ตอบ
wutdy


ชื่อเล่น: วูดดี้

เข้าร่วม: 13 มกรา 2010
ตอบ: 895

Guru ES
Guru ES

ได้รับคำขอบคุณ: 1250
ให้คำขอบคุณ: 235

ปี: 2001
จันทร์, 27 เมษา 2015 15:45 - สอบถาม ไฟ abs + ไฟเบรคมือข้างที่หน้าปัด รถ start ไม่ติด
ปัญหาคือ ตอนนี้มีไฟ abs + เบรคมือข้างที่หน้าปัด ต้อง start ใหม่ถึงหายครับ 

ปัญหาต่อมา อาการเดิม + start ไม่ติดเพิ่มเติม โดยไฟ im ขึ้นข้างที่หน้าปัด เมื่อบิดเอากุญแจออก ไฟกันขโมย + ไฟแก็สขึ้นโชว์ข้าง โดยที่ไม่ได้กดรีโมท ใดๆ ทั้งสิ้นครับ

ทีนี้สังเกตุอาการเลยคิดว่าไฟแบ็ตอ่อน เลยจั้มไฟ start ได้ปกติ แต่ไฟ abs + เบรคมือยังขึ้นข้างอยู่ ต้องดับเครื่องและ start ใหม่ เลยวิ่งวนรอบเพื่อเก็บไฟเข้าแบ๊ตก่อนไปเปลี่ยนช่วงเย็น ทีนี้พอช่วงบ่ายก็ start ไม่ติดอีกครั้ง อาการเดิมครับ

สรุปแบ็ตหมด แต่ประเด็นคือว่า แบ็ตพึ่งเปลี่ยนได้ไม่ถึง 6 เดือนครับ เช็คที่คั่วแบ็ต ไฟไม่ได้รั่ว และไดชาร์ตสามารถชาร์ตไฟเข้าได้ปกติครับ

ใครเคยเจออาการดังกล่าวบ้าง

ปล.ลองถามช่างบอกอาจเป็นที่กันขโมย หรือไม่ก็วิทยุ 
todsapol


ชื่อเล่น: ทศ

เข้าร่วม: 24 เมษา 2014
ตอบ: 41

น้องใหม่
น้องใหม่

ได้รับคำขอบคุณ: 30
ให้คำขอบคุณ: 15

ที่อยู่: พระนครศรีอยุธยา
ปี: 2004
สี: เทา ซิลเวอร์สโตน (NH-630M)
พุธ, 29 เมษา 2015 15:08 - สอบถาม ไฟ abs + ไฟเบรคมือข้างที่หน้าปัด รถ start ไม่ติด
อาจจะเป็นที่สัญญานกันขโมยทำให้ไฟรวนถ้าโดนน้ำครับผมเคยอ่านเจอ ยังไงก็รอผู้รู้มาตอบอีกที
ได้รับคำขอบคุณจาก: wutdy  Mike Kitti Naeprai 
wutdy


ชื่อเล่น: วูดดี้

เข้าร่วม: 13 มกรา 2010
ตอบ: 895

Guru ES
Guru ES

ได้รับคำขอบคุณ: 1250
ให้คำขอบคุณ: 235

ปี: 2001
พุธ, 29 เมษา 2015 20:45 - สอบถาม ไฟ abs + ไฟเบรคมือข้างที่หน้าปัด รถ start ไม่ติด
todsapol พิมพ์ว่า:
อาจจะเป็นที่สัญญานกันขโมยทำให้ไฟรวนถ้าโดนน้ำครับผมเคยอ่านเจอ ยังไงก็รอผู้รู้มาตอบอีกที


ขอบคุณมากครับ จะลองเช็คดูครับ
ได้รับคำขอบคุณจาก: todsapol  Mike Kitti Naeprai 
srithanon


เข้าร่วม: 13 สิงหา 2009
ตอบ: 380

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 1324
ให้คำขอบคุณ: 4
จันทร์, 4 พฤษภาคม 2015 07:19 - สอบถาม ไฟ abs + ไฟเบรคมือข้างที่หน้าปัด รถ start ไม่ติด
บางครั้งตัวแบ็ตเตอรี่ก็มีปัญหาเก็บไฟไม่อยู่ แต่ก็มีส่วนน้อยมาก แต่เท่าท่ีี่พบที่ทำให้แบ็ตเตอรี่ไม่มีกระแสไฟตอนจอดรทิ้งไว้นานๆ หรือจอดข้ามคืน แล้วมาสตาร์ทจะไม่ติด เพราะมีปัจจัยเหตุมาจากระบบไฟในรถรนย์มันรั่วลงกราวด์ มาจากสาเหตุจากอุปกรณืต่อพ่วงของระบบเครื่องใช้พวกเครื่องเสียง ระบบป้องกันขโมย เกิดมีระบบไฟรั่วลงกราวด์จากชุดเพาเวอร์วัพพลายของเครื่องใช้ที่กล่าวมา ทำให้กระแสไฟจากแบ็ตเตอรี่ค่อยๆหมดลง ตามการรั่วของกระแสไฟ รั่วมากก็ใช้เวลาน้อยไฟในหม้อแบ็ตก็หมดเร็ว รั่วน้อยไฟในแบ็ตก็หมดช้าหน่อย แค่จะประมาณไม่เกิน 12 ชั่วโมง หากมีการรั่วของกระแสไฟประมาณ 5 Amp ตลอดเวลา

