กระทู้ DIY แต่เหมือนมาเล่าให้ฟัง
"จุดเริ่มต้น"
เกิดจากเมื่อปีก่อน ได้ไปติดตั้ง เกจ์ มา 1 ชุดประกอบด้วย Volt, water temp ,Oil press , Oil temp ปัญหาเลยตามมาทันที คือเวลานึกสนุกบนทางด่วนถนนว่างๆหลังเที่ยงคืน ก็ลองกระทืบคันเร่งแช่รอบที่เกือบๆ 7 พัน เกจ์ oil temp ก็กวาดขึ้นจากระดับปรกติที่ประมาณ 100 องศาไปเป็น 120 องศา ในระยะทางไม่ถึง 10 กม. เสียงเตือนของเกจ์ที่ตั้งเตือนไว้ที่ 120 องศาก็ดังสนั่นหวั่นไหวจนต้องยกเท้าขึ้นโดยฉับพลัน พร้อมกับอารมณ์เซ็งขึ้นมาทันที
เลยเกิดความคิดว่าน่าจะหา Oil cooler ติดซักชุด (เพื่อนที่นั่งไปด้วยบอก ก็ถอดเกจ์ออกดิจะได้จบ ดูความคิดมัน) ก็เริ่มหาข้อมูลมาซักระยะแบบไม่ได้จริงจังอะไรมาก เห็นมีชุดสำเร็จขายอยู่หลายยี่ห้อ แต่ที่ไม่ค่อยชอบคือ ทุกยี่ห้อต้องติดตั้งบริเวณหน้าแผงคอยล์ร้อนแอร์ เพื่อแย่งลมเย็นที่ผ่านช่องกันชนที่เล็กนิเดียว ซึ่งอาจทำให้การระบายความร้อนของแอร์และหม้อน้ำแย่ลง ก็เลยพักโครงการไประยะหนึ่ง จนกระทั่งวันหนึ่งไปย้ายของจากห้องเก็บของแล้วบังเอิญไปเจอเจ้าสิ่งนี้
ตามรูปด้านบน มันคือหม้อน้ำสำหรับระบายความร้อน CPU คอมพิวเตอร์(ใครที่เล่น overclock น่าจะรู้จักดี)ตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัย ไม่อยากไล่ปีเลยนานอยู่ แต่สภาพยังดีใช้ได้ และสามารถติดพัดลมขนาด 12 ซม.ได้ ไม่จำเป็นต้องติดตั้งไว้หน้าแผงแอร์ ก็เลยเป็นแรงกระตุ้นให้เริ่มโครงการ Oil cooler อีกครั้ง จากการนั่งมองหม้อน้ำตัวนี้ซักพัก ความคิดต่างๆก็เข้ามาในหัวมากมาย ข้อดี-ข้อเสีย เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเริ่มกังวล ทั้งหลายทั้งปวงสรุปมาเป็นข้อสงสัยที่กังวลอยู่ 3 ข้อใหญ่ ๆ
1.ขนาดท่อทองแดงของหม้อน้ำ 8 mm. เพียงพอต่อการไหลของน้ำมันเครื่อง ทั้งระบบหรือไม่
ได้คำตอบช่างเครื่อง : ไม่น่ามีปัญหาท่อส่งน้ำมันเครื่องในเครื่องเล็กกว่านี้ตั้งเยอะ
2.หม้อน้ำจะทนแรงดันได้หรือไม่
ได้คำตอบจากช่างตีหม้อน้ำว่า : ท่อทองแดงขนาดนี้ ความหนาขนาดนี้ น่าจะทนแรงดันได้ไม่เกิน 10.0 บาร์
ข้อ 2 นี้ผมสรุปเอาเองว่าใช้ได้เพราะว่า ปรกติสตาร์ทรถตอนเครื่องเย็นแรงดันน้ำมันเครื่องสูงสุดก็ไม่เกิน 6.0 บาร์
3.หลังจากติดตั้งเสร็จ แรงดันทั้งระบบจะลดลงขนาดไหน
