เนื่องจาก รถผม es 04 มีน้ำเข้าใต้พรมทั้งคัน ส่วนพรมถ้ามองและสำผัสจากด้านบนก็ปกติดีถ้าไม่รื้อดูไม่รู้ว่าน้ำเข้าแน่ครับ ผมตรวจสอบเองโดยการเอานิ้วมือสอดไปใต้พรมใต้เบาะฝั่งผู้โดยสารและคนขับ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ปรากฎว่าเปียกชุ่มทั้งคันครับซึมขึ้นไปถึงฟองน้ำถาดยางวางเท้าใต้คอนโซล เริ่มมีกลิ่นอับแล้วด้วย ผมเลยลงมือเองกับน้องชายผมถอดเบาะฝั่งผู้โดยสาร(ด้านหน้า)ออกเพื่อดูใต้พรมว่าน้ำเข้ามาทางใด เนื่องจากตอนนี้ผมมีข้อสัญนิจฐานอยู่ 3 ข้อดังนี้ครับ
1. น้ำทิ้งแอร์อาจจะรั่วเนื่องจากเพิ่งถอดตู้แอร์ไปล้างมาเมื่อเดือนก่อน
2.น้ำอาจจะเข้าจากด้านช่วงล่างเนื่องจากอาทิตย์ก่อนผมเอาไปขึ้นฮ้อย ล้างอัดฉีดมา
3. ตามซีลขอบประตูและรูสายไฟต่างๆ เนื่องจากผมไปติดกันโขมยและเซ็นเซอร์จอดหน้าหลังมา
ปรากฎว่าพบจุกยางหลุดอยู่ใต้พรม 2 ตัว(ด้านซ้าย 1 และขวาอีก 1) ผมซับน้ำที่ซึมเข้ามาออกไปเยอะมาก(พอๆกับน้ำตาเราที่ซึมออกมาด้วย
) แต่หาที่มาไม่เจอครับพื้นตัวถังรถก็ปกติดี จัดการถอดพรมออกฝั่งด้านซ้ายทั้งแถบ ทำการเลาะเอาฉนวนกันความร้อนใต้พรมออกทั้งแถบเอามาซักและตากให้แห้ง(ทำฝั่งเดียวก่อนเนื่องจากผมคิดว่าถ้าไม่เจอรูก็จะเอาเข้าร้านให้เขาเช็คและเปลี่ยนพื้นพรมใหม่ทั้งคัน) หลังจากซักฉนวนผ้ารองใต้พื้นพรมและรอจนแห้งเสร็จแล้วจึงประกอบเข้าเหมือนเดิม เพราะผมต้องรีบเดินทางเข้า กทม. พร้อมกับทิ้งปัญหาคาใจไว้ก่อน วันต่อมาผมก็เอารถไปให้ช่างแอร์ดูว่าตู้แอร์หรือท่อน้ำทิ้งแอร์รั่วหรือเปล่า ผลปรากฎว่าไม่รั่วครับแน่นตึบ เลยจ่ายค่าเปิดพี่เขาไปครับพี่เขาไม่เอาแต่ผมให้เพื่อเป็นน้ำใจ...วิ่งต่อไปอีก 2 วันเอามือเช็คใต้พรมยังแห้งดี เป็นอันว่าข้อสัญนิจฐานข้อที่ 1.ตกไป
ผมเลยเอารถไปถ่ายน้ำมั้นเครื่องและน้ำมันเกียร์ + เจียรจารเบรคงานนี้มีขึ้นฮ้อย(ไฮดรอลิคส์)เลยถือโอกาสเช็ครอยรั่วด้านล่างใต้ท้องรถ ปรากฎว่าแน่นหนึบเหมือนเดิมครับไม่มีร่งรอยอะไร เป็นอันว่าข้อสัญนิจฐานข้อที่ 2.ก็ตกไปอีก