ดังนั้นการที่จะบอกว่าแบ็ตเสื่อมเก็บไฟไม่อยู่นั้น อย่าใช้ความรู้สสึกจากอาการที่แสดงว่าแบ็ตเก็บไฟไม่อยู่ ก็เลยคิดไเองว่าแบ็ตเสีย เราต้องตรวจเช็คการรั่วของกระไฟในระบบไฟของรถยนต์ก่อน ว่ามันรั่วจริงหรือเปล่า โดยใช้เครื่องมือ Digital clamp meter วัดกระแสไฟ DC โดยที่ตัวมิเตอร์จะมีก้ามแบบก้ามปูหนีบคร่อมกับสายไฟที่ต่อเข้ากับขั่วบวกของแบ็ตเตอรี่ทั้งหมด ก็จะทราบว่ามีกระแสไฟรั่วกี่แอมป์ โดยปกติทั่วไปแล้วจะมีการใช้กระแสไฟจากแบ็ตเตอรี่จำนวนเล็กน้อย ที่ใช้กับระบบไฟป้องกันขโมยและวงจรแบ็คอัพพวกเมมโมรีของเครื่องเสียงและระบบนาฬิกไฟฟ้า จะมีการใช้กระแสไฟไม่เกินประมาณ 300-400 มิลลิแอมป์ ยังไม่ถึงหนึ่งแอมป์

แต่เมื่อใดที่กระแสไฟที่อ่านได้จากมิเตอร์ มากกว่า 3-5 Amp นั้นหมายถึงว่าเกิเการรั่วของกระแสไฟในวงจรเครื่องใช้ที่เป็นเครื่องเสียงหรือเครื่องป้องกันขโมย ก็จะทำให้กระแสไฟจากแบ็ตเตอรีเริ่มหมดไป หากจอดรถนานๆ สองสามชั่วโมงยังไม่มีปัญหา ขึ้นอยู่กับรั่วน้อยหรือมาก ดังนั้นในกรณีนี้ควรตรวจเช็คตามที่กล่าวมาข้งต้น ก่อนที่จะมีมติจากความคิดว่าแบ็ตเสียหรือเสื่อม

สำหรับการแก้ปัญหาในกรณีที่เกิดไฟรั่วตามที่กล่าวมา ให้ทำตามดังนี้ ในขณะที่ใช้ clamp meter วัดคร่อมสายไฟ แล้วอ่านค่ากระแสไฟที่ขึ้นมากตามที่กล่าวมา (ในขณะทำการวัดไม่ต้องเปิดกุญแจรถตำแหน่งใดๆทั้งสิ้น)
จากนั้นให้ดึงสายไฟที่ต่อไปเข้าเครื่องเสียง หรือดังฟิวส์สายไฟที่ไปเข้าเครื่องป้องกันขโมยออก ทีละอย่าง เมื่อดึงออกก็ให้ดูที่ตัวมิเตอร์ว่ามีกระแสไฟลดลงหรือไม่ หากไม่ลดลงก็ดึงฟิวส์หรือสายไฟที่ต่อไปใช้กัวเครื่องเสียงต่างๆต่อไป จนครับหากพบว่าที่วงจรไฟที่ไปเข้าเครื่องใช้นั้นๆ เมื่อเอาออกแล้วทำให้กระแสไฟที่มิเตอรืลดลงมาเหลือ 3-4 ร้อยมิลลิแอมป์ ก็แสดงว่าชุดเครื่องใช้ไฟนั้นๆมีกระแสไฟรั่วลงกราวในระบบของชุดเพาเวอร์ซัพพลาย อาจจะมีพวกค่าคาปาซิเตอร์ ที่เป็นแบบอีเล็คโตรไลท์ ที่ทำหน้าที่ฟิลเตอร์และรักษาระดับไฟ มันรั่วลีคลงกราวด์