ข้อนี้ผมทำใจไว้แล้ว เพราะจะรู้ก็ต่อเมื่อติดตั้งเสร็จ รอดูเกจ์แรงดันหลังติดตั้ง ถ้าดี ก็ใช้ต่อ ถ้าแย่ก็ถอดออกปิดโปรเจคไป
เมื่อตอบคำถามตัวเองได้หมด ก็เริ่มกันเลย
Project : Engine Oil Cooler version 1
อุปกรณที่ต้องหาเพิ่ม
1.อแดปเตอร์ oil cooler
2.ชุดข้อต่อทองเหลืองต่างๆ(ผมจำขนาดไม่ได้ทุกตัวนะครับ แต่ต่อออกจากอแดปเตอร์ และไปจบที่หางปลาเสียบท่อขนาด 5/16")
2.1 ข้อต่อตรงเกลียวนอกต่อจากอแดปเตอร์ 2 ตัว
2.2 ข้องอเกลียวใน 90 องศา 2 ตัว
2.3 หางปลาเสียบสายขนาด 5/16"(8 mm.) 4 ตัว ใช้ที่อแดปเตอร์ 2 ตัวเชื่อมติดที่หม้อน้ำ 2 ตัว
3.สายน้ำมันทนความร้อนขนาด 5/16" ผมใช้สายน้ำมันเชื้อเพลิง R7 ความยาวไปกลับ 3 m.
4.เข็มขัดรัดสายยาง 4 ตัว
5.กระดูกงูร้อยสายน้ำมันกันเสียดสีกับตัวถัง 3 m.
6.แผงออยคูเลอร์ ใช้หม้อน้ำคอมพิวเตอร์ตามที่เกริ่นมา
7.พัดลมแผงออย เบื้อต้นใช้พัดลมเคสคอมพิวเตอร์ขนาด12 cmไปก่อน
8.เหล็กรูสำหรับยึดแผงออย
9.น๊อตยึดต่างๆ
10.กาวทาปะเก็น
11.ผ้าพันเกลียว
มาเริ่มติดตั้งกัน
1.นำแผงออย ไปเชื่อมหางปลาเสียบสาย และเช็ครั่ว ต่างๆ (ทำโดยช่างผู้ชำนาญ)
2.นำพัดลมมาประกอบกับแผงออย
3.นำแผงออยไปติดตั้งกับตัวรถ(ติดตั้งได้ด้วยตัวเอง)
3.1 ถอดกันชนหน้ารถออก
3.2 ตำแหน่งที่ติดตั้งคือด้านหน้าฝั่งคนขับ จะมีพื้นที่ว่างอยู่
3.3 ยึดแผงออยเข้ากับตัวถังรถ ด้วยเหล็กรู ตามความเหมาะสม แต่ต้องแข็งแรง
4.ประกอบข้อต่อทองเหลืองเข้ากับอแดปเตอร์ตามรูป ใช้ผ้าพันเกลียวพันทุกจุดที่ทองเหลืองต่อกับทองเหลือง
และใช้กาวทาปะเก็นทาเกลียวบริเวณข้อต่อตรงทองเหลืองต่อกับอแดปเตอร์ เพื่อกันรั่ว
5.นำอแดปเตอร์ไปติดตั้ง ต่อสายยางจากอแดปเตอร์ไปแผงออยร้อยท่อกระดูกงูป้องกันการเสียดสี โดยสายจะวางไปตามคานแท่นเครื่อง รัดด้วย cable tir ให้แน่น ข้อควรระวังอย่าไปยึดกับปีกนก เพราะปีกนกเคลื่อนไหวตลอดเวลา ท่อยางจะเสียหาย
ตำแน่งที่ติดตั้งอแด็ปเตอร์ คือ นำไปแทรกกลางกระหว่างท่อน้ำมันเครื่องกับกรองน้ำมันเครื่อง ซึ่งมีพื้นที่จำกัดมาก กว่าจะได้ทิศทางที่ลงตัว ผมต้องเสียค่าข้อต่อทองเหลืองไปเยอะเหมือนกัน หลังจากติดตั้งอแดปเตอร์ได้ ก็มีปัญหาตามมา 2 อย่าง คือ 1.เมื่อนำเซ็นเซอร์ Oil temp มาใส่กับอแดปเตอร์ตัวนี้ เกิดการยัน ขันเกลียวได้ไม่สุด ตอนแรกช่างจะตัดให้สั้นลง แต่ผมกลัวว่าการวัดค่าจะเพี้ยน แต่ปัญหานี้แก้ได้แบบงงๆปนฟลุ๊กเหมือนกัน คือ ผมให้ลองถอดเซ็นเซอร์ Water temp มาเทียบ ปรากฎว่า เซ็นเซอร์ Water tempสั้นกว่า 4 mm. เลยจับสลับกันเลย ใส่ได้พอดี จบไปหนึ่งเรื่อง
