีเสมอ ไม่เร่งหรือชะลอโดยไม่จำเป็น ก็จะช่วยลดการบริโภคน้ำมันลงได้เช่นกัน

     ลองมาเริ่มต้นเปลี่ยนพฤติกรรมการขับขี่เสียแต่วันนี้ ฝึกให้กลายเป็นนิสัย รับรองว่าจ่ายค่าน้ำมันถูกลงกว่าเดิมแน่นอนครับ
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
อังคาร, 8 พฤศจิกา 2016 19:58 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
อุตสาหกรรมรถยนต์เริ่มฟื้นตัว

ส.อ.ท.ชี้อุตสาหกรรมรถยนต์เดือน ก.ย.ฟื้นตัว รอลุ้นยอดขายแตะ 7.8 แสนคัน ด้านส่งออกเพิ่มขึ้นในรอบ 12 เดือน

นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดการผลิตรถยนต์ในเดือน ก.ย. 2559 มีจำนวนทั้งสิ้น 1.73 แสนคัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.92% โดยเป็นการผลิตรถยนต์นั่งเพิ่มขึ้น 48.24% ที่จำนวน 3.16 หมื่นคัน ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ 2.13 หมื่นคัน และเป็นการผลิตรถกระบะเพิ่มขึ้น 11.88% โดยมียอดการผลิตที่ 2.84 หมื่นคัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่แล้วที่ผลิต 2.54 หมื่นคัน เพื่อจำหน่ายในประเทศเป็นหลัก ส่งผลให้ยอดผลิตรถยนต์ช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) มีทั้งสิ้น 1.47 แสนคัน เพิ่มขึ้น 3.14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มียอดการผลิต 1.43 แสนคัน

ทั้งนี้ สอดคล้องกับยอดขายรถยนต์ในประเทศเดือน ก.ย. 2559 มีจำนวน 6.35 หมื่นคัน เพิ่มขึ้น 2.7% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการขายรถยนต์นั่งเพิ่มขึ้น ในกลุ่มรถยนต์นั่งขนาดเล็ก และรถกระบะ เป็นผลจากราคาสินค้าเกษตรที่สูงขึ้นทำให้ประชาชนมีรายได้ และการแนะนำรถยนต์นั่งรุ่นใหม่ ก่อนหน้านี้

สำหรับยอดผลิตรถยนต์ล่าสุดเดือน ก.ย.ที่เพิ่มขึ้น ถือเป็นสัญญาณที่ดี และหากยอดผลิตคงอัตราการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเช่นนี้ไปจนถึงสิ้นปี จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งการลงทุนและการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐ ทำให้มีความเป็นไปได้ที่ยอดขายรถยนต์ในประเทศปีนี้ทั้งปีมีโอกาสที่อาจจะทำได้ถึง 7.8 แสนคัน มากกว่าเป้าหมายเดิมที่คาดการณ์ไว้ 7.5 แสนคัน

ขณะที่ยอดการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปในเดือน ก.ย. 2559 ส่งออกได้ 1.12 แสนคัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 9.91% โดยคิดเป็นมูลค่าส่งออก5.87 หมื่นล้านบาท ลดลงจากเดือน ก.ย. 2558 ที่มีมูลค่า 5.35 หมื่นล้านบาท หรือลดลง 8.95%

ด้านการส่งออกที่ลดลงเป็นผลจากเศรษฐกิจประเทศคู่ค้าชะลอตัวลง เช่น ตลาดตะวันออกกลาง แอฟริกา อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ ส่งผลให้การส่งออกรถกระบะดับเบิ้ลแค็บที่มีมูลค่าสูงกว่ารถอีโคคาร์ลดลง สอดคล้องกับการปรับประมาณการเศรษฐกิจโลกที่เติบโตลดลงจากการประมาณการตอนต้นปีของหลายองค์กรระหว่างประเทศ

อย่างไรก็ตาม การส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปช่วง 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.) มีจำนวน 9 แสนคัน ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 0.51% มีมูลค่าส่งออก 4.8 แสนล้านบาทซึ่งปีนี้ประเมินว่าภาวะเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวส่งผลให้มียอดคำสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศเพิ่มขึ้น รวมถึงการส่งออกรถยนต์ที่เชื่อว่าจะส่งออกได้ตามที่คาดการณ์ไว้ 1.22-1.25 ล้านคัน ส่วนยอดขายรถยนต์ทั้งปีจะอยู่ที่ 1.97-2 ล้านคัน

http://www.posttoday.com/auto/news/461121
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
พุธ, 16 พฤศจิกา 2016 19:46 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
เผยยอดรถในไทยปี59พุ่งทะลุ37ล้านคัน
กรมการขนส่งทางบกเผยยอดรถในไทยพุ่ง 37 ล้านคัน โดยเฉพาะปี 2559 มีผู้จดทะเบียนทั่วประเทศ 2,456,686 คัน
เมื่อวันที่ 14 พ.ย. นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2559 มีผู้นำรถใหม่ (ป้ายแดง) เข้าจดทะเบียนทั่วประเทศ 2,456,686 คัน เฉลี่ยเดือนละกว่า 240,000 คัน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน 100,949 คัน โดยรถจักรยานยนต์มากสุด
อยู่ที่ 1,620,901 คัน เพิ่มขึ้น 84,281 คัน รองลงมาคือ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน อยู่ที่ 490,124 คัน เพิ่มขึ้น 35,854 คัน และรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รถปิกอัพ) อยู่ที่ 212,281 คัน ลดลง 3,631 คัน
อย่างไรก็ตาม จากตัวเลขดังกล่าวส่งผลให้จำนวนรถจดทะเบียนสะสมทั่วประเทศ มียอดรถรวมทั้งสิ้น 37,268,655 คัน ประกอบด้วยรถจักรยานยนต์ 20,289,721 คัน รถยนต์ 8,146,250 คัน รถปิกอัพ 6,259,806 คัน รถบรรทุก 1,049,749 คัน และรถโดยสาร 156,089 คัน
http://www.posttoday.com/auto/news/465208
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
พฤหัส, 24 พฤศจิกา 2016 18:24 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
กรมการขนส่งทางบก แนะนำ!!! การซื้อขายรถควรดำเนินการโอนทางทะเบียน พร้อมนำรถเข้าตรวจสอบความถูกต้องด้วยตนเอง ณ สำนักงานขนส่งที่จดทะเบียน ย้ำ!!! อย่าซื้อขายโดยวิธีการโอนลอย เสี่ยงอาจเป็นรถที่ได้มาด้วยวิธีไม่ถูกต้องตามกฎหมายแล้วนำมาสวมซากสวมทะเบียนหลอกลวงประชาชน
.
นายณันทพงศ์ เชิดชู รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ปัญหาการหลอกลวงประชาชนขายรถสวมซากสวมทะเบียน มักเกิดขึ้นกับการซื้อขายรถด้วยวิธีการโอนลอยที่ผู้ซื้อไม่นำรถไปดำเนินการตรวจสภาพรถและจดทะเบียนด้วยตนเองตามขั้นตอนของกรมการขนส่งทางบก ซึ่งทำให้เกิดช่องว่างให้กลุ่มมิจฉาชีพนำรถโจรกรรมมาหลอกขาย โดยอาจเกิดขึ้นได้ในลักษณะต่างๆ เช่น รถได้มาอย่างผิดกฎหมาย ตอกเลขตัวถัง เครื่องยนต์ใหม่ และทำคู่มือเอกสารการโอนปลอม หรือซื้อซากรถที่ใช้งานไม่ได้แล้วแต่ยังมีทะเบียนถูกต้อง เพื่อนำรถรุ่นเดียวกัน สีเดียวกัน มาสวมทะเบียนแทน โดยทำการเปลี่ยนแปลงขึ้นใหม่ทั้งเลขตัวถังและเลขคัสซีให้ตรงกับเอกสาร ส่วนอีกวิธีคือสวมทะเบียนเฉพาะป้าย โดยจะปลอมป้ายทะเบียน เครื่องหมายเสียการเสียภาษี รวมทั้งปลอมคู่มือประจำรถ ซึ่งการกระทำดังกล่าวมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา ฐานปลอมแปลงหรือใช้เอกสารราชการปลอม ซึ่งมีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 5 ปี ปรับสูงสุด 10,000 บาท และกรมการขนส่งทางบกจะเพิกถอนการจดทะเบียนรถทันที นอกจากนี้ ยังอาจมีความผิดตามมาตรา 11 ประกอบมาตรา 60 แห่งพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ.2522 ที่กำหนดให้รถทุกคันต้องมีและติดแผ่นป้ายทะเบียนและเครื่องหมายการเสียภาษีที่ทางราชการออกให้เท่านั้น ฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 2,000 บาท 
.
รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเบื้องต้นเพื่อป้องกันการถูกหลอกลวงนำรถผิดกฎหมายมาโอนขาย กรมการขนส่งทางบกแนะนำให้ผู้ซื้อตรวจสอบแหล่งที่มาของรถก่อนตัดสินใจ ตรวจสอบเลขตัวถังและเลขเครื่องยนต์ตรงกับเอกสารหรือไม่ รวมทั้งป้ายวงกลมและป้ายทะเบียนติดหน้าหลังรถตรงกันหรือไม่ ตรวจสอบสมุดคู่มือจดทะเบียนรถ ตรวจสอบลำดับครอบครองต้องไล่เรียงกัน หากมีการแจ้งหายทำเล่มใหม่ มีประวัติแจ้งย้ายหลายจังหวัด ให้เพิ่มความระมัดระวัง ทั้งนี้ การซื้อรถควรซื้อต่อจากคนรู้จักที่ไว้วางใจได้ หรือถ้าเป็นเต้นท์รถมือสอง ควรตรวจสอบหลักฐานทะเบียนรถจากเจ้าของรถหรือผู้ขายมาขอตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้นกับสำนักงานขนส่งจังหวัดหรือสำนักงานขนส่งสาขา และเพื่อเพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้นสามารถนำรถเข้ามาตรวจสอบความถูกต้อง ณ สำนักงานขนส่งจังหวัดหรือสำนักงานขนส่งสาขาที่รถนั้นจดทะเบียน โดยกรมการขนส่งทางบกได้กำชับเจ้าหน้าที่ให้เข้มงวดกวดขันการตรวจสภาพรถตามรายการที่กำหนดทุกคัน เพื่อป้องกันไม่ให้รถผิดกฎหมายดำเนินการทางทะเบียนได้โดยเด็ดขาด ซึ่งเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจพบจะมีการระงับการดำเนินการทางทะเบียนที่ไม่ถูกต้องทันที และหากประชาชนพบเห็นรถต้องสงสัยสามารถแจ้งข้อมูลมายังกรมการขนส่งทางบก หรือแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อตรวจสอบและคุ้มครองสิทธิตามกฎหมาย และป้องกันการตกเป็นเหยื่อของกลุ่มมิจฉาชีพได้อย่างทันท่วงที รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก กล่าวในที่สุด 
----------------------------------

https://m.facebook.com/PR.DLT.NEWS/photos/a.1563735837182911.1073741827.1563537483869413/1824951791061313/?type=3
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
พุธ, 30 พฤศจิกา 2016 12:47 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
ส่งออกรถต.ค.ร่วง7.23%
ยอดส่งออกรถยนต์ ต.ค.ทำได้แค่ 1.03 แสนคัน ลดลง 7.23% ทำ 10 เดือน ส่งออกได้แค่ 1 ล้านคัน ลดลง 1.25%
นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ยอดส่งออกรถยนต์ในเดือน ต.ค. 2559 อยู่ที่ 1.03 แสนคัน ลดลง 7.23% เทีบบกับ ต.ค. 2558 มีมูลค่าส่งออก 5.39 หมื่นล้านบาท ลดลง 10.11% สาเหตุมาจากการส่งออกใน ตลาดสำคัญปรับตัวลดลง เช่น ตลาดตะวันออกกลาง แอฟริกา อเมริกากลาง และอเมริกาใต้
ทั้งนี้ ส่งผลให้ยอดส่งออกรวม 10 เดือน ปี 2559 อยู่ที่ 1 ล้านคัน ลดลง 1.25% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา
"การส่งออกรถยนต์ลดลงเป็นผล จากเศรษฐกิจคู่ค้าหลักที่นำเข้ารถจาก ไทยชะลอตัว โดยตลาดตะวันออกกลางและอเมริกาใต้มีสัดส่วนการส่งออกลดลงมาอยู่ที่ 2.2% จากเดิมที่เคยขึ้นไปถึง 5% ประกอบกับประเทศเหล่านี้เริ่มมี การลงทุนผลิตรถยนต์ในแอฟริกาเพื่อ ส่งออก ขณะที่ตลาดส่งออกอื่นๆเช่น เอเชียและออสเตรเลีย ก็มีปัญหาปรับตัวลดลงตามภาวะเศรษฐกิจเช่นกัน" นาย สุรพงษ์ กล่าว
ขณะที่ยอดผลิตรถยนต์ของไทย ในเดือน ต.ค. 2559 มีทั้งสิ้น 1.61 แสนคัน ลดลง 2.59% เทียบ ต.ค. 2558 ส่งผลให้ยอดผลิตรถยนต์รวม 10 เดือนปีนี้ มีทั้งสิ้น 1.63 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 2.55% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ส่วนยอดจำหน่ายในประเทศ ต.ค.อยู่ที่ 6.51 หมื่นคัน เพิ่มขึ้น 13.52% ส่งผลให้ยอดผลิตจำหน่ายในประเทศ 10 เดือน อยู่ที่ 6.40 แสนคัน เพิ่มขึ้น 10.9%
http://www.posttoday.com/auto/news/466960
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
อังคาร, 6 ธันวา 2016 14:36 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
ซื้อรถยุคเศรษฐกิจซึมเศร้า ตรวจสุขภาพการเงินก่อนตัดสินใจ
ช่วงนี้หลายคนอาจจะวางแผนซื้อรถเอาไว้ แต่ยังไม่กล้าตัดสินใจซื้อ เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย เงินในกระเป๋าที่รับมาทุกๆ เดือน ก็ไม่รู้จะหดจะหายไปเมื่อไหร่ ส่วนเงินที่จะได้เพิ่มชั่วโมงนี้บอกได้คำเดียวเลยว่า ‘ยาก’ ภาวะความไม่เชื่อมั่นจึงเกิดตามมา แต่เอาล่ะ... ในเมื่อสถานการณ์
เป็นเช่นนี้แล้วยังคิดจะซื้อรถ ลองมาดูกันก่อนว่า มีข้อควรต้องพิจารณาอะไรกันบ้างที่จะมาประกอบการตัดสินใจว่าจะเข้าเกียร์เดินหน้า หรือใส่เกียร์ถอยไปตั้งหลักกันใหม่กันดี
ข้อแรก มองไปที่สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในระยะใกล้ๆ และใน 1 ปีข้างหน้า ต้องบอกเลยว่า เศรษฐกิจยังไม่มีทีท่าจะฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว แม้รัฐบาลจะพยายามผลักดันโครงการลงทุนต่างๆ เพื่อช่วยผลักดันเศรษฐกิจ แต่ก็อาจจะทำได้แค่รักษาอาการไม่ให้มันทรุดลงไปเท่านั้น เพราะรายได้หลักของประเทศที่มาจากการทำมาค้าขายกับต่างประเทศ นั่นก็คือการส่งออกอาการยังร่อแร่
ขณะที่การลงทุนของเอกชนก็ยังไม่เดินหน้า การใช้จ่ายภาคประชาชนก็น้อยนิดเต็มที่ จะหวังพึ่งภาคการท่องเที่ยวในเวลานี้อาจจะยังไม่เหมาะ ก็ได้แต่หวังกันว่า การลงทุนของภาครัฐที่มีแผนกันเป็นหลักแสนๆ ล้านบาท จะสัมฤทธิ์ผล ซึ่งนั่นอาจจะทำให้ความเชื่อมั่นในด้านอื่นๆ ตามมา ยิ่งปีหน้าตามแผนจะมีการเลือกตั้งอาจจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้การทำมาค้าขายกับประเทศประชาธิปไตยน่าจะดีขึ้น ไม่ถูกบีบจนหน้าเขียวเหมือนที่ผ่านมา
รวมๆ แล้วในปีหน้าเรื่องเศรษฐกิจยังต้องลุ้นว่าจะไปต่อได้มากน้อยแค่ไหน ไอ้ที่ว่าจะฟื้นตัวปุ๊บปั๊บเงินทองไหลมาเทมานั้นเลิกคิดไปได้ ดีที่สุดคือ โตช้าๆ อย่างเยือกเย็น ได้เท่านั้นก็ถือว่าบุญแล้วล่ะ คราวนี้มาดูที่ใกล้ตัวขึ้นมาหน่อยนั่นก็คือ สถานะการเงินของเราภายใต้สถานการณ์เศรษฐกิจเช่นนี้จะยังไหวมั้ย
พวกที่ทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน ลองอัพเดตสถานการณ์ของบริษัทดูสักหน่อย การทำมาค้าขายประกอบธุรกิจยังดีอยู่หรือไม่ แผนการปรับเงินเดือน จ่ายโบนัส ยังวางอยู่บนโต๊ะเจ้านายหรือถูกโยนลงถังขยะไปแล้ว ไปสืบมาดีๆ ซึ่งจริงๆ ก็ดูง่ายๆ จากผลการดำเนินการของบริษัท ถ้ามันไม่ดี เจ้านายที่ไหนจะใจดีให้ขึ้นเงินเดือนให้เยอะๆ หรือสั่งจ่ายโบนัสหนักๆ ก็คงเป็นไปไม่ได้
ส่วนพวกอาชีพอิสระทำมาค้าขายอาจจะง่ายหน่อย เพราะเป็นเจ้านายตัวเองจับเงินอยู่ทุกวันย่อมรู้อยู่แก่ใจว่า จะไปรอดมั้ยส่วนใหญ่คนกลุ่มนี้ ถ้าไม่ใช่พวกมั่นสุดๆ หรือพวกเพ้อไปวันๆเขาค่อนข้างจะเจียมตัวระมัดระวังการจับจ่ายกันอยู่แล้ว บางทีแผนการซื้อรถใหม่ของพวกเขาอาจจะถูกฉีกทิ้งไปตั้งแต่สองสามปีที่แล้วก็เป็นได้ หากไม่จำเป็นจริงๆ ก็คงไม่ดีกว่า

การตรวจสอบสถานการณ์การเงินทั้งภาคเศรษฐกิจโดยรวมและเศรษฐกิจส่วนบุคคล ย่อมทำให้เราตัดสินใจได้ว่า ควรหรือไม่ควรซื้อรถในเวลานี้ แต่ถ้าจำเป็นจะต้องซื้อควรจะซื้อแบบไหน เพื่อให้ปลอดภัยกับสถานะการเงินของตัวเองมากที่สุด ถึงตรงนี้ ก็พอจะตั้งคำถามกับตัวเองได้แล้วว่า การจะซื้อรถในตอนนี้จำเป็นหรือไม่จำเป็น ยกเว้นพวกที่มีฐานะดีอยู่แล้ว ก็ไม่จำเป็นที่ต้องคิดอะไรมาก จัดไปตามใจปรารถนาก็แล้วกัน.
หากมองว่า ยังมีเวลาที่จะดูหน้าดูหลังอีกสักนิดก็ให้ใส่เกียร์ถอยกลับไปตั้งหลักใหม่ ลองเอาสตางค์ที่จะผ่อนไปใส่กระปุกดู เก็บออมเพิ่มอีกนิดก็ไม่เห็นเสียหายอะไร เก็บไปเก็บมาเผลอๆอาจจะซื้อเงินสดได้เลยก็เป็นไปได้นะ ซึ่งการทดลองเก็บเงินตามจำนวนงวดที่จะต้องผ่อนจะทำให้เรารู้ตัวเองว่า ภาระที่เพิ่มขึ้นในแต่ละเดือนเรารับกับมันได้หรือไม่ นอกจากนี้ การทดลองผ่อน (โดยการเก็บใส่กระปุก) ไปสักระยะ ก็จะทำให้เราได้เงินดาวน์รถที่เพิ่มขึ้นด้วย
http://www.posttoday.com/auto/news/468166
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
อาทิตย์, 18 ธันวา 2016 12:19 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
ครม. มีมติยกเว้นค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์กทม.-บ้านฉาง และบางปะอิน-บางพลี ตั้งแต่ 29 ธ.ค.59 ถึง 4 ม.ค.60

วันนี้ (13 ธ.ค. 59) รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)มีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 และทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 ภายในระยะเวลาที่กำหนด พ.ศ. .... (ยกเว้นค่าธรรมเนียมในช่วงเทศกาลปีใหม่ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 29 ธ.ค. 2559 ถึงเวลา 24.00 น. ของวันที่ 4 ม.ค. 2560

โดยกำหนดให้ยกเว้นค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 (สายกรุงเทพมหานคร-บ้านฉาง รวมทางแยกไปบรรจบทางหลวงหมายเลข 34 (บางวัว) ทางแยกเข้าชลบุรี ทางแยกเข้าท่าเรือแหลมฉบัง และทางแยกเข้าพัทยา ตอนกรุงเทพมหานคร-เมืองพัทยา รวมทางแยกไปบรรจบทางหลวงหมายเลข 34 (บางวัว) ทางแยกเข้าท่าเรือแหลมฉบัง และทางแยกเข้าพัทยา) และบนทางหลวงพิเศษหมายเลข 9 (สายถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร ตอนบางปะอิน-บางพลี) ตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 19 (พ.ศ. 2540) ออกตามความใน พ.ร.บ.กำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงและสะพาน พ.ศ.2497 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยกฎกระทรวง ฉบับที่ 21 (พ.ศ. 2555) ออกตามความใน พ.ร.บ.กำหนดค่าธรรมเนียมการใช้ยานยนต์บนทางหลวงและสะพาน พ.ศ.2497

http://www.tnnthailand.com/news_detail.php?id=122388&t=news
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
อาทิตย์, 22 มกรา 2017 16:30 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
รถเสียระหว่างทาง ทำยังไงดี?

 คงไม่มีใคร อยากให้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับตัวเองเมื่อต้องขับรถเดินทางไกล เพราะนอกจากจะเสียอารมณ์ในเรื่องของรถที่พัง และการเดินทางที่ไม่ราบรื่นแล้ว การเสียเงินซ่อม รวมไปถึงการเสียเวลารอรถซ่อมเสร็จ ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเท่าใดนัก

   ซึ่งเหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดขึ้นเพราะคุณไม่ค่อยตรวจเช็ก หรือดูแลรถยนต์ให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ แต่บางครั้งมันก็อาจเกิดขึ้นได้แบบปัจจุบันทันด่วน แม้คุณจะดูแลรักษาดีแล้วก็ตาม และถึง แม้เหตุการณ์บางอย่างอาจจะเกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว แต่ถ้าหากเราเตรียมพร้อมรับมืออยู่เสมอ ก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเท่าไหร่ และหากมีความรู้ในเรื่องของรถยนต์บ้าง(เล็กน้อยก็ยังดี) ก็อาจทำให้รอดพ้น สถานการณ์นั้นๆ ไปได้ แล้วจึงค่อยไปขอความช่วยเหลือ หรือนำรถไปเข้าอู่เพื่อตรวจเช็ก และซ่อมแซมให้กลับมาใช้งานได้ดังเดิม

   เอาเป็นว่ามาดูวิธีการรับมือเบื้องต้น เมื่อรถเสียกลางทางกันดีกว่า ว่ามีอะไรต้องเตรียมกันบ้าง

   1. สติ เป็นสิ่งที่ควรมีที่สุดยามที่เกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น เพราะหากขับขี่อยู่แล้วคุมสติไม่ได้ อาจเกิดอุบัติเหตุทันที หรือถ้าหากรถจอดเสียกลางทางแล้วมัวแต่สติแตก บางทีเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจมองข้าม ทำให้แก้ปัญหาไม่ได้นั่นเอง

   2. ยางอะไหล่ รถทุกคันต้องมีมาให้อยู่แล้ว แต่ก็มีบางคนที่ถอดออกเพราะรู้สึกเกะกะ หนักรถ หรือขวางทางถังแก๊ส จึงเอาออก ซึ่งจริงๆ แล้วไม่สมควรเอาออกอย่างยิ่ง ถึงแม้จะไม่ได้เดินทางไกลก็ตาม เพราะหากรถเกิดยางแตก ยางแบน ฯลฯ ระหว่างทางขึ้นมา มียางอะไหล่ไว้เปลี่ยน ก็ดีกว่าต้องจอดรอความช่วยเหลือ หรือบดยางเส้นนั้นไปจนถึงอู่ เผลอๆ บดมากๆ จนปะไม่ได้ ก็ต้องเสียเงินเปลี่ยนใหม่ทั้งเส้น

   3. เครื่องมือประจำรถ ส่วนมากจะมาพร้อมกับยางอะไหล่ โดยจะมี แม่แรง ตัวขันแม่แรง ตัวขันน็อตล้อรถ ฯลฯ ซึ่งอุปกรณ์ในส่วนนี้ นอกจากจะนำมาใช้เปลี่ยนล้อได้แล้ว มันยังสามารถใช้ยกใต้ท้องรถ เพื่อตรวจดูตรวจสอบอาการผิดปกติ ที่อาจเกิดขึ้นด้วยสาเหตุอื่นได้อีกด้วย

   4. อุปกรณ์ช่วยเหลืออื่นๆ เช่น ไฟฉาย สายพ่วงแบตเตอรี่ ป้ายไฟสัญญาณเตือน ตัวตัดเข็มขัด และที่ทุบกระจก ฯลฯ แม้จะดูว่าเยอะ แต่มีไว้ใช้ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี

   5. น้ำเปล่าขวดใหญ่ ดูแล้วเหมือนจะไม่สำคัญ แต่ถ้าหากรถเกิดความร้อนขึ้น (โอเวอร์ฮีท) คุณก็สามารถนำมันมาเติมแก้ขัด เพื่อขับรถไปเข้าอู่ที่ใกล้ที่สุดได้ แต่ควรจำไว้ด้วยว่า อย่าเปิดฝาหม้อน้ำในขณะที่มันยังร้อนอยู่ เพราะน้ำที่เหลืออยู่ภายในอาจพุ่งออกมาโดนร่างกายของคุณ ทำให้บาดเจ็บได้ ควรรออย่างน้อย 15 นาที แล้วจึงค่อยเปิดฝาหม้อน้ำออก



   6. อุปกรณ์ช่าง เช่น ไขควงปากแบน-แฉก คีม ประแจเบอร์ต่างๆ สายรัดเคเบิ้ลไทร์ น็อตตัวผู้ตัวเมีย และสกรูเบอร์ต่าง ฯลฯ บางครั้งคุณอาจจำเป็นต้องงัดแงะ แกะ ไข หรือขันในจุดต่างๆ เช่น ตกหลุมกันชนหลุด ก็อาจต้องใช้ไขควง ประแจ น็อต ขันมันกลับเข้าไปให้แน่น หรือถ้าหูกันชนฉีก ขาด ก็นำเคเบิ้ลไทร์มารัดแก้ขัดไปก่อน แล้วจึงค่อยนำไปซ่อมทีหลัง

   7. ท่อนเหล็ก หรือท่อนไม้ยาวๆ นำมาใช้ได้ในกรณีที่เพิ่งจอดรถแล้วเครื่องยนต์ยังร้อนอยู่ พอกลับมาแล้วสตาร์ทไม่ติด และเช็กแล้วว่าแบตเตอรี่ยังดีอยู่ หรือเพิ่งเปลี่ยนมาใหม่ คุณสามารถนำมากระทุ้ง หรือเคาะเบาๆ ที่ไดร์สตาร์ทได้ เพราะไดร์สตาร์ทอาจเสื่อมแล้ว จึงทำให้สตาร์ทรถไม่ติด

   8. ลวด สามารถเอามาใช้ได้เมื่อท่อไอเสียรถยนต์เกิดขาดแล้วครูด หรือลากไปกับพื้นถนน ให้รีบจอดรถเข้าข้างทางเมื่อได้ยิน หรือรู้สึกตัว จากนั้นเอาลวดมาผูกมัดให้แน่น เพื่อใช้งานชั่วคราวไปก่อนจะไปหาอู่ซ่อม และอย่าใช้เชือกฟาง เคเบิ้ลไทร์ หรือเชือกที่ไม่ทนความร้อนมาผูก เพราะตัวท่อมีความร้อนสูง อาจทำให้เชือกที่นำมาผูกท่อขาด ทำให้ท่อหลุดร่วงลงมาที่พื้นอีกครั้ง

  สุดท้ายนี้ที่ลืมไม่ได้เลย และเชื่อว่าทุกคนไม่น่าจะลืมก็คือ โทรศัพท์มือถือ หรือสมาร์ทโฟนนั่นเอง เพราะหากที่กล่าวมาทั้งหมดด้านบน คุณไม่ได้เตรียมมาเลย โทรศัพท์จึงเป็นสิ่งสุดท้ายที่คุณจะพึ่งได้ เนื่องจากคุณสามารถโทรขอความช่วยเหลือได้ ทั้งจากครอบครัว เพื่อน หรือเบอร์ช่วยเหลือฉุกเฉินต่างๆ รวมไปถึงอู่ซ่อม ฯลฯ และหากใครมีวิธีช่วยเหลืออื่นๆ เพิ่มเติม สามารถนำมาแนะนำเพื่อนๆ ในแฟนเพจได้เลยครับ
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
พุธ, 8 มีนา 2017 15:16 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
กล้องติดรถคึก อ้อนรัฐกำหนด มีเป็นมาตรฐาน

กล้องติดหน้ารถยนต์คึก หนุนรัฐประกาศเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน จับตาสินค้าจีนคุณภาพต่ำแข่งหั่นราคา

นายรวีโรจน์ องค์ศิริวัฒนา ประธานกรรมการบริหารบริษัท มีราจ คาร์ออดิโอ ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เทคโนโลยีเกี่ยวกับรถยนต์และผลิตภัณฑ์ความบันเทิงในรถยนต์ครบวงจร เปิดเผยว่า กระแสความนิยมของกล้องติดหน้ารถยนต์ได้รับการตอบรับดี ทำให้รายได้กลุ่มสินค้าเบ็ดเตล็ด อาทิ กล้องติดหน้ารถยนต์ จีพีเอส ระบบกันขโมย มีสัดส่วนรายได้เพิ่มเป็น 10% ของรายได้บริษัท

“สินค้ากลุ่มนี้แรกเริ่มบริษัทนำมาเป็นสินค้าเสริมเพื่อความครบวงจร แต่จากการตอบรับดีรายได้จึงสำคัญขึ้น บริษัทจะพัฒนาการติดตั้งให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีใหม่ๆ” นายรวีโรจน์ กล่าว

น.ส.จันทร์นภา สายสมร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เทคโนเซล (เฟรย์) ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายฟิล์มกรองแสงรถยนต์และฟิล์มกรองแสงอาคารลามิน่าและฟิล์มกลุ่มพิเศษลูม่าร์ กล่าวว่า บริษัทเห็นด้วยกับรัฐบาล หากมีการสนับสนุนให้กล้องติดหน้ารถยนต์และจีพีเอสเป็นอุปกรณ์มาตรฐานที่รถยนต์ทุกคันจะต้องมี เนื่องจากอุปกรณ์ดังกล่าวปัจจุบันเป็นที่นิยมและหลายครั้งหลายเหตุการณ์ถูกนำไปเป็นหลักฐานสำคัญประกอบการพิจารณาคดีจนทำให้เรื่องราวต่างๆ คลี่คลายด้วยข้อมูลความเป็นจริงจากกล้องหน้ารถยนต์

“จากกระแสดังกล่าว บริษัทจึงนำสินค้ามืออาชีพในเอเชียแปซิฟิกมาทำตลาด แต่การแข่งตลาดนี้จะรุนแรงสูงจากแข่งลดราคาผ่านการสั่งซื้อออนไลน์และสินค้าจากจีนมีบทบาทมาก” น.ส.จันทร์นภา กล่าว

ทั้งนี้ จากการสำรวจตลาดกล้องติดหน้ารถยนต์ผ่านช่องทาง อาทิ อี-คอมเมิร์ซ โซเชียลมีเดีย มาร์เก็ตเพลส พบว่าแข่งตัดราคารุนแรง 

 : http://www.posttoday.com
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
พฤหัส, 9 มีนา 2017 20:08 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
วิธีดูแลรักษาล้อแม็กรถยนต์ให้เงาวับเหมือนใหม่

นอกจากการดูแลรักษารถยนต์ให้พร้อมใช้งานตลอดเวลาแล้ว การทำความสะอาดรถก็ถือเป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน และนอกจากบอดี้ภายนอก และห้องโดยสารภายในแล้ว การดูแลล้อแม็กรถยนต์ ให้สวยวับ เงางามอยู่เสมอ ก็ควรทำ และไม่ควรมองข้าม

บางคนอาจคิดว่า การดูแลรักษาล้อแม็กรถยนต์ ไม่ค่อยสำคัญ เพราะไม่ค่อยเห็นคราบสกปรกชัดเจนเหมือนที่ติดอยู่กับตัวรถภายนอก คิดว่าแค่เอาน้ำแรงดันสูงฉีดๆ เอาฟองน้ำลูบๆ ก็เพียงพอแล้ว แต่ในความเป็นจริงเมื่อคุณขับรถใช้งาน คราบสกปรกต่างๆ ก็จะเริ่มเข้ามาติดที่ล้อของคุณทันที ทั้งฝุ่นผงจากถนน ฝุ่นผงผ้าเบรค เศษหิน ดิน โคลน หรือแม้กระทั่งยางมะตอย และคราบน้ำมัน ฯลฯ ซึ่งคราบพวกนี้จำเป็นต้องจัดการทำความสะอาดให้เด็ดขาด ไม่ใช่แค่ทำลวกๆ

1. คุณไม่ควรล้างล้อแม็กในขณะที่มันยังร้อนอยู่ เพราะน้ำยาล้างรถ หรือฟองสบู่ที่คุณนำไปถูๆ ขัดๆ ไว้จะแห้งเร็ว และมันจะทำให้เกิดเป็นคราบ หรือรอยติดอยู่ที่หน้าล้อ ล้างไปก็ทำให้มีคราบอยู่ดี ดังนั้นควรจะล้างส่วนอื่นก่อน แล้วเก็บล้อแม็กไว้ท้ายสุด ที่สำคัญควรแยกฟองน้ำสำหรับล้างล้อแม็กไว้อีกอันนึงด้วย อย่าใช้ปนกันเด็ดขาด ไม่งั้นพวกเศษหิน หรือเม็ดทรายที่ติดมากับล้อจะทำลายผิวสีรถของคุณจนเป็นรอยได้นั่นเอง

2. รถที่มีคราบติดล้อหนักๆ เช่น ยางมะตอย คราบน้ำมัน ฯลฯ ค่อนข้างที่จะเป็นปัญหาใหญ่เลยทีเดียว เพราะคราบจำพวกนี้ ล้างออกด้วยวิธีธรรมดาไม่ได้ จำเป็นต้องใช้น้ำมันก๊าด หรือน้ำมันสน หรือน้ำยาเช็ดคราบสกปรก เทใส่ลงไปบนเศษผ้าแล้วเช็ดตามจุดที่มีรอยเหล่านี้ติดอยู่ จากนั้นใช้แชมพูล้างรถล้างล้อแม็กให้ทั่ว เสร็จแล้วใช้น้ำเปล่าล้างออกให้หมด และใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง

3. ล้อแม็กอัลลอยด์ และล้อแม็กที่มีขอบเงา หากพบเจอร่องรอยสุนัขมาฉี่รดไว้ที่ล้อแม็ก ให้รีบทำความสะอาดด้วยการล้างน้ำ และเช็ดให้แห้งทันที อย่าปล่อยทิ้งไว้ เพราะล้อแม็กพวกนี้จะโดนฤทธิ์ในฉี่สุนัขกัดจนเป็นคราบเหลือง รวมไปถึงอาจทำให้เกิดคราบขี้เกลือ (สนิมขาว) จนกระทั่งทำให้ล้ออัลลอยด์หลุดลอกออกมานั่นเอง

สุดท้ายนี้ไม่ควรใช้แปรงที่มีขนหยาบ หรือแข็งกระด้าง เช่น แปรงลวด สก็อตไบร์ท ฝอยขัดหม้อ ฯลฯ ในการทำความสะอาด เพราะมันอาจสร้างรอยให้ล้อแม็กของคุณ นอกจากนี้คุณควรเช็ดล้อแม็กให้แห้งทันที หรือเท่าที่ทำได้ หลังจากล้างรถเสร็จ หรือโดนน้ำมาจากที่อื่น เพื่อไม่ให้คราบสกปรกเกาะติดล้อ และให้ใช้ยาขัดเฉพาะที่ออกแบบมาสำหรับล้อแม็กเท่านั้น โดยเฉพาะล้ออัลลอยด์ที่ต้องดูแลใส่ใจมากเป็นพิเศษ มิเช่นนั้นมันจะมีคราบติดตัวอยู่ตลอดเวลานั่นเอง
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
เสาร์, 11 มีนา 2017 15:35 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
คปภ. คลอดคำสั่ง ติดกล้องหน้ารถ ได้ลดเบี้ยประกัน 5-10%
คปภ.สั่ง บ.ประกันภัย ลดค่าเบี้ยประกัน 5-10% ให้รถยนต์ที่ติดตั้งกล้องหน้ารถ หวังให้ผู้ขับขี่มีความระมัดระวัง ช่วยลดอุบัติเหตุ เชื่อยังทำให้การชดเชยสินไหมมีประสิทธิภาพมากขึ้น...
เมื่อวันที่ 10 มี.ค. นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. เปิดเผยว่า ได้มีคำสั่งนายทะเบียนให้ผู้ประกอบการธุรกิจประกันภัยให้ส่วนลดจากเบี้ยประกันภัยสำหรับรถยนต์ภาคสมัครใจ ร้อยละ 5-10 จากอัตราค่าเบี้ยประกันในปัจจุบัน ในกรณีที่รถยนต์คันดังกล่าวติดตั้งระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด หรือ CCTV ที่ติดตั้งกับรถยนต์ หรือ กล้องติดหน้ารถยนต์ ซึ่งได้มีการหารือกับผู้ประกอบการธุรกิจประกันภัยเรียบร้อยแล้ว ว่าควรใช้มาตรการด้านประกันภัยช่วยจูงใจให้มีการติดตั้งกล้อง CCTV ไว้ในรถยนต์มากขึ้น เพื่อให้ผู้ขับขี่รถยนต์มีความระมัดระวัง ซึ่งจะช่วยลดอุบัติเหตุทางท้องถนนได้
นอกจากนี้ยังมองว่าหากมีกล้อง CCTV จะทำให้มีหลักฐานการเกิดอุบัติเหตุที่ถูกบันทึกได้ และโดยกล้องติดรถยนต์ยังสามารถช่วยให้บริษัทประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ปัจจุบันไทยมีสถิติผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก และกรุงเทพมหานครยังเป็นเมืองที่มีการจราจรติดขัดเป็นอันดับต้นๆของโลก สาเหตุสำคัญประการหนึ่งเกิดจากการขาดวินัยจราจร และไม่เคารพกฎหมายของผู้ขับขี่ ซึ่งการติดตั้งกล้องจะทำให้ผู้ขับขี่มีความระมัดระวัง และป้องกันภัยที่จะเกิดจากรถยนต์คันอื่นได้ด้วย.
ไทยรัฐออนไลน์
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
พฤหัส, 16 มีนา 2017 10:34 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
ขนส่งดีเดย์ 1 ต.ค. ผู้ขอใบขับขี่ต้องผ่านโรงเรียนสอนขับรถ

กรมขนส่งทางบก กำหนดระเบียบสอบใบขับขี่ใหม่ ตั้งแต่ 1 ต.ค.60 เป็นต้นไป ผู้ขอรับใบอนุญาตขับรถต้องใช้หลักฐานจากโรงเรียนการขนส่ง หรือ โรงเรียนสอนขับรถเป็นหลักฐานประกอบคำขอ

รายงานข่าวแจ้งว่า ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2560 เป็นต้นไป ผู้ขอใบอนุญาตขับขี่ ต้องผ่านการอบรม และ ทดสอบตามหลักสูตรที่กรมการขนส่งทางบกกำหนด จากโรงเรียนการขนส่ง หรือ โรงเรียนสอนขับรถเป็นหลักฐานประกอบคำขอ หลังจากที่ระเบียบใหม่ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี

โดยระเบียบใหม่ได้กำหนดให้ผู้ที่จะขอรับใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว ใบอนุญาตขับรถจักรยานยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว ให้ยื่นคำขอตามแบบที่อธิบดีกำหนด พร้อมด้วยบัตรประจำตัวประชาชน หรือใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าวหรือหนังสือเดินทาง หรือเอกสารที่ใช้แทนหนังสือเดินทางและใบสำคัญถิ่นที่อยู่ หรือเอกสารหลักฐานแสดงที่พักอาศัยในราชอาณาจักร หรือใบอนุญาตทำงาน

พร้อมด้วยภาพถ่าย ใบรับรองแพทย์ และหลักฐานการรับรอง ซึ่งแสดงว่าได้ผ่านการอบรมและทดสอบตามหลักสูตรที่กรมการขนส่งทางบกกำหนดจากโรงเรียนการขนส่งหรือโรงเรียนสอนขับรถ

M thai
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
พุธ, 22 มีนา 2017 17:29 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
นายไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า รัฐบาลได้มีการเปลี่ยนแปลงการเก็บภาษีสรรพสามิตใหม่จากเดิมเก็บภาษีจากราคาหน้าโรงงานเปลี่ยนเป็นเก็บจากราคาขายปลีกหรือราคาแนะนำ ซึ่งคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ใน วันที่ 1 ส.ค. 2560 และอาจมีผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของราคาขายรถยนต์
"ความชัดเจนในการปรับราคาขึ้นหรือลงจากผลของการเปลี่ยนแปลงการคิดคำนวณราคาใหม่นั้นยังเร็วไปที่จะบอกได้ ซึ่งจะต้องพิจารณาจากอัตราใหม่และการสนับสนุนของรัฐบาล เพื่อไม่ให้เกิดผล กระทบสำหรับภาระต้นทุนที่เปลี่ยนแปลงต่อผู้บริโภค" นายเกรเว่ กล่าว
สำหรับภาพรวมตลาดรถยนต์ระดับพรีเมียมในปี 2560 มีแนวโน้มจะเติบโตขึ้นมากกว่าปี 2558 ที่มียอดขายอยู่ที่ประมาณ 2.3 หมื่นคัน ขณะที่ปี 2559 มียอดขายประมาณ2.1 หมื่นคัน ลดลง 8% เมื่อเทียบกับปี 2558 โดยปี 2559 ตลาดรถยนต์พรีเมียมถือได้ว่าอยู่ในภาวะผิดปกติ เนื่องจากเหตุการณ์ความโศกเศร้าในช่วงเดือน ต.ค.ส่งผลให้ตลาดในไตรมาส 4 ของปี 2559 ชะลอตัว จึงเป็นตัวกระตุ้นให้ผู้เล่นในตลาดเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่และทำกิจกรรมทางการตลาดในปี 2560 ส่งผลให้ตลาดเติบโต ขณะที่บริษัทได้ตั้งเป้าการเติบโตที่สอดคล้องกับการคาดการณ์ที่จะเติบโตมากกว่าปี 2558 อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส ใหม่ที่ผลิตในประเทศไทยในราคาเริ่มต้นที่ 3.39-3.99 ล้านบาท ปรับลดลงเมื่อเทียบกับรุ่น นำเข้า จากเดิมที่มีราคาอยู่ที่ 3.99-4.79 ล้านบาท โดยบริษัทได้เพิ่มรุ่นที่ราคา เริ่มต้น 3.39 ล้านบาท เพื่อให้ขยายกลุ่มเป้าหมายสู่นักธุรกิจรุ่นใหม่ ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีการประกอบในประเทศจำนวน 19 รุ่น โดยการผลิตในประเทศส่งผลต่ออัตราภาษีที่ลดลง.... อ่านต่อได้ที่ : http://www.posttoday.com/auto/news/478689
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
อาทิตย์, 2 เมษา 2017 13:08 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
อุตฯ เร่งสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อเสร็จทันปี 62
กระทรวงอุตสาหกรรมเร่งสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อให้เสร็จทันกำหนด หวังใช้ดึงดูดค่ายรถยนต์ดันไทยเป็นฮับ วิจัย-พัฒนาผลิตชิ้นส่วนยานยนต์อัจฉริยะ
อุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ขณะนี้โครงการศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติมีผลการดำเนินงานเป็นไปตามแผนงาน คาดว่างานโครงารก่อสร้างระยะที่ 1 ส่วนทดสอบยางล้อ UN R117 จะสามารถดำเนินการได้ในปี 2560 และโครงการทั้งหมดเสร็จสมบูรณ์ในปี 2562 ตามกำหนด2
ทั้งนี้ การจัดตั้งศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ นับเป็นเมกะโปรเจกต์หนึ่งของรัฐบาล เพื่อสนับสนุนการผลิตและการส่งออก ยางล้อ ยานยนต์ และชิ้นส่วน และให้ไทยเป็นศูนย์กลางการทดสอบฯ ของภูมิภาคอาเซียน โครงการนี้จะช่วยยกระดับประเทศ จากการเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ (Production Hub) สู่การเป็นฐานการวิจัยและพัฒนายานยนต์และชิ้นส่วน (R&D Hub) ซึ่งจะดึงเม็ดเงินใหม่ๆ เข้าประเทศ เพราะรถ 1 คันมีชิ้นส่วนภายใน 2 – 3 หมืนชิ้น และในอนาคตอะไหล่ชิ้นส่วนรถจะใช้เทคโนโลยีสูง และมีมูลค่าเพิ่มสูง
นอกจากนี้ การลงทุนสร้างศูนย์ทดสอบกลางฯ ให้บริษัทรถยนต์ทุกค่ายมาใช้โดยเก็บค่าบริการ จะเป็นโครงสร้างพื้นฐานของอุตสาหกรรมยานยนต์ ลักษณะเดียวกับที่ประเทศญี่ปุ่น เยอรมนี อังกฤษ และสเปน ดำเนินการ ซึ่งจะทำให้การลงทุนในไทย มีค่าใช้จ่ายของการตรวจสอบและรับรองต่ำที่สุด และน่าจะเป็นตัวดึงดูดบริษัทผู้ผลิตรถยนต์มาลงทุนออกแบบวิจัยและพัฒนาฯ ในไทย สอดคล้องกับที่ ครม. ได้มีมติอนุมัติในหลักการ ลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ให้กับผู้บริหาร ผู้เชี่ยวชาญ นักวิจัยใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมาย เหลือ 17%
สมชาย หาญหิรัญ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า คณะผู้บริหารกระทรวงฯ ได้ไปศึกษารูปแบบวิธีการบริหารจัดการของศูนย์ทดสอบยานยนต์ ของแอพพลัส อีเดียด้า ประเทศสเปน เพื่อนำมาปรับใช้กับประเทศไทย รวมทั้งมีเจ้าหน้าที่ สมอ.และสถาบันยานยนต์ ร่วมฝึกอบรมในหลักสูตรการทดสอบยางล้อและการตรวจสอบรับรองผลิตภัณฑ์ตามมาตรฐาน UN R117 เป็นเวลา 1 สัปดาห์ โดยได้เยี่ยมชมสนามทดสอบและห้องปฏิบัติการ ที่มีอยู่ในแผนของโครงการศูนย์ทดสอบยานยนต์ฯ ของไทย
สำหรับโครงการฯ ระยะที่ 1 จะเป็นส่วนทดสอบยางล้อ UN R117 ประกอบด้วย สนามทดสอบเสียงจากยางล้อ และการยึดเกาะถนนพื้นเปียก ระยะทาง 1.4 กม. รวมทั้งห้องทดสอบความต้านทานการหมุนของล้อ มีกำหนดเสร็จช่วงเดือนก.พ.2561 และโครงการระยะที่ 2 สมอ.อยู่ระหว่างการของบประมาณประจำปี 2561 เพื่อออกแบบรายละเอียดและก่อสร้างรวมอีก 5 สนามย่อย
autospinn
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
จันทร์, 17 เมษา 2017 18:57 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
ศปถ.สรุป7วันอันตราย สงกรานต์ วันที่5 เสียชีวิตสะสม 283 ราย โคราชยังครองแชมป์เสียชีวิตสะสมสูงสุด สาเหตุหลักเมาแล้วขับ

วันนี้(15เม.ย.60)ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน (ศปถ.) สรุปสถิติอุบัติเหตุทางถนน วันที่ 15 เม.ย 2560 วันที่ 5 ของการรณรงค์ สงกรานต์ปลอดภัยส่งเสริมวัฒนธรรมไทย สร้างวินัยจราจร พบเกิดอุบัติเหตุ 600 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 53 คน บาดเจ็บ 634 คน สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุดได้แก่ เมาแล้วขับ ร้อยละ 44.83 รองลงมาเป็น ขับรถเร็ว และตัดหน้ากระชั้นชิด ส่วนยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือรถจักยานยนต์ ร้อยละ 83.95 รองลงมาคือรถปิกอัพ ร้อยละ 7.13

โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ จังหวัดอุดรธานี จังหวัดละ 30 ครั้ง เสียชีวิตสูงสุด คือจังหวัดนครราชสีมา และเชียงราย จังหวัดละ 4 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุดคือจังหวัดอุดรธานี 33 ราย

สรุปอุบัติเหตุบนถนน สะสม 5 วันตั้งแต่วันที่ 11 -15 เม.ย.เกิดอุบัติเหตุรวม 2,985 ครั้ง มีผู้เสียชีวิตรวม 283 ราย บาดเจ็บ 3,087 คน

จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุดสะสมคือจังหวัดเชียงใหม่ 140 ครั้ง จังหวัดนครราชสีมามีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด 17 ราย ส่วนจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุดสะสมคือจังหวัดเชียงใหม่ 145 คน

เทียบสถิติปี 2559 พบว่าอุบัติเหตุสะสมเพิ่มขึ้น 261 ครั้ง ขณะที่ผู้บาดเจ็บเพิ่มขึ้น 141 คน แต่ผู้เสียชีวิตลดลง 55 ราย

ทั้งนี้ พล.ต.ต.สมชาย เกาสำราญ ผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เปิดเผยแผนอำนวยความสะดวกให้ประชาชนช่วงเดินทางขากลับเข้ากรุงเทพฯ จะเน้นตรวจหน้าด่านประเมินความพร้อมของผู้ขับขี่ โดยเฉพาะ รถโดยสารสาธารณะ และบริหารจัดการจราจรให้มีความคล่องตัว เปิดช่องทางพิเศษ ถนนมิตรภาพ 4 ช่องจราจร ช่องสระบุรี-พระนครศรีอยุธยา เปิด 5 ช่องทาง จาก 8 ช่องทาง ทั้งนี้ยอมรับว่า จากการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด อุบัติเหตุลดลงเมื่อเทียบกับสถิติปีที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดีในการปรับแผนเพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับประชาชนในการเดินทาง

TNN24
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
เสาร์, 22 เมษา 2017 19:14 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
วิธีเลือก กล้องติดรถยนต์ ดูที่อะไรบ้าง?

การขับขี่รถยนต์บนท้องถนนนั้นอาจมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้น จากความประมาทของตนเองและผู้อื่น เพื่อลดการพิพาทที่เกิดขึ้น การมีกล้องติดรถยนต์ จะช่วยป้องปรามนักเลงบนท้องถนน ทั้งยังช่วยในเรื่องคดีความหากฟ้องร้องกันขึ้นมาจะพิสูจน์ทราบได้ว่า ฝ่ายไหนทำผิด-ถูก กล้องติดรถยนต์นั้นมีมากมายหลายเกรดหลายราคา แม้กระทั่งของที่ไม่ได้คุณภาพติดรถไปก็ได้ภาพไม่ชัด เมมโมรี่ไม่บันทึก เราต้องพิจารณาอะไรบ้างก่อนซื้อไปดูกันเลย

วิธีเลือกกล้องติดรถยนต์

1. ความละเอียดกล้องต้องมาก่อน เพราะเป็นสิ่งที่บอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆ เปรียบเหมือนพยานปากเอกคนสำคัญ ถ้าความละเอียดไม่คมชัดพอก็ไม่สามารถนำมาใช้กับเหตุการณ์จริงได้ แนะนำว่าให้เลือกแบบ Full HD 1080P ขึ้นไป และเลือกเมมโมรี่ที่เป็นแบบ Class 10 เท่านั้น

2. การเคลื่อนไหวภาพต้องสมจริง ให้ดูอัตราเฟรมภาพต่อวินาที Frame Per Second สังเกตตัวย่อ (FPS) ค่าต่ำสุดที่เลือกซื้อ 25 FPS สูงสุดไม่เกิน 30 FPS ซึ่งเป็นหลักการทำงานเป็นการเคลื่อนไหวภาพ เช่น เวลา 1 วินาที จะมีภาพนิ่งถูกบันทึกต่อเนื่องกัน 25-30 ภาพ เป็นต้น

3. ดูเลนส์กล้อง ซึ่งเป็นตัวควบคุมรูรับแสง หรือศัพท์ช่างถ่ายภาพเรียกว่าค่า F/Stop ให้จำไว้ว่ายิ่งค่า F มากแสงจะเข้าได้น้อยเรียกว่าชัดลึก เหมาะกับการใช้งานกล้องติดรถยนต์ เพราะภาพที่ได้จะคมชัดเท่ากันทั้งภาพ

4. ต้องมีโหมดบันทึกภาพเวลากลางคืน (Night Shot) ช่วยลดแสงสะท้อนบนท้องถนน ก่อนซื้อสังเกตสัญลักษณ์ WDR (Wide Dynamic Range) คุณจะไม่พลาดวินาทีสำคัญทั้งกลางวัน และกลางคืน

5. มีฟังก์ชั่นรองรับได้หลากหลาย เช่น ระบบป้องกันภาพสั่นไหว, ระบบบันทึกเสียงที่ชัดเจน, มีเลขแสดงวันเวลา และวันที่, รองรับไฟล์ที่บันทึกตามสกุลที่เราต้องการได้

6. เช็กแบตเตอรี่กล้อง ซึ่งมีแบบแบตเตอรี่ในตัว และไม่มีแบตเตอรี่ ทั้ง 2 แบบ ต่างกันตรงมีสายชาร์ตต่อจากที่จุดบุหรี่ในรถ หรือเลือกแบบจ่ายไฟในตัวเครื่องเองก็ได้ ชอบแบบไหนเลือกเอาที่สบายใจเลย เป็นที่น่าสังเกตว่ากล้องติดรถยนต์ที่มีคุณภาพดี ราคาสูง ส่วนใหญ่จะไม่มีแบตเตอรี่ภายใน แต่จะมีคาปาซิเตอร์มาแทน อาจเป็นเพราะว่าหากมีแบตเตอรี่ติดไว้หน้ารถอาจทำให้กล้องมีความร้อนอาจถึง ขั้นรวนได้

7. ที่ขาดไม่ได้คือใบรับประกันจากผู้ผลิตสินค้า ส่วนมากแล้วกล้องที่ราคาถูกๆ จะไม่มีใบรับประกัน อย่างมากก็ซื้อไป 7 วันใช้งานไม่ได้ก็ค่อยนำมาเปลี่ยน แต่ระยะยาวมักเกิดปัญหาจุกจิกตามมา คิดจะซื้อทั้งทีเลือกของดีหน่อยจะได้ไม่ต้องมาซื้อซ้ำบ่อยๆ ครับ

สำหรับคนมีรถยนต์ปัจจุบันนี้เราควรมีกล้องติดรถไว้อย่างน้อย 1 ตัว เพื่อลดการเกิดข้อพิพาทกับบริษัทประกัน หรือคู่กรณี อย่างน้อยผิด-ถูก กล้องติดรถยนต์จะเป็นพยานปากเอกของคุณได้

sanook.com
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
อังคาร, 25 เมษา 2017 12:58 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
4 สิ่งที่ต้องเช็คหลังกลับจากขับรถเดินทางไกล
ช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2560 ที่ผ่านมานั้น หลายคนเลือกใช้วิธีขับรถสวนตัวเพื่อเดินทางไปยังต่างจังหวัด ซึ่งแน่นอนว่าทำให้เกิดการสึกหรอของตัวรถไม่มากก็น้อย
จึงขอแนะนำ 4 สิ่งที่ต้องเช็คหลังจากเดินทางกลับต่างจังหวัด เพื่อให้สามารถใช้งานรถคันเก่งได้อย่างปลอดภัยและช่วยยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้นด้วยครับ
1.เช็คระดับของเหลวในเครื่องยนต์
เมื่อรถยนต์ถูกผ่านการใช้งานมาอย่างหนักต่อเนื่องเป็นเวลาหลายชั่วโมง จึงมีความเป็นไปได้ที่ของเหลวต่างๆ ในเครื่องยนต์จะพร่องลงจากการทำงานของเครื่องยนต์ ดังนั้น จึงควรตรวจเช็คระดับน้ำมัน ได้แก่ น้ำมันเครื่อง, น้ำมันเกียร์, น้ำมันเบรก, น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ (ถ้ามี) รวมถึงระดับน้ำในหม้อน้ำและหม้อพัก ไม่ให้อยู่ในระดับต่ำกว่า MIN และหากน้ำมันต่างๆ มีกลิ่นเหม็นไหม้หรือกลายเป็นสีดำ อาจเป็นไปได้ว่าน้ำมันมีการเสื่อมสภาพแล้ว จึงควรรีบเปลี่ยนถ่ายเมื่อมีโอกาส
2.เช็คสภาพล้อและลมยาง
การขับรถทางไกลหรือบนเส้นทางที่มีการก่อสร้าง มีความเป็นไปได้ที่ยางจะถูกวัตถุมีคมทิ่มแทงแล้วคาอยู่กับเนื้อยาง ซึ่งกรณีนี้จะทำให้ลมยางซึมออกอย่างช้าๆ ทางที่ดีควรเช็คลมยางทั้งสี่ล้อ รวมถึงสภาพดอกยางว่ายังคงปกติ ไม่มีสิ่งแปลกปลอมฝังอยู่ และไม่มีการสึกของดอกยางที่ผิดปกติ แก้มยางต้องไม่มีรอยฉีก รวมถึงเช็คสภาพล้อแม็กว่าจะต้องไม่แตกหรือมีรอยบิ่นจนทำให้เกิดอันตรายได้
3.เช็คช่วงล่างและระบบกันสะเทือน
ความผิดปกติเกี่ยวกับช่วงล่างที่พบได้บ่อยหลังจากกลับจากเดินทางไกล คือ โช็คเสื่อมสภาพ เนื่องจากขับผ่านถนนขรุขระ หรือตกหลุมอย่างรุนแรง (ก็รู้อยู่แล้วว่าสภาพถนนบ้านเรามันแย่ขนาดไหน) จึงควรก้มส่องดูก้านโช๊คอัพทั้ง 4 ต้น ว่าไม่มีน้ำมันซึมออกมา หากใช้แรงกดลงไปบนตัวถัง ยังมีเสียง 'ฟี้ด' ดังออกมา และรถจะต้องเด้งเพียงครั้งเดียว ไม่เด้งต่อเนื่อง ซึ่งจะแปลว่าโช๊คเสื่อมสภาพแล้วนั่นเอง
4.เช็คสภาพตัวถัง
ควรล้างทำความสะอาดคราบแป้งให้เรียบร้อยหลังจากเดินทางกลับ เพราะส่วนผสมของแป้งอาจทำให้เกิดรอยด่างได้ อีกทั้งยังได้เช็คว่ามีรอยขูดขีดหรือรอยบุบของตัวถังหรือไม่ เพื่อจะได้วางแผนเคลมประกันหรือซ่อมแซมต่อไปครับ
เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้ทราบความผิดปกติของตัวรถ และซ่อมแซมแก้ไขก่อนจะลุกลามบานปลายได้ครับ
sanook.com
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
พฤหัส, 27 เมษา 2017 20:02 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
ซีนอลกับฮาโลเจน เลือกใช้แบบไหนดีกว่ากัน?
การขับขี่ยามค่ำคืน โอกาสเสี่ยงที่จะเกิดอันตราย หรืออุบัติเหตุย่อมมีมากกว่าช่วงกลางวัน เพราะทัศนวิสัยต่างๆ ถูกปกคลุมไปด้วยความมืด และถึงแม้จะมีแสงจากไฟข้างทาง มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากมาย ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดในช่วงเวลาแบบนี้ก็คือ ไฟหน้ารถ ของคุณนั่นเอง
ทุกวันนี้ นวัตกรรมเกี่ยวกับไฟหน้ารถยนต์ก้าวล้ำไปมากกว่าเดิม รุ่นล่าสุดที่เห็นในรถรุ่นใหม่ๆ ก็จะเป็น LED และที่กำลังพัฒนาอยู่ตอนนี้ Laser Beam หรืออีกชื่อ Laser Light ซึ่งมันมีความสว่างมากกว่าเดิมหลายเท่า อีกทั้งยังมีระยะส่องสว่างมากกว่า 500 เมตร คาดว่าอีกไม่นานคงได้ใช้กันแน่นอน แต่ ณ ปัจจุบันนี้คนส่วนใหญ่มักจะรู้จักแค่ ไฟฮาโลเจน (Halogen) และ ไฟซีนอล (Xenon) โดยเฉพาะในรถรุ่นเก่าๆ ก็มักจะเลือกเล่นเฉพาะ 2 แบบนี้ เพราะไฟ LED ค่อนข้างมีราคาสูงอยู่พอสมควร ส่วนมากคนแต่งรถมักจะทำกัน เพราะมันดูหรูหรา และดูมีความล้ำมากกว่าเดิม
ดังนั้นเราจึงขอพูดถึงเฉพาะ ไฟฮาโลเจน (Halogen) และ ไฟซีนอล (Xenon) ให้ได้รับรู้กันว่า แต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร ข้อดี-ข้อเสีย และแบบไหนให้ความสว่างมากกว่ากัน
หลอดไฟฮาโลเจน (Halogen) ภายในจะบรรจุไปด้วยก๊าซเฉื่อย หรือสุญญากาศ ซึ่งหลักการทำงานก็ง่ายๆ แค่ใช้ไฟบวกกับลบมาเจอกันก็จะทำให้เกิดความร้อนที่ไส้ทังสเตน (Tungsten) แล้วเปล่งแสงสว่างขึ้นมา
ข้อดี
-ราคาถูก
-บำรุงรักษาง่าย
ข้อเสีย
-มีความร้อนสูง และสะสม
-ทำให้โคมไฟเหลือง และหมองเร็ว
หลอดไฟซีนอล (Xenon) ภายในบรรจุก๊าซซีนอล กำเนิดแสงโดยตัวแปลงสัญญาณ ซึ่งจะนำไฟจากรถเข้าสู่สัญญาณกล่อง หรือที่เรียกว่า บัลลาสต์ คอยทำหน้าที่จ่ายไฟ ทำให้หลอดไฟเปล่งแสงขึ้นมาโดยไม่มีขดลวด
ข้อดี
-ให้ความสว่างมากกว่าฮาโลเจนหลายเท่า
-มีอายุการใช้งานทนทานกว่าฮาโลเจนหลายเท่า
-ประหยัดไฟ และความร้อนสะสมลดลง
ข้อเสีย
-ราคาแพงกว่า
-แสงแยงตารถคันอื่น (กรณีที่ใส่ในโคมเดิม)
-การบำรุงรักษาค่อนข้างยาก
สำหรับการจะเลือกใช้ไฟหน้าแบบไหน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน และความต้องการของคุณเป็นหลัก เพราะบางคนอาจคิดว่าใช้แบบเดิมๆ ก็เพียงพอแล้ว และใส่ไปแล้วกลัวแสบตา แยงตา รบกวนคนอื่น หรือกลัวมีคนมาด่าตามหลัง ฯลฯ แต่บางคนอาจชื่นชอบในความสวยงาม ดูหรูหราของไฟซีนอล หรือใส่แล้วให้ความสว่างมากกว่าหลอดเดิม ฯลฯ แต่การจะใส่หลอดไฟซีนอล สิ่งที่ควรทำอีกอย่างก็คือ การเปลี่ยนไปใส่ โคมโปรเจคเตอร์ (Projector) เพราะ หากไม่ใส่ลำแสงที่ปล่อยออกมาจากโคมเดิมมันจะฟุ้งใส่รถ ใส่ตาคนอื่น ไม่สามารถคุมได้ ต่อให้เอาหมวกมาครอบก็ไม่ช่วยอะไร เพราะมันสามารถสะท้อนกับรีเฟล็กซ์โคมรอบๆ ได้อยู่ดี
สุดท้ายนี้ เวลาเลือกหลอดไฟมาเปลี่ยนใหม่ อย่าลืมดูค่า K (ค่าอุณหภูมิของแสง) ซึ่งค่าปกติมาตรฐานคือ 4,300K สีจะออกขาวนวลอมเหลืองทอง หรือถ้าอยากได้สว่างมากขึ้นอีกนิด แสงยังเป็นสีขาวอยู่ และไม่ผิดกฎหมาย เลือกค่า 6,000K และ 8,000K ครับ
sanook.com
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
อังคาร, 2 พฤษภาคม 2017 19:08 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
ไอเท็มยอดฮิตที่ต้องมีติดรถก่อนเดินทางไกล
เมื่อถึงช่วงหยุดยาว หรือเมื่อต้องเดินทางไปไหนไกลๆ นอกจากการตรวจเช็กสภาพรถยนต์ให้พร้อมใช้งานแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ อุปกรณ์ติดรถ หรืออุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉิน เพราะบางครั้งมันอาจเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้นระหว่างทางได้ทุกเมื่อ
อุปกรณ์เหล่านี้ ส่วนใหญ่มักมีแถมมาให้เมื่อซื้อรถออกมาจากศูนย์บริการ แต่ถ้าเป็นรถมือสอง ควรตรวจเช็กดูให้ดี ว่าเต็นท์รถ หรือเจ้าของคนเก่าใส่มาไว้ให้ในรถหรือไม่ และในปัจจุบันนี้ ยังมีอุปกรณ์เสริมติดรถอื่นๆ อีกมากมาย ที่ควรนำไปใส่ไว้ติดรถอยู่เสมอ ดังนี้
1. ยางอะไหล่ ถือเป็นสิ่งที่จำเป็นมากๆ เมื่อยางที่ใช้อยู่เกิดปัญหา เช่น ยางแตก ยางแบน ยางรั่ว ยางระเบิด ฯลฯ เพราะยางอะไหล่สามารถใส่แทนกันได้จนกว่าจะไปถึงร้านยาง ซึ่งคุณสามารถเปลี่ยนยางเส้นใหม่ หรือปะยางเก่าเส้นเดิมมาใช้ก็ได้ (คอยตรวจสอบค่าลมยางเป็นประจำทุก 3 เดือน เพื่อให้มันมีสภาพพร้อมใช้งาน )
2. เครื่องมือประจำรถและแม่แรง ถ้ามียางอะไหล่ แต่ไม่มีเจ้าพวกนี้ ก็ถือว่าไร้ค่ามากๆ เพราะคุณจะไม่มีที่ยกรถ และไม่มีตัวขันน๊อตล้อ พยายามอย่าเอาออกจากรถเด็ดขาด ใส่ไว้รวมกับที่เก็บยางอะไหล่ก็ได้ เครื่องมือประจำรถ และแม่แรงไม่ได้ใช้พื้นที่เก็บเยอะแยะขนาดนั้น
3. สายพ่วงแบตเตอรี่ หาก จะให้พูดว่า มีไว้อุ่นใจกว่า ก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะคุณไม่อาจรู้ได้เลยว่า แบตเตอรี่ที่ใช้อยู่จะมีปัญหาขึ้นมาเมื่อไหร่ เนื่องจากการเดินทางไกลๆ คุณอาจต้องดับเครื่องยนต์เพื่อแวะพักข้างทาง หรือแวะเข้าปั๊มบ่อยๆ เพื่อเติมน้ำมัน เติมแก๊ส ทานข้าว หรือเข้าห้องน้ำ และเมื่อจะเดินทางต่อ แต่ดันสตาร์ทรถไม่ติด ไปไหนต่อก็ไม่ได้ การมีสายพ่วงแบตเตอรี่เก็บเอาไว้ในรถก็คงจะดีกว่า เพราะยังสามารถขอให้รถคันอื่นมาช่วยจั๊มป์แบตฯ ได้
4. สายลากรถ มีไว้ใช้ดีกว่าจะใช้แล้วไม่มี เพราะหากรถของคุณไม่อาจซ่อมเองได้ แล้วแถวนั้นไม่สามารถเรียกรถมายกได้ แต่ถ้าบริเวณนั้นอยู่ในจุดที่มีคนพลุกพล่าน เป็นจุดแวะพัก หรือถ้าโชคร้ายหน่อย เป็นข้างทางที่ไม่มีอะไรเลย แล้วเกิดโชคดี(ในโชคร้าย) มีคนจอดเพื่อช่วยเหลือ หรือมีคนมาช่วยลากรถของคุณไปที่อู่ หรือศูนย์บริการใกล้ๆ สายลากรถได้ใช้งานแน่นอน
5. ไฟฉายส่องสว่าง ถ้าจะให้พูดว่า มันคือพระเอกในยามค่ำคืนก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะไฟฉายจะมีประโยชน์มากๆ ในช่วงเวลากลางคืน หรือในที่มืดๆ ที่ไม่มีแสงไฟข้างทาง ซึ่งนอกจากจะใช้ส่องเพื่อซ่อมรถ หรือตรวจดูความเสียหายแล้ว มันยังสามารถใช้เป็นสัญญาณเตือนให้ระวังจุดที่รถของคุณเสียอยู่ให้กับรถที่ ขับมาทีหลัง หรือจะใช้เป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือก็ได้เช่นกัน
Advertisement
6. ป้ายเตือน ป้ายฉุกเฉิน ป้ายสามเหลี่ยม อันนี้แล้วแต่จะเรียก ซึ่งคุณสมบัติของมันสามารถใช้ตั้งเตือนเมื่อรถคุณเสียได้ทั้งกลางวัน และกลางคืน เพราะบางรุ่นสามารถสะท้อนแสงได้ และอาจมีระบบสัญญาณไฟกระพริบติดมาให้ด้วย ทำให้คนที่ขับตามหลังมามองเห็นแต่ไกล และระยะที่ควรนำไปตั้งไว้ให้ห่างจากบริเวณที่รถคุณเสียคือ 100 – 150 เมตร
7. ค้อนทุบกระจกพร้อมที่ตัดเข็มขัด แม้จะมีเปอร์เซ็นต์น้อยที่จะเกิดเหตุการณ์ที่จำเป็นต้องใช้มัน เช่น รถตกน้ำ เข็มขัดนิรภัยถอดไม่ออก ประตูเปิดไม่ได้ ฯลฯ ซึ่งถ้าถึงเวลานั้นขึ้นมาจริงๆ แล้วคุณไม่สามารถหนีออกไปได้ ค้อนทุบกระจกพร้อมที่ตัดเข็มขัดนี่แหละ ที่จะช่วยชีวิตของคุณได้ ทางที่ดีควรเก็บเอาไว้ใกล้คนขับจะดีกว่า
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
พฤหัส, 4 พฤษภาคม 2017 20:28 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
8. อุปกรณ์ชาร์จไฟต่างๆ ดูเหมือนจะไม่สำคัญอะไร แต่ถ้าเกิดรถเสียแล้วซ่อมเองไม่ได้ จำเป็นต้องตามช่าง หรือตามรถยก แล้วแบตเตอรี่โทรศัพท์เกิดหมดขึ้นมา จะยิ่งยุ่งกันไปใหญ่ เพราะไม่สามารถขอความช่วยเหลืออะไรได้เลย

9. กล้องติดรถยนต์ นับเป็นอุปกรณ์สมัยใหม่ ที่คนมีรถจำเป็นต้องติด เพราะมันมีส่วนสำคัญในการช่วยตัดสินเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ถือเป็นพยานชั้นดีในการพิสูจน์ความถูก-ความผิดเมื่อเกิดคดีความ รวมไปถึงในกรณีที่รถของคุณถูกเฉี่ยวชน แล้วคู่กรณีเกิดหนีขึ้นมา หลักฐานในกล้องก็จะสามารถช่วยตามหาคนผิดได้ไม่ยาก และยังเอาไปให้ประกันดูเพื่อเป็นหลักฐานในการเคลมได้อีกด้วย

10. เครื่องป้องกันการหลับใน อาจจะไม่เป็นที่รู้จักมากนัก และคนส่วนใหญ่คิดว่ามันไม่สำคัญ แต่การมีติดรถไว้ขณะเดินทางไกล ก็ถือว่าช่วยได้จริงๆ เพราะบางคนขับรถไกลมาก อาจใช้เวลานาน 8 – 12 ชั่วโมง(ช่วงเทศกาล) และหากรถที่นั่งไปมีคนขับรถเป็นแค่คนเดียว จะยิ่งอันตรายเข้าไปใหญ่ การมีเครื่องป้องกันการหลับในที่คอยส่งเสียงแจ้งเตือนก่อนคุณจะหลับ ก็จะช่วยลดความเสี่ยง และอุบัติเหตุลงได้

การขับรถเดินทางไกล นอกจากต้องเตรียมรถ เตรียมอุปกรณ์ช่วยเหลือฉุกเฉินให้พร้อมแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดอีกอย่างที่ต้องเตรียมก็คือ สติ เพราะหากขาดสติในการขับรถ อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้ และอีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือ การพักผ่อนก่อนเดินทางไป และเดินทางกลับ เพราะถ้ามีแค่สติ แต่นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
จันทร์, 8 พฤษภาคม 2017 19:53 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
รถคุณเหมาะกับน้ำมันเครื่องแบบไหน?
น้ำมันเครื่อง มีหน้าที่ดูแลชิ้นส่วนโลหะ ระบายความร้อน ลดการเสียดสี ลดการสึกหรอของเครื่องยนต์ ยังช่วยเคลือบช่องว่างระหว่างผิวสัมผัส ทำความสะอาดเขม่า และเศษโลหะ ป้องกันกำลังอัดของเครื่องยนต์รั่วไหลภายในเครื่องยนต์ ที่สำคัญป้องกันการกัดกร่อนจากสนิม และกรดต่างๆ ถ้าหากคุณใช้น้ำมันเครื่องที่ดีมีคุณภาพ และเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องเป็นประจำจะช่วยให้ยืดอายุการทำงานของเครื่องยนต์ได้นานขึ้น โดยคุณสามารถเลือกใช้น้ำมันเครื่องได้ดังนี้
น้ำมันเครื่องที่คุ้นเคยตามการใช้งานมี 3 ชนิด
1. น้ำมันเครื่องชนิดธรรมดา มีระยะเวลาใช้งานประมาณ 4,000 กิโลเมตร
2. น้ำมันเครื่องกึ่งสังเคราะห์ มีระยะเวลาใช้งานประมาณ 7,000 กิโลเมตร
3. น้ำมันเครื่องสังเคราะห์ มีระยะเวลาใช้งานประมาณ 10,000 กิโลเมตร
ตัวอย่างการเลือกซื้อ เช่น รหัส 5w - 30
ตัวเลข 5w หมายถึงค่าความข้นใส การทนต่อสภาพอากาศที่หนาวเย็น ยิ่งตัวเลขน้อยยิ่งทนได้มากขึ้น และตัวเลขมากจะเหมาะสำหรับอุณหภูมิสูงๆ ครับ
ตัวเลข 30 หมายถึงค่าความหนืด ยิ่งน้อย ยิ่งมีความหนืดน้อย หรือลื่นมากนั่นเอง ถ้าหากรถคุณมีอาการกินน้ำมันเครื่องจากการใช้เครื่องยนต์หนัก หรือเครื่องยนต์มีอายุมาก ก็ให้เพิ่มเลขท้ายเป็นเบอร์ 40-50 ได้เลย เพื่อเพิ่มความหนืดน้ำมันเครื่อง ป้องกันการรั่วของกำลังอัด สำหรับอากาศประเทศไทยให้ดูเลขท้ายน้ำมันเครื่องเป็นหลักครับ
เกรดน้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์เบนซิน
สังเกตตัวอักษร S คือ เครื่องยนต์เบนซิน ตามหลังคำว่า API และจะนำหน้าเกรดของน้ำมันเครื่องนั้นๆ ซึ่งจะเรียงลำดับจาก เกรดที่ต่ำสุด-เกรดที่สูงสุด เช่น น้ำมันเครื่องตัวนี้ระบุเกรด L ตัวอักษรข้างกระป๋องก็จะระบุว่า API SL คือ S เครื่องเบนซิน เกรด L เป็นต้น
เกรดน้ำมันเครื่องสำหรับเครื่องยนต์ ดีเซล
สังเกตตัวอักษร C คือ เครื่องยนต์ดีเซล ตามหลังคำว่า API และจะนำหน้าเกรดของน้ำมันเครื่องนั้นๆ ซึ่งจะเรียงลำดับจากเกรดที่ต่ำสุด-เกรดที่สูงสุด เช่น น้ำมันเครื่องตัวนี้ระบุเกรด Lตัวอักษรข้างกระป๋องก็จะระบุว่า API CL คือ C เครื่องดีเซล เกรด L เป็นต้น
สำหรับการถ่ายน้ำมันเครื่องไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก หากคุณใช้งานปกติก็บำรุงรักษาตามคู่มือรถได้เลย ส่วนจะเลือกถ่ายน้ำมันเครื่องที่ศูนย์บริการ หรือมีอู่ประจำก็เลือกได้ตามสะดวก ส่วนใครที่มีความเป็นช่างก็สามารถเปลี่ยนถ่ายเองได้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก อย่าลืมน้ำมันเครื่องเก่าเอาไปขายได้นะครับ
sanook.com
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
จันทร์, 15 พฤษภาคม 2017 20:15 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
ไฟไอติมคืออะไร ทำไมถึงห้ามใส่?

ไฟไอติมหรือที่รู้จักกันอีกชื่อ ไฟหรี่เลี้ยว ถือเป็นไฟที่มีสีสันต่างๆ ให้เลือกมากมาย แถมยังมีความสว่างมากกว่าไฟปกติ ที่ติดออกมาจากโรงงาน นอกจากนี้มันยังมีให้เลือกใช้ทั้งแบบหลอดธรรมดา และแบบหลอด LED อีกด้วย
ซึ่งส่วนใหญ่รถที่นำมาใส่กันจะเป็นรถแต่ง เพราะมันดูแตกต่าง ดูเท่ และสวยไม่เหมือนใครนั่นเอง แต่ด้วยความสวยงามที่โดดเด่น และความสว่างที่มีมากเกินไป ทำให้มันถูกขึ้นบัญชีเป็นไฟที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากมันได้สร้างความรำคาญให้กับผู้ร่วมทางคนอื่น คนที่ขับรถตามหลังอาจตาพร่า ปวดตา มองเส้นทางไม่ชัดเจนจนอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุขึ้นได้
สำหรับสาเหตุที่เรียกกันว่าไฟติม เพราะรูปร่างลักษณะของมันคล้ายกับกับไอศกรีมนั่นเอง และด้วยความที่ขั้วหลอดของมันสามารถใส่กับรถปกติทั่วไปได้ทุกรุ่น (ไม่ต้องดัดแปลงอะไร) แถมยังมีสีให้เลือกหลากหลาย เช่น ม่วง เขียว ชมพู ส้ม ฟ้า น้ำเงิน และขาว ฯลฯ และที่เห็นส่วนใหญ่มักจะเลือกใช้ สีขาว สีฟ้า และสีน้ำเงิน (ซึ่งนับเป็นสีที่มีความสว่าง และแสบตาที่สุด)
ส่วนราคาค่าตัวของหลอดไฟประเภทนี้ก็ไม่ได้แพงอะไรมากมาย ตกคู่หนึ่งเกือบๆ พันบาทเท่านั้น และด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มันหาซื้อได้ง่ายมากยิ่งขึ้น และยังฮอตฮิตเป็นกระแสอยู่จนถึงทุกวันนี้
การติดไฟไอติมหรือไฟหรี่เลี้ยว นอกจากจะผิดกฎหมาย โดนปรับไม่เกิน 2,000 บาทแล้ว มันยังสร้างความลำบาก ความรำคาญให้กับเพื่อนร่วมทางคนอื่นๆ ในเวลาค่ำคืนอีกด้วย เป็นไปได้ก็อย่าซื้อ หรือหามาติดกันเลยครับ นอกจากนี้หากใช้ในช่วงเวลากลางวัน เวลาเปิดไฟเลี้ยวแทบจะมองไม่เห็นมันเลย ซึ่งมันเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุมากๆ
d-credit


เข้าร่วม: 07 พฤษภาคม 2014
ตอบ: 271

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 0
ให้คำขอบคุณ: 0
ศุกร์, 19 พฤษภาคม 2017 15:11 - สินเชื่อรถยนต์ รถแลกเงิน รถผ่อนอยู้ก็กู้ได้ ไม่เช็คแบล็คลิส ติดแบล็คลิสก็จัดได้
เสียงหอนจากรถยนต์ เกิดขึ้นจากอะไรได้บ้าง?

รถยนต์ที่คุณใช้งานอยู่ทุกวัน เมื่อถึงช่วงเวลาหนึ่งอาจจะเริ่มมีปัญหาเกิดขึ้น ทั้งจากการใช้งานอย่างสมบุกสมบัน หรืออาจเกิดจากอายุของรถที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ฯลฯ ซึ่งนั่นอาจส่งผลให้มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในขณะที่รถของคุณกำลังวิ่งอยู่ เช่น เสียงหอนจากรถยนต์

เสียงหอนจากรถยนต์ อาจหอนป็นระยะหรืออาจหอนแบบต่อเนื่องก็ได้ ซึ่งสาเหตุที่ทำให้มันเกิดขึ้นมีอยู่หลายปัจจัย เช่น การใช้งานแบบไม่ระวัง, ไม่ได้ดูแลรักษา หรือเปลี่ยนอะไหล่ตามกำหนด, ปล่อยปละละเลยอาการผิดปกติจนลุกลามไปส่วนอื่นๆ ฯลฯ

สำหรับชิ้นส่วนที่มักจะเกิดเสียงหอนบ่อยที่สุด หลักๆ จะมีอยู่ 3 จุด ดังนี้

1. เสียงหอนจากยางรถยนต์ มักจะหอนเมื่อขับรถไปถึงช่วงความเร็วหนึ่งมากกว่า ส่วนสาเหตุที่ทำให้หอนอาจเป็นเพราะ ยางเริ่มเสื่อมสภาพ ให้ลองเช็กดูก่อนว่า ยางบวม ดอกยางกินไม่เท่ากัน กินข้างใดข้างหนึ่ง กินเป็นบั้งหรือไม่ หากพบเจอตามอาการที่กล่าวมา ก็ควรจะเปลี่ยนเป็นยางเส้นใหม่ นอกจากนี้ให้ตรวจเช็กดูช่วงล่างด้วย เพราะเหตุที่ทำให้ยางเป็นแบบนั้น แสดงว่าช่วงล่างรถยนต์ของคุณเริ่มมีปัญหาแล้ว

2. เสียงหอนจากลูกปืนล้อรถยนต์ ยิ่งวิ่งยิ่งดังยิ่งหอนชัดเจน แม้แรกๆ จะน่ารำคาญเรื่องเสียง แต่หากปล่อยไว้นานๆ เสียงจะดังขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งลูกปืนแตกคาล้อ ทีนี้แหละรถก็จะขับไปไหนต่อไม่ได้ ต้องเรียกรถยกลากเข้าอู่สถานเดียว ทางที่ดีถ้าเริ่มได้ยินเสียง ควรจะรีบนำรถไปตรวจเช็กให้ไวจะดีกว่า

3. เสียงหอนจากเครื่องยนต์ ส่วนใหญ่จะเกิดกับพวกลูกปืนในห้องเครื่องที่พาดกับสายพานต่างๆ เช่น ลูกปืนเพาเวอร์, ลูกปืนพูลเล่ย์, ลูกปืนไดชาร์จ, ปั๊มน้ำ, คอมแอร์ ฯลฯ และหากคุณไม่มีความรู้ ไม่สามารถระบุได้ว่าดังมาจากชิ้นส่วนใด ให้นำรถเข้าไปตรวจสอบกับช่างผู้เชี่ยวชาญดีกว่า เพื่อจะได้ทราบถึงต้นตอปัญหา และทำการซ่อมแซม หรือแก้ไขได้ถูกจุด เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นานๆ มันอาจเสียหายหนักขึ้น และลามไปยังส่วนอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมีวิธีการตรวจสอบเบื้องต้นว่ารถของคุณ เกิดเสียงหอนดังมาจากส่วนใดระหว่าง ยางรถยนต์ หรือลูกปืนล้อ ซึ่งขั้นตอนก็ง่ายๆ เพียงแค่ยกรถของคุณให้ลอยจากพื้น (จะใช้ฮอยยกรถ หรือใช้แม่แรงยกขึ้นก็ได้ ตามความสะดวก) แล้วสตาร์ทรถ เข้าเกียร์ และเหยียบคันเร่งให้ล้อหมุน สังเกตฟังเสียงให้ดี หากไม่มีเสียงหอน แปลว่าไม่ได้เป็นที่ลูกปืน สาเหตุเกิดจากยางรถยนต์แน่นอน

หากเกิดเสียงหอนหรือความผิดปกติอื่นๆ กับรถยนต์ของคุณ อย่าได้นิ่งนอนใจ คุณควรที่จะรีบนำรถไปตรวจเช็กให้เรียบร้อย เพราะหากเกิดปัญหาระหว่างขับขี่ขึ้นมา อาจเกิดอุบัติเหตุ และอันตรายขึ้นได้

sanook
ตอบ
หน้า 7 จาก 9
ไปที่: 
ติดต่อโฆษณา admin@civicesgroup.com
Copyright © 2008-2024 Civic ES Group. All rights reserved.