สมมุติว่าตรวจไฟตามเครื่องอุปกรณ์อีเลคโทรนิคส์ หมดแล้วยังมีการรั่วของกระแสไฟอีก คราวนี้ให้ลองเอาสายไฟ+ฺB ที่ตุดไดน์ชาร์จ คือสายไฟที่ต่อไฟชาร์จที่แบ็ตออก อาจจะรั่วที่ตัวไดโอดเร็คติฟลายบางตังในตัวไดชาร์จก็ได้ หรืออาจมีขั่วหของหลอดไฟส่องสว่างในรถหรือไฟหรีต่างๆ มันชอร์ทระหว่างขั่ว ก็เป็นได้ลองตรวจสอบดูครับ.....srithanon
ได้รับคำขอบคุณจาก: wutdy  Mike Kitti Naeprai 
wutdy


ชื่อเล่น: วูดดี้

เข้าร่วม: 13 มกรา 2010
ตอบ: 895

Guru ES
Guru ES

ได้รับคำขอบคุณ: 1250
ให้คำขอบคุณ: 235

ปี: 2001
จันทร์, 4 พฤษภาคม 2015 09:41 - สอบถาม ไฟ abs + ไฟเบรคมือข้างที่หน้าปัด รถ start ไม่ติด
srithanon พิมพ์ว่า:
บางครั้งตัวแบ็ตเตอรี่ก็มีปัญหาเก็บไฟไม่อยู่ แต่ก็มีส่วนน้อยมาก แต่เท่าท่ีี่พบที่ทำให้แบ็ตเตอรี่ไม่มีกระแสไฟตอนจอดรทิ้งไว้นานๆ หรือจอดข้ามคืน แล้วมาสตาร์ทจะไม่ติด เพราะมีปัจจัยเหตุมาจากระบบไฟในรถรนย์มันรั่วลงกราวด์ มาจากสาเหตุจากอุปกรณืต่อพ่วงของระบบเครื่องใช้พวกเครื่องเสียง ระบบป้องกันขโมย เกิดมีระบบไฟรั่วลงกราวด์จากชุดเพาเวอร์วัพพลายของเครื่องใช้ที่กล่าวมา ทำให้กระแสไฟจากแบ็ตเตอรี่ค่อยๆหมดลง ตามการรั่วของกระแสไฟ รั่วมากก็ใช้เวลาน้อยไฟในหม้อแบ็ตก็หมดเร็ว รั่วน้อยไฟในแบ็ตก็หมดช้าหน่อย แค่จะประมาณไม่เกิน 12 ชั่วโมง หากมีการรั่วของกระแสไฟประมาณ 5 Amp ตลอดเวลา

ดังนั้นการที่จะบอกว่าแบ็ตเสื่อมเก็บไฟไม่อยู่นั้น อย่าใช้ความรู้สสึกจากอาการที่แสดงว่าแบ็ตเก็บไฟไม่อยู่ ก็เลยคิดไเองว่าแบ็ตเสีย เราต้องตรวจเช็คการรั่วของกระไฟในระบบไฟของรถยนต์ก่อน ว่ามันรั่วจริงหรือเปล่า โดยใช้เครื่องมือ Digital clamp meter วัดกระแสไฟ DC โดยที่ตัวมิเตอร์จะมีก้ามแบบก้ามปูหนีบคร่อมกับสายไฟที่ต่อเข้ากับขั่วบวกของแบ็ตเตอรี่ทั้งหมด ก็จะทราบว่ามีกระแสไฟรั่วกี่แอมป์ โดยปกติทั่วไปแล้วจะมีการใช้กระแสไฟจากแบ็ตเตอรี่จำนวนเล็กน้อย ที่ใช้กับระบบไฟป้องกันขโมยและวงจรแบ็คอัพพวกเมมโมรีของเครื่องเสียงและระบบนาฬิกไฟฟ้า จะมีการใช้กระแสไฟไม่เกินประมาณ 300-400 มิลลิแอมป์ ยังไม่ถึงหนึ่งแอมป์

แต่เมื่อใดที่กระแสไฟที่อ่านได้จากมิเตอร์ มากกว่า 3-5 Amp นั้นหมายถึงว่าเกิเการรั่วของกระแสไฟในวงจรเครื่องใช้ที่เป็นเครื่องเสียงหรือเครื่องป้องกันขโมย ก็จะทำให้กระแสไฟจากแบ็ตเตอรีเริ่มหมดไป หากจอดรถนานๆ สองสามชั่วโมงยังไม่มีปัญหา ขึ้นอยู่กับรั่วน้อยหรือมาก ดังนั้นในกรณีนี้ควรตรวจเช็คตามที่กล่าวมาข้งต้น ก่อนที่จะมีมติจากความคิดว่าแบ็ตเสียหรือเสื่อม

สำหรับการแก้ปัญหาในกรณีที่เกิดไฟรั่วตามที่กล่าวมา ให้ทำตามดังนี้ ในขณะที่ใช้ clamp meter วัดคร่อมสายไฟ แล้วอ่านค่ากระแสไฟที่ขึ้นมากตามที่กล่าวมา (ในขณะทำการวัดไม่ต้องเปิดกุญแจรถตำแหน่งใดๆทั้งสิ้น)
จากนั้นให้ดึงสายไฟที่ต่อไปเข้าเครื่องเสียง หรือดังฟิวส์สายไฟที่ไปเข้าเครื่องป้องกันขโมยออก ทีละอย่าง เมื่อดึงออกก็ให้ดูที่ตัวมิเตอร์ว่ามีกระแสไฟลดลงหรือไม่ หากไม่ลดลงก็ดึงฟิวส์หรือสายไฟที่ต่อไปใช้กัวเครื่องเสียงต่างๆต่อไป จนครับหากพบว่าที่วงจรไฟที่ไปเข้าเครื่องใช้นั้นๆ เมื่อเอาออกแล้วทำให้กระแสไฟที่มิเตอรืลดลงมาเหลือ 3-4 ร้อยมิลลิแอมป์ ก็แสดงว่าชุดเครื่องใช้ไฟนั้นๆมีกระแสไฟรั่วลงกราวในระบบของชุดเพาเวอร์ซัพพลาย อาจจะมีพวกค่าคาปาซิเตอร์ ที่เป็นแบบอีเล็คโตรไลท์ ที่ทำหน้าที่ฟิลเตอร์และรักษาระดับไฟ มันรั่วลีคลงกราวด์

สมมุติว่าตรวจไฟตามเครื่องอุปกรณ์อีเลคโทรนิคส์ หมดแล้วยังมีการรั่วของกระแสไฟอีก คราวนี้ให้ลองเอาสายไฟ+ฺB ที่ตุดไดน์ชาร์จ คือสายไฟที่ต่อไฟชาร์จที่แบ็ตออก อาจจะรั่วที่ตัวไดโอดเร็คติฟลายบางตังในตัวไดชาร์จก็ได้ หรืออาจมีขั่วหของหลอดไฟส่องสว่างในรถหรือไฟหรีต่างๆ มันชอร์ทระหว่างขั่ว ก็เป็นได้ลองตรวจสอบดูครับ.....srithanon



ขอบคุณมากครับ ตอนนี้กำลังไล่เช็คอยู่ เบื้องต้นก็ไม่น่าเป็นที่แบ๊ตครับ ไล่เช็คไฟแต่ละอย่างแล้ว ระบบวิทยุไม่มีอาการกินไฟครับ ตอนนี้เลยกำลังเช็คที่ระบบสัญญาณกันขโมยอยู่ครับ

มันมีปัญหาเล็กน้อย ตรงที่ตอนเช็คสัญญาณไฟ มันไม่ได้เป็นตลอด บางครั้งก็ไม่ได้เป็นครับ ก็เลยต้องลองวิ่งรถดู คอยดูอาการต่อไป
ได้รับคำขอบคุณจาก: Mike Kitti Naeprai 
Simog


เข้าร่วม: 12 ธันวา 2013
ตอบ: 34

น้องใหม่
น้องใหม่

ได้รับคำขอบคุณ: 19
ให้คำขอบคุณ: 0

ที่อยู่: นนทบุรี
ปี: 2005
สี: ดำ ไนท์ฮอว์ก (B-92P)
จันทร์, 4 พฤษภาคม 2015 10:14 - สอบถาม ไฟ abs + ไฟเบรคมือข้างที่หน้าปัด รถ start ไม่ติด
ถ้าไม่ได้ขึ้นค้างตลอด ติดบ้างดับบ้าง
ลองเช็ครีเลย์ครัชคอมแอร์ มันค้างทำให้แบตหมดได้
ตัวนี้อยู่ที่กล่องฟิวส์กระโปรงหน้ารถ กล่องดำๆ
ลองเอาสลับกับรีเลย์แตรก็ได้ ดูสัญลักษณ์ใต้ฝาครอบ ถ้าค้างแตรจะดังตลอด
หรือไปซื้อร้านอะไหล่ตัวละร้อยกว่าบาทครับ ลองดูครับ
ได้รับคำขอบคุณจาก: wutdy 
ตอบ
หน้า 1 จาก 1
ไปที่: 
ติดต่อโฆษณา admin@civicesgroup.com
Copyright © 2008-2024 Civic ES Group. All rights reserved.