2.เซ็นเซอร์ Oil Press ที่มีขนาดใหญ ไม่สามรถติดตั้งในตำแหน่งเดิมที่วัดแรงดันออกจากปั๊มน้ำมันเครื่องได้ จึงต้องสลับตำแหน่งกับเซ็นเซอร์ Oil temp ซึ่งเป็นการวัดแรงดันจากแผงออยมาเข้ากรอง แทน
6.ต่อสายไฟพัดลม พัดลมที่ใช้กินกระแสไฟประมาณ 0.5 แอมป์ จึงไม่จำเป็นต้องต่อรีเลย์เพิ่ม แต่ปัญหาคือจะต่อไฟมาจากไหนละ
ถ้าต่อมาจากพัดลมหม้อน้ำ เมื่อขับรถเร็วๆ ลมผ่านเยอะน้ำไม่ร้อน พัดลมก็ไม่ทำงาน
ถ้าต่อจากพัดลมแอร์ ถ้าอยากซิ่ง ต้องปิดแอร์ พัดลมก็ไม่ทำงาน
ถ้าต่อสวิทย์แยก ก็ไม่อยากมาปิดเปิดบ่อย
ช่างเริ่มเซ็งแระ ผมเลยให้ต่อจากพัดลมแอร์ไว้ก่อน
เป็นอันเสร็จเรียบร้อยในขั้นตอนติดตั้ง
ต่อไปเป็นผลการทดสอบ ลุ้นเหมือนกัน
-เริ่มสตาร์ทครั้งแรก ปรากฎว่ารั่วครับ บริเวณระหว่างข้อต่อทองเหลืองกับอแดปเตอร์(ครั้งแรกยังไม่ได้อัดกาว) ต้องรื้อออกอัดกาว ใจแป้วเหมือนกันนึกว่าต้องจบโปรเจ็คซะแล้ว
-สตาร์ทครั้งสอง ไม่รั่ว ใจเริ่มดีขึ้น ดับเครื่อง เช็คระดับน้ำมันเครื่องแล้วเติมน้ำมันเครื่องเพิ่มประมาณครึ่งลิตรได้
-เมื่อเช็คทุกอย่างเรียบร้อย ทุกจุดไม่รัั่ว ระดับน้ำมันเครื่องปรกติ ต่อไปลองมาดูแรงดันน้ำมันเครื่องกันปรากฎว่า
เหลือไม่ถึง 3 บาร์ เร่งเครื่องจนรอบตัดก็ได้ไม่เกินนี้ จากก่อนติดตั้ง เกือบ 6 บาร์ ทำไมหายไปเยอะจัง
อึ้งไปแป๊บนึง ในใจคิดว่า เอาแล้ว เสียเงิน เสียเวลา ฟรีแน่เลย ใจอยู่ที่ตาตุ่ม ต้องรื้อทิ้งแน่เลย
พอเริ่มตั้งสติได้ ก็ลองเก็บข้อมูลไว้หน่อยเผื่อไว้ปรับปรุง
เครื่องเย็นสนิท รอบเดินเบา Oil press 2.7 บาร์ เร่งจนรอบตัด เกือบ 3 บาร์
ที่ Oil temp 100 องศา รอบเดินเบา Oil press จะอยู่ที่ 1.2 บาร์ เมื่อเร่งเครื่องจนรอบตัด Oil Press จะอยู่ที่ 2.0 บาร์
มีจุดสังเกตว่า แรงดันสวิง ขึ้น-ลงไม่นิ่ง บางครั้งเร่งเครื่องแรงดันลดก็มี เลยถามช่างที่ติดตั้งได้คำอธิบายว่า น่าจะเกิดจากเซ็นเซอร์Oil Press ติดตั้งในทิศทางขวางทางเดินน้ำมันเครื่อง ทำให้น้ำมันเครื่องไหลไม่นิ่ง แรงดันที่วัดได้เลย ขึ้นๆลงๆ
ตรงนี้สำคัญ
ผมถามต่อว่าแล้วแรงดันขนาดนี้ พอที่จะหล่อลื่นภายในเครื่องหรือไม่
ช่างเปิดฝาน้ำมันเครื่อง เร่งเครื่อง แล้วมองไปช่องฝา แล้วตอบสั้นๆว่า พอแน่นอน
ช่างคงเห็นผมงงๆ เลยนำกระดาษทิชชู่ซ้อนกันหลายๆแผ่น แล้วมาอุดช่องเติมน้ำมันเครื่อง แล้งเร่งเครื่องเต็มที่ กระดาษทิชชู่เปียกชุ่มด้วยน้ำมันเครื่องที่กระเด็นออกมา ช่างบอกว่าถ้าน้ำมันเครื่องขึ้นมาบนวาล์วเยอะขนาดนี้ พอแน่นอน (ไม่ห็นช่างจะสนใจแรงดันที่เกจ์เท่าไรเลย) เอาวะ พอก็พอเป็นไงเป็นกัน พังก็พัง จะได้รู้กันไป
แทรกรูป วิธีการที่ช่างใช้ตรวจสอบ ผมทำให้ดู เอากระดาษทิชชู่ซ้อนกันหลายๆชั้นปิดแทนฝาน้ำมันเครื่องแล้วเร่งเครื่อง
น้ำมันมันบางส่วนจะกระเด็นมาถูกกระดาษทิศชู่จนชุ่มทุกแผ่น แสดงว่าภายในฝาวาล์มีน้ำมันเครื่องเยอะเพียงพอต่อการหล่อลื่น
-ประกอบเสร็จบ่าย ตอนเย็นขับรถจากเมืองทองธานี ไปทำธุระที่อุทัยธานีเลยทันที อากาศวันนั้นที่จำได้ร้อนมาก พอขึ้นทางด่วนเมืองทองได้ได้ก็กดเลย ความร้อนเริ่มต้น90องศาและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแต่ช้ากว่าก่อนติดตั้งอย่างชัดเจน แรงดันสวิงขึ้นลงที่ 2 บาร์
-กดคันเร่งแช่ 6500 รอบยาวๆเกจ์มาร้องเตือนอุณหภูมิ120 องศาตอนก่อนถึงทางออก ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต แรงดันอยู่ที่ 1.7 บาร์และยังสวิงขึ้นลง ระยะทางที่วิ่งเกือบ 20 กม.(แช่รอบได้ยาวกว่า ตอนก่อนติดตั้งแล้ว) เลยยกคันเร่ง และวิ่งวอร์มดาวน์จนสุดทาง ความร้อนลดลงเหลือประมาณ 105 องศาได้
-พอเข้าถนน 347 บางปะหัน เจอ BMW ป้ายแดงแซงไป ตบะแตกอีกครั้ง วิ่งตามไปแบบติดๆ จนเกจ์ร้องอีกครั้ง รถไม่เยอะเลยถ่ายถ่ายรูปไว้ได้แบบเบลอๆหน่อย
หลังจาก หาข้อมูลด้วยตนเอง ถามผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ลองผิดลองถูก และความใจกล้า จนเกิดเป็นโปรเจคนี้ขึ้นมาได้ และ ผลลัพท์ที่ได้ ก็ตอบโจทย์ที่ตั้งไว้ได้ดี ระดับที่ยอมรับได้ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็ต้องปรับปรุง แก้ไขต่อไป
ขอจบ Project : Engine Oil Cooler version 1 ตรงนี้ครับ
ถ้าใครอ่านแล้วยังไม่เวียนหัวจนอ้วก เชิญอ่านต่อ version 1.1 , 1.2 , 1.3ด้านล่างครับ