สุดท้ายเลยลองของครับเอารถจอดตากฝนเต็มๆ 1 คืนปรากฏว่าตอนเช้ามีน้ำซึมเพิ่มเข้ามาด้านใต้พรมด้านที่ผมถอดซักไปก่อนหน้านี้ เลยมีความมั่นใจมากพอที่จะกล้าเอาลูกชายสุดที่รักไปให้ช่างรื้อเพื่ออุดรูรั่วและเปลี่ยนพรม มาถึงร้านทำพรม ปรากฎว่าช่างเขางานเยอะมากเลยไม่รับ ผมแหงะมองไปเห็นร้านทำแอร์และล้างตู้แอร์รถยนต์+รับทำเครื่องเสียงรถยนต์ฝีมือระดับแช็มป์ ปทท ถ้วยเต็มร้านเลย จึงแอบๆไปถามเขาว่าพี่ครับรับเช็คอุดรูรั่วและเปลี่ยนพรมไหมครับ(คำถามโง่ๆอิๆ เห็นๆว่าร้านเครื่องเสียงรถยนต์ชัดๆ
) คำตอบจากพี่เจ้าของร้านคือ" รับทำครับ " ผมเลยให้พี่แกพร้อมกับลูกน้องพี่เขาอีก 4 คนจัดการทำทันที พี่แกพูดขึ้นมาอย่างกับรู้ว่า น้ำน่าจะซึมเข้าทางแก้มข้างแน่นอน เบื้องต้นพี่เขาก็เช็คท่อน้ำทิ้งแอร์ก่อนปากฎว่าแน่นหนึบไม่รั่ว เลยถอดเบาะออกเพื่อจะรื้อพรมปูพื้นออกทั้งคัน อีกทีมก็ทำการถอดคิ้วกระจกบังลมหน้า(ด้านท้ายฝากระโปรง) หลังจากนั้นพี่เขาก็จัดทีมทำการเทสหารอยรั่วทันทีโดยการฉีดน้ำไปทีละจุด ปรากฏว่าไม่นานก็พบรอยที่น้ำซึมเข้ามาครับ คือบริเวณด้านข้างแก้มซ้ายและขวาใต้คอนโซล เลยทำการเอาซิลิโคนอุด รอให้แห้ง แล้วเทสซ้ำอีก เจอซึมๆข้างแก้มขวาอีกเลยอุด และเทสซ้ำอีกรอบจนแน่นไม่ซึมแล้วแน่นอนจึงทำการเป่ารถให้แห้ง ตากแดดทิ้งไว้วันนึง(ผมทิ้งรถที่ร้านพี่เขาเลยครับพี่เขาบอกว่ากลางคืนจะเอาจอดข้างในร้านผมเลยสบายใจ) เช้าวันต่อมา 9.30 น. ผมไปถึงร้านพี่เขา เห็นเทสซ้ำอีกรอบเพื่อความชัวร์ ปรากฎว่าแน่นตึบไม่รั่วแล้วครับ เลยจัดการตัดฉนวนปูพื้นบุใหม่ทั้งแผ่นปูพรมที่ตากไว้จนแห้งสนิทแล้ว ก็ใส่เบาะเสร็จสรรพ ก็ใช้เวลาไป เกือบๆ 2 วัน ค่าใช้จ่ายทั้งหมด ค่าตรวจสอบรูรั่วและอุด ค่าฉนวนบุใต้พื้นพรมทั้งคัน ค่าแรง เบ็ดเสร็จ 1,500 บาทผมเองว่าไม่แพงเลย ผมลองวิ่งตากฝนกลับ กทม.ตากฝนไปด้วยช่วงอยุธยา-ปทุมธานี (เส้น 347) มาถึงที่พักที่รังสิตเช็คดูใต้พรมก็แห้งสนิทครับ งานพี่เขาระเอียดดีครับเนื่องจากช่างที่ทำเครื่องเสียงติดรถยนต์เขาจะเก่งเรื่อง wiring และอุดรูหรือบุฉนวนต่างๆครับ เรื่องการอุดรูรั่วนี่เขาจะทำบ่อยเพราะต้องเจาะๆอุดๆบุฉนวนอยู่เป็นประจำครับ เล่ามาซะยืดยาวหวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่เพื่อนๆพี่ๆน้องๆบ้างไม่มากก็น้อยครับ
ผมไปนั่งดูพี่เขาทำมาเลยได้ความรู้หลายอย่างเลยครับ คิดว่าเราก็ทำเองได้ไม่ยากครับ 2 คนก็ทำได้แล้วทั้งบุพรมเช็ครูรั้วและอุดรูรั่ว ค่าใช้จ่ายไม่น่าเกิน 500 